ด้วยเหตุนี้ตำหนักเฟิ่งชัยจึงมีคนเดินเข้าออกตลอดเวลา
ยามนี้บริเวณหน้าประตูทางเข้าตำหนักปรากฏคนสองคนยืนพิงกันอยู่
“ผลเป็อย่างไรบ้าง?” ซ่งอี้เฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเ็าและดวงตาของเขาในคืนนั้นเคร่งขรึมยิ่งนัก ทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างหวาดกลัวกันมากยิ่งขึ้น
หัวหน้าหมอหลวงที่กำลังคุกเข่าตัวสั่นสะท้านและอ้ำอึ้งอยู่นานโดยไม่เอ่ยสิ่งใด
อาจเป็เพราะเกิดความวุ่นวายมากเกินไปภายในครึ่งชั่วยาม คนในวังหลวงที่มีตำแหน่งสูงจึงมากันเกือบครบ
หลังจากฮ่องเต้ขึ้นครองบัลลังก์เื่การมีรัชทายาทนั้นเป็เื่ยากลำบากสำหรับตำหนักหลัง นอกจากอวิ๋นฮองเฮาในตอนนั้นก็ไม่มีข่าวดีอีกเลย ทว่าฮองเฮากลับโดน......ยามนี้ครรภ์ของลี่เจาอี๋ย่อมได้รับความสนใจอย่างมาก และยามนี้ก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างเช่นนี้อีกครั้ง
เต๋อเฟยพาผินเฟยจำนวนหนึ่งมารอด้านนอกอยู่ก่อนแล้ว ผ่านไปครู่หนึ่ง หัวหน้าหมอหลวงก็ออกมา
“คล้ายลี่เจาอี๋จะเสวยอาหารที่กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต อีกทั้งอาหารมีฤทธิ์เย็นมากเกินไป” หัวหน้าหมอหลวงอธิบายตามหลักการแพทย์ จากนั้นจึงสั่งให้นำอาหารมื้อเย็นที่รับประทานทั้งหมดออกมาอีกครั้ง
เหยียนอู๋อวี้หลุบตาลงโดยไม่เอ่ยสิ่งใด ก่อนจะเหลือบมองนางกำนัลทยอยนำอาหารมาวางต่อหน้าหมอหลวงเพื่อให้ตรวจสอบทีละคน
อาหารเหล่านี้ล้วนเป็อาหารทั่วไปในวังหลวง ทว่ามีอาหารจานหนึ่งที่หัวหน้าหมอหลวงให้ความสนใจ โดยหัวหน้าหมอหลวงขมวดคิ้วและกล่าวว่า “ผักโขมจานนี้มีฤทธิ์เย็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเติมอาหารที่กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตจำนวนมากเข้าไป อาหารที่มีฤทธิ์เป็ยานี้อยู่บนโต๊ะเสวยของลี่เจาอี๋ได้อย่างไร?”
ผักโขมหรือ? อาหารประเภทนี้มีฤทธิ์เย็น ทว่าหากเติมสิ่งที่กระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ก็จะกลายเป็ยาสำหรับการทำแท้งที่ดีอย่างแน่นอน!
เหยียนอู๋อวี้มองจานที่อยู่ตรงหน้านางซึ่งคล้ายจะเป็อาหารประเภทผัก และจำได้เลือนรางว่า อาหารที่นางจัดเตรียมนั้นไม่มีของเหล่านี้
“อาหารเย็นนี้นอกจากอาหารที่เหยียนเป่าหลินจัดเตรียมแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆ อีกหรือไม่?” ซ่งอี้เฉินขมวดคิ้ว คิดอยู่ในใจว่าเหยียนอู๋อวี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนางกำนัลที่เพิ่งเข้ามาใหม่ อีกทั้งยังให้หมอหลวงตรวจสอบก่อนแล้ว จึงไม่ควรมีปัญหาใดๆ กับเหยียนอู๋อวี้
ซ่งอี้เฉินไม่ได้เอ่ยอันใด ทว่านางกำนัลที่คุกเข่าร้องไห้ด้วยเสียงแ่เบาอยู่ด้านข้างกล่าวว่า “เหยียนเป่าหลินส่งอาหารจานนี้มาเป็พิเศษ และยังสั่งให้หมอหลวงตรวจสอบก่อน เมื่อยืนยันความปลอดภัยแล้วจึงส่งมาเ้าค่ะ”
คราวนี้คำพูดทั้งหมดต่างพุ่งเป้าไปที่เหยียนอู๋อวี้
นางมองด้วยแววตาที่คมเข้ม ก่อนจะก้มศีรษะเอ่ยกระซิบว่า “ฝ่าา อาหารที่หม่อมฉันสั่งทั้งหมดส่งไปให้หมอหลวงตรวจแล้วจึงส่งไป หม่อมฉันไม่รู้เื่ราวเกี่ยวกับเื่เลวร้ายเหล่านี้ ฝ่าาโปรดให้ความเป็ธรรมด้วยเพคะ!”
คำพูดเหล่านี้นับเป็คำพูดที่ตัวเองคิดออกมา เพราะหมอหลวงยังตรวจสอบอยู่เบื้องหน้าซ่งอี้เฉิน
ซ่งอี้เฉินรู้ดีว่าตอนนี้พูดสิ่งเหล่านี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงสั่งให้เว่ยหรูไห่ไปตามหมอหลวงผู้นั้นมาทันที
ผ่านไปราวหนึ่งกาน้ำชาเดือด[1] เว่ยหรูไห่ที่แต่งกายด้วยชุดขันทีเดินกลับมาอย่างรวดเร็ว พร้อมคุกเข่าถวายบังคมพลางเอ่ยทูลว่า “ฝ่าา หมอหลวงเสียชีวิตแล้วเมื่อตอนบ่ายวันนี้พ่ะย่ะค่ะ”
ครืน สถานการณ์โดยรอบซึ่งไม่ค่อยเงียบนักพลันแตกตื่น เริ่มมีคนเอ่ยกระซิบกระซาบกัน
“เขาเสียชีวิตได้บังเอิญถึงเพียงนี้เลยหรือ? เป็ไปได้หรือไม่ว่ามีใครบางคนกลัวว่าอีกฝ่ายจะเปิดเผยความลับของตนเองจึงทำการฆ่าปิดปาก!”
“ข้าว่าฆ่าตัวตายเพราะกลัวความผิดมากกว่า”
แม้ว่าเสียงกระซิบเ่าั้จะเบามาก ทว่ายังคงดังเข้าหูของทุกคนอย่างรวดเร็ว
เมื่อรู้ว่าตนเองตกอยู่สถานการณ์ที่เสียเปรียบ เหยียนอู๋อวี้จึงรีบคุกเข่าทันทีพร้อมเอ่ยเสียงอ่อนว่า “ลี่เจาอี๋ตั้งครรภ์โอรสัเป็ความโชคดีของราชวงศ์นี้ หม่อมฉันได้มีโอกาสดูแลนาง นับเป็พระมหากรุณาธิคุณจากองค์ฮ่องเต้ หม่อมฉันไม่กล้าละเลย วันนี้ฮ่องเต้เองก็อยู่ที่ตำหนักเฟิ่งชัยพร้อมกับหม่อมฉัน อาหารเ่าั้ก็มีหมอหลวงตรวจสอบแล้วจึงส่งไป หม่อมฉันไม่กล้าปิดบังเบื้องสูง ฝ่าาโปรดทรงตรวจสอบให้แน่ชัดด้วยเพคะ”
ฮวารั่วซีเย้ยหยันอยู่ภายในใจ นางมักจะเห็นเหยียนอู๋อวี้แสร้งทำเป็อ่อนแอ ทว่ายามมีหลักฐานชัดเจน นาง้าจะดูว่าคนผู้นี้จะรอดพ้นจากเหตุการณ์เลวร้ายนี้ไปได้อย่างไร
“ฝ่าาเื่นี้เกี่ยวข้องกับสายพระโลหิตของราชวงศ์ จึงต้องสอบสวนให้แน่ชัด เด็กในครรภ์ของลี่เจาอี๋ผู้น่าสงสารเกรงว่าไม่อาจจะรักษาชีวิตได้” ฮวารั่วซีฉวยโอกาสคุกเข่าข้างเหยียนอู๋อวี้ โดยร่างกายที่บอบบางและท่าทางมีน้ำใจที่คิดถึงผู้อื่นของนางทำให้คนอื่นๆ รู้สึกรำคาญเล็กน้อย
มีเพียงเต๋อเฟยเท่านั้นที่ท่องบทสวดด้วยเสียงแ่เบาและกล่าวว่า “ฝ่าา หม่อมฉันจะสอบสวนเื่นี้อย่างละเอียดถี่ถ้วนแน่นอนเพคะ”
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่เหยียนอู๋อวี้
ใน่เวลานี้เหยียนเป่าหลินถือว่าโดดเด่นไม่มีผู้ใดเทียบได้ และยามนี้ถือได้ว่านางตกไปอยู่ในเงื้อมมือของลี่เจาอี๋แล้ว
เหยียนอู๋อวี้แอบบีบมือตนเองแน่น แม้ว่านางจะระมัดระวังตัวมากอยู่แล้ว ทว่าครั้งนี้นางประมาทเกินไป แม้จะเป็หมอหลวงก็ไม่น่าไว้วางใจ ทว่าถึงอย่างไรป้าโฉ่วก็เป็คนของนางเอง
หากนางส่งอาหารจานนี้ไป ป้าโฉ่วจะต้องเตือนนางอย่างแน่นอน
“บนพื้นเย็นนัก อาจทำให้ร่างกายเย็นเกินไป รีบลุกขึ้นเถิด” เสียงของซ่งอี้เฉินเรียกสตินางกลับคืนมา เมื่อนางเงยหน้าขึ้น เขาก็ยื่นมือออกไปประคองนางขึ้นมา
เมื่อมือของซ่งอี้เฉินััร่างที่เย็นเฉียบ เขาพลันขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางเอ่ยกระซิบว่า “เต๋อเฟยจะดูแลเื่ราวต่างๆ ที่นี่ เมื่อวานซูเฟยถูกวางยาพิษ กลับไปพักผ่อนเถิด”
หลังจากเอ่ยออกไป เขาจึงอุ้มเหยียนอู๋อวี้ไว้ในอ้อมกอดก่อนจะพาเข้าไปในตำหนักอีหลวน โดยไม่คิดใส่ใจกับเื่ต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายนอกอย่างชัดเจน
ไม่แม้จะหันกลับมามอง ซึ่งเหยียนอู๋อวี้ััได้ถึงดวงตาเกลียดชังของฮวารั่วซีที่อยากจะเฉือนเนื้อนางออกเป็ชิ้นๆ
นางยกยิ้มมุมปากเย้ยหยัน ยามนั้นนางเองก็ท้องเช่นกัน!
เสียงดังเอี๊ยด----ประตูตำหนักปิดลง บดบังสายตาต่างๆ จากภายนอกและยังป้องกันลมหนาวได้ดีอีกด้วย
เสียงโศกเศร้าจากเรือนด้านข้างยังคงดังต่อไป ทว่ามิได้ส่งผลใดๆ กับซ่งอี้เฉินแม้แต่น้อย
ในขณะเดียวกัน เซียวซิ่งเสวี่ยที่อยู่ในเรือนด้านข้างได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวจากภายนอกจึงรู้สึกใเป็อย่างมาก
หรือว่าตัวนางในสายตาของฝ่าานั้นเทียบกับเป่าหลินนางนั้นไม่ได้เลย?
ยิ่งไปกว่านั้น เป็เป่าหลินที่ฆ่าลูกของนางอีกด้วย!
เชิงอรรถ
[1] หนึ่งกาน้ำชาเดือด หมายถึง เวลาประมาณ 10 กว่านาที
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้