ไม่นานนักเจียงหลิงจูก็หยุดเดินแล้วหันกลับมามองเนี่ยเทียน
เจียงหลิงจูที่ได้ดื่มน้ำสะอาดไปแล้วหนึ่งเหยือกจึงมีพละกำลังกลับคืนมาไม่น้อย ดวงตาสดใสเปล่งประกายวาววับ
สายตาของนางที่มองมายังเนี่ยเทียนแฝงไว้ด้วยการจับผิด ทำให้เนี่ยเทียนรู้สึกประหลาดชอบกล
เนี่ยเทียนหยุดชะงัก หันกลับไปมองข้างหลัง พบว่าผู้ประลองเ่าั้ของอารามเสวียนอู้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของูเาได้หายไปจากเส้นสายตาของเขาแล้ว
“คือว่า...” เจียงหลิงจูลังเลอยู่ครู่หนึ่งถึงได้กล่าวว่า “หยวนเฟิงและอวิ๋นซง เ้าเป็คนสังหารใช่หรือไม่?”
เนี่ยเทียนใจหายวาบ ทว่าใบหน้ากลับไม่เผยพิรุธใด ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ศิษย์พี่หญิง เ้าอย่าขู่ข้าสิ ข้าจะฆ่าหยวนเฟิงและอวิ๋นซงได้อย่างไร?”
เจียงหลิงจูคือไข่มุกเม็ดงามในฝ่ามือของเจียงจือซูเ้าสำนักหลิงอวิ๋น คือลูกศิษย์อันเป็จุดศูนย์กลางของสำนักหลิงอวิ๋น ส่วนเนี่ยเทียนนั้นคือเด็กจากตระกูลในสังกัดของสำนักหลิงอวิ๋น วันหน้าหากเขาถูกสำนักหลิงอวิ๋นนำตัวขึ้นเขา เนื่องจากเข้าสำนักช้ากว่า อย่างไรก็ต้องเรียกเจียงหลิงจูว่าศิษย์พี่หญิง
เขามั่นใจอย่างมากว่าก่อนที่ตัวเองจะอายุสิบห้าปี เขาต้องได้กลายเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงเรียกล่วงหน้าก่อนเสียเลย
“เ้านี่นะ ช่างใจกล้าบ้าบิ่นยิ่งนัก!” เจียงหลิงจูถลึงตาใส่เขาหนึ่งที เอ่ยว่า “อวิ๋นซงยังไม่เท่าไหร่ เขาตายไปก็ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไรนัก แต่หยวนเฟิงนั่น... ถูกหุบเขาเทามองเป็เมล็ดพันธ์แล้ว ผู้เฒ่าหลายคนของหุบเขาเทาล้วนให้ความสำคัญกับเขา”
“เื่ที่เ้าฆ่าเขา หากถูกเปิดโปง สำนักหลิงอวิ๋นของพวกเราก็คุ้มครองเ้าไม่ได้”
เนี่ยหลีมีสีหน้าของผู้ที่ได้รับความไม่เป็ธรรม “ข้าไม่ได้เป็คนทำ”
“เ้าหลอกเจิ้งปินได้ แต่หลอกข้าไม่ได้!” เจียงหลิงจูเริ่มโมโหเดือดพล่านแล้ว
“เ้ามีหลักฐานอะไร?” เนี่ยเทียนหน้าไม่เปลี่ยนสี
เจียงหลิงจูมองเขาด้วยสายตาลึกล้ำ อยู่ๆ ก็หัวเราะขึ้นมาเบาๆ จากนั้นถึงได้กล่าวว่า “เ้านี่นะ ช่างเก็บอารมณ์ได้เก่งจริงๆ ไม่ว่าจะเป็เพราะหยวนเฟิงและอวิ๋นซงาเ็หรือไม่ แต่เ้าขอบเขตต่ำกว่าเขา เ้าสามารถฆ่าเมล็ดพันธ์ของหุบเขาเทาได้ ข้าล่ะนับถือเ้ามากจริงๆ”
“ข้าก็บอกแล้วว่าไม่ได้ทำ” เนี่ยเทียนยังคงปฏิเสธ
“ปากแข็ง!” เจียงหลิงจูแค่นเสียงหนึ่งครั้ง กล่าว “บนร่างของหยวนเฟิงมีธงอยู่ผืนหนึ่ง ตอนนี้คงอยู่ในถุงผ้าคาดเอวของเ้าสินะ?”
เนี่ยเทียนตะลึง เงียบงันลงไปทันที
“ธงผืนนั้นคืออาวุธวิเศษขั้นสี่ชิ้นหนึ่ง ตอนที่พวกเราถูกสำนักโลหิตและสำนักภูตผีโอบล้อม เขาหยิบขึ้นมาต่อสู้ คลื่นพลังิญญาที่ธงผืนนั้นแผ่ออกมาทำให้ข้าเกิดความประทับใจอย่างลึกซึ้ง ข้าไม่มีทางจำผิดแน่นอน”
เจียงหลิงจูถลึงตามองเขา ด่าเบาๆ หนึ่งเสียง “เ้าโง่” จากนั้นก็พูดต่อ “อาวุธวิเศษระดับกลางขั้นสี่ไม่ใช่ของธรรมดา ต่อให้ไม่มีพลังิญญามากระตุ้น ขอแค่ไม่ถูกอาวุธพิเศษบางอย่างอำพราง มันก็จะปลดปล่อยคลื่นอ่อนๆ ออกมาด้วยตัวเอง”
“คาถาวิเศษที่ข้าฝึกมีความพิเศษ ข้าสามารถัักับคลื่นพลังิญญาที่เล็กน้อยเบาบางอย่างถึงที่สุดได้ และหลังจากที่ข้าพูดคุยกับเจิ้งปินจบ ด้วยความที่อยู่ใกล้เ้ามาก จึงััได้ถึงคลื่นเคลื่อนไหวเล็กน้อยที่มาจากธงผืนนั้น”
ไม่ให้โอกาสเนี่ยเทียนได้อธิบาย เจียงหลิงจูก็กล่าววิเคราะห์กับตัวเองต่อไป “ตามที่เ้าเล่าก่อนหน้านี้ หากอวี๋ถงสังหารหยวนเฟิงและอวิ๋นซง เ้าย่อมไม่มีโอกาสเอาธงผืนนั้นที่อยู่บนตัวของหยวนเฟิงมาได้ หากเ้าได้มาก่อนหน้าที่อวี๋ถงจะมาถึง ในเมื่อตอนนั้นหยวนเฟิงยังมีชีวิตอยู่ มีหรือที่เขาจะมอบอาวุธวิเศษระดับกลางขั้นสี่ให้กับเ้า?”
“นอกเสียจากว่าเขาตายแล้ว เ้าถึงจะสามารถเอาธงผืนนั้นมาจากร่างของคนตายได้”
“ดังนั้นก่อนหน้าที่เ้าจะเจอกับนางมารอวี๋ถง เ้าก็ได้ฆ่าหยวนเฟิงแล้วค้นเอาของบนร่างเขามาเรียบร้อยแล้ว”
พูดประโยคนี้จบ เจียงหลิงจูมองเขาอย่างภาคภูมิใจ ทำท่าทางราวกับ้าบอกว่าดูสิเ้าจะยังแถไปได้อย่างไรอีก
เนี่ยเทียนยิ้มเจื่อน เห็นว่าเจียงหลิงจูจับโกหกได้ จึงแบมือทั้งสองข้าง กล่าว “ศิษย์พี่หญิงร้ายกาจจริงๆ”
“นั่นมันแน่อยู่แล้ว!” เจียงหลิงจูเชิดหน้า
“ตอนที่หยวนเฟิงกับอวิ๋นซงเจอข้าก็มีท่าทางราวกับหมาบ้า คิดจะฆ่าข้าให้ได้ ข้าถูกบีบให้ไร้ทางเลือก ด้วยความจำใจ ข้าจึงต้อง...” เนี่ยเทียนพยายามอธิบาย
“เอาเถอะๆ!” เจียงหลิงจูโบกมือ ขัดขวางการอธิบายของเขา เอ่ยว่า “ใครจะไปมีอารมณ์อยากรู้สาเหตุเล่า? เ้าสองคนนั้นข้าเองก็ไม่ชอบขี้หน้าเหมือนกัน ฆ่าไปแล้วก็แล้วกันไป เพียงแต่ว่าต้องระวังหน่อย อย่าให้ถูกจับได้ก็พอ อืม จำไว้ ต้องยืนกรานคำเดียวว่านางมารอวี๋ถงแห่งสำนักโลหิตเป็คนฆ่าพวกเขา”
“อ้อ” เนี่ยเทียนพยักหน้า
“เอาธงผืนนั้นและของทั้งหมดที่เป็ของหยวนเฟิงมาให้ข้า เ้าห้ามพกมันติดตัวเด็ดขาด” เจียงหลิงจูแบมือขอ
หลังจากรู้ว่าธงผืนนั้นปลดปล่อยคลื่นอ่อนจางอยู่ตลอดเวลา มีความเป็ไปได้มากว่าจะทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะเสี่ยงภัย เนี่ยเทียนจึงหยิบเอาธงและแผนที่ที่ได้มาจากร่างของหยวนเฟิงมอบให้นางอย่างไม่ลังเล
เจียงหลิงจูรับธงและแผนที่มา กดลงไปบนกำไลหยกบนข้อมือหนึ่งครั้ง ธงและแผนที่นั่นก็หายไปทันที
ดวงตาเนี่ยเทียนเปล่งประกายน้อยๆ
“นี่คือสมบัติล้ำค่าที่มีระดับสูงยิ่งกว่าถุงผ้าของเ้ามากนัก หากไม่เป็เพราะข้ามีท่านพ่อที่ดี ก็คงไม่มีทางได้กำไลเช่นนี้มาครอง” เจียงหลิงจูอธิบายลวกๆ หนึ่งประโยค “ถุงผ้าของเ้าที่ใช้เก็บธงและแผนที่ไม่สามารถสกัดกั้นการไหลออกของคลื่นอ่อนจางในถุงได้ ต่อไปเมื่อเ้าออกไปจากโลกมายามรกตแล้ว ผู้ที่มารอรับของหุบเขาเทาก็จะััได้ถึงธงในถุงผ้าของเ้าทันที ถึงเวลานั้นไม่ว่าเ้าจะอธิบายอย่างไรก็คงฟังไม่ขึ้น”
เนี่ยเทียนหน้าเปลี่ยนสี รีบเอ่ยอย่างเป็การเป็งานว่า “ขอบคุณศิษย์พี่หญิง”
“ช้าเร็วเ้าก็ต้องได้เป็คนของสำนักหลิงอวิ๋น ข้าช่วยเ้าจึงเป็เื่ที่สมควรแล้ว” เจียงหลิงจูยิ้มตาหยีแล้วจึงพูดอีกว่า “ยังมีอีก เ้าถึงขนาดฆ่าหยวนเฟิง! บนตัวเ้ายังซุกซ่อนความลับไว้อีกมากมายแค่ไหน? รีบเล่าให้ข้าฟังเสียโดยดี!”
“ไม่มีแล้ว!” เนี่ยเทียนรีบส่ายหัว
“หึ! นึกว่าข้าไม่รู้รึ?” เจียงหลิงจูกลอกตาใส่เขา พูดอย่างเดือดพล่านว่า “วันนั้นที่ท่านพ่อข้ากลับมาจากตระกูลเนี่ยของพวกเ้า บอกว่ามีเด็กใจกล้าบ้าบิ่นคนหนึ่งที่ถึงขนาดกล้าพูดโกหกต่อหน้าต่อตาเขา ตอนหลังข้าถึงได้รู้จากปากของท่านอาลี่ว่าเ้าหมอนั่นก็คือเ้า!”
“ฟ้าดินเป็พยาน ข้าจะกล้าโกหกท่านเ้าสำนักได้อย่างไร? ข้าก็แค่ใจนจำอะไรไม่ได้ก็เท่านั้น!” เนี่ยเทียนหดหัว
“หยุดเลย ในที่สุดข้าก็ได้รู้แล้ว ตระกูลเนี่ยของพวกเ้า เ้านี่แหละที่ร้ายกาจที่สุด!” เจียงหลิงจูมองดูแล้วเหมือนจะโกรธ แต่ในความเป็จริงแล้วไม่ได้โกรธจริงๆ ในสายตาของนาง เนี่ยเทียนที่สามารถฆ่าเมล็ดพันธ์ของหุบเขาเทาได้ ในเมื่อเป็คนของตระกูลเนี่ย นั่นก็เท่ากับเป็ลูกศิษย์สำนักหลิงอวิ๋นของพวกนาง
ได้มีลูกศิษย์ที่เพิ่งจะอายุสิบขวบ แต่กลับกล้าหาญบ้าระห่ำขนาดนี้ ทั้งยังเหี้ยมโหดเช่นนี้ ถือเป็ความโชคดีอย่างใหญ่หลวงของสำนักหลิงอวิ๋น!
นางแอบตัดสินใจกับตัวเองแล้วว่า รอบนี้หากมีชีวิตรอดออกไปจากโลกมายามรกต จะขอร้องท่านพ่อของนาง ต่อให้ต้องแหกกฎของสำนักหลิงอวิ๋นสักพันข้อ อย่างไรก็ต้องรับตัวเนี่ยเทียนขึ้นเขาก่อนกำหนดให้ได้
นางรู้สึกได้รำไรว่า พวกอันซืออี๋จากหอหลิงเป่า และยังมีอันอิ่งกับพันเทา ดูเหมือนว่าจะให้ความสำคัญกับเนี่ยเทียนอย่างถึงที่สุด
---นางกลัวว่าหอหลิงเป่าจะชิงตัวเขาไปก่อน
“หอหลิงเป่า! คนของหอหลิงเป่าก็มาแล้ว!” และเวลานี้เอง อีกฝั่งหนึ่งของูเา มีเสียงกรีดแหลมของหันซินแห่งอารามเสวียนอู้ดังลอยมา
“เอาตามนี้ก่อน รอจนเ้าไปอยู่ในสำนักหลิงอวิ๋นแล้ว ข้าจะคืนธงให้กับเ้า” เจียงหลิงจูกล่าวเสียงเบา
“ขอบคุณศิษย์พี่หญิง” เนี่ยเทียนเอ่ยด้วยความจริงใจ
ในใจเขาเข้าใจดี หากเจียงหลิงจูไม่เก็บธงนั้นเอาไว้ในกำไลข้อมือก่อน ต่อไปเมื่อออกจากโลกมายามรกต เขาอาจจะถูกหุบเขาเทาเปิดโปงคำโกหกและแลกมาด้วยหายนะที่นำความตายมาสู่ตนได้
แม้ว่าเขาจะฉลาดมากพอ แต่เนื่องจากความรู้ด้านอาวุธวิเศษระดับสูงของเขามีไม่มากพอ บวกกับที่ไม่มีอาวุธวิเศษใดๆ ติดตัว ไม่รู้ว่าอาวุธวิเศษที่ร้ายกาจสามารถปลดปล่อยคลื่นเคลื่อนไหวอ่อนๆ ออกมาได้ตลอดเวลา จนเกือบจะทำพลาดครั้งใหญ่
ทั้งๆ ที่เจียงหลิงจูรู้ว่าเขาฆ่าหยวนเฟิงและอวิ๋นซง ทว่านางไม่เพียงแต่ไม่กล่าวโทษ ทั้งยังช่วยปกปิดให้เขาด้วย น้ำใจครั้งนี้เขาจดจำไว้ในใจแล้ว
“ไปดูกันเถอะว่าใครมา” เจียงหลิงจูกล่าว
เนี่ยเทียนพยักหน้า คนทั้งสองไม่พูดมากความอีก ไม่นานก็กลับมาถึงจุดที่ทุกคนรวมตัวกัน
“เนี่ยเทียน! เ้ายังมีชีวิตอยู่!”
พันเทาของหอหลิงเป่าพอหันมาเห็นเขาก็พุ่งเข้าหาด้วยความตะลึงระคนดีใจทันที ต่อยๆ ลงไปที่หน้าอกเขาแรงๆ หนึ่งหมัด “ข้านึกว่าเ้าตายไปนานแล้ว!” พันเทาตาแดงขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าตื้นตันอย่างมาก
ในหอหลิงเป่า เขาเป็คนที่ยอมรับเนี่ยเทียนมากที่สุด เขารู้ความไม่ธรรมดาของเนี่ยเทียน ในใจมองเนี่ยเทียนเป็สหายร่วมรบนานแล้ว
ตอนที่เนี่ยเทียนยืนยันจะจากไปให้ได้ เขาเป็คนที่พยายามดึงรั้งเอาไว้อย่างสุดกำลัง เขาไม่อยากให้เกิดเื่กับเนี่ยเทียนด้วยใจจริง
“เหอะ เหอะ ทุกคนไม่เป็อะไรก็ดีแล้ว” เนี่ยเทียนยิ้มสดใส พบว่านอกจากพันเทาแล้ว อันอิ่งและเจิ้งรุ่ย รวมไปถึงเจียงเหมียวต่างก็ปลอดภัยดี
“ไม่ใช่ทุกคนที่ปลอดภัย” ดวงตาของอันอิ่งแห่งหอหลิงเป่ามืดสลัวลง “มีแค่พวกเราสี่คนเท่านั้นที่มีชีวิตรอด พวกถงฮ่าว กัวฉี ล้วนตายกันหมดแล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เนี่ยเทียนก็ถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง และเงียบงันลงทันที
-----