ลมปราณของชายผู้นี้แกร่งกล้า อยู่จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายา ทั้งยังอยู่ระดับการบ่มเพาะนี้มานาน พลังต่อสู้จึงไม่ใช่สิ่งที่ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นบ่มเพาะกายาทั่ว ๆ ไปจะเทียบเคียงได้ ส่วนเหตุผลที่เขาไม่ทะลวงขั้นรวมชี่ นั่นเพราะ้าวางรากฐานขั้นบ่มเพาะกายาให้แข็งแรงและมั่นคง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับขั้นรวมชี่
บนอัฒจันทร์ เฉินเซี่ยงเทียนลูบหนวดเคราขณะมองชายหนุ่มผู้นั้น ซึ่งชายผู้นี้มีนามว่าเสิ่นหลง เป็ศิษย์สายตรงของเขาเฉินเซี่ยงเทียน มีพร์โดดเด่นและพลังต่อสู้แกร่งกล้า เฉินเซี่ยงเทียนจึงค่อนข้างโปรดปรานศิษย์คนนี้และถึงกับถ่ายทอดวิชาของตนให้อีกฝ่าย และการที่เสิ่นหลงขึ้นเวทีประลอง เฉินเซี่ยงเทียนก็วางใจได้แล้ว พลังของเสิ่นหลงสามารถสั่งสอนเย่เฟิงได้อย่างแน่นอน
ผู้คนต่างมองไปที่เวทีประลอง พวกเขาพบว่าเสิ่นหลงผู้นี้ไม่ธรรมดา ดูเหมือนจะน่ากลัวกว่าคางเจี้ยนมาก แต่มีน้อยคนที่จะรู้จักเสิ่นหลงผู้นี้ นั่นเพราะเสิ่นหลงมักจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก ไม่ค่อยปรากฏตัวให้เห็นในสำนัก ดังนั้นเขาจึงไม่ค่อยเป็ที่รู้จัก แต่พลังของเขาเรียกได้ว่าน่าหวาดกลัว
“เ้าส่งผลเทียนเสวียนมาซะดี ๆ ทำลายการบ่มเพาะของตัวเองแล้วก็ไสหัวไป หรือจะให้ข้าลงมือเอง?” เสิ่นหลงกล่าว ราวกับว่าเขามั่นใจในพลังของตนเป็อย่างมาก จึงพูดจาโอหังเช่นนั้น
“ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ พวกเ้าทะนงตัวเกินไป ทั้งยังยโสโอหังมองไม่เห็นหัวผู้อื่น พวกเ้าคิดอะไรอยู่กันแน่?” เย่เฟิงแสยะยิ้มและพูดจาไม่กลัวตาย
“เห็นทีสวะอย่างเ้าคงเตรียมตัวเตรียมใจแล้วสินะ ไว้ข้าเตะเ้าลงจากเวทีประลอง เ้าก็อย่าหาว่าข้ารังแกคนที่อ่อนแอกว่าแล้วกัน!” เสิ่นหลงกล่าว ในฐานะศิษย์สายตรงของเฉินเซี่ยงเทียน ฐานะย่อมไม่ธรรมดา พลังก็แกร่งกล้าและมีสิทธิ์ที่จะทำตัวโอหัง
จากนั้นเสิ่นหลงก้าวออกมาหนึ่งก้าวพลันเปลี่ยนไปเป็ภาพมายา ทำให้ผู้คนไม่เห็นการเคลื่อนไหวของเขา ท่าร่างนี้คือเคล็ดวิชาท่าร่างที่ได้มาจากเฉินเซี่ยงเทียน เสิ่นหลงฝึกเคล็ดวิชานี้จนถึงระดับที่ค่อนข้างแข็งแกร่ง เฉินเซี่ยงเทียนก็พึงพอใจเป็อย่างมาก
“ช้าก่อน!” เย่เฟิงโพล่งออกมา ทำให้เสิ่นหลงชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูถูกพร้อมกล่าวต่อ “ทำไม? เ้าเกิดเปลี่ยนใจยอมแพ้แล้วเหรอ?”
“ผู้าุโ ศึกต่อสู้ที่ข้าจะดำเนินการในวันนี้ล้วนคือศึกเป็ตาย คิดอย่างไร?” เย่เฟิงไม่มองเสิ่นหลง แต่มองไปที่ผู้าุโอู๋บนอัฒจันทร์และกล่าวเช่นนั้น
คำพูดของเย่เฟิงทำให้ผู้คนใ พวกเขาคิดว่าเย่เฟิงบ้าไปแล้ว เสิ่นหลงที่อยู่ตรงหน้ามีพลังอันแกร่งกล้าและอาจฆ่าเย่เฟิงให้ตายได้อย่างง่ายดาย แต่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เย่เฟิงกลับเสนอศึกเป็ตาย นี่เป็การรนหาที่ตายไม่ใช่หรือ?
“เ้า้าแบบนี้จริง ๆ หรือ?” ผู้าุโอู๋เอ่ยถาม คำพูดของเย่เฟิงทำให้เขาใจสั่น ถึงอย่างไรการที่เย่เฟิงเสนอข้อชี้แนะเช่นนี้ก็เป็อะไรที่บ้ามาก
ศึกเป็ตาย เมื่อศึกต่อสู้เริ่มขึ้นไม่เ้าตายก็ข้าตาย อีกอย่างคนที่เย่เฟิงต้องเผชิญหน้าด้วยคือผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นรวมชี่ รวมทั้งอัจฉริยะมากฝีมือเ่าั้ในรายนามขั้นบ่มเพาะกายา และการที่เสนอข้อชี้แนะเช่นนี้ก็ไม่เพียงแต่ต้องใช้ความกล้าหาญ แต่ยังต้องเชื่อมั่นในตัวเองเป็อย่างมาก ซึ่งผู้าุโอู๋เห็นความเชื่อมั่นอันแรงกล้าในดวงตาคู่นั้นของเย่เฟิง
“แน่นอน ไม่ทราบว่าท่านจะเห็นด้วยหรือไม่?” เย่เฟิงย้อนถาม เมื่อเสิ่นหลงเห็นเย่เฟิงเช่นนี้ก็ยิ่งดูสนใจกว่าเดิม เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะบ้าระห่ำได้มากเพียงนี้
“ย่อมได้แน่นอน แต่ถ้าเ้าถูกฆ่าตายก็อย่ามาโทษข้าแล้วกัน” ผู้าุโอู๋กล่าวพลางในดวงตาเผยประกายไม่ชอบใจ
“ถ้าข้าลงมือสังหารคู่ต่อสู้ พวกท่านก็ห้ามไล่ล่าข้า!” เย่เฟิงกล่าว เขาจำเป็ต้องพูดให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้คนไร้ยางอายหาผลประโยชน์จากช่องโหว่ได้
ผู้าุโอู๋พยักหน้าเห็นด้วย คำพูดของเย่เฟิงจะนำไปสู่ศึกต่อสู้แห่งความเป็และความตาย สิ่งนี้จะทำให้การประลองดูน่าสนใจขึ้นกว่าเดิม
เฉินเซี่ยงเทียน เฉินอ้าวเทียน หนานกงหลิงซวง โจวมู่ไป๋ ซ่างกวนหง เซิ่งจื่อแห่งนิกายศักดิ์สิทธิ์เทียนยวี่ และเฟิงเฉียน พวกเขาต่างหัวเราะขำขัน เย่เฟิงเป็ฝ่ายเสนอศึกเป็ตาย เขารนหาที่ตายชัด ๆ
การฆ่าเย่เฟิงบนเวทีประลองดูเหมือนจะน่าสนใจมากขึ้น ดังนั้นคำขอโง่ ๆ ของเย่เฟิงจึงเป็สิ่งที่คนเหล่านี้้า
เย่เฟิงพยักหน้าและพูดต่อไปว่า “หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด และห้ามให้ใครแทรกแซงศึกเป็ตาย”
“วางใจได้ ข้ารับประกันว่าจะไม่มีใครเข้าไปแทรกแซง” ผู้าุโอู๋กล่าวพลางพยักหน้า
“สวะ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าเ้าไปเอาความใจกล้ามาจากไหน แต่ในเมื่อเ้ากล้าเสนอศึกเป็ตาย งั้นข้าก็จะสงเคราะห์เ้าให้เอง” เสิ่นหลงกล่าว เมื่อครู่นี้เขาถูกเย่เฟิงเมินใส่จึงรู้สึกโมโหทำให้ไม่มีที่ระบาย แต่ตอนนี้มีชีวิตของเย่เฟิงมาใช้ระบายพอดี
จากนั้นเสิ่นหลงก้าวออกมาอีกครั้ง ก่อนจะปรากฏตัวที่เบื้องหน้าเย่เฟิงในพริบตา พร้อมปล่อยพลังฝ่ามือโจมตีเย่เฟิงด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ ท่าร่างของเสิ่นหลงทั้งแปลกประหลาดและว่องไว หากเป็ผู้ฝึกยุทธ์คนอื่นคงถูกฝ่ามือนี้ของเสิ่นหลงฆ่าตายในชั่วพริบตา
เย่เฟิงนั้นใช้จิตเทพเพ่งไปที่การเคลื่อนไหวของเสิ่นหลงตลอด พลังของเสิ่นหลงผู้นี้ต่างจากกลุ่มคนก่อนหน้านี้มาก เย่เฟิงจึงต้องระวังตัวให้มาก
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” ตอนฝ่ามือของเสิ่นหลงเข้าประชิดตัวเย่เฟิง ก็ได้ยินเย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นฝ่ามือภูผาพิฆาตที่ผสานด้วยเอกลักษณ์หอกถูกปล่อยออกไป ก่อนจะปะทะกับฝ่ามือของเสิ่นหลง ตามมาด้วยเสียงะเิดังสนั่น เสิ่นหลงเซถอยหลังพลางตัวสั่นสะท้าน แต่เย่เฟิงกลับนิ่งดุจภูผา ฉากนี้ทำให้ผู้คนมากมายต่างเบิกตาโพลงด้วยความใ
“หมัดจินกัง!” เสิ่นหลงขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย การโจมตีของเย่เฟิงซัดเขากระเด็น มันทำให้เขารู้สึกขายหน้ามาก ดังนั้นจึงปล่อยหมัดโจมตีเย่เฟิงอีกครั้งด้วยความโกรธเกรี้ยว
พลังหมัดแพร่กระจายไปทั่วอากาศ ก่อนจะบุกโจมตีเย่เฟิง ทว่าเย่เฟิงไม่ขยับเขยื้อน จู่ ๆ ปราณแหลมคมปะทุออกจากร่าง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็รังสีหอกที่ไร้เทียมทาน ทำให้รังสีหมัดพวกนั้นที่เข้ามาโจมตีเขาถูกทำลายในชั่วพริบตา แต่ขณะเดียวกันรังสีหอกสายหนึ่งทะลวงห้วงอากาศ มันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนกลายเป็ลำแสง นี่ทำให้เสิ่นหลงหน้าแข็งทื่อไปชั่วขณะ เขาไม่คิดว่าเย่เฟิงจะทำลายหมัดจินกังของเขาได้อย่างง่ายดาย การเผชิญหน้ากับหอกของเย่เฟิง ทำให้ความมั่นใจของเสิ่นหลงหายไป เขาจึงกะพริบร่างหนี ทว่าเขายังไม่ทันหนี รังสีหอกนั่นก็มาถึงตัวแล้ว รังสีหอกแทงไหลของเสิ่นหลง ทำให้เขาร้องอย่างเ็ป เืพุ่งกระฉูดราวน้ำพุ จนเืเปื้อนเสื้อผ้า
“ทักษะหอกนี้ทรงพลังมาก!” ผู้คนต่างตกตะลึง เย่เฟิงทำเสิ่นหลงาเ็ได้ภายในสองกระบวนท่า
บนอัฒจันทร์ เฉินเซี่ยงเทียนและเฉินอ้าวเทียนเผยสีหน้าย่ำแย่ โดยเฉพาะเฉินเซี่ยงเทียน เย่เฟิงโจมตีศิษย์สายตรงของเขาจนได้รับาเ็ นี่ก็เท่ากับตบหน้าเขาชัด ๆ
ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายแสงเยือกเย็น เขาจับหอกัเงินประกายที่ยังคงแทงไหล่ของเสิ่นหลงพร้อมเดินหน้า ส่วนเสิ่นหลงก้าวถอยหลังพร้อมสีหน้าบูดเบี้ยวน่าเกลียด
“เ้าบอกข้าให้ส่งผลเทียนเสวียนไปให้ แล้วก็ให้ข้าทำลายการบ่มเพาะไม่ใช่หรือ? พลังแค่นี้ยังไม่พอหรอก” เย่เฟิงกล่าวขณะก้าวไปข้างหน้าต่อ ทำให้สีหน้าของเสิ่นหลงดูย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม และไม่รู้ว่าจะสรรหาคำไหนมาโต้ตอบเย่เฟิง
“เ้ายังบอกอีกว่าข้าเป็เศษสวะ สามารถกำจัดข้าได้อย่างง่ายดาย แต่ด้วยสภาพของเ้าตอนนี้จะทำได้หรือ?” เสียงของเย่เฟิงดังกังวานในหัวของเสิ่นหลง กัดกินความมั่นใจของเขาทีละนิด ๆ ในขณะเดียวกันเย่เฟิงก็ยกเท้าก้าวไปต่อ ส่วนเสิ่นหลงก็ถอยหลังอีกครั้ง!
สีหน้าของเสิ่นหลงดูย่ำแย่กว่าเก่า เขามีฐานะไม่ธรรมดา ไม่เคยได้รับความอัปยศเช่นนี้มาก่อน พลันแสงเยือกเย็นส่องประกายในดวงตา เหมือนเขาไม่ยอมทนกับความอัปยศนี้อีก เขาจึงแผดเสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยว พร้อมเดินหน้าโดยไม่สนความเ็ปจากหอก
“เ้าต้องตาย!” เสิ่นหลงพิโรธ พลันมีดยาวปรากฏในมือของเขา ก่อนจะตวัดไปที่เย่เฟิง รังสีมีดที่น่าสะพรึงกลัวนั่นพร้อมทำลายทุกสิ่ง
เย่เฟิงสงบนิ่งแต่มีเจตจำนงหอกปะทุออกจากร่าง พร้อมแฝงด้วยอำนาจหอกที่ไร้เทียมทาน
“วูบ!” เย่เฟิงเหยียดนิ้วชี้ พลันอำนาจหอกที่เปล่งแสงโชติ่ควบแน่นที่ปลายนิ้ว ก่อนจะถูกปล่อยออกไปโจมตีเสิ่นหลง นาทีนี้การโจมตีถูกทำลายทั้งหมด ลำแสงทะลวงรังสีหมัดของเสิ่นหลง ก่อนจะทะลุหว่างคิ้ว
“นี่มัน...” ผู้คนต่างตกตะลึง ถึงแม้จะอยู่ห่างมาก แต่คนไม่น้อยก็ััถึงความน่ากลัวของพลังดัชนีนี้ของเย่เฟิงได้
“บังอาจ!” ขณะเดียวกันเฉินเซี่ยงเทียนลุกขึ้นยืนฉับพลันและตวาดใส่เย่เฟิงเสียงดังพร้อมสีหน้าไม่สู้ดีนัก ในฐานะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรวมชี่ เฉินเซี่ยงเทียนััได้ว่าในดัชนีของเย่เฟิงมีพลังแห่งอำนาจแฝงอยู่ มันน่ากลัวมาก เย่เฟิงฝึกไปถึงขั้นไหนแล้ว? ทำไมถึงเรียนรู้พลังแห่งอำนาจได้แล้ว?
เฉินเซี่ยงเทียนไม่อยากเชื่อ แต่ความจริงอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้ แล้วเสิ่นหลงศิษย์สายตรงของเขาจะหนีได้อย่างไร?
เสิ่นหลงหน้าถอดสี เขา้าหนี แต่รู้สึกว่าหอกของเย่เฟิงตรึงร่างเขาไว้แล้ว ทำให้หนีได้ยาก แต่นาทีต่อมามีเสียงหนึ่งดังขึ้น ลำแสงแห่งการทำลายล้างนั่นทะลุหว่างคิ้วของเขา เืต้องพุ่งกระฉูด เสิ่นหลงตัวแข็งทื่อก่อนจะตายคาหอกัเงินประกาย
“พลังของเย่เฟิงผู้นี้แกร่งมาก แกร่งจนทำให้เสิ่นหลงตายด้วยน้ำมือของเขาได้ ทั้งที่ระดับการบ่มเพาะของเขาต่ำกว่าเสิ่นหลง” ผู้คนเห็นฉากนี้ก็ต้องเบิกตาโพลงด้วยความใ
“ดัชนีแปรผันเป็หอก ทักษะหอกของเย่เฟิงผู้นี้ช่างน่าทึ่งยิ่งนัก เสิ่นหลงต้องตายอย่างน่าเวทนา” ด้านพรรคเทียนอวิ๋น มีผู้าุโคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขามีพลังแกร่งกล้าก็ย่อมมองออกเป็ธรรมดา
เมื่อพูดเช่นนั้นออกไป ทุกคนก็ต่างใจเต้นโครมคราม การที่เย่เฟิงกล้าท้าทายผู้ฝึกยุทธ์ต่ำกว่าขั้นรวมชี่ในสำนักยุทธ์ก็เพราะมีพลังเช่นนี้น่ะหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้