ทันใดนั้นหนิงเทียนผู้รู้แจ้งอย่างกะทันหันก็มีความคิดมากมายในใจ ความเป็ไปได้ต่างๆ เข้ามาในใจไม่หยุดหย่อน
ชายชราในภาพสลักหินนี้จะคล้ายกับสิ่งที่ต้นไม้โบราณกล่าวไว้เกี่ยวกับบุคคลในภาพหรือไม่?
ไม่ว่าจะถูกจำคุก ซ่อนตัว หรือมีเหตุผลอื่นๆ
หนิงเทียนไม่สามารถระบุเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงได้ แต่เขารู้สึกว่าชายชราคนนี้น่าจะมีความลับสุดยอด ไม่เช่นนั้นจะไม่ดึงดูดสรรพชีวิตในความมืดมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร
หลังจากเดินวนรอบแผ่นศิลาสองรอบ หนิงเทียนก็สังเกตเห็นสัญลักษณ์ที่ด้านขวาล่างของ ‘คำสั่งห้าม’ มันเหมือนกับดวงตาที่มองหนิงเทียนโดยไม่ลังเลใจ บ่งบอกถึงความเฉยเมยและมีศักดิ์ศรี
ความรู้สึกนั้นทำให้ร่างกายตึงเครียด และหนิงเทียนก็ไม่ชอบมันมาก
กลับมาที่ด้านหน้าแผ่นศิลา หนิงเทียนจ้องชายชราในภาพสลักหิน แล้วคิดในใจว่า มีวิธีใดที่ปลอดภัยกว่านี้หรือไม่? ที่จะทำให้เขาสามารถเข้าไปชมภายในภาพสลักหินนี้ได้โดยไม่ถูกจำกัดการออกมา?
เื่นี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอนมากมาย อย่างแรกคือจะเข้าอย่างไรให้ปลอดภัย
อย่างที่สอง เมื่อเข้าไปแล้วจะออกมาได้อย่างไร
อย่างที่สาม ชายชราท่าทางง่อนแง่นจะมาดีหรือร้าย หลังจากเข้าไปแล้วอีกฝ่ายจะฆ่าเขาหรือไม่
เมื่อมีข้อควรพิจารณาอื่นๆ มากมายเช่นนี้ หนิงเทียนจึงเกิดความลังเล เขาไม่แน่ใจว่านี่คือโชคชะตาหรือสิ่งชั่วร้ายกันแน่
หนิงเทียนหันกลับมามองความมืดที่อยู่นอกโล่แสง เสียงคำรามกระสับกระส่าย เสียงฟู่แหลมโหยหวนรุนแรง เสียงกรีดร้องคร่ำครวญ เสียงกระซิบแ่เบา ทุกเสียงผสมผสานกันจนสร้างเป็บรรยากาศอันน่าสะพรึง
หนิงเทียนไม่ค่อยรู้จักโลกมากนัก เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่านี่คือโลกแบบไหน ความสำคัญของแผ่นศิลาที่ตั้งอยู่ที่นี่คือสิ่งใดก็ไม่อาจทราบได้?
หนิงเทียนหยิบพู่กันิญญาหลากสีออกมา ก่อนจะใช้ทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์เพื่อสร้างโครงร่างต้นไม้ใหญ่ที่มีความแข็งแกร่งของิญญาอสูรระดับสาม เขาให้มันเข้าไปใกล้ขอบโล่แสง พยายามให้มันลองออกไปด้านนอก
ต้นไม้ใหญ่ส่องประกายด้วยแสงสีเขียว เห็นได้ชัดว่ามันรู้สึกหวาดกลัวเมื่ออยู่ใกล้ขอบโล่แสง ทำให้หนิงเทียนยิ่งตื่นตระหนกและกลัวจากเหตุการณ์นั้น
หนิงเทียนควบคุมต้นไม้ใหญ่ ก่อนมันจะหลุดออกจากโล่แสงไปพร้อมเสียงดังหวือ และถูกโจมตีโดยสิ่งมีชีวิตที่อธิบายไม่ได้ในความมืด
ต้นไม้ใหญ่เปล่งประกายและพยายามอย่างเต็มที่ แต่น่าเสียดายที่มันพังทลายลงในทันที
เมื่อมองผ่านต้นไม้ใหญ่ หนิงเทียนจึงเห็นร่างที่คลุมเครือ มีทั้งอสูร ิญญาร้าย นอกจากนี้ยังมีสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์ ซึ่งทั้งหมดล้วนมีกลิ่นอายของความตาย
หนิงเทียนรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว โลกภายนอกน่ากลัวกว่าที่คิด หากไม่มีแผ่นศิลาคุ้มครอง เขาคงจะต้องตายอยู่ที่นี่เช่นกัน
แผ่นศิลาคือสิ่งที่ช่วยชีวิต มันมีความลับอะไรซ่อนอยู่กันแน่?
ด้วยการใช้ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ กล้วยไม้เซียนเก้าชีวิตในร่างกายของหนิงเทียนตื่นขึ้นทันที แผนที่จิติญญาทั้งเก้าในเส้นลมปราณได้รับการฟื้นคืนชีพทีละส่วน จากนั้นประตูก็ปรากฏขึ้นนอกร่างกายของเขา
นี่คือประตูสู่์ ปกครองดิน ไฟ น้ำ ลม ดอกไม้ หญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์
เปลวเพลิงสี่สีพันรอบร่างของหนิงเทียน โดยแตกแขนงออกเป็เส้นเล็กๆ เหมือนอสรพิษเพลิงที่ว่ายไปทางแผ่นศิลา
ภาพสลักหินเรืองแสง เมื่ออสรพิษเพลิงเข้าไปใกล้ มันก็ถูกดีดกระเด็นออกไปทันที
หนิงเทียนไม่ท้อแท้และพยายามต่อไป เขาผสานพลังเข้ากับโหมวาโยคุมเทวัญเพื่อสร้างพลังแห่งสายลมและเปลวเพลิง
คราวนี้สถานการณ์ดีขึ้นเล็กน้อย แม้ยังคงถูกดีดกลับเช่นเดิม
ลมและไฟยังไม่เพียงพอ ดังนั้นดินและน้ำจึงต้องเข้าช่วย หนิงเทียนยังคงพยายามต่อไปโดยผสมผสานพลังของการตั้งอาณานิคมจากทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ หลังจากพยายามซ้ำๆ มากกว่าสิบครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้รับประสบการณ์บางอย่าง
“มีพื้นที่ซ้อนทับอยู่จริงๆ พื้นที่นี้มีลักษณะคล้ายกับการประทับตราเลย”
หนิงเทียนตื่นเต้นมาก เขาไม่กล้าใช้จิตรกรรมิญญาดึงตัวเองเข้าไปอยู่ในนั้น เนื่องจากกลัวการถูกขังอยู่ข้างในและไม่อาจออกมาได้อีก แต่เขายังอยากค้นหาความลับที่ซ่อนอยู่ในภาพสลักหินนี้
หลังจากสำรวจและทดลองอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดหนิงเทียนก็ใช้ดอกไม้ หญ้า ต้นไม้ และเถาวัลย์เป็พาหะ และใช้ดิน ไฟ น้ำ และลมเป็เครื่องยึดเหนี่ยว ค่อยๆ ซึมเข้าไปในภาพสลักหินอย่างยากลำบาก
ในนั้นเป็โลกมนุษย์ต่างดาวจริงๆ ชายชรากำลังแกะสลักแผ่นศิลาอยู่ในพื้นที่พิเศษ
จากการวิเคราะห์ของหนิงเทียน นี่เป็เหมือนโลกที่ถูกปิดผนึกไว้อย่างเป็เอกราช มีพื้นที่ไม่มาก แต่ครบถ้วนสมบูรณ์
แผ่นศิลาที่ชายชราแกะสลักไว้กระจายอยู่ทั่วพื้นที่ มีทั้งหมดสิบสองแผ่น ทั้งหมดล้วนถูกการแกะสลักเสร็จสิ้นแล้ว
ในเวลานี้ ชายชรากำลังแกะสลักแผ่นศิลาแผ่นที่สิบสาม
หนิงเทียนควบคุมความเร็วในการเจาะทะลุ แต่เขาไม่คาดคิดว่าชายชราจะสังเกตเห็นเขาก่อนที่เขาจะเข้ามาใกล้ด้วยซ้ำ แสงกระบี่เปล่งประกายแวววาว ความพยายามทั้งหมดของหนิงเทียนสูญเปล่าทันที
หนิงเทียนที่ลอบสาปแช่งกำลังพยายามเป็ครั้งที่สอง คราวนี้เขาระมัดระวังมากขึ้น แต่ก็ยังถูกทำลายด้วยปราณกระบี่ของชายชราเช่นเดิม
ดูเหมือนชายชราจะไม่อยากให้ใครแอบดูทุกสิ่งเกี่ยวกับตน และทัศนคติของเขาต่อผู้บุกรุกก็ชัดเจนมาก
หนิงเทียนไม่ยอมแพ้และพยายามต่อไป ในขณะที่วิเคราะห์จิตวิทยาของชายชรา และคิดว่าจะหลีกเลี่ยงการถูกเขาลบล้างได้อย่างไร
ตัวของหนิงเทียนนั้นยังไม่กล้าเข้าไป เพียงแค่รังสีแห่งจิตสำนึกนั้น เขาก็ไม่มีความสามารถในการต้านทานแล้ว
เขาพยายามถึงสิบสองครั้ง แต่ทั้งหมดถูกสับเป็ชิ้นๆ ด้วยกระบี่ของชายชรา ซึ่งทำให้เขาหดหู่ใจแทบตาย
ชายชราคนนี้ที่ใช้ชีวิตอยู่กับอดีตเก่งมากในการดึงกลอุบายออกมา แต่อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะหันหน้ามามองเขาด้วยซ้ำ
คิดว่าข้าจะทำอะไรไม่ได้จริงหรือ!
หนิงเทียนกัดฟัน เปิดกำไลหยกหยวน แล้วหยิบม้วนภาพขึ้นมา
นี่คือิญญาอาวุธม้วนภาพิญญาที่หนิงเทียนได้มาจากประตูหลากสี มันสามารถพูดและวิ่งได้ซึ่งมหัศจรรย์มาก
“เ้าเด็กหน้าเหม็น เ้าอยากทำให้ข้าหายใจไม่ออกจนตายใช่หรือไม่?”
ทันทีที่ม้วนภาพเปิดออก มันก็เริ่มโวยวายสาปส่งด้วยความโกรธในทันที
หนิงเทียนคลี่ม้วนภาพออก ก่อนจะเห็นว่าวิมานหยกอันงดงามในม้วนภาพมีความสง่างามราววัง์ที่มีร่องรอยของกลิ่นอายลึกลับปรากฏออกมา
ิญญาอาวุธถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนมันจะตระหนักได้ถึงบางสิ่งที่แตกต่างออกไปในสภาพแวดล้อมที่อยู่ในยามนี้
“เ้าหนู อยากทำอะไรล่ะ?”
หนิงเทียนหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ข้าอยากให้ท่านทำอะไรสักอย่างเพื่อข้า”
“หยุดเลย ทำไมข้าต้องฟังเ้าด้วย ด้วยความสามารถอันน้อยนิดของเ้า ไม่มีทางที่เ้าจะทำให้ข้ายอมเชื่อฟังเ้าได้หรอก”
หลังจากโต้เถียงกันเป็เวลานาน ิญญาอาวุธก็เริ่มดูแคลน มันรู้สึกว่าระดับของหนิงเทียนต่ำเกินไป
“ตอนนี้เ้าอยู่ในมือข้าแล้ว เชื่อหรือไม่ว่าข้าสามารถลงโทษเ้าได้?”
หนิงเทียนแสดงท่าทีดุร้าย เขา้าทำให้ิญญาอาวุธหวาดกลัว เพื่อขู่ิญญาอาวุธให้เชื่อฟังคำสั่งของตน
“ลงโทษข้าหรือ? มาเลย อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่ต้องลังเลแม้แต่น้อย”
ิญญาอาวุธไร้ความกลัว มันต้องกลัวด้วยหรือ?
หนิงเทียนรู้ว่าม้วนภาพนี้ทนทานต่อไฟและน้ำ แต่เขายังมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์และมั่นใจในความสำเร็จ
“ข้าจะวาดเต่าตัวน้อยให้เ้าก่อน แล้วค่อยวาดกองมูลวัว แล้วเติมดอกไม้ลงไป แค่นี่ก็ได้แล้ว...ฮ่าฮ่าฮ่า”
เมื่อิญญาอาวุธได้ยินสิ่งนี้ มันก็คิดว่าคนผู้นี้ช่างไร้ความปรานี และอยากทำให้มันป่วย
“หากเ้าสามารถวาดสิ่งใดบนร่างของข้าได้ นั่นถือว่าเ้ามีความสามารถแล้ว”
“ถ้าข้าไม่เติมสีวังหยกให้เสียบ้าง เ้าคงไม่รู้ว่าใครเป็นาย”
หนิงเทียนหยิบพู่กันิญญาหลากสีและขวดหยกขาวดำออกมา ใช้แสงิญญาเป็วัสดุ ผสมผสานทักษะขัดเกลาอาวุธเข้ากับทักษะจิตรกรรมิญญาไร้ลักษณ์ แล้วใช้แสงิญญาชั่วร้ายเป็สี ปลายพู่กันฉายแสงแวววาวพร้อมเคลื่อนไหวราวันาคา จรดปลายพู่กันลงบนม้วนภาพ แล้วทิ้งร่องรอยเอาไว้บนม้วนภาพได้จริงๆ
“เ้าเด็กบ้า หยุดนะ เ้าคนนิสัยเสีย กล้าดีอย่างไรมาขีดเขียนบนร่างข้า ลบมันออกไปเดี๋ยวนี้!”
ิญญาอาวุธรู้สึกขนลุกไปหมด มันคาดไม่ถึงว่าหนิงเทียนจะเชี่ยวชาญในทักษะขัดเกลาอาวุธ และสามารถใช้แสงิญญาเป็วัสดุซึ่งสิ่งนี้เกิดขึ้นเพื่อเป็ศัตรูกับมันโดยเฉพาะ
มันไม่ใช่ิญญาอาวุธธรรมดาๆ จึงเป็เื่ยากสำหรับคนธรรมดาที่จะทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้บนตัว ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทาสีเลย
แต่หนิงเทียนพูดถูก สิ่งนี้ทำให้ิญญาอาวุธหดหู่มาก
“ถ้าเ้ายอมเชื่อฟัง...”
“ไม่มีทาง!”
“เช่นนั้นทำต่อ ข้าจะวาดเต่าตัวน้อยก่อน จากนั้นก็กองมูลวัว แล้วก็...”
“เ้าเด็กบ้า เ้าคนน่ารังเกียจ...”
ิญญาอาวุธสาปแช่ง แต่หนิงเทียนกลับหัวเราะแล้ววาดภาพเต่าตัวน้อยต่อไป
“หยุด ได้ยินข้าหรือไม่!”
“เ้าต้องเชื่อฟัง...”
หนิงเทียนชะลอตัวลง ในความเป็จริง เขาไม่อยากเสียแสงิญญาไป เขาแค่อยากบังคับิญญาอาวุธให้ยอมก้มหัวช่วยเขาทำเื่ต่างๆ ก็เท่านั้น
“เ้าคนนิสัยเสียที่น่ารังเกียจ ข้าสามารถพิจารณาช่วยเหลือเ้าในเื่บางอย่างได้ แต่ความสัมพันธ์ของเราเท่าเทียมกัน ข้ายังไม่ยอมรับเ้าเป็นายเช่นเดิม”
หนิงเทียนคิดอยู่ครู่หนึ่งและตระหนักว่าข้อเสนอนี้ดูเหมือนจะได้ผล ไม่สำคัญว่ามันยอมรับเขาเป็นายหรือไม่ สิ่งสำคัญคือมันเต็มใจที่จะเชื่อฟังและทำเื่ต่างๆ ให้ก็เท่านั้น
“เห็นแก่เ้าที่มีความจริงใจ ข้าฝืนใจยอมรับก็ได้”
หนิงเทียนเก็บพู่กันด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ ราวกับเขาประสบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
ิญญาอาวุธโกรธจนเกือบตาย แต่เ้ายังไม่พอใจอีก เพียงแค่ผู้เฒ่าผู้นี้ไม่อาจหนีไปไหนได้หรอกนะ ฉะนั้นแล้วต่อให้เป็ผีข้าก็ไม่สนใจเ้าหรอก
“เ้าคนน่ารังเกียจ”
หนิงเทียนพูดด้วยยิ้ม “เ้าเรียกข้าว่าคนน่ารังเกียจหรือ?”
“เ้ามันทั้งน่ารังเกียจและต่ำช้า เป็ตัวร้ายที่ไร้ยางอาย”
ิญญาอาวุธสาปแช่งอย่างขุ่นเคือง
หนิงเทียนหัวเราะและพูดติดตลกว่า “ข้าน่ารังเกียจและไร้ยางอายมาก เช่นนี้เ้าควรเลือกใช้ชื่อน่าบัดสีแบบใดให้เหมาะกับการอยู่กับข้าดีเล่า?”
“เ้าคนเลวทราม เรียกข้าว่าวาดหทัย...บ้าเอ๊ย...ถูกหลอกแล้ว”
ิญญาอาวุธโกรธจนแทบบ้า หนิงเทียนหลอกถามชื่อมันได้ด้วยการพูดเพียงไม่กี่คำ ซึ่งทำให้มันไม่ดีอย่างยิ่ง ยามนี้มันไม่ต่างจากไก่ผู้พ่ายแพ้[1]
“วาดหทัย? ช่างเป็ชื่อที่น่าสงสารจริงๆ”
หนิงเทียนยังคงโจมตีเป้าหมายต่อไป ซึ่งทำให้ิญญาอาวุธโกรธจัด
“เ้าเด็กหน้าเหม็น เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะสู้กับเ้าจนตาย”
หนิงเทียนยิ้มและพูดว่า “อย่ากังวลไปเลย ไปเอาแผ่นศิลานี้ให้ข้าก่อน แล้วค่อยมาพูดถึงเื่ความสิ้นหวังอีกครั้ง”
หนิงเทียนหันกลับไปมองแผ่นศิลา และแสดงความคิดภายในของตนต่อิญญาอาวุธ
“ชายชราคนนั้นอาจมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่ในตัว เ้าต้องเข้าไปค้นหาอย่างระมัดระวัง...”
“ถุ้ย! เ้ากำลังขอให้ข้าไปเป็ตัวรับหอกหรือ เ้ารู้ที่มาของแผ่นศิลานี้หรือไม่?”
หนิงเทียนตกตะลึงและถามด้วยความประหลาดใจ “เ้ารู้ที่มาของแผ่นศิลาหรือ?”
ม้วนภาพลอยไปที่อีกด้านหนึ่งของแผ่นศิลา จ้องมองตราประทับแล้วพูดว่า “นี่คือสัญลักษณ์ของจักรพรรดิมรกต คล้ายกับดวงตา เป็เครื่องหมายอันเป็เอกลักษณ์ มันมีเหตุและผลใหญ่โต เชื่อมโยงอย่างแยกไม่ออกกับผู้สูงสุดในแดนิญญา”
“สัญลักษณ์ของจักรพรรดิมรกต? ใบไม้ที่มีลักษณะคล้ายตา อาจเป็ไปได้ว่าจักรพรรดิมรกตตนนี้จะเป็ต้นไม้ใหญ่หรือไม่ก็ิญญาพฤกษา”
ิญญาอาวุธวาดหทัยเพิกเฉยต่อคำถามของหนิงเทียน แล้วลอยกลับมาที่ด้านหน้าของแผ่นศิลา ก่อนจะมองชายชราท่าทางง่อนแง่นในภาพสลักหิน
“ถ้าเ้า้าเรียนรู้งานฝีมือของเขา เ้าต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยน นี่คือกฎ”
หนิงเทียนถามอย่างสงสัย “จะแลกเปลี่ยนอย่างไร แล้วต้องแลกกับสิ่งใด?”
วาดหทัยพึมพำ “ข้าจะลองเข้าไปถามให้เอง”
จากนั้นม้วนภาพก็กะพริบแสงแวววาว ก่อนจะกลายเป็ก้อนแสงทะลุเข้าไปในภาพสลักหิน
หนิงเทียนทั้งใและประหลาดใจ เขาลูบคางด้วยดวงตาที่ฉายประกายประหลาด ดูเหมือนว่าเขาจะประเมินิญญาอาวุธชิ้นนี้ต่ำไป
ข้าจำได้ว่าิญญาอาวุธพูดไว้เมื่อครั้งที่แล้วว่า ถ้าเขากับมันมีส่วนเกี่ยวข้อง มันจะติดตามเขาในอนาคต
ความจริงที่ว่าิญญาอาวุธเยาะเย้ยเขาแสดงให้เห็นว่าิญญาอาวุธไม่เพียงแต่หยิ่งผยอง แต่ยังทรงพลังอีกด้วย ซึ่งสามารถเห็นได้จากการที่มันสามารถเข้าและออกจากภาพสลักหินได้อย่างง่ายดาย
เมื่อมองอย่างระมัดระวัง ยามนี้ภาพสลักหินบนแผ่นศิลากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เป็ม้วนภาพที่เข้าไปวนเวียนอยู่รอบร่างของชายชราท่าทางง่อนแง่น
ผ่านไปสักครู่หนึ่ง ดวงตาของหนิงเทียนเป็ประกายด้วยแสง ม้วนภาพลอยกลับมาพร้อมข้อความของชายชรา
“ข้าถามให้แล้ว เขาตกลงให้เ้าดูเขาแกะสลักแผ่นศิลาที่สิบสาม แต่เ้าต้องสัญญากับเขาอย่างหนึ่ง”
“เื่อะไรหรือ?”
“ฆ่าใครสักคนเพื่อเขา”
หนิงเทียนตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะขมวดคิ้วอย่าวครุ่นคิด
“ฆ่าหรือ เกรงว่าข้าจะไม่สามารถฆ่าคนที่เขา้าได้ในขอบเขตที่มีในยามนี้”
วาดหทัยกล่าวว่า “แน่นอนว่าเ้าไม่สามารถทำให้สำเร็จได้ในตอนนี้ แต่เงื่อนไขนี้ไม่มีการจำกัดเวลา เ้าสามารถรอจนกว่าขอบเขตดีขึ้นก่อนจึงจะลงมือได้”
---------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ไก่ผู้พ่ายแพ้ (像斗败了的公鸡) แปลว่าจิตใจสับสน เนื่องจากความพยายามที่ทำมาไร้ค่า และต้องพบกับความพ่ายแพ้จนหดหู่ใจ
