“หัวหน้าหมู่บ้าน บ้านหลี่ปิดประตู คงไม่มีใครอยู่กระมัง”
ขาดครอบครัวหลี่ครอบครัวเดียวก็ไม่เป็ไร” หวังไห่จุดธูปคารวะศพจางเอ้อร์ซานและติงซื่อในห้องโถง จากนั้นจึงมอบเงินช่วยค่าทำศพให้บ้านจางไปหกทองแดง
ก่อนหน้านี้หากบ้านจางมีงานมงคลหรืองานศพ หวังไห่ก็จะมาแสดงความยินดีหรือแสดงความเสียใจในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน ทว่าทุกครั้งล้วนมีแต่เสียไม่มีได้ สุดท้ายหวังไห่จึงไม่มาที่บ้านจางอีก
ครอบครัวที่มาจากนอกหมู่บ้านนั้นยากจนกว่าตระกูลหวัง แต่มีเพียงครอบครัวจางที่ไม่รู้จักบุญคุณ ไม่เคยควักเงินทดแทนเลยแม้แต่ทองแดงเดียว
คราวนี้เ้าหน้าที่ในเมืองเยี่ยนมาส่งศพจางเอ้อร์ซาน หวังไห่จึงต้องมอบเงินหกทองแดงออกไปต่อหน้าเ้าหน้าที่เ่าั้ ตอนนี้บ้านจางเกิดมีคนตายขึ้นมาอีก หวังไห่มาเป็เ้าภาพแยกบ้านให้บ้านจางจึงจำต้องควักเงินให้อีกครั้ง
เฒ่าจาง นางติง จางต้าซาน และจางซานซาน อยู่บ้านครบทุกคน
จางต้าซานเป็คนประเภทชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า แต่หวาดกลัวคนแข็งแกร่ง เมื่อเห็นจางเซี่ยเดินอยู่ข้างหวังไห่ จึงไม่กล้าพูดจาบุ่มบ่ามว่าจะสังหารจางเซี่ยเพื่อแก้แค้นให้ภรรยาอีก
จางชุนอายุสิบสามปี เป็บุตรชายคนโตของจางต้าซาน จางชิวอายุสิบปี เป็บุตรีคนรองของจางต้าซาน ทั้งสองมีสายตาเคียดแค้นจ้องมองไปที่จางเซี่ย
จางเหมย เป็บุตรีคนที่สามอายุห้าขวบ จางหง เป็บุตรีคนที่สี่อายุสองขวบ ทั้งสองยังเด็กเกินไปจึงไม่รู้ว่าอะไรคือการตาย พวกนางยืนอยู่หลังพี่ชายและพี่สาว มองไปยังคนในหมู่บ้านที่ยืนอยู่เต็มลานด้วยสายตาขลาดกลัว
นอกจากน้องชายคนเล็กแล้ว จางเซี่ยยังมีน้องชายและน้องสาวอีก ได้แก่ จางเยว่อายุแปดขวบ และจางหยางอายุหกขวบ พวกเขาออกมายืนอยู่ข้างๆ จางเซี่ย สนับสนุนพี่ชายเพื่อครอบครัวของตน
เฟิงซื่อเดินออกมาจากห้องนอนของหวังฮวา พูดกับหวังไห่และทุกคนในลานด้วยเสียงอันดัง “ก่อนหวังซื่อคลอด นางล้มจนตกเื ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมาก จะนั่งยังนั่งไม่ไหว แต่สติแจ่มชัดดี ข้าถามนางว่า้าแยกบ้านหรือไม่ นางบอกว่า ้า ทั้งยังร้องห่มร้องไห้กล่าวว่า หากไม่แยกบ้าน บ้านรองของนางต้องตายด้วยน้ำมือของคนบ้านใหญ่เป็แน่”
จางชิวกล่าวออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “คนที่ตายคือแม่ข้า ไม่ใช่คนบ้านรองของพวกมัน!”
จางเยว่ซึ่งเป็คนของบ้านรองเห็นคนในหมู่บ้านมองไปยังคนบ้านใหญ่ด้วยสายตาเห็นใจ จึงรีบะโว่า “แม่ข้าถูกแม่เ้าผลักจนตกเื หากไม่ได้ยาของหมอเทวดาคงตายไปแล้ว!”
จางเซี่ยกลัวว่าจางต้าซานจะไปแก้แค้นหลี่หรูอี้ จึงรีบเอื้อมมือไปปิดปากจางเยว่ไว้ จ้องตาของนางเขม็งพลางส่ายศีรษะห้ามสุดชีวิต
จางเยว่รู้สึกผิด จึงรีบก้มหน้าไม่พูดอะไรอีก
เมื่อเห็นดังนั้นทุกคนจึงรู้ว่า ที่แท้หวังฮวาเกือบจะตายแล้ว แต่เพราะกินยาของหมอเทวดาเข้าไปจึงรอดชีวิตมาได้
ไม่รู้ว่าหมอเทวดาท่านนี้คือใคร?
เฟิงซื่อมองไปยังหวังไห่ ส่งสัญญาณให้เขารีบแยกบ้านเสีย หวังไห่คิดว่าบ้านจางวุ่นวายยิ่งนัก ไม่อยากอยู่ที่นี่อีกแม้แต่ครู่เดียว จึงถามสองสามีภรรยาเฒ่าจาง เมื่อได้รับคำอนุญาตจากพวกเขาจึงรีบทำเื่แยกบ้านทันที
บ้านจางมิได้มีทรัพย์สินมากมาย ไม่นานก็แยกบ้านเสร็จสิ้น
สุดท้ายหวังไห่ก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “บ้านรองตระกูลจางชดเชยเงินให้บ้านใหญ่สองตำลึง จางเซี่ยรับโทษโบยยี่สิบไม้ บ้านใหญ่นำเงินไปแล้วให้มาลงชื่อรับรองว่า จะไม่ไปวุ่นวายกับบ้านรองอีก หากผิดคำพูดข้าจะออกหน้าทวงความยุติธรรมให้บ้านรองเอง”
จางชุนร้องขึ้นว่า “จางเอ้อร์ซานตายแล้ว เ้าหน้าที่มอบเงินชดเชยให้เขาห้าตำลึง แต่แม่กับน้องข้าตายไปสองชีวิต มีค่าเพียงสองตำลึงหรือ”
หวังไห่กล่าวเสียงเย็น “เื่ที่แม่เ้าทำกับบ้านรองก่อนตายขึ้นโรงขึ้นศาลได้เลยทีเดียว ข้าไม่ให้ปู่ย่าของเ้าเอาเื่เพราะนางตายไปแล้ว อยากให้นางจากไปอย่างสงบ ไม่อยากให้ชื่อเสียงของพี่น้องเ้าเสื่อมเสียไปด้วย เ้ายังคิดจะทำเช่นไรอีก?”
เมื่อหวังฮวารู้ว่าต้องชดใช้เงินให้บ้านใหญ่สองตำลึง และจางเซี่ยต้องถูกโบยจึงเจ็บใจแทบตาย เฟิงซื่อกล่อมนางไปหลายประโยค สุดท้ายนางจึงยินยอม
หวังไห่ใช้ให้หวังจื้อเกาที่เพิ่งกลับมาจากสำนักศึกษานำเครื่องเขียนมาที่บ้านจางเพื่อร่างจดหมายสัญญา
จางต้าซานได้รับเงินสองตำลึงและเห็นจางเซี่ยถูกโบยจนก้นลายเืไหล จึงยอมประทับลายนิ้วมือลงบนหนังสือสัญญา
กว่าที่หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานจะกลับมาถึงบ้านก็เป็่เย็นแล้ว คนในหมู่บ้านที่กินข้าวเย็นเรียบร้อยแล้วต่างพากันมาคุยเื่บ้านจางอยู่ที่ปากทางหมู่บ้าน ทั้งยังมีคนสงสัยว่า หมอเทวดามาจากที่ใด เหตุใดจึงไม่มีใครสนใจ
“ท่านพ่อกับท่านอารองไม่ได้กลับมาหรือ” หลี่อิงฮว๋าและหลี่ิ่หานรู้สึกผิดหวังและเป็ห่วงมาก
จ้าวซื่อกล่าวเสียงเรียบ “พวกเขาจะกลับมาตอนข้าใกล้คลอด”
หลี่หรูอี้ยกอาหารหอมกรุ่นมาจัดเรียงลงบนโต๊ะแปดเซียน จุดตะเกียงน้ำมันที่ส่องแสงริบหรี่ ทำให้เห็นสีหน้ากังวลของจ้าวซื่อลางๆ กล่าวเสียงอ่อยว่า “พี่ใหญ่กับพี่รองบอกว่า เ้าหน้าที่สร้างราวกั้นบันไดสำหรับงานสร้างกำแพงให้แล้ว ทั้งยังมีราวจับไม้ด้วย และทำงานน้อยลงวันละครึ่งชั่วโมงยาม อาหารการกินก็มีน้ำมันมากขึ้น ท่านพ่อกับท่านอารองก็รับปากแล้วว่า จะระวังไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก”
“พ่อของเ้าไม่เชื่อว่าครอบครัวเรามีชีวิตความเป็อยู่ที่ดีขึ้น ทั้งยังปรับปรุงบ้านและขุดบ่อน้ำแล้ว” จ้าวซื่อส่ายหน้า หากไม่ใช่ว่านางท้องโต จะต้องไปยัง สถานที่ก่อสร้างในเมืองเยี่ยนเพื่อตามสามีกลับบ้านด้วยตนเองแน่นอน
ทันใดนั้นหลี่อิงฮว๋าก็พูดยิ้มๆ ว่า “น้องห้า วันนี้มีประกาศจากทางการที่อำเภอ บอกว่านายอำเภอห่าวไม่ปิดตลาดแล้ว พวกเราขายแป้งย่างที่ตลาดต่อได้แล้ว”
หลี่หรูอี้พูดอย่างยินดี “ดียิ่ง นายอำเภอห่าวเห็นอกเห็นใจราษฎร นับเป็ขุนนางที่ดี”
จ้าวซื่อพูดอย่างซาบซึ้ง “เป็ข่าวดีจริงๆ”
ก่อนหน้านี้นางกังวลมาตลอดว่า ตลาดหน้าประตูที่อำเภอจะปิดเมื่อใด ถึงตอนนั้นครอบครัวคงมีรายได้ลดลง แต่ตอนนี้ดีแล้ว ไม่ต้องกังวลอีก
หลี่อิงฮว๋ากินแตงกวาผัดไข่หอมกรุ่นเข้าไปคำใหญ่ กล่าวว่า “พอพี่ใหญ่พี่รองตื่น พวกเราค่อยบอกข่าวดีนี้กับพวกเขาแล้วกัน”
ตอนนี้มีเสียงก่นด่าดังออกมาจากบ้านสวี่ที่อยู่ไม่ไกล “บ้านหลี่ทำการค้าจนร่ำรวย แถมยังขุดบ่อน้ำในลานบ้าน น้องจ้าวให้เจี้ยนอันกับฝูคังไปเรียกหลี่ซานกลับมา แต่หลี่ซานอยากหาเงินให้มากขึ้นจึงไม่ยอมกลับ ส่วนครอบครัวพวกเรามีหลายปากท้องรอกินข้าวอยู่ ยากจนข้นแค้นจนแทบไม่มีข้าวกรอกหม้อ แต่เ้ากลับกลัวตายแล้วยังี้เี ไม่ยอมไปทำงานสร้างกำแพงเมืองเยี่ยน!”
สวี่เจิ้งมีนิสัยชอบเก็บเื่กลัดกลุ้มไว้กับตนเอง ปกติยามที่อยู่บ้านก็อึดอัดใจมากแล้ว ตอนนี้ถูกหม่าซื่อบ่นไปหนึ่งชั่วยามกว่า จนรู้สึกคล้ายกับได้ยินเสียงแมลงวันบินหึ่งๆ อยู่ที่ข้างหูสิบกว่าตัว รำคาญแทบตาย สุดท้ายทนไม่ไหวจึงตวาดกลับไปว่า “ถ้าข้าถูกก้อนหินกระแทกหัวตายตอนสร้างกำแพงเมือง เ้าก็จะเป็หญิงหม้าย!”
“เอะอะก็พูดว่าจะตายจะตาย เช่นนั้นเ้าก็ตายให้ข้าดูสิ เ้าแค่คิดจะทำให้ข้าใเท่านั้น! เมืองเยี่ยนมีคนไปสร้างกำแพงหลายร้อยคน มีคนตายกี่คนกันเชียว?”
“จางเอ้อร์ซานก็ตายไปแล้วไม่ใช่หรือ หวังซื่อเป็หญิงหม้ายแล้ว ลูกๆ ก็กลายเป็เด็กกำพร้าพ่อ”
“หึ! จางเอ้อร์ซานเกิดมามีชะตาอายุสั้น ตายไปก็ถือเป็โชคร้ายของเขา ส่วนเ้าข้าเคยให้คนดูดวงแล้ว เ้าจะมีอายุอยู่ถึงแปดสิบเจ็ดปี อายุยืนกว่าเต่าเสียอีก!”
“แม้ว่าข้าจะไม่ไปสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนแล้ว แต่ไม่ได้บอกว่าจะอยู่ว่างๆ ไม่ยอมทำงานสักหน่อย พรุ่งนี้ข้าจะไปหางานที่อำเภอ”
“ทำงานในอำเภอจะได้สักกี่ทองแดงกันเชียว จะได้มากเท่าสร้างกําแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนหรือ” ทำงานสร้างกำแพงเมืองที่เมืองเยี่ยนได้เงินวันละยี่สิบทองแดง เป็เงินเท่ากับหม่าซื่อปักผ้าขายหนึ่งเดือนเลยทีเดียว
“เงินๆๆ เ้าก็รู้จักแต่เงิน เ้าเป็สตรีอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน จะรู้เื่อะไร”
หม่าซื่อกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พรุ่งนี้เ้าไปทำงานที่เมืองเยี่ยนเสีย หากไม่ไปข้าจะหย่ากับเ้า! ข้าจะไม่อยู่กับเ้าแล้ว”
“อย่าคิดว่าจะหย่าได้ง่ายๆ เชียว” สวี่เจิ้งนึกถึงข่าวลือในหมู่บ้าน จ้องมองไปยังหม่าซื่อด้วยสายตาขุ่นเคือง “เ้ามีชายชู้อยู่นอกบ้านใช่หรือไม่ เ้าคิดจะหย่ากับข้าแล้วไปอยู่กับชายคนนั้นหรือ”
.......................................