หลังจากนั้นก็รู้สึกถึงความเหนื่อยล้าที่แล่นเข้ามา ผลตอบแทนจากการบรรลุขึ้นที่ห้าของเคล็ดวิชาาคือลมปราณถูกพลังิญญาแผดเผาไปจนหมดด้วยเหตุนี้ข้าจึงรีบเดินไปยังตะกร้าเพื่อนำหม้อออกมาต้มปลาหลีฮื้อหลงหลิงพร้อมกับเพิ่มเนื้อของเสือัเข้าไปด้วยตอนนี้ปริมาณการกินของข้าลดลง เหลือแค่กินเนื้อมื้อละกิโลครึ่งแล้ว ถ้าเป็เมื่อก่อนห้าหกกิโลก็ยังไม่พอด้วยซ้ำ
ปุๆๆ...
ไม่นานน้ำก็เริ่มเดือดและส่งกลิ่นหอมลอยมาเตะจมูกเมื่อเนื้อเริ่มสุกก็เตรียมจานมาใส่และตักกินทันทีที่ทำแบบนี้ไม่ใช่เพราะข้าเห็นแก่กินแต่เป็เพราะการบำรุงและเสริมลมปราณเป็สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ซึ่งเวลานี้ร่างกายของข้ามีสภาพอ่อนแอหากต้องเจอกับสัตว์ิญญาหรือพวกล่าสัตว์อาจไม่เป็ผลดีเท่าไรนักดังนั้นการกินเพื่อเพิ่มพลังและลมปราณจึงเป็สิ่งสำคัญและทำให้ข้าปลอดภัยที่สุดในตอนนี้
หลังจากกินลงไปกว่าสองชามก็รู้สึกร้อนขึ้นมาทั้งตัวพลังลมปราณที่เสียไปก็กลับคืนมา แม้แต่แขนทั้งสองข้างยังรู้สึกได้ว่ามีพลังมากขึ้นจะว่าไปแล้วเนื้อของเสือัก็ถือเป็ยาบำรุงชั้นเลิศอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งในบรรดาสัตว์กินเนื้อชนิดอื่นๆแทบจะไม่มีชนิดใดที่มีพลังมากกว่าเสือัเลยด้วยซ้ำ
หลังจากกินอิ่มและมีพลังเพิ่มขึ้นแล้วก็เริ่มชำแหละเนื้อของเสือั
และเมื่อข้าผ่ากะโหลกของมันออกก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นว่ามีจินตานระดับห้าอยู่ข้างในจึงรีบเก็บมันไว้และชำแหละต่อทั้งตัวของเ้าเสือัตัวนี้ล้วนแต่เป็สิ่งของล้ำค่าโดยหนังที่ถูกแล่ออกมาอย่างไร้ที่ติสามารถขายได้ถึงสองแสนเหรียญเขาที่สมบูรณ์ขายได้หนึ่งแสนเหรียญและส่วนที่แพงที่สุดก็ดูเหมือนจะเป็เนื้อของมันนั่นเองดูๆแล้วเสือัตัวนี้มันจะต้องกินจุอยู่พอสมควรทำให้ทั้งตัวของมันมีน้ำหนักประมาณสามถึงสี่ร้อยกิโลส่วนข้าก็เลือกชำแหละเอาเนื้อที่ดีมากองรวมกันได้กว่าสองร้อยกิโล!
พอชำแหละเสร็จก็เริ่มรู้สึกปวดหัวว่าจะต้องเอาเนื้อเสือัไปทั้งหมดอย่างนั้นเหรอ? จะโยนทิ้งก็เสียดายแต่จะเอาไปหมดก็ยุ่งยากแม้ว่าตอนนี้ระดับพลังของข้าจะสามารถแบกของที่หนักสามสี่ร้อยกิโลก็แค่รู้สึกเหนื่อยนิดหน่อยแต่ว่าจุดมุ่งของการมาที่นี่ก็คือบรรลุขั้นการบำเพ็ญขึ้นไปเรื่อยๆดังนั้นจะให้แบกสิ่งของที่หนักว่าตัวเองหลายเท่าแบบนี้จะไม่ดูเกินไปหน่อยหรือ?
แต่เมื่อคิดดูแล้วข้าก็ตัดสินใจแบกมันไปด้วยเพราะไม่อยากให้เสียของ...
ข้าปลดเอาหนังของหมีหมอกที่มีการแล่เหมือนถุงขนาดใหญ่ลงมาแล้วเอาเนื้อทั้งหมดยัดเข้าไปจัดการมัดให้เรียบร้อยแล้วแบกไว้บนบ่าจนข้าเหมือนคนที่แบกูเาลูกเล็กๆไปกับตัวตลอดเวลา
หลังจากทุกอย่างเข้าที่ข้าก็ออกเดินทางต่อเพื่อตามหาสมุนไพรพวกโสมโลหิตอะไรเทือกนั้นที่สามารถเก็บรักษาไว้ได้นานเพื่อนำกลับไปฝึกฝนต่อที่สำนักหมื่นิญญา
แต่น่าเสียดายที่หุบเขาหลิงหยุนในชั้นที่หกแห่งนี้เหมือนจะถูกคนมาเก็บหญ้าิญญาที่เป็ยาบำรุงไปจนหมดแล้วดังนั้นแม้ข้าจะเดินหาจนฟ้ามืดก็ไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือเลยสักอย่างหลังจากต้มเนื้อกินไปหนึ่งหม้อก็เริ่มเปลี่ยนความคิดใหม่...
ตอนนี้ข้ามีพลังของเคล็ดวิชาาขั้นที่ห้าระดับเซียนบวกกับพลังของวิชาลมหายใจัระดับเซียนของขั้นที่แปดอีกความจริงเมื่อมีพลังขนาดนี้การเข้าไปในหุบเขาชั้นที่ห้าก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรอย่างมากถ้าเจอสัตว์ที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าตัวเองก็แค่รีบหนีเอาชีวิตรอดไว้ก่อนแต่สิ่งที่ล่อตาล่อใจคือหญ้าิญญาและสมุนไพรในชั้นที่ห้าเป็สิ่งที่ชั้นที่หกเทียบไม่ได้เลยสักนิดจากคำกล่าวที่เล่าต่อกันมาว่าหุบเขาหลิงหยุนหนึ่งชั้นเทียบเท่ากับหนึ่งฟากฟ้าคงไม่ใช่แค่ลมปากแต่หุบเขาชั้นที่ห้ามีหญ้าิญญาและอื่นๆ มากมายอย่างที่หุบเขาชั้นที่หกไม่มีอยู่จริงๆ
ถึงแม้ตัวข้าจะรู้สึกหวั่นใจแต่ถ้าต้องทำตามสิ่งที่ใจเรียกร้องต่อให้มันจะอันตรายเราก็ต้องพยายามฝ่าฟันไปให้ได้ เพราะถึงยังไงก็ยังดีกว่าอยู่กับที่แล้วไม่มีอะไรดีขึ้นมาเลย
เมื่อคิดได้แบบนี้ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ทันทีพรุ่งนี้เมื่อยามแสงอาทิตย์สาดส่องลงมาข้าจะเดินทางเข้าไปในหุบเขาหลิงหยุนชั้นที่ห้า!
...
กลางดึก
เปลแขวนที่ข้าทำไว้ช่างดูสงบสุขอย่างไร้ที่เปรียบส่วนเนื้อเสือัข้าก็มัดและแขวนไว้เหมือนกันเพราะไม่อยากให้กลายเป็จุดล่อเป้าแก่พวกหมาป่าจนเกิดเื่ปวดหัว
หลังจากคืนที่แสนจะสงบสุขผ่านไป เวลาแห่งเช้าวันใหม่ก็มาถึงข้าแบกเนื้อถุงใหญ่ไว้บนบ่าแล้วออกเดินทางต่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังใจกลางของหุบเขาหลังจากเดินข้ามหุบเขาไปก็มองเห็นป่าที่ขึ้นปกคลุมจนหนาทึบต้นไม้ใหญ่รวมตัวกันเป็ป่าใหญ่ที่มีไอน้ำกลั่นตัวเป็หมอกลอยปกคลุมอยู่้าเหมือนกับแดน์ชั้นฟ้า
และแน่นอนว่าผู้ฝึกฝนิญญาต่างรู้ดีว่ามันไม่ใช่แดน์ชั้นฟ้าแต่เป็นรกเมืองเย็นหากมีผู้ที่ฝีมือไปถึงขั้นย่างกายเข้าไปก็จะมีอันตรายจนถึงชีวิตในเวลาไม่กี่นาที!
พอขึ้นมาอยู่บนยอดเขาก็รู้สึกถึงพลังที่มันอัดแน่นอยู่ในใจเหมือนอยากจะะเิออกมาแต่สุดท้ายแล้วข้าก็ต้องสกัดมันเอาไว้ เพราะถ้าะโเสียงดังออกไปขณะอยู่บนยอดเขาอาจเป็การรนหาที่ตายชัดๆ!มีตั้งกี่คนที่อวดเก่งจนพาตัวเองมาตายที่นี่ และข้าเองก็ไม่อยากจะเป็รายต่อไปแต่พอนึกถึงซูเหยียนกับตั้นไถเหยาแล้วก็รู้สึกว่าถ้ามีพวกนางอยู่ด้วยข้าคงไม่ต้องรู้สึกโดดเดี่ยวอยู่แบบนี้
‘เส้นทางของความยิ่งใหญ่มักจะต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว’
เคยมีเทพศาสตราวุธที่แข็งแกร่งที่สุดได้พูดประโยคนี้เอาไว้แต่พอคิดดูแล้วมันก็ไม่เสมอไป! คนที่พูดออกมาแบบนี้จะต้องเป็พวกคนขี้เหร่แน่ๆคอยดูเถอะ ข้าจะเต้นรำฮัมเพลงพาสาวน้อยสาวใหญ่เดินบนเส้นทางของความยิ่งใหญ่ไปด้วยกันให้ได้!
เงยหน้ามองบนต้นไม้ก็เจอเข้ากับชะนีคู่หนึ่งกำลังพลอดรักโดยการโหนกิ่งไม้ไปมา
เห็นแบบนี้แล้วมันช่างแทงใจดำเสียจริง!
ข้าแบกถุงเนื้ออันหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้งก่อนจะรีบออกจากยอดเขาซึ่งพลังที่ข้ามีทำให้การแบกสิ่งของที่หนักกว่าสองร้อยกิโลให้รู้สึกสบายเหมือนแบกปุยนุ่นซึ่งอาการนี้ต้องขอบคุณที่ข้าเรียนเพลงขาเมฆาหมอกมาเพราะเมื่อเรียนแล้วจะทำให้ข้ารู้สึกได้ว่าร่างกายเบาขึ้นและความเร็วก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยถือว่าการที่พี่เสวียนยินยัดเยียดให้ข้าคารวะเฉิ่นปู้หยุนเป็อาจารย์เป็การเดาเหตุการณ์ได้ดีจริงๆ
แต่เมื่อเดินทางมุ่งหน้าไปได้ไม่ไกลก็มีเสียงการต่อสู้ดังขึ้นข้างหน้า!
เมื่อผ่านป่าข้างหน้าไปข้าก็แอบอยู่ในพุ่มไม้แล้วมองออกไปไกลก็เจอคนคุ้นเคยอีกแล้ว!นึกไม่ถึงว่าข่าถูจะพาศิษย์ของสำนักทั้งห้าคนเข้ามาในหุบเขาชั้นที่ห้าและพวกนั้นกำลังต่อสู้กับสัตว์ิญญาอย่างหมาป่าั์ที่ตัวสูงกว่าสามเมตรซึ่งกำลังพองขนที่แฝงไปด้วยพลังิญญาอยู่อีกด้วย!
หมาป่าขนทอง สัตว์ิญญาระดับหก!
เมื่ออิงตามการแบ่งขั้นของสัตว์ิญญาแล้วเ้าหมาป่าขนทองตัวนี้เทียบได้กับผู้ฝึกฝนิญญาขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์ที่มีขั้นการบำเพ็ญสูงกว่าเชวียนหยวนจิ้นและคนอื่นๆถึงสองขั้นเลยทีเดียว!
ข้ามั่นใจได้เลยว่าตัวเองไม่มีทางมีชีวิตรอดจากสัตว์ิญญาระดับหกได้เกินหนึ่งนาทีแต่นึกไม่ถึงว่าพวกเชวียนหยวนจิ้นจะมีชีวิตอยู่
แต่เมื่อมองอย่างละเอียดก็เข้าใจเพราะทุกครั้งที่เ้าหมาป่าขนทองตัวนั้นจู่โจมก็จะถูกข่าถูที่อยู่ในระดับสมบูรณ์ของขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพซึ่งมากกว่าหมาป่าตัวนั้นถึงหนึ่งขั้นใหญ่ๆสกัดกั้นพลังเอาไว้ทำให้สัตว์ิญญาผู้น่าสงสารมีสิทธิ์แค่ถูกทำร้ายโดยไม่มีทางสู้เลยสักนิด
ข้าเห็นแล้วก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้การที่ข่าถูใช้วิธีนี้เพื่อให้เชวียนหยวนจิ้น ไอลาและคนอื่นๆได้ฝึกฝนและเพิ่มทักษะของตัวเอง แสดงให้เห็นว่าข่าถูไม่ได้สนใจชื่อเสียงของตัวเองแม้แต่น้อย
และในตอนนี้เองก็มีเสียงเหยี่ยวดังขึ้นมาจากท้องฟ้า!
ต้องเป็พวกมันแน่ๆ!
ข้ารีบหลบเข้าไปในพุ่มไม้ สกัดกั้นลมหายใจแล้วมองออกไปด้านนอกเวลานี้จะส่งสัญญาณบอกข่าถูกับคนอื่นๆ ก็คงจะไม่ทันเสียแล้วเพราะสามคนนั้นเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่นานคนที่มีพลังแข็งแกร่งที่สุดก็โผล่ออกมาจากยอดไม้และใช้กระบี่ยาวในมือฟันลงบนหมาป่าที่ได้รับาเ็สาหัสแบบครั้งเดียวจอด...
“เชวียนหยวนจิ้น ควักเอาหัวใจของมันออกมาแบ่งให้คนอื่นๆกินคนละคำแล้วก็เตรียมบำเพ็ญต่อ”
ข่าถูว่าแล้วเดินขึ้นหน้าพร้อมกับแววตาที่เรียบเฉยก่อนจะถามขึ้น“พวกท่านเป็ใครกัน?”
“หืม? เป็ท่านข่าถูแห่งสำนักหมื่นิญญาเองหรอกเหรอขออภัย ขออภัย...” นักฆ่าคนนั้นยกมือขึ้นลูบหนวดตัวเองก่อนจะเริ่มพูดต่อ“พวกข้าคือผู้าุโทั้งสามแห่งกองทหารเือินทรี ข้ามีนามว่าเว่ยฉือหลงนั่นน้องสองเว่ยฉือหูและน้องสามเว่ยฉือเป้าพอดีว่าพวกเราผ่านมาทางนี้แล้วเห็นว่าศิษย์ของสำนักหมื่นิญญากำลังสู้กับสัตว์ิญญาระดับหกอย่างทุลักทุเลก็เลยยื่นมือเข้ามาช่วย”
“กองทหารเือินทรี?”
ข่าถูว่าแล้วแสยะยิ้มก่อนจะพูดต่อ “ข้าเองก็ต้องขออภัยด้วยเช่นกันนึกไม่ถึงว่าผู้าุโทั้งสามของหนึ่งในสามกองทหารใหญ่อย่างกองทหารเือินทรีจะมาอยู่ที่นี่พร้อมกันถึงสามคนแต่ขอให้ทิ้งหมาป่าขนทองนี่ไว้แล้วพวกท่านก็กลับไปเสียเถอะ!”
“แล้วถ้าพวกข้าไม่ไปล่ะ เ้าจะทำยังไง?” เว่ยฉือเป้าพูดอย่างมเลศนัย
ข่าถูลอบยิ้มบางๆก่อนจะก้าวขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกับพลังที่แผ่ออกมาทั่วสารทิศ จนเกิดเป็สนามพลังอันแข็งแกร่งก่อนจะพูดขึ้นเสียงเข้ม“ถ้าอย่างนั้นข้าก็คงต้องส่งพวกที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำอย่างพวกเ้าทั้งสามคนไปพบยมบาลแล้วล่ะ!”
สามคนนั้นอยู่ในขั้นผู้พิทักษ์ระดับมนุษย์เท่านั้นซึ่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังอยู่เพียงระดับกลางของขั้นเดียวกันถ้าเกิดไปเจอกับผู้ฝึกฝนิญญาคนอื่นๆหรือนักล่าสัตว์ก็สามารถอวดเก่งได้อย่างสบายๆ แต่เมื่อมาเจอกับคนที่อยู่ในระดับสมบูรณ์ของขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพอย่างข่าถูที่พลังห่างกันถึงหนึ่งขั้นที่เป็เสมือนหนึ่งฟากฟ้าจึงต้องถ่อมตัวลงหน่อย
เว่ยฉือหลงขมวดคิ้วเล็กๆและฉลาดพอที่จะไม่เป็อริกับข่าถูจึงยิ้มพลางพูด “ข้าเองก็ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามเกี่ยวกับท่านจอมยุทธ์อันดับัพยัคฆ์ข่าถูที่อารมณ์รุนแรงมานานวันนี้ได้มาเจอกับตัวก็เหมือนดั่งที่เล่าขานกันมาไม่มีผิดท่านจอมยุทธ์อารมณ์ร้อนดั่งเพลิงฝีมือเก่งดุจเทพ ข้าน้อยต้องขอคารวะแต่ว่าพวกข้ามาครั้งนี้ไม่ได้มาทำเื่ไม่ดีอะไร และที่พวกเราได้มาเจอกันก็ถือเป็โชคชะตาอย่างหนึ่งอีกประเดี๋ยว...พวกข้าก็จะไปแล้วล่ะ ส่วนท่านนายกองอีกไม่นานก็น่าจะมาถึง”
ข่าถูชะงักไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้น“ท่านจะบอกว่านายกองเจิ้งหยางแห่งกองทหารเือินทรีก็มาด้วยอย่างนั้นเหรอ?”
“ขอรับ”
เว่ยฉือหลงยิ้มบาง ก่อนจะพูดต่อ “พวกเรามาที่นี่เพื่อทำภารกิจลับก็เลยว่าจะไม่รบกวนเวลาการฝึกฝนศิษย์ของท่านแล้วล่ะ”
เจิ้งหยาง นายกองแห่งกองทหารเือินทรีได้ยินมาว่าเขาอยู่ในระดับกลางของขั้นผู้พิทักษ์ระดับพิภพแล้วและถ้าเขามาจริงและร่วมมือกับสามคนนี้เพื่อจัดการกับข่าถูละก็ถึงแม้เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่น่าจะสู้ได้...
ทว่าตอนนี้ข้าเห็นเว่ยฉือหลงที่เอามือไพล่หลังแล้วแอบเปิดขวดยาชนิดหนึ่งที่มีควันสีส้มลอยออกมาก่อนจะหายไปในอากาศนั่นมัน...ยาพิษ!
แย่แล้ว เ้าแก่ข่าถูนั่นถูกพิษเข้าแล้ว!
แต่ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ถูกพิษแน่นอน สกัดลมหายใจต่อดีที่สุด!
ขณะที่ข้ากำลังจะลุกขึ้นเพื่อส่งสัญญาณบอกคนอื่นๆก็รู้สึกได้ว่ามีอะไรบางอย่างเข้ามาทางด้านหลัง เมื่อหันหลังไปมองก็ต้องตะลึงเมื่อเจอเข้ากับหมาป่าขนทองซึ่งเป็สัตว์ิญญาระดับหกถึงเจ็ดตัวยืนอยู่และแต่ละตัวต่างก็มีพลังที่สามารถสังหารข้าได้แบบไม่ทันได้ตอบโต้ด้วยซ้ำ จะทำยังไงดีล่ะทีนี้!
เสียงของเว่ยฉือหลงดังขึ้นมาจากด้านหลังด้วยการหัวเราะอย่างชอบอกชอบใจ“เ้าแก่ข่าถู วันนี้จะเป็วันตายของเ้า!”
เขาว่าแล้วก็ะโขึ้นสูงพร้อมกับปล่อยพลังออกทางฝ่ามือ จนทำให้ข่าถูปลิวออกไปเหมือนว่าวที่ขาดจากสายป่านก่อนจะตกลงบนพุ่มไม้เตี้ยไม่ไกล
ข่าถูพูดด้วยสีหน้าซีดเผือด “เ้าพวก...พวกเ้ามันก็เป็แค่ศิษย์ไม่มีหัวนอนปลายเท้าที่เก่งแต่ลอบกัด!”
เว่ยฉือหลงยกขวดหยกนั้นขึ้นมาก่อนจะว่าพลางยิ้ม“ทีแรกข้าก็เสียดายที่ต้องซื้อยาพิษน้ำค้างประกายส้มราคาขวดละตั้งสองแสนเหรียญหลงหลิงแต่เมื่อเอามาใช้กับเ้าแบบนี้ข้าก็ไม่เสียดายแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ”
...
ในเวลานี้ข้าไม่มีอารมณ์ไปสนใจข่าถูกับพวกนั้นแล้วล่ะเพราะตัวข้าเองก็มีอันตรายถึงชีวิตอยู่เหมือนกัน!
ทีแรกก็โชคดีจนน่าใ แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้เคราะห์ซ้ำกรรมซัดแบบนี้ล่ะ!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้