กู้เจิงถามซ้ำอย่างสงสัย “อะไรคือแบ่งส่วนสามสามสี่เ้าคะ?”
“ข้าลืมไปเลยว่าคนที่ดูแลหอสมุดแห่งนี้คือฮูหยินน้อยเสิ่น” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองกู้เจิงคล้ายจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เ้านายทั้งสองของเ้าตกลงจะมอบกำไรจากสี่ในสิบส่วนของหอสมุดให้เป็ของข้า”
คำพูดที่ทิ่มแทงของเขาทำให้กู้เจิงรู้สึกว่าแม่ทัพเยี่ยนผู้นี้ไม่ได้มาดี นางรีบพูดตอบกลับไปตรงๆ “ข้าไม่เห็นด้วยเ้าค่ะ”
“เ้ากล้าขัดพระประสงค์ขององค์รัชทายาทงั้นหรือ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองท่าทางร้อนรนของกู้เจิงอย่างพอใจ
ประโยคนี้ทำเอากู้เจิงต้องสงบลง ใช่แล้ว คนทั้งสามคนตรงหน้านางล้วนมีตำแหน่งสูงส่งและมีอำนาจ นางไม่อาจขัดอะไรได้ หางตาของนางมองไปยังเสิ่นเยี่ยน สีหน้าของเขาสงบนิ่ง แต่ั์ตากำลังให้กำลังใจนางอยู่
ท่าทางนิ่งสงบของสามีทำให้กู้เจิงรู้สึกมั่นใจ น้ำเสียงของนางจึงผ่อนคลายลง “ข้าไม่ได้จะขัดพระประสงค์เ้าค่ะ แต่ในเมื่อข้าเป็เถ้าแก่ของหอสมุดแห่งนี้ และก็ได้มีข้อสัญญาที่ตกลงกันไว้แล้ว ว่าข้าจะต้องได้หกส่วนและท่านอ๋องได้สี่ส่วนเ้าค่ะ”
“แต่ในเมื่อองค์รัชทายาทได้เอ่ยปากแล้ว สัญญาของเ้าก็ไร้ประโยชน์” เยี่ยนจื่อเซี่ยนกล่าวอย่างยียวน
กู้เจิงมองสีหน้าเฉยเมยขององค์รัชทายาท นางพูดมาตั้งมากขนาดนี้พระองค์ก็ยังนิ่งเฉย เพราะเหตุใดกันนะ? “ในสัญญา องค์รัชทายาทไม่ใช่คู่สัญญา แต่เป็ตวนอ๋องต่างหากที่เป็ ดังนั้น ข้าต่างหากที่เป็เ้าของหอสมุดที่แท้จริงและเป็คนออกคำสั่งได้เ้าค่ะ”
องค์รัชทายาทเลิกคิ้วขึ้น เขายกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
“ถ้าท่านแม่ทัพเยี่ยน้าเข้าร่วมเป็หุ้นส่วนก็ย่อมได้เ้าค่ะ” กู้เจิงมองหน้าแม่ทัพเยี่ยนอย่างไม่เกรงกลัว “แต่ต้องได้รับความยินยอมจากข้าก่อน”
“องค์รัชทายาทจะไม่กล่าวสิ่งใดหน่อยหรือพ่ะย่ะค่ะ?” เยี่ยนจื่อเซี่ยนส่งสายตาไปทางองค์รัชทายาท
องค์รัชทายาทถอนหายใจ “ถูกของนางที่ข้าไม่ใช่คู่สัญญา แม้ว่าข้าจะเป็องค์รัชทายาท แต่ข้าก็ไม่ควรจะใช้อำนาจกดขี่ผู้คน ใช่ไหม น้องห้า?”
“พ่ะย่ะค่ะ” ตวนอ๋องรู้สึกว่าสตรีนางนี้นับวันยิ่งกล้าขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันก็มองเสิ่นเยี่ยนที่ไม่พูดไม่จา เขาจะไม่พูดอะไรเลยหรือ?
“แล้วที่พระองค์รับปากกระหม่อมไปแล้วแต่มาบิดเบือนเช่นนี้ ไม่ถือเป็การใช้อำนาจกดขี่หรือพ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนจื่อเซี่ยนมององค์รัชทายาทอย่างไม่พอใจ
“เมื่อครู่เป็ข้าที่พลาดพลั้งไปชั่วขณะ”
เยี่ยนจื่อเซี่ยนเริ่มหงุดหงิด เขามองไปที่เสิ่นเยี่ยนก่อนจะเอ่ยถาม “เื่ที่เราตกลงกันในวันนี้ สตรีไม่ควรมายุ่งเกี่ยวใช่ไหมใต้เท้าเสิ่น”
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน เดิมทีความคิดในการทำหอสมุดก็คือฮูหยินของข้าเป็คนเสนอ และข้าก็เคยรับปากนางไปแล้วว่าเื่หอสมุดจะให้นางเป็คนจัดการแต่เพียงผู้เดียว ดังนั้นในเื่นี้ ข้าจะไม่เข้าไปยุ่งขอรับ” เสิ่นเยี่ยนตอบเรียบๆ
“ท่านแม่ทัพเยี่ยน การทำการค้าทำไมสตรีจะทำไม่ได้ และองค์รัชทายาทและตวนอ๋องล้วนเป็คนที่รักษาสัญญาและมีสัจจะ ในเมื่อตัวสัญญาเขียนไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าอำนาจในการตัดสินใจของหอสมุดเป็ใคร ย่อมต้องรักษาตามตัวสัญญานี้เ้าค่ะ” กู้เจิงสงสัยว่าท่านแม่ทัพเยี่ยนอยากจะเข้ามามีส่วนแบ่งเพื่ออะไร “ถ้าท่านแม่ทัพอยากจะเข้ามาเป็หุ้นส่วนจริงๆ ท่านจะต้องแสดงความจริงใจออกมาเ้าค่ะ”
“ความจริงใจ?” แม่ทัพเยี่ยนจื่อเซี่ยนหัวเราะเยาะ “ความจริงใจแบบไหนกัน?”
“ข้าเป็คนค้าคนขาย ย่อมหวังแต่ผลประโยชน์กำไร ขอเพียงการเข้าร่วมของท่านแม่ทัพสามารถทำให้ข้าหาเงินได้ก็พอเ้าค่ะ” กู้เจิงรู้สึกว่าคำพูดของนางถือเป็การเปิดทางให้เขา และในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้องค์รัชทายาทกับตวนอ๋องต้องลำบากใจอีกด้วย
เยี่ยนจื่อเซี่ยนขมวดคิ้ว เขาถนัดทั้งบุ๋นและบู๊ แต่สำหรับการค้าขายนั้นไม่เข้ามือจริงๆ แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าต้องทำอย่างไรถึงทำให้ผู้หญิงคนนี้หาเงินได้มากขึ้น
“เอาอย่างนี้แล้วกัน ขอเพียงท่านแม่ทัพเห็นด้วย ในสี่ส่วนของท่านอ๋อง แบ่งให้ท่านแม่ทัพไปสองส่วน เป็ยังไงเ้าคะ?” กู้เจิงคลี่ยิ้มบางๆ
ตวนอ๋องเบิกตากว้างอย่างหงุดหงิด เขาได้ส่วนแบ่งแค่สี่ในสิบ แล้วตอนนี้ยังต้องมามอบสองส่วนในนี้ให้เยี่ยนจื่อเซี่ยนอีก ทว่าของสตรีนางนี้มีอยู่หกส่วน แต่กลับไม่แบ่งเอาออกมาแม้แต่ส่วนเดียว
องค์รัชทายาทมุมปากกระตุกอย่างขบขัน เป้าหมายของเขามีเพียงการดึงตัวเยี่ยนจื่อเซี่ยนมาเข้าร่วมด้วย ส่วนที่เื่อื่นๆ เขาไม่ได้สนใจนัก แต่ฮูหยินน้อยเสิ่นผู้นี้ทำให้เขาขบขันได้เสียจริง
เยี่ยนจื่อเซี่ยนโมโหจัดจนหัวเราะออกมา “ฮูหยินน้อยเสิ่นคิดได้ดีเยี่ยม”
“ข้าก็ว่าเป็ความคิดที่ดีเ้าค่ะ ” กู้เจิงยิ้มรับคำชมอย่างหน้าไม่อาย
เยี่ยนจื่อเซี่ยนมองกู้เจิงอย่างเ็า “ได้ แต่วันหน้าไม่ว่าพวกท่านจะทำอะไร ข้าต้องได้ผลกำไรด้วย”
“แม่ทัพเยี่ยนพูดเช่นนี้ช่างแปลกนัก ในเมื่อไม่ยอมร่วมลงเรือลำเดียวกับข้า แต่กลับ้าผลประโยชน์ด้วย นี่หมายความว่ายังไงกันแน่?” องค์รัชทายาทไม่เข้าใจ
“คนอื่นต่างก็รู้ว่าตึกหลังนี้เป็ของจวนเยี่ยน วันนี้องค์รัชทายาทได้ก้าวเข้ามาในหอสมุดอย่างเปิดเผย ดูท่าคนในราชสำนักคงจะต้องคิดกันว่าได้รับข่าว คิดว่ากระหม่อมเป็พรรคพวกเดียวกับองค์รัชทายาทแล้ว ในเมื่อเป็เช่นนี้ หากกระหม่อมไม่สอดเท้าเข้าไป มิใช่ว่าจะขาดทุนมากหรอกหรือ? นอกจากนี้” เยี่ยนจื่อเซี่ยนเหลือบตาขึ้นกวาดมองทุกคนด้วยแววตาเยือกเย็น“การตายของพี่สาวของข้า พวกท่านคิดว่าข้าจะปล่อยพวกท่านไปจริงๆ น่ะหรือ?”
กู้เจิงมองแม่ทัพเยี่ยนจากไป ก่อนจะถอนหายใจ
“ดูท่า พวกเราคงไม่อาจดึงตัวแม่ทัพเยี่ยนมาเป็พวกได้” ตวนอ๋องกล่าวอย่างจนใจ
“แต่ไม่ว่าอย่างไร แม้เขาจะไม่ได้เป็ของเปิ่นไท่จื่อ* แต่คนนอกก็คงจะคิดว่าเขาเป็และคงจะไม่มีใครกล้าเรียกใช้เขาอีก เ้าว่ายังไงเล่า เสิ่นเยี่ยน?” องค์รัชทายาทถาม
(*สรรพนามเรียกแทนตัวเอง โดย ไท่จื่อ แปลว่า องค์รัชทายาท)
“แม่ทัพเยี่ยนเป็คนซื่อตรง ทำให้เขาไม่สามารถปล่อยวางเื่การตายของนายหญิงตระกูลฟู่ได้ และเื่นี้ก็คงทำให้เขาไม่สามารถไว้ใจองค์รัชทายาทได้พ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นเยี่ยนกล่าวตอบคำถาม
องค์รัชทายาทพยักหน้าพอใจ ั์ตาอ่อนโยนมองตวนอ๋อง “การกระทำนี้ของน้องห้าไม่เหมาะสมจริงๆ”
“กระหม่อมบุ่มบ่ามไปจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ” ตวนอ๋องยอมรับ
“แต่ฮูหยินน้อยเสิ่นช่างกล้านัก” ใบหน้าหล่อเหลาขององค์รัชทายาทดูมีรอยยิ้มขบขัน “สตรีทั่วไปพอเห็นแม่ทัพเยี่ยนล้วนใกลัวกันทั้งนั้น ไม่คิดว่าเ้าจะทำให้แม่ทัพเยียนยอมรับเงื่อนไขได้”
กู้เจิงยิ้ม “องค์รัชทายาทกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ หม่อมฉันไหนเลยจะมีความสามารถเช่นนั้นได้ เพียงแต่ในเมื่อองค์รัชทายาทกับตวนอ๋องมอบหอสมุดกับหม่อมฉันแล้ว นั่นมิใช่เพราะเห็นว่าหม่อมฉันมีความสามารถหรอกหรือ? ดังนั้นไม่ว่าในใจจะกลัวแม่ทัพเยี่ยนยังไง ก็ยังต้องกล้าพูดสิ่งที่อยากจะพูดออกมาเพคะ”
“พูดได้ดี” องค์รัชทายาทเอ่ยชม
ตวนอ๋องกวาดสายตามองท่าทางอ่อนโยนนอบน้อมของกู้เจิง ในใจของเขารู้สึกสับสนวุ่นวายไปหมด
หอสมุดในตอนนี้ มีลูกค้ามาจ่ายค่าธรรมเนียมรายเดือนแล้วเกือบร้อยคน ทั้งชั้นบนและชั้นล่างของหอสมุดเต็มไปด้วยผู้คน กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนออกไปส่งองค์รัชทายาทกับตวนอ๋องที่หน้าหอสมุด
บรรยากาศในหอสมุดเงียบสงบเหมาะแก่การอ่านหนังสือ แม้วันนี้คนจะเนืองแน่นมากเป็พิเศษ
“บรรยากาศแบบนี้ เปิ่นไท่จื่อเองก็อยากมาอ่านหนังสือที่นี่เหมือนกัน” องค์รัชทายาทมองเด็กหนุ่มที่อายุไล่เลี่ยกับเขา เขายิ้มพลางหันไปพูดกับเสิ่นเยี่ยนและตวนอ๋อง