“เหอชูซานครับ”
เสี่ยวหม่านยิ้มแล้วถามว่า “นายเกิดวันตรุษจีนหรือ?”
“ใช่ครับ”
เสี่ยวหม่านหัวเราะอีกครั้ง พร้อมทั้งเอื้อมมือมาลูบหัวเขาที่พันผ้าเหมือนมัมมี่อินเดียราวกับลูบหัวลูกสุนัข เหอชูซานไม่รู้ว่าทำไม แต่เขารู้สึกว่าสายตาของเธอค่อนข้างเหม่อลอย การกระทำของเธอก็ดูแปลกๆ
“ได้ยินมาว่าเธอเป็นักศึกษามหาวิทยาลัยหรือ?”
“ครับ”
“ดีจังเลย ฉันยังเรียนไม่จบประถมเลย มหาวิทยาลัยสนุกไหม?”
เหอชูซานคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบอย่างไม่ตรงคำถามว่า “ห้องสมุดมีหนังสือเยอะแยะเลย”
“ฉันไม่ชอบอ่านหนังสือ ฉันชอบร้องเพลง” เสี่ยวหม่านตอบกลับอย่างไม่ตรงคำถามเช่นกัน จากนั้นเธอก็มองไปรอบๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ เธอจึงแอบร้องเพลงให้เหอชูซานฟังเบาๆ
เหอชูซานยิ่งรู้สึกว่าท่าทางของเธอแปลกแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ตั้งใจฟังเสียงเพลงนั้นจนจบ เธอร้องเพลงเพราะมาก เสียงใสกังวานเหมือนเสียงของนกขมิ้นน้อยในฤดูใบไม้ผลิอย่างไรอย่างนั้น
“อาซ้อ! จะเริ่มถ่ายแล้วครับ!” เสียงะโเรียกดังมาจากทางด้านหนึ่ง
เสี่ยวหม่านยืดตัวขึ้นมองไปยังคนคนนั้น ในชั่วพริบตาสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็ไร้อารมณ์ เป็อาซ้อผู้สง่างามและน่าเกรงขาม คนคนนั้นไม่กล้าเร่งเร้าอีกต่อไป ได้แต่ยืนรอเธออยู่ตรงนั้น
เสี่ยวหม่านหันกลับมาถามเหอชูซานต่อ “หัวนายเป็อะไร? ได้รับาเ็หรือ?”
“ใช่ครับ”
“ใครทำ?”
“พี่ลิ่วอี”
เสี่ยวหม่านถอนหายใจ “อาลิ่วไม่เชื่อฟังอีกแล้ว ฉันคงต้องไปคุยกับเขาเื่นายสักหน่อย”
“ไม่เป็ไรครับ ไม่เป็ไรครับ” เหอชูซานพูดอย่างหวาดกลัว
“ต้องคุยแน่นอน” เสี่ยวหม่านพูดขณะทอดสายตาที่เต็มไปด้วยความว่างเปล่า เธอส่ายหัวแล้วพูดต่อ “เขาเป็แบบนี้ตลอดถึงไม่มีเพื่อน นายอย่าโกรธเขาเลยนะ เขาแค่ไม่มีใครเล่นด้วย ตอนนั้นเขาน่าสงสารมาก มีแค่เราสองคนเท่านั้น”
เมื่อเหอชูซานขนลุกซู่เมื่อได้ยินเธอพูดถึงจอมอันธพาลวันเด็กที่ไม่มีใครกล้ายุ่งราวกับเป็ลูกสุนัขที่น่าสงสาร และเพื่อไม่ให้บทสนทนาออกนอกเื่ไปมากกว่านี้ เขาจึงพูดอย่างระมัดระวังว่า “อาซ้อ ไม่ไปถ่ายต่อหรือครับ?”
เสี่ยวหม่านแย้มรอยยิ้มบางๆ “ถ่ายไปทำไม ถ่ายไปอีกมากมายแค่ไหนเขาก็ไม่ดูอยู่ดี”
เหอชูซานเข้าใจผิดคิดว่า ‘เขา’ ที่เธอพูดถึงคือชย่าลิ่วอี เนื่องจาก่นี้เขากำลังเขียนนิยายรักที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับแก๊งมาเฟีย เขาจึงจินตนาการถึงเื่ราวต่างๆ ระหว่างอาซ้อที่อยู่ตรงหน้ากับลูกน้องอย่างชย่าลิ่วอี ทั้งความรักที่ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นตามกาลเวลา ความสัมพันธ์ที่แม้จะเกลียดชังแต่ก็ยังโหยหา รวมไปถึงการพลัดพรากจากกันด้วยความเป็และความตาย...
โชคดีที่ตอนนั้นมีเสียงหนึ่งดังแทรกขึ้นมาทันเวลา หยุดจินตนาการแสนบรรเจิดของเขาให้จบลงเพียงเท่านั้น “พี่ครับ เปิดกล้องแล้ว ทำไมถึงยังอยู่ที่นี่อยู่อีก?”
ทันใดนั้นเหอชูซานก็ต้องใจนดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นชย่าเสี่ยวหม่านดึงหัวของชย่าลิ่วอีลงมาแล้วเขย่งปลายเท้ายกตัวขึ้นไปจูบหน้าผากอย่างใกล้ชิด จากนั้นก็ลูบหัวของชย่าลิ่วอีเหมือนลูบขนสุนัขตัวเล็กๆ
ชย่าลิ่วอียืนหัวกระเซิง แย้มรอยยิ้มอ่อนโยนราวกับสิงโตกินพืช “รีบไปเถอะครับพี่ ทุกคนรอพี่อยู่”
ชย่าเสี่ยวหม่านหันมายิ้มให้เหอชูซาน จากนั้นก็เขย่งปลายเท้าเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เหอชูซานยังคงเหม่อลอยจ้องมองแผ่นหลังของเธอต่อ ก่อนจะต้องใเมื่อชย่าลิ่วอีวางจานหนิวจ๋าลงตรงหน้าของเขา “มองอะไร? เดี๋ยวก็ควักลูกตาออกมาเลยนี่!”
“เธอ... เป็พี่สาวแท้ๆ ของพี่หรือ?”
“เรียกอาซ้อสิ!”
“อ๋อ”
เหอชูซานแอบมองชย่าลิ่วอีที่นั่งกินหนิวจ๋าอยู่บนโต๊ะของเขา ทันใดนั้นหัว หน้าอก และแขนของเขาก็เริ่มปวดร้าวเมื่อคิดว่าชย่าลิ่วอีอาจจะจะโกรธขึ้นมากะทันหันแล้วก้มตัวลงหยิบเก้าอี้มาเหวี่ยงใส่เขา
“พี่ออกจากตรงนี้ได้ไหม? ผมเขียนงานต่อไม่ได้ถ้าพี่ยังอยู่ตรงนี้” เขาทำได้แค่หงุดหงิดกับตัวเอง ไม่ได้พูดออกไปแต่อย่างใด
ขณะที่เหอชูซานครุ่นคิดอย่างหม่นหมอง ชย่าลิ่วอีกลับอารมณ์ดีเป็พิเศษ ่ก่อนหน้านี้เขามีเื่ขัดแย้งทางธุรกิจกับลูกน้องคนหนึ่งของแก๊งซา ลูกน้องแก๊งซาเลยยกพวกมาอาละวาดที่บ่อนของเขา แต่เสี่ยวหม่าซึ่งเป็หัวหน้าบ่อนไหวตัวทันจึงรีบเก็บเงินสดแล้วพาลูกน้องหนีไป เหลือไว้เพียงลูกน้องสองคนที่ถูกแก๊งซาจับตัวไว้ได้ สุดท้ายพออาละวาดไปทั่วทั้งบ่อนแต่กลับหาเงินสดเจอเพียงนิดเดียวจึงลงไม้ลงมือกับลูกน้องสองคนนั้นอย่างหนัก วันรุ่งขึ้นชย่าลิ่วอีไปเยี่ยม ‘ลูกน้อง’ ทั้งสองที่คลินิกเถื่อน เมื่อเขาเปิดผ้าห่มออกก็เห็นสภาพาแที่น่าสยดสยอง เขาจึงถือโอกาสส่งลูกน้องคนสนิทไปแทนที่ตำแหน่งที่ว่างนั้น จากนั้นก็นำลูกน้องไปบุกบ่อนของแก๊งซาสามแห่ง ปล้นเงินสดกลับมาได้หลายแสนหยวน
หัวหน้าใหญ่แก๊งซาโทรไปหาชิงหลงเพื่อขอคำอธิบาย ชิงหลงจึงเริ่มต้นด้วยการบอกว่านี่เป็เพียงเื่ทะเลาะกันเล็กๆ ของเด็ก เราซึ่งเป็ผู้ใหญ่ไม่ควรเข้าไปยุ่ง จากนั้นเขาก็พูดปลอบโยนหัวหน้าใหญ่ของแก๊งซาว่าถึงแม้จะเป็แบบนี้ แต่ลิ่วอีก็ยังค่อนข้างเชื่อฟังเขา ดังนั้นเขาจะให้ลิ่วอีทำตามคำขอของเขาโดยให้ลูกน้องของเขาทั้งหมดถอนตัวออกจากบ่อนของแก๊งซาและสัญญาว่าจะไม่รบกวนกันอีกในอนาคต
หัวหน้าใหญ่แก๊งซาโกรธจนแทบกระอักเื ฆ่าคนแล้ว เงินก็เอาไปแล้ว ยังมีหน้ามาบอกว่าน้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลองอีก [1]! ช่างเป็การแสดงที่เก่งเสียจริง ทว่าในการรบครั้งนี้แก๊งซากลับเสียหายหนักจนยากจะฟื้นฟู หัวหน้าแก๊งซาจึงได้แต่กัดฟันกลืนความเ็ปเงียบๆ แล้วจดบัญชีแค้นนี้ไว้ที่ชย่าลิ่วอี
ชย่าลิ่วอีนับเงินอย่างมีความสุข เขาทำให้ชื่อเสียงของแก๊งดังขึ้น อีกทั้งยังทำให้ชิงหลงได้หน้า แล้วเขาจะไปใส่ใจความแค้นเล็กน้อยของหัวหน้าใหญ่แก๊งซาเพื่ออะไร— เขาเริ่มทำงานั้แ่อายุสิบสี่ปี และเป็เวลากว่าสิบปีที่ปีนป่ายอยู่ในวงการนี้ บัญชีหนี้ที่แบกรับไว้บนตัวนั้นมากเกินกว่าจะนับไหวแล้ว
หลังจากนั่งคิดคำนวณค่าใช้จ่ายต่างๆ บนโต๊ะอาหารพลางกินหนิวจ๋า เขาก็โบกมือเรียกเสี่ยวหม่าที่เฝ้าอยู่ข้างกองถ่ายเพื่อให้เอาเงินไปแจกจ่ายให้พี่น้องได้สนุกสนานกัน
เสี่ยวหม่าเดินเร็วมาหา แต่ยังไม่ทันเข้ามาใกล้ตัวก็อ้าปากร้องเสียงดังชี้ไปที่หลังคาเสียก่อน “พี่ลิ่วอี ระวัง!”
วันนี้เป็ครั้งที่สองแล้วที่เหอชูซานทำปากกาหลุดมือ เขาเงยหน้าขึ้นมองไปยังทิศทางตามมือนั้นโดยสัญชาตญาณ— ก่อนจะพบกับคานเหล็กที่ติดตั้งหลอดไฟยาวสองท่อนเหนือหัวและกลุ่มเหล็กขนาดใหญ่ที่ไม่ได้รับการซ่อมบำรุงมาเนิ่นนานกำลังตกลงมาเสียงดังโครมคราม!
เขานั่งติดกับกำแพง เก้าอี้ก็ขยับไม่สะดวก ใน่เวลาเพียงพริบตาเดียวอย่างนี้จะลุกหนีก็ไม่ทันแล้ว เขาทำได้เพียงมองดูโครงเหล็กขนาดใหญ่พุ่งลงมาที่หัว!
ใน่เวลาพริบตานั้น ชย่าลิ่วอีที่ควรจะะโหลบไปข้างๆ อย่างง่ายดายกลับรีบพุ่งไปข้างหน้าแทน! เขาย่อตัวแล้วโอบเหอชูซานไว้ในอ้อมแขน ขณะเดียวกันก็เหวี่ยงหมัดขึ้นเหนือหัว!
“ปัง——!” เกิดเสียงดังสนั่น! เขาเหวี่ยงก้อนเหล็กนั่นออกไปสุดแรง!
เหอชูซานตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่น้อย ใบหน้าของเขาซุกอยู่กลางอกของชย่าลิ่วอีจนจมูกััได้ถึงกลิ่นหนิวจ๋าจากตัวของเขา แม้ว่าอากาศใน่นี้จะค่อนข้างหนาวแต่เ้าพ่อมาเฟียคนนี้กลับใส่แค่เสื้อกั๊กบางๆ เท่านั้น เมื่อริมฝีปากอันอบอุ่นของเขาัักับหน้าอกแข็งตึงของชย่าลิ่วอี เขาก็ใจนเหงื่อตก
ชย่าลิ่วอีรู้สึกไวต่อการััอย่างผิดปกติ เขาผลักเหอชูซานออกด้วยใบหน้าบึ้งตึงแล้วพูดว่า “จะเบียดอะไรนักหนา! อยากกินนมหรือไง!”
เหอชูซานที่ยังคงตกตะลึงอยู่มองไปยังเขาแล้วก้มลงมองไหล่ตัวเอง— มีรอยฝ่ามือเปื้อนเือยู่บนนั้น
ทันใดนั้นกลุ่มลูกน้องก็ร้องะโวิ่งเข้ามา
“พี่ลิ่วอี!”
“พี่ไม่เป็ไรใช่ไหม!”
“เืไหล!”
ชย่าลิ่วอีเืออกเต็มมือจากการถูกเหล็กกระแทก แขนและหน้าผากเองก็เช่นกัน ตัวเขาเองคิดว่าไม่น่าเป็อะไร แต่ลูกน้องกลุ่มนั้นกลับใมากและพยายามที่จะพาชย่าลิ่วอีไปทำแผล หลังจากเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงกรีดร้องแหลมของผู้หญิงก็ดังขึ้น
“อาเฮ่า!”
ชย่าเสี่ยวหม่านพุ่งฝ่าฝูงชนเข้ามาอย่างไร้สติ เล็บที่ถูกทาด้วยสีแดงสดทั้งสิบนิ้วจิกลงไปบนแขนของชย่าลิ่วอีขณะกรีดร้องออกมาด้วยความเ็ป “อาเฮ่า! นายเป็อะไร! อย่าตายนะ! อาเฮ่า! ฮือ!!!...”
เธอกอดชย่าลิ่วอีแน่นและเริ่มร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างบ้าคลั่ง ดูไม่เหมือนคนปกติ เหล่าลูกน้องต่างตาเบิกกว้างมองหน้ากันไปมาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรกับเธอดี ถึงแม้ชย่าลิ่วอีจะไม่ได้าเ็ถึงตาย แต่ก็อาจตายได้จากถูกเธอรัดคอ
แต่แล้วเสี่ยวหม่าก็รวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเธออย่างระมัดระวังและดึงแขนเธอเบาๆ “อาซ้อครับ”
“กรี๊ด——!” ชย่าเสี่ยวหม่านกรีดร้องเสียงดังจนเสี่ยวหม่าใ
“อย่าเข้ามาใกล้! อย่าตี! อย่าตี!” ชย่าเสี่ยวหม่านปล่อยชย่าหลิ่วอีแล้วขดตัวกลม ร่างกายเริ่มสั่นเทา หลังจากกรีดร้องสองสามครั้งเธอก็รีบคลานกลับไปใช้ร่างเล็กๆ ของเธอกอดชย่าลิ่วอีไว้แน่น “ไม่! ตีฉันสิ! ตีฉันเถอะ! อย่าตีอาเฮ่า! ฉันขอร้อง! ไม่งั้นเขาจะตาย! ฮือ... อาเฮ่า...”
“ฉันไม่เป็ไร พี่” ชย่าลิ่วอีพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแรงขณะถูกกอดแน่นจนหายใจแทบไม่ออก
“ฮืออ... อย่าตายนะ... อาเฮ่า... ฮือ...”
“ฉันไม่เป็ไรจริงๆ พี่ พี่ใเกินไปแล้ว เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับไปเอง”
“ฮือ... อาเฮ่า...”
ชย่าลิ่วอีหันหน้าหนี เขาชี้ตัวเลือกลูกน้องบางคนให้ตามมาช่วยประคองพวกเขา ชย่าเสี่ยวหม่านยังคงกอดแขนที่าเ็ของเขาไว้แน่น แม้ชย่าลิ่วอีจะเจ็บจนหน้าซีดแต่ก็ไม่ได้พยายามจะแกะแขนของเธอออก เขาวางมืออีกข้างที่ยังคงว่างอยู่ไว้บนหลังมือของเธอเพื่อปลอบโยน และพวกลูกน้องก็พาพวกเขาเดินออกไปทั้งอย่างนั้น
เสี่ยวหม่าทิ้งให้คนอื่นจัดการเก็บกวาดกองถ่ายให้เรียบร้อย ส่วนตัวเขาก็เรียกลูกน้องที่มีอายุมากกว่ามาถามด้วยเสียงต่ำว่า “เฮ้ อาซ้อเรียกพี่ลิ่วอีว่าอะไรวะ?”
“ดูเหมือนจะเป็ชื่อเก่าของพี่ลิ่วอี” ลูกน้องพูดด้วยเสียงต่ำ “ได้ยินมาว่าเขาไม่ได้ชื่อลิ่วอีมาก่อน เขาเพิ่งเปลี่ยนชื่อตอนที่มาอยู่กับหัวหน้าใหญ่”
พวกเขาลืมไปเสียสนิทว่ายังมีเหอชูซานที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะอย่างเงียบๆ— เด็กโชคร้ายที่รอดชีวิตมาได้คนนี้กำลังมองดูจานหนิวจ๋าเปื้อนเืบนโต๊ะด้วยสายตาเหม่อลอย
เชิงอรรถ
[1] น้ำบ่อไม่ยุ่งกับน้ำคลอง หมายถึง ต่างคนต่างอยู่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้