“ท่านลุงจ้าว ข้ากลัว ท่านแม่โกรธและเสียใจ…” ไหลไหลน้อยกอดขาใหญ่ของจ้าวจือชิงและกระตุกพร้อมกับเอ่ย “พี่ใหญ่กับท่านแม่ทะเลาะกัน พวกเขาไม่้าข้าแล้วใช่ไหม”
เด็กน้อยรู้สึกใจเสียและไม่ปลอดภัย ชัดเจนว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับลั่วจิ่งไหลเลย แต่เขากลับคิดว่าที่พี่ใหญ่กับท่านแม่ทะเลาะกันเป็เพราะตนเอง เพราะถึงอย่างไร นับั้แ่เล็กจนโต คนมักจะบอกว่าเขาเกิดมาจึงทำให้พี่ชายต้องมีความบกพร่องทางขา พี่ใหญ่เกลียดชังท่านแม่ แน่นอนว่าก็ต้องเกลียดชังเขาเช่นกัน
ลั่วจิ่งไหลเด็กเกินไป คำพูดมากมายจึงสื่อสารได้ไม่ชัดเจน ลั่วจิ่งซีจึงเสริมอย่างสมบูรณ์ครบถ้วนจากด้านข้าง
ชางหลิงไห่ถึงได้รู้ว่าเมื่อวานั้แ่ต้นจนจบเขาล้วนเข้าใจผิด ผ่านไปค่อนวันจึงรู้ว่าลั่วชีเหนียงได้แต่งงานมีครอบครัว กระทั่งมีลูกชายถึงสามคน คนโตสุดอายุสิบห้าแล้ว! ส่วนเ้าหนุ่มที่เขาเล็งไว้กลับเป็เ้าทึ่มสติไม่ดี!
เขาหยิกตนเองแรงๆ หนึ่งที เสียแรงที่เขายังชมตนเองว่ามีสายตาหลักแหลม เมื่อวานกลับมองผิดพลาดั้แ่ต้น
จ้าวจือชิงฟังลั่วจิ่งซีเล่าเื่ก็เริ่มเครียด เขาไม่ถนัดในการจัดการเื่เหล่านี้ จึงได้แต่อุ้มลั่วจิ่งไหลและปลอบโยน
“ดังนั้นวันนี้ไม่มีข้าวให้กินแล้วหรือ?”
คำพูดนี้ของหลิงชางไห่เถรตรงจนได้รับสายตาจิกมองแรงสามคู่
“พวกเ้ามองข้าเช่นนี้หมายความว่าอะไร? ไม่มีข้าวกินจะมีแรงทำงานได้เยี่ยงไร!”
“ก็แค่ขาหนึ่งข้างนี่นา คู่ควรให้พวกเ้าใช้ชีวิตราวกับฟ้าจะถล่มหรือ” หลิงชางไห่สะบัดหนวดเครา ก็แค่ขาที่าเ็ ขาที่เขาเคยรักษามีมากกว่าเกลือที่พวกเขากินเสียอีก มีเขาอยู่ทั้งคน ไยพวกเขาจึงต้องวิตกเช่นนี้
ลั่วจิ่งซีมองดูน้ำเสียงที่ไม่ได้ใส่ใจของชายชรา จึงพุ่งพรวดไปตรงหน้าหลิงชางไห่ “ตาเฒ่า ข้าทนท่านมานานแล้ว! อะไรถึงเรียกว่าแค่ขาหนึ่งข้าง! ท่านจะไปรู้อะไร? ข้าจะบอกท่านให้ ครอบครัวเราไม่มีข้าวสำหรับท่าน รีบไปให้พ้น!”
ขณะพูด เขาก็ดันหลิงชางไห่ไปด้านนอก แน่นอนว่าหลิงชางไห่ไม่ยอมจากไปอยู่แล้ว มือข้างหนึ่งคว้าตัวจ้าวจือชิงไว้ ริมฝีปากยังคงดุใส่ลั่วจิ่งซี
“เด็กน้อยอย่างเ้า หัดรู้จักการเคารพผู้าุโหรือไม่ ข้าอายุปูนนี้ไม่กลัวทำข้าล้มหรือ ข้าจะบอกเ้าให้ เ้าอย่าได้ทำให้ข้าโมโหเด็ดขาด มิเช่นนั้นข้าจะไม่รักษาคนในครอบครัวเ้าแล้วนะ!”
หลิงชางไห่พูดปนหอบจนจบ แล้วพบว่าเรี่ยวแรงที่ผลักตนนั้นกำลังอ่อนแรงลง
“ฮึ่ม! เ้าเด็กเมื่อวานซืน! ข้าจะไม่ถือสาเ้า!” เขาจัดเสื้อผ้าและกลับเข้าบ้านอีกครั้ง
ลั่วจิ่งซีมองดูร่างของชายชราที่มุดเข้าโรงครัวอย่างคุ้นเคยและยกข้าวต้มออกมาหนึ่งชาม พลันรู้สึกคันกำปั้นยิกๆ
เมื่อครู่เขาไม่ควรปล่อยเ้าเฒ่าเข้าไปในบ้านอย่างง่ายดายเพียงเพราะได้ยินว่าเขาจะรักษาขาให้ แต่อีกใจลั่วจิ่งซีก็คิดว่า แล้วถ้าเกิดว่าชายชรารักษาได้จริงๆ ล่ะ
......
หลิงชางไห่ที่กินอย่างอิ่มหนำมองดูคนทั้งสามที่เฝ้าจับตาดูตนเองอยู่ตลอด จากนั้นหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดปากโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“อะแฮ่ม ข้าอิ่มแล้ว พาข้าไปดูคนป่วยหน่อย”
หลิงชางไห่รู้ว่าควรมีขอบเขต หากวันนี้ตนเองไม่ทำตามคำมั่นสัญญา เดาว่าเ้าเด็กหน้าเหม็นอย่างลั่วจิ่งซีคงจะจับตนเองโยนออกจากบ้านหลังนี้แน่
เมื่อได้ยินคำนี้ แน่นอนว่าลั่วจิ่งซีต้องดีใจ เพียงแต่เมื่อครู่เขาไปเคาะประตูห้องตะวันออก ด้านในกลับไม่มีความเคลื่อนไหวแต่อย่างใด เขาไม่กล้าบุกเข้าไป ตอนนี้จึงค่อนข้างลำบากใจ
ไหลไหลน้อยเหมือนจะมองออกว่าเขาลำบากใจ จึงหยั่งเชิงถาม “พี่รอง หรือไม่ก็ให้ข้าไปถามท่านแม่ดีไหม?”
ท่ามกลางสายตาวาดหวังของลั่วจิ่งซี ไหลไหลก้าวขาเล็กๆ ไปยังห้องด้านใน
เขามองเห็นท่านแม่กำลังใช้พู่กันถ่านวาดอะไรบางอย่างไม่ทราบ ไหลไหลน้อยจึงเดินเข้าไปอย่างค่อยๆ
ก่อนอื่นเขาช้อนตามองแวบหนึ่ง จากนั้นเม้มปากก่อนจะเอ่ยเรียกเสียงเบา “ท่านแม่”
ตอนที่เขาเข้ามา ลั่วชีเหนียงก็เห็นเขาแล้ว เื่ราวที่เกิดขึ้นด้านนอกนางก็ได้ยินแล้ว เพราะถึงอย่างไรห้องโถงหลักก็มีเพียงผนังกั้น ทว่านางสงสัยอย่างมากกว่าว่าไหลไหลน้อยจะพูดกับนางอย่างไร
“ท่านแม่ ท่านยังโกรธใช่หรือไม่?” นิ้วชี้สองข้างของไหลไหลน้อยหมุนวนอยู่อย่างนั้น ดวงตากลับไม่กล้ามองหน้านาง
ไหลไหลน้อยที่ไม่ได้รับคำตอบเริ่มกระอักกระอ่วน เพียงแต่เขารับหน้าที่มาเชิญท่านแม่แล้ว
“ท่านแม่ ท่านอย่าโกรธไป พี่ใหญ่ก็แค่้าช่วยเหลือจึงเป็เช่นนี้ อืม” ไหลไหลน้อยเค้นสมองย้อนนึกถึงคำพูดของลั่วจิ่งเฉินที่คุยกับป้าหลิวเมื่อวาน “เมื่อวานพี่ใหญ่บอกกับป้าหลิวเองว่า ท่านแม่ลำบากเกินไปแล้ว”
“ท่านแม่ เคยบอกว่าพี่ใหญ่คือคนมีการศึกษา คนมีการศึกษาคงไม่ชอบกินนอนรอความตายกระมัง”
กินนอนรอความตาย คำนี้เขาเพิ่งเรียนรู้มาจากลั่วจิ่งเฉินเมื่อครู่
ไหลไหลน้อยเห็นท่าทางของนางเริ่มผ่อนคลาย จึงคลานไปบนตัวนางและหอมแก้มนางเบาๆ หนึ่งที
“ท่านแม่อย่าโมโห วันหลังไหลไหลน้อยจะเชื่อฟังท่านแม่ให้ดี เพียงแต่” ไหลไหลน้อยโอบรอบคอของนางไว้และทำสีหน้าลำบากใจ “เพียงแต่ท่านแม่ ท่านช่วยให้อภัยพี่ใหญ่ได้ไหมขอรับ”
ลั่วชีเหนียงกอดเขาไว้และแสร้งทำเป็ถามอย่างไม่กระจ่าง “ทั้งที่พี่ชายเ้าเข้าใจความหวังดีของทุกคนผิดไป เหตุใดแม่ต้องให้อภัยเขา ไม่ใช่เขาที่ต้องขอโทษแม่หรือ?”
ไหลไหลแหงนหน้าขึ้นมองอย่างไร้เดียงสาและถาม “นั่นก็เพราะพี่ใหญ่ยังเด็ก แต่ท่านแม่โตแล้ว คนที่โตกว่าควรยอมให้คนที่เด็กกว่ามิใช่หรือ?”
ลั่วชีเหนียงขำขันเพราะความไร้เดียงสาของลั่วจิ่งไหล ใช่แล้ว! นางคือคนที่เติบใหญ่ขนาดไหนแล้ว ยังมาถือสากับเด็กน้อยหนึ่งคน
ไหลไหลน้อยเห็นท่านแม่ยิ้มก็รู้ว่านางไม่โกรธแล้ว จึงลากลั่วชีเหนียงออกจากห้อง
“ท่านแม่ ท่านปู่เฒ่าบอกว่ารักษาขาของพี่ใหญ่ได้…” ไหลไหลน้อยซุกอยู่ในอ้อมกอดของนางและบอกกล่าว
......
ลั่วชีเหนียงเปิดม่านออก เห็นหลิงชางไห่กำลังแคะขี้ฟัน ลั่วจิ่งซีเห็นนางก็ลุกขึ้นยืนทันใด กลับกลายเป็จ้าวจือชิงที่เดินไปรับตัวลั่วจิ่งไหลมาจากนาง ท่าทางคล่องแคล่วอย่างมาก ราวกับฝึกมานับครั้งไม่ถ้วน
จากที่นางรู้จักหลิงชางไห่ นางคิดว่านี่ไม่ใช่เื่จริง ด้วยเหตุนี้นางจึงไม่ได้วาดหวังเท่ากับลั่วจิ่งซี
“ท่านหลิง ท่านแน่ใจหรือว่าจะรักษาขาของลูกใหญ่ได้?” นางมองดูหลิงชางไห่ด้วยสีหน้าอันหนักอึ้ง ด้วยกลัวว่าหลิงชางไห่นั้นไม่ได้รับรู้อาการาเ็ที่แท้จริงของลั่วจิ่งเฉินจึงรีบเสริม “ขาของลูกใหญ่ทิ้ง่มาค่อนข้างนาน…”
นางมีใจจะอธิบายให้ชัดเจน หากเขารักษาไม่ได้ พวกนางก็ไม่โกรธแค้น เพียงแต่ไม่ทันได้รอให้นางอธิบายจนจบ หลิงชางไห่ก็ถลึงตาและลุกขึ้นยืน
“บนโลกนี้ จนถึงตอนนี้ไม่เคยมีอาการาเ็ภายนอกที่ข้ารักษาไม่ได้!” ชั่วชีวิตนี้ของหลิงชางไห่ นอกจากเื่กินแล้ว เขามีความมั่นใจกับการแพทย์ของตนเอง ตอนนี้เขารับรู้ได้ถึงความเคลือบแคลงที่ผู้อื่นมีต่อเขาอย่างสมบูรณ์ เขาแทบอยากจะให้คนพวกนี้ได้เปิดหูเปิดตาอย่างทนรอไม่ไหว
เขาเร่งเร้าชีเหนียงอย่างมีน้ำโห “เ้ารีบไปเรียกคนออกมา หากกระทั่งข้ายังรักษาไม่ได้ พวกเ้าก็ไม่ต้องไปหาผู้อื่นมารักษาแล้ว”
ลั่วชีเหนียงเห็นชายชรามีอารมณ์หงุดหงิดเล็กน้อย ทันใดนั้นในใจก็รู้สึกว่าหรือขาของลูกใหญ่ครั้งนี้จะมีความหวังจริงๆ นางรู้ว่า โดยทั่วไปแล้วคนที่มีความสามารถมักจะทนรับความเคลือบแคลงสงสัยจากผู้อื่นไม่ได้เป็ที่สุด เมื่อครู่ชายชราหลิงผู้นี้เห็นว่าตัวเองถูกสงสัย จึงได้ดูโมโหเช่นนี้
“ตกลง”
นางตอบรับและปรับอารมณ์ให้ดี ก่อนเดินไปเคาะประตูห้องตะวันออก เมื่อเห็นไม่มีคนตอบรับจึงผลักประตูเข้าไป
ลั่วจิ่งเฉินที่กำลังวางแผนว่าจะหยุดยั้งจ้าวจือชิงไม่ให้เขาใกล้คนสกุลลั่วได้อย่างไร ก็สะดุ้งยกใหญ่ เขารีบชักกระดาษสีขาว้าสุดบนโต๊ะออก เมื่อพบว่าไม่มีผู้ใดเห็นจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมา
-----
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้