ฟ้ายังไม่มืด ภายในเรือนหลังน้อยก็วุ่นวายไปหมด
ไฟจากเตาในครัวติดอยู่ตลอดเวลา น้ำกำลังเดือดพล่านในหม้อใบใหญ่
อาเหลยเป็ตัวแรกที่ถูกจับไปอาบน้ำในครัว
หลังออกเดินทางอาบน้ำไม่สะดวก ดังนั้นทุกคนในบ้านต้องขัดสีฉวีวรรณก่อนหนึ่งรอบ
หลังจากเคยอาบรอบแรกไปแล้ว รอบหลังยังเป็น้ำอุ่น อาเหลยจึงไม่ลนลานหวาดกลัวเหมือนครั้งแรก
เซวียเสี่ยวหรั่นยังคงใช้เซียงอี๋ฟอกตัวให้มันั้แ่หัวจรดหาง หลังจากนั้นก็เริ่มขัดสีให้มัน
พอเปียกน้ำอาเหลยตัวเหลือนิดเดียว ยิ่งถูตัวของมันก็ยิ่งเต็มไปด้วยฟอง อาเหลยเห็นเป็เื่แปลก ถูตัวเล่นอย่างสนุกสนาน มุมปากโค้งขึ้นเป็รอยยิ้มอย่างอดไม่ได้
อูหลันฮวาเห็นแล้วก็รู้สึกสนุกไปด้วย เข้ามาช่วยสาดน้ำ
"ดวงตาของอาเหลยทั้งดำและสุกใส ต้าเหนียงจื่อดูสิเ้าคะ มันหัวเราะเป็ด้วย"
เซวียเสี่ยวหรั่นนวดขนบนหัวให้อาเหลย พลางยิ้มให้มัน "อาเหลยหัวเราะเป็เื่ธรรมดา ไม่เพียงแต่หัวเราะ ยังร้องไห้ และโมโหเป็ด้วยนะ"
อูหลันฮวาจุปากอย่างรู้สึกอัศจรรย์ใจ หยิบกระบวยตักน้ำอุ่นค่อยๆ ราดไปบนตัวของอาเหลย
"เหตุใดขนปุยบนหัวของอาเหลยถึงเหลืองนักเล่า"
อูหลันฮวาเอื้อมมือไปลูบหัวอาเหลย
ดวงตาดำขลับใสแจ๋วเหลือบมาที่นาง เบ้ริมฝีปากเห็นชัดว่าไม่พอใจที่นางถือวิสาสะลูบหัวของมัน
ในเรือนหลังนี้อาเหลยสนิทใจกับเซวียเสี่ยวหรั่นที่สุด รองลงมาก็เซวียเสี่ยวเหล่ย เหลียนเซวียน ลำดับท้ายสุดถึงจะเป็อูหลันฮวา
อาจเป็เพราะว่าอูหลันฮวาออกเสียงไม่ชัด อุปนิสัยโผงผาง กำลังวังชาก็มากเป็พิเศษ สนามแม่เหล็กของนางกับอาเหลยจึงไปด้วยกันไม่ค่อยได้
แต่อูหลันฮวากลับชอบอาเหลยมาก มักเข้ามาใกล้ชิดกับมันบ่อยครั้ง แต่อาเหลยกลับไม่รับไมตรี
"อืม มันคงเป็อย่างนี้มาั้แ่เกิดแล้วล่ะ" เซวียเสี่ยวหรั่นบิดผ้าให้แห้ง เช็ดหน้าให้อาเหลย "หลันฮวา ไปตรงข้างหน้าต่างหยิบหวีของอาเหลยมา"
อาเหลยตัวมีแต่ขน ย่อมต้องใช้หวีแปรงขนโดยเฉพาะ
ยิ่ง่นี้เป็ฤดูผลัดขน อาเหลยจึงขนร่วงค่อนข้างมากในแต่ละวัน
ใช้หวีแปรงสามารถกำจัดขนสีเทาที่แซมอยู่ให้หลุดออกไปได้
"อาเหลย ดูสิ ขนร่วงจนเ้าเหลือตัวนิดเดียวแล้วนี่"
เซวียเสี่ยวหรั่นส่งหวีที่มีขนร่วงติดให้มันดู อาเหลยมองซ้ายมองขวา ก่อนเลื่อนสายตาผ่านไปอย่างไม่อินังขังขอบ
"ฮ่าๆ" เซวียเสี่ยวหรั่นกับอูหลันฮวาหัวเราะเสียงดัง
หลังอาบน้ำแปรงขน ใช้ผ้าเช็ดตัวของมันให้แห้ง อาเหลยก็ตัวสะอาดกลิ่นหอมฟุ้ง
มันค่อนข้างจะหลงตัวเอง ลูบตามตัวดมโน่นดมนี่ ก่อนวิ่งไปหาเซวียเสี่ยวเหล่ย หลังจากนั้นก็ปีนจากขากางเกงขึ้นไปเกาะบนไหล่ของเขา
เซวียเสี่ยวหรั่นไม่ให้มันปีนขึ้นไหล่ แต่เซวียเสี่ยวเหล่ยกลับตามใจมัน
ดังนั้น่นี้อาเหลยจึงชอบขลุกอยู่กับเซวียเสี่ยวเหล่ย แม้ว่าบางครั้งเขาจะเอาเชือกป่านผูกมันไว้ แต่พอเคยชินแล้ว อาเหลยก็ไม่เป็อะไร
"เสี่ยวเหล่ย เดี๋ยวอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว อย่าให้เขาปีนขึ้นตัวอีกล่ะ ขาของมันเลอะ หากทำเสื้อผ้าเ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยก็แย่เลย" เซวียเสี่ยวหรั่นกำชับหนึ่งประโยค
"ขอรับ พี่สาว" เซวียเสี่ยวเหล่ยพยักหน้าตกลง
อยู่ดีๆ อาเหลยก็ดึงสายรัดผมเซวียเสี่ยวเหล่ย จะเป็เพราะเข้าใจว่าพวกเขารังเกียจมันหรือเปล่าก็สุดรู้
เซวียเสี่ยวเหล่ยร้องใ
เซวียเสี่ยวหรั่นจ้องก่อนที่จะเดินไปหิ้วอาเหลยลงมาจากบ่าของเด็กชาย แล้วเริ่มสั่งสอนมัน
อูหลันฮวาแอบหัวเราะอยู่ด้านข้าง
บรรยากาศในเรือนกรุ่นอวลไปด้วยความสุขสนุกสนาน เหลียนเซวียนนั่งอยู่ในห้อง มือที่กำลังเขียนบางอย่างหยุดชะงัก ดวงตามองไปนอกหน้าต่างอย่างอดไม่ได้ ได้ยินน้ำเสียงคุ้นหูอบรมสั่งสอนลิงตัวนั้นโดยไม่ลดราวาศอก คิ้วเข้มก็เลิกขึ้นน้อยๆ
จินตนาการภาพอาเหลยยืนคอตกหน้าสลดได้
เหลียนเซวียนยิ้มมุมปาก ไม่รู้ว่าหลังจากออกเดินทาง พลังความสดชื่นของพวกเขาจะยังเต็มเปี่ยมเช่นนี้อยู่ไม่
แสงแรกแห่งอรุโณทัยสาดส่องไปตามทิวเขาสลับซับซ้อน ในเรือนหลังเล็กท้ายหมู่บ้านเตรียมการเดินทางเสร็จเรียบร้อย
มื้อเช้าต้มข้าวต้ม กินกับผัดถั่วฝักยาวดอง จิ่วไช่ผัดไข่ ชิงไช่ผัดน้ำมัน
อาหารจำพวกเนื้อหมดไปั้แ่เมื่อวาน เช้านี้จึงทำแต่อาหารที่ไร้เนื้อสัตว์ ไม่สิ้นเปลือง
เธอนำหม้อต้ม ชาม ตะเกียบ เกลือ น้ำมัน ไปด้วย ถ้าต้องค้างคืนข้างนอก จะได้แก้ปัญหาปากท้องขั้นพื้นฐานได้
ซีต้าเฉียงลากเกวียนมาถึงแต่เช้า ขนย้ายสิ่งของที่พวกเขา้าขึ้นรถ
"ซีหย่วน นี่คือค่าเช่าบ้านที่เ้าให้พวกเราพักอาศัย" เซวียเสี่ยวหรั่นมอบเงินให้ซีหย่วนหนึ่งตำลึง
แม้ไม่แน่ใจว่าค่าเช่าบ้านของที่นี่เป็เงินเท่าไร แต่พวกเขาเข้ามาอยู่ไม่ถึงเดือน หนึ่งตำลึงก็น่าจะเพียงพอ นี่คือสิ่งที่เซวียเสี่ยวหรั่นกับเหลียนเซวียนปรึกษากันแล้ว
"ไม่ๆๆ ต้าเหนียงจื่อ ไม่ต้องๆ พวกท่านทิ้งเครื่องเรือนไว้มากมาย แค่รับของเหล่านี้ครอบครัวเราก็เกรงใจไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้วขอรับ"
ซีหย่วนรีบโบกไม้โบกมือ
"เครื่องเรือนก็ส่วนเครื่องเรือน ค่าเช่าก็ส่วนค่าเช่า ไม่อาจนำมานับได้" เซวียเสี่ยวหรั่นมองเตียงโต๊ะ ตู้ เก้าอี้ รวมถึงหม้อชามโอ่งน้ำกะละมังเ่าั้ ที่ซื้อไว้ก็ไม่น้อยจริงๆ
เธอไหนเลยจะรู้ว่าเครื่องเรือนใหม่มากมายเ่าั้สำหรับคนที่นี่นับว่าเป็สินทรัพย์ก้อนใหญ่ทีเดียว
ยกตัวอย่างเช่นต่อไปถ้าซีหย่วนจะแต่งงาน มีเครื่องเรือนชุดนี้ ก็สามารถแต่งสะใภ้เข้าบ้านได้อย่างมีหน้ามีตา
ซีหย่วนยืนกรานไม่รับ เซวียเสี่ยวหรั่นก็จนปัญญา ได้แต่เก็บเงินกลับมา
วันนั้นเธอให้เงินซีมู่เซียงที่ช่วยตัดเย็บเสื้อผ้า แต่นางก็ยืนกรานไม่ยอมรับ บอกว่านางมีโอกาสได้เรียนวิธีเย็บกระเป๋าสะพายหลังกับถักเสื้อไหมพรมโดยไม่ต้องเสียงค่าเล่าเรียน จะยังหน้าหนารับเงินได้อย่างไร
เห็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยน้ำใจไมตรีของพวกเขา เซวียเสี่ยวหรั่นก็รู้สึกตื้นตันใจ
มาอยู่ไกลบ้านต่างเมืองได้มาพบสหายที่มีความจริงใจเหล่านี้นับว่าเป็บุญวาสนาอย่างแท้จริง
ของของพวกเขามีไม่มาก เสื้อผ้ากับของใช้ส่วนตัวของแต่ละคนล้วนเก็บใส่กระเป๋าสะพายหลัง ส่วนในกระบุงก็ใส่พวกของจิปาถะ และยังมีผ้าห่มบางอีกสองผืน
ซีต้าเฉียงบอกว่า ถ้าเดินทางไปเมืองชางตานพร้อมกับคณะผู้คุ้มกันก็เป็ไปได้สูงที่จะต้องค้างคืนตามป่าข้างทาง พกผ้าห่มไปเผื่อด้วยน่าจะดีกว่า
เกวียนเคลื่อนไปช้าๆ มุ่งไปยังปากทางหมู่บ้าน บรรยากาศ่เช้า หน้าต่างของแต่ละครัวเรือนล้วนมีควันไฟบางๆ กำจายออกมา
กระบือตัวใหญ่ก้าวเท้าอย่างมั่นคงและทรงพลัง ส่งเสียงร้อง "มอๆ" เป็ระยะ
"ต้าเหนียงจื่อ ขอให้พวกท่านเดินทางโดยสวัสดิภาพ" ซีมู่เซียงกับซีหย่วนเดินตามมาส่งถึงปากทางหมู่บ้าน สีหน้าเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์
"อื้ม ขอบใจน้องมู่เซียงมาก ต่อไปถ้ามีโอกาส..."
เซวียเสี่ยวหรั่นเอ่ยถึงตรงนี้ก็หยุดชะงัก เดิมทีอยากบอกว่าถ้ามีโอกาสไปแคว้นฉีก็ให้ไปเยี่ยมเยียนได้ ทว่าแม้แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าต่อไปตนเองจะไปอยู่ที่ไหนเลย
"ถ้าไปแคว้นฉี ก็ไปจวนสกุลเหลยที่ตรอกลี่จื่อ เมืองหลวง" เหลียนเซวียนบอกที่อยู่ด้วยน้ำเสียงเนิบเบา
จวนสกุลเหลย ตรอกลี่จื่อ เมืองหลวง? ซีมู่เซียงกับซีหย่วนมองหน้ากัน ควรเป็จวนสกุลเหลียนมิใช่หรือ เหตุใดถึงเป็จวนสกุลเหลย?
เซวียเสี่ยวหรั่นก็มองเหลียนเซวียนด้วยแววตาฉงนสงสัย นั่นคือบ้านเขาหรือ เหตุใดเป็จวนสกุลเหลยล่ะ?
หลังจากพูดเพียงประโยคเดียว เหลียนเซวียนก็ทำท่าราวกับพระสงฆ์เข้าสู่สมาธิ ไม่พูดอะไรอีกแม้แต่คำเดียว
เซวียเสี่ยวหรั่นเบะปาก ชอบพูดทิ้งปริศนาไว้ให้อยู่เรื่อย น่าเบื่อที่สุด
เกวียนโยกเยกไปมาจนกระทั่งพ้นปากทางหมู่บ้าน ถนนยามเช้าตรู่ยังมีคนบางตา ขณะที่เซวียเสี่ยวหรั่นกำลังคิดจะกล่าวอำลาพวกซีมู่เซียง จู่ๆ ก็มีคนสองสามคนวิ่งมาจากด้านหลังด้วยท่าทางกราดเกรี้ยว
