หลิวจือเยี่ยนที่อุ้มหลี่ชิงหนิงเดินรอบห้อง ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นพวกหลี่ชิงหลิงกลับมา "ไม่รู้ว่าหนิงหนิงหิวหรือเปล่า ถึงได้ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้ ปลอบยังไงก็ไม่หยุด”
หลี่ชิงหลิงเห็นน้องสาวร้องไห้น้ำตานองหน้าก็รับมากอดอย่างระมัดระวัง รู้สึกเ็ปใจมาก "น่าจะหิวแล้ว เดี๋ยวข้าจะอุ้มไปหาพี่สะใภ้จาง ไปขอนมหน่อย” สองสามวันนี้นางจางเป็ผู้เลี้ยงน้องสาวของนาง
“แมว... แมวก็หิวเหมือนกัน” หลิวจือโหรวที่ยืนอุ้มเสืออยู่ข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงเด็กน้อย
หลี่ชิงหลิงก้มมองเสือน้อยผู้หิวโหยที่กำลังคำราม จะให้อุ้มไปขอนมด้วยก็คงไม่ไหวหรอกนะ
“ป้อนข้าวมันหน่อย อย่าให้มันหิวก็พอ”
พูดเสร็จก็ห่อหลี่ชิงหนิงแน่นๆ หยิบไข่ป่าสิบกว่าฟอง จากนั้นรีบเดินไปที่บ้านของพี่จางพร้อมหลี่ชิงหนิงในอ้อมแขน
ราวกับรู้ว่าจะมีอะไรให้กินเร็วๆ นี้ หลี่ชิงหนิงจึงหยุดร้องไห้ และจ้องมองหลี่ชิงหลิงแทน
หลี่ชิงหลิงเห็นนางประพฤติตัวดีก็รู้สึกใจอ่อน นี่คือน้องสาวที่แม่นางคลอดออกมา ไม่ว่าจะยากเย็นเพียงใดก็ต้องเลี้ยงดูให้โตให้ได้
เมื่อนางอุ้มหลี่ชิงหนิงไปถึงประตูบ้านของนางจาง อ้าปากอยากะโเรียกคนก็ได้ยินเสียงหวงต้าซาน สามีของนางจาง
“ดูสิ บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าให้เด็กบ้านหลี่กิน ลูกชายเราไม่พอกินแล้วเนี่ย”
นางจางเป็แม่คน เห็นเด็กน่าสงสารย่อมใจอ่อน “นางก็กินไม่เยอะ แต่ลูกเราโตแล้วกินเก่งขึ้นต่างหาก นึ่งไข่ให้ลูกหน่อยก็คงจะพอ”
หวงต้าซานยังคงไม่พอใจ "ไม่ นี่เป็อาหารของลูกชายเรา ให้คนอื่นกินไม่ได้ แล้วเด็กนั่นก็ดวงไม่ดี ถ้าส่งผลต่อลูกชายเราจะทำไง”
"คือ..." นางจางลังเลเมื่อได้ยินคำพูดของสามี "ได้ คราวหน้าจะไม่ให้แล้ว” ลูกชายพวกนางย่อมสำคัญที่สุด
หลี่ชิงหลิงที่ได้ยินคำพูดเหล่านี้ อยากจะหันหลังกลับและจากไปจริงๆ แต่เมื่อเห็นน้องสาวที่ทำตัวเรียบร้อยก็ขยับขาไม่ออก
นางกัดฟัน อ้าปากะโเรียก
นางจางมองสามีและขอให้เขาเปิดประตู หวงต้าซานที่ถูกภรรยาเร่งเร้าไปเปิดประตูด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจ
หลี่ชิงหลิงแสร้งทำเป็ไม่เห็นสีหน้าไม่น่าดูของหวงต้าซาน แต่ยังคงยิ้มและเรียกพี่ต้าซาน แล้วยื่นไข่ป่าให้เขาเพื่อนึ่งให้ลูกชายกิน
“เสี่ยวหลิง มาแล้วหรือ” นางจางยิ้มเฝื่อนเล็กน้อย “รีบอุ้มหนิงหนิงมาสิ นางคงหิวแย่แล้ว” นางไม่ได้ให้นมลูกชายกิน แต่ส่งเขาให้หวงต้าซานแล้วปล่อยเขาไปนึ่งไข่
หวงต้าซานส่งเสียงหึ กอดลูกชายที่เบะปากกำลังจะร้องไห้เข้าไปในครัว
หลี่ชิงหลิงขอบคุณนางจางและส่งน้องสาวไปให้
ลูกชายของพี่สะใภ้จางอายุเกือบหนึ่งขวบ น้ำนมของนางไม่เหลือคุณค่าทางโภชนาการเป็พิเศษแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ นางเป็คนเดียวในหมู่บ้านที่ยังให้นมลูก ดังนั้นเด็กสาวจึงได้แต่ขอนมจากนาง
เสียแต่ต่อจากนี้ไปคงจะมาที่นี่ไม่ได้อีก จะทำให้คนเขาเกลียดไม่ได้
นางควรหาทางซื้อแพะตัวเมียกลับมาดีกว่า!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลี่ชิงหลิงก็ถามนางจางว่าตอนดูแลทารกควรระวังอะไรบ้าง
นี่เป็ครั้งแรกที่นางเลี้ยงเด็ก นางไม่รู้อะไรเลย
พี่สะใภ้จางเงยหน้าขึ้นมองหลี่ชิงหลิงด้วยความรู้สึกสงสาร การดูแลครอบครัวั้แ่อายุยังน้อยไม่ใช่เื่ง่าย
นางอุ้มหลี่ชิงหนิงซึ่งที่อิ่มนมขึ้น ตบหลังนางเบาๆ ให้เรอออกมา
นางบอกสิ่งที่ควรใส่ใจ ตลอดจนรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ให้ฟัง
หลี่ชิงหลิงตั้งใจฟัง และรอจนกว่าพี่สะใภ้จางพูดจบจึงจะอุ้มน้องสาวกลับบ้าน
นางกลับไปที่บ้านหลิวก่อน ทันทีที่เข้าไปก็บอกหลิวจือโม่ให้ไปถามดูว่ามีที่ไหนขายแม่แพะบ้าง
“เกิดอะไรขึ้น” เมื่อเห็นสีหน้าของนางไม่ค่อยดีนัก หลิวจือโม่ก็ถามด้วยความเป็ห่วง
หลี่ชิงหลิงพาน้องสาวที่หลับไปอีกครั้งเข้านอน "จะไปขอนมจากคนอื่นตลอดก็ไม่ใช่ทางออก ซื้อแพะกลับมาให้หนิงหนิงดีกว่า” น้องสาวนางยังเด็ก ต้องเลี้ยงอย่างดี
เขารู้จักนางดีและรู้ว่าคงมีอะไรเกิดขึ้นถึงตัดสินใจเช่นนั้น แต่หากนางไม่อยากพูด เขาก็ไม่บีบคั้น
"ตกลง ข้าจะไปถามเดี๋ยวนี้" หลิวจือโม่พยักหน้า ตบไหล่นาง แล้วหันหลังเดินออกไป
หลี่ชิงหลิงห่มผ้าให้น้องสาว ถอนหายใจเบา ๆ ลุกขึ้นบอกหลี่ชิงเฟิงให้ดูแลน้องดีๆ นางจะกลับบ้าน ทำความสะอาดบ้าน แล้วค่อยมารับพวกเขา
เมื่อไม่มีแม่ หลี่ชิงเฟิงดูเหมือนจะเติบโตขึ้นในชั่วข้ามคืน เขาปล่อยหลี่ชิงหลิงไปอย่างเชื่อฟัง และดูแลน้องสาวเอง
"น้องสาว…" หลิวจือโหรวรู้สึกสงสัย และมีความสุขเมื่อเห็นทารกที่อายุน้อยกว่าตน
หลี่ชิงหลิงกอดและจูบนาง "ใช่ น้องสาว วันหลังโหรวโหรวต้องเล่นกับน้องนะ”
"ได้เลย…"
"เชื่อฟังดีจริงๆ..." หลี่ชิงหลิงจูบนางอีกครั้ง ส่งนางให้หลิวจือเยี่ยน กำชับนางอีกเล็กน้อยจึงจะกลับบ้าน
ทันทีที่นางทำความสะอาดบ้านจนเรียบร้อย หลิวจือโม่ก็กลับมา "ไม่มีใครในหมู่บ้านเลี้ยงแพะ คงต้องไปดูในเมือง" คนในหมู่บ้านไม่ได้ร่ำรวย แค่สามารถหาอาหารและเครื่องนุ่งห่มแก่ครอบครัวได้ก็ไม่เลวแล้ว จะไปซื้อแพะมาเลี้ยงได้อย่างไร
"ไม่เป็ไร ไว้ข้าค่อยเข้าเมืองไปดู" หลี่ชิงหลิงเก็บข้าวของเก่าๆ ของนางจ้าว ปิดประตูเสร็จจึงตามหลิวจือโม่เพื่อไปเอาเงินจากบ้านของเขา
สองวันมานี้ที่บ้านมีคนอยู่ตลอด นางกลัวว่าเก็บเงินไว้ที่บ้านจะไม่ปลอดภัย ดังนั้นนางจึงฝากหลิวจือโม่ไว้
“รอข้าที่บ้าน ข้าจะไปหาผู้ใหญ่บ้านยืมเกวียนวัว นั่งเกวียนไปเร็วกว่า ถ้าเดินกลับกว่าจะถึงคงมืดค่ำแล้ว”
"ตกลง..." หลี่ชิงหลิงไม่ปฏิเสธ การเดินใช้เวลาค่อนข้างนาน ดังนั้น การเดินทางโดยเกวียนย่อมปลอดภัยกว่า
หลิวจือโม่วิ่งไปที่บ้านของผู้นำหมู่บ้านเพื่อยืมเกวียนวัว บอกหลิวจือเยี่ยนว่าถ้าพวกเขาไม่กลับมาก็กินข้าวก่อนได้เลยไม่ต้องรอ
เมื่อได้ยินหลิวจือเยี่ยนตอบจึงวางใจขับเกวียนเข้าเมืองไปพร้อมหลี่ชิงหลิง
ครั้งนี้พวกเขาก็นับว่าโชคดี ตอนไปถึงซอยที่ขายสัตว์ปีกบังเอิญเห็นชายสูงวัยขายแพะ เป็แพะตัวเมียที่มีลูกแพะด้วย
หลี่ชิงหลิงวิ่งไปถามราคา ขอซื้อลูกแพะไปด้วย ชายสูงวัยเปิดราคาที่หนึ่งตำลึงห้าร้อย
เด็กสาวคิดว่ามันแพงไปหน่อยจึงต่อ ได้ราคาหนึ่งตำลึงสองร้อย
เมื่อทั้งสองกลับมาที่หมู่บ้านพร้อมกับแพะสองตัว ก็เจอชาวบ้านที่จับกลุ่มคุยกันหลังรับประทานอาหารพอดี
เมื่อพวกเขาเห็นหลี่ชิงหลิงจูงแพะมาสองตัวก็ต่างใและถามหลี่ชิงหลิงว่าซื้อมาหรือ
ไม่ว่าอย่างไรหลี่ชิงหลิงก็ปิดเื่ซื้อไม่ได้ จึงพยักหน้ารับตรงๆ "น้องข้าไม่มีนม ข้าเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องยืมเงินเพื่อซื้อแพะกลับมา" นางอธิบายไปว่ายืมเงินมาซื้อ
คนช่างคิดบางคนถาม "เสี่ยวหลิง แพะตัวเมียน่าจะราคาไม่ถูกไม่ใช่หรือ" ใครจะให้นางยืมเงินได้มากขนาดนี้ หลิวจือโม่?
หลี่ชิงหลิงยิ้มขมขื่น "ไม่ถูก แต่ข้าจะทำอย่างไรได้ จะให้น้องหิวหรือ?” นางหยุดเล็กน้อย "ลุงกับป้าทุกคน ข้าไปก่อนนะ น้องข้ายังรอนมอยู่”
หลังจากที่พวกหลี่ชิงหลิงไปไกลแล้ว ชาวบ้านก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง บางคนจำได้ว่าในวันที่นางจ้าวเกิดอุบัติเหตุ หลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่กลับมาจากนอกหมู่บ้านพร้ะกร้า ซึ่งในนั้นมีไก่ป่าด้วย ไม่รู้ว่าไปเอามาจากไหน?
คนในหมู่บ้านเริ่มเล่าเื่นี้ต่อกันไป
หลี่ชิงหลิงรีบกลับบ้านเพื่อเตรียมนมให้น้องสาว นางไม่รู้เลยว่าในไม่ช้า ข่าวลือเกี่ยวกับการขายเหยื่อสร้างเงินของนางได้แพร่สะพัดไปทั้งหมู่บ้าน
"ว้าว ครอบครัวของเรามีแพะแล้ว" หลี่ชิงหลิงจูงแพะกลับบ้านหลิว เด็กน้อยทั้งสามวนรอบแพะไม่หยุด
หลิวจือโม่จัดระเบียบสวนหลังบ้าน และให้หลี่ชิงหลิงนำแพะมามัดไว้
“พวกเ้ากินข้าวหรือยัง” หลี่ชิงหลิงถามหลังจากล้างมือเสร็จ มองดูเด็กน้อยคนที่สามที่ยังคงสนใจไม่หยุด
หลี่ชิงเฟิงเห็นหลิวจือเยี่ยนและหลิวจือโหรวยังจ้องแพะ เขาจึงต้องตอบ “กินแล้ว เหลือไว้ให้พี่กับพี่จือโม่ด้วย ยังร้อนๆ อยู่ในหม้อ ไปกินเถอะ!"
หลี่ชิงหลิงส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ มองไปที่เด็กน้อยทั้งสามแล้วพูด "อย่าเข้าใกล้แพะตัวเมียเกินนะ เดี๋ยวจะโดนเตะ เข้าใจไหม?”
“เข้าใจแล้ว” เด็กน้อยทั้งสามตอบพร้อมกัน
หลี่ชิงหลิงไปที่ห้องครัว หลังยกโจ๊กข้าวกล้องและผักดองออกมา หลิวจือโม่ที่ไปคืนเกวียนวัวก็กลับมาพอดี
นางยกชามและตะเกียบในมือขึ้น “กินข้าวกัน”
เขาตอบรับ เดินไปล้างมือ ตักโจ๊กให้ตัวเองหนึ่งชาม นั่งตรงข้ามหลี่ชิงหลิง ก้มศีรษะและเริ่มกิน
หลังจากกินโจ๊กข้าวกล้องหมด หลี่ชิงหลิงก็วางชามลง "สักวันเข้าเมืองไปซื้อข้าวขัดสีกลับมาอีกสักหน่อยเถอะ เด็กๆ ที่บ้านยังอยู่ในวัยเติบโต จะกินแต่โจ๊กพวกนี้ไม่ได้ ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ" พวกเขาขายเหยื่อได้เงินหลายสิบตำลึง เพียงพอที่จะทำให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นแล้ว
หลิวจือโม่พยักหน้า มองนางอยู่ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจ "เสี่ยวหลิง ข้าว่าเื่ที่ว่าเราไปล่าสัตว์คงปิดไม่อยู่แล้ว ตอนนี้คนในหมู่บ้านกำลังพูดกันเื่เ้าขายเหยื่อได้เงินมาซื้อแพะ”
หลี่ชิงหลิงไม่แปลกใจเลยที่ได้ยินข่าวนี้ เมื่อนางตัดสินใจซื้อแพะ นางก็รู้แล้วว่ามันจะส่งผลกระทบต่อคนในหมู่บ้านแน่
ต่อให้บอกว่ายืมเงิน ชาวบ้านก็ไม่เชื่อหรอก
“ในเมื่อทุกคนเดากันแล้ว เราก็บอกตรงๆ เถอะ จะได้มีหน้ามีตาด้วย” นางไม่คิดว่าเื่นี้จะปิดได้นานอะไรอยู่แล้ว “แต่บอกแค่ผู้นำหมู่บ้านเถอะ ให้เขาไปบอกคนในหมู่บ้าน” ผู้นำหมู่บ้านมีสถานะ ให้เขานำไปบอกต่อดีที่สุด
“ได้ งั้นเราไปกัน!” ยิ่งจัดการเื่นี้เร็วเท่าไรก็ยิ่งดีเท่านั้น จะได้ไม่ลือกันจนผิดเพี้ยน
หลี่ชิงหลิงตอบรับ เก็บจานและออกไปกับหลิวจือโม่ มุ่งไปที่บ้านของผู้นำหมู่บ้าน
แน่นอนว่าผู้นำหมู่บ้านเองก็ได้ยินข่าวลือในหมู่บ้านแล้ว แต่เขาไม่ค่อยเชื่อ หลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่ยังเด็ก ทั้งสองจะออกล่าได้อย่างไร?
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นหลี่ชิงหลิงและหลิวจือโม่มาหาก็เปิดปากพูดทันที "ข่าวลือในหมู่บ้านน่ะ ฟังผ่านๆ ไป อย่าไปใส่ใจนักเลย"
