แผงขายของที่สามทางด้านขวาขายตัวอ่อนสัตว์วิเศษจำนวนหนึ่ง เ้าของแผงเป็บุรุษวัยกลางคนอายุสามสิบกว่าปี ร่างท้วมเล็กน้อย ดูจริงใจและซื่อสัตย์ แต่ลึกเข้าไปในแววตากลับมีเจตจำนงสังหารที่คนทั่วไปไม่มี
งูจิ่นเมี่ยน คืองูชนิดหนึ่งที่มีหัวสี่เหลี่ยม ลำตัวมีสีเงินขาว แต่เนื่องจากมันค่อนข้างสะดุดตายิ่งกว่างูชนิดอื่น จึงถูกตั้งชื่อว่างูจิ่นเมี่ยน ที่มีความหมายว่าสีสันสดใส
งูจิ่นเมี่ยนเป็งูที่ไม่ค่อยพบเจอบนแผ่นดินใหญ่ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะหายาก เนื่องจากระดับขั้นสูงสุดคือขั้นสี่ ราคาค่อนข้างต่ำจึงไม่ค่อยมีใครเลี้ยง
หากกล่าวถึงจุดเด่นของงูจิ่นเมี่ยน คงเป็พิษที่รุนแรงมาก พิษของงูจิ่นเมี่ยนโตเต็มวัยสามารถสังหารจอมยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษได้ ส่วนผู้ฝึกตนบางส่วนที่มีงานอดิเรกค่อนข้างชื่นชอบงูชนิดนี้ และเลี้ยงงูเอาไว้เพื่อเป็มือสังหารให้กับตนเอง
ขณะนั้นมีคนเข้าไปสอบถามราคาอยู่บ้าง แต่สุดท้ายก็ต้องยอมแพ้เนื่องด้วยราคาที่สูงเกินไป
“มีอะไรพิเศษอย่างนั้นหรือ” เสิ่นเสวียนส่งกระแสจิตสอบถามเสวียนหลิงเอ่อร์
หากไม่มีอะไรนางไม่มีทางออกมา ยิ่งไม่คิดไปทำอะไรด้วยตนเอง ทว่าวันนี้นางกลับกล่าวเช่นนี้ออกมา!
“ภายในร่างของงูตัวนั้นมีของบางอย่าง ซื้อมันมาแล้วเอาของสิ่งนั้นออกมา”
เสียงของเสวียนหลิงเอ่อร์ดังเข้ามาในหูของเขาอีกครั้ง
“มีสิ่งของ...”
เสิ่นเสวียนกล่าวพึมพำ ส่วนร่างของเขาก็ค่อยๆ เดินไปด้านหน้าแผงขายของนั้น
“คุณชาย้าสิ่งใด”
เ้าของแผงเห็นเสิ่นเสวียนเดินเข้ามาจึงกล่าวถามด้วยรอยยิ้ม
วันนี้หลายคนเดินเข้ามาสอบถามแต่ไม่ซื้อ ทำให้ความอดทนของเขาเริ่มหมดลง
“ขายอย่างไร”
เสิ่นเสวียนเหลือบตามองกรงที่วางอยู่ด้านล่าง ในกรงเ่าั้มีทั้งหนู กระต่ายมาร งูกิ้งก่าสองขา และตัวอ่อนสัตว์วิเศษอื่นๆ เขาขายมาทั้งวัน ของดีๆ ขายไปได้แล้ว ที่เหลืออยู่ล้วนเป็สิ่งที่ไม่มีใคร้า หากไม่มีใคร้าจริงๆ เขาคงต้องจัดการเองแล้ว
“หากคุณชาย้า ทั้งหมดนี้อย่างละหนึ่งแสนเหรียญทอง ไม่ลดแล้ว”
เ้าของแผงบอกราคาจริงออกมา สัตว์วิเศษที่จับมาเหล่านี้มีราคาสูงเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้ เพราะต้องเสียค่าเหยื่อ หรือกระทั่งหากไม่ระวังอาจต้องเอาชีวิตไปทิ้งเลยทีเดียว พลังยุทธ์ของบุรุษวัยกลางคนผู้นี้คือขั้นบรรพบุรุษ กว่าจะจับพวกมันมาได้ไม่ใช่เื่ง่ายเลย
“ตัวนี้หนึ่งแสนเหรียญทอง”
เสิ่นเสวียนไม่ได้ต่อราคา เขาหาบัตรมูลค่าหนึ่งแสนเหรียญทองที่เ้าของร้านก่อนหน้านี้ให้มาแล้วส่งให้เ้าของร้าน จากนั้นก็เดินไปที่กรงของงูจิ่นเมี่ยนทันที
“คุณชาย นี่คืออาหารงู การเลี้ยงดูใน่แรกไม่ใช่เื่ง่าย” เขาหยิบอาหารงูถุงหนึ่งส่งให้เสิ่นเสวียน
“ขอบคุณมาก แต่ไม่เป็ไร”
เสิ่นเสวียนกล่าวจบ เขาก็เดินไปยกกรงใบนั้นแล้วเดินออกจากตลาดไปทันที
งูจิ่นเมี่ยนภายในกรงมีลำตัวยาวราวสามฉื่อ งูชนิดนี้มีความยาวได้มากที่สุดคือเก้าฉื่อ ตอนนี้ยังเรียกได้ว่าเป็ตัวอ่อนอยู่ ทว่าพลังโจมตีไม่ธรรมดาเลย ปากเล็กๆ บนหัวสี่เหลี่ยมของมันส่งเสียงฟ่อๆ ออกมาไม่หยุด โชคดีที่อยู่ห่างจากมือมาก ไม่อย่างนั้นคงโดนกัดไปแล้ว
หลังจากเสิ่นเสวียนถือกรงเดินออกจากตลาดมาแล้ว เขาเดินต่อไปทางใต้อีกราวครึ่งชั่วยาม ในที่สุดก็ถึงประตูเมืองทิศใต้
เขาเดินออกจากเมือง ภายนอกคือโลกที่กว้างใหญ่ หลังออกจากเมืองมาแล้วเขาก็เดินตรงไปทางใต้โดยไม่เลี้ยวไปไหนเลย จนกระทั่งถึงสถานที่ที่ไม่ค่อยมีคนจึงหยุดเท้าลง
เขามองรอบๆ แล้วเห็นว่าไม่มีใคร จึงส่งพลังออกมาจากฝ่าเท้าแล้วกระโจนออกไปทันที
เป้าหมายของเขาในตอนนี้คือ ตามหาสถานที่ไร้ผู้คนเพื่อเริ่มจัดการสิ่งที่ได้มา
ห่างจากเมืองชางฉงไปทางใต้ราวสามร้อยลี้
ที่นี่คือป่ารกร้างแห่งหนึ่ง ใน่แรกมันเป็สถานที่ล่าสัตว์ของราชวงศ์ แต่เนื่องจากรัชทายาทองค์หนึ่งโดนลอบสังหารที่นี่ ทำให้ราชวงศ์ยกเลิกการล่าสัตว์ที่นี่ไป
อย่าเห็นว่าที่นี่เป็เพียงป่ารกร้างเท่านั้น เนื่องจากก่อนหน้านี้มันเคยเป็ที่ล่าสัตว์มาก่อน ภายในนั้นจึงยังมีค่ายกลที่ซับซ้อนอยู่อีกเป็จำนวนมาก แม้จะไม่เป็ประโยชน์นักแต่อาจทำให้าเ็ได้ง่าย นานวันเข้าที่นี่จึงกลายเป็ป่ารกร้างไปจริงๆ ผู้คนจึงไม่ค่อยเข้ามาที่นี่
เสิ่นเสวียนไม่รู้เื่นี้มาก่อน เขารู้เพียงที่นี่ไม่ค่อยมีคน เป็สถานที่ฝึกฝนที่ดีมาก
เขาลอยอยู่เหนือพื้นราวสามจั้ง กวาดตามองอาณาเขตเบื้องล่างไปเรื่อยๆ
หลังจากหลอมรวมหยวนก่อกำเนิด เขาสามารถลอยอยู่กลางอากาศได้ดั่งใจ หลุดพ้นจากแรงโน้มถ่วงของโลก สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้อย่างแท้จริง
การเหาะเหินเดินอากาศเช่นนี้ของเขาไม่เหมือนกับการเคลื่อนที่ผ่านอากาศของขั้นราชันในโลกนี้ แม้ขั้นราชันจะเหาะเหินเดินอากาศได้เหมือนกัน ทว่าใช้พลังค่อนข้างมาก อาจทำให้พลังหมดลงได้ ส่วนเขาไม่เป็อย่างนั้น หยวนก่อกำเนิดเดิมทีไร้ร่างกาย ทั่วทั้งร่างหลอมรวมขึ้นมาจากพลัง จึงไม่ถูกฟ้าดินควบคุมไว้
หยวนก่อกำเนิดแฝงร่าง สามารถนำพาร่างให้เหาะไปได้โดยไม่สูญเสียพลัง ตราบใดที่เขา้า เขาสามารถนอนหลับกลางอากาศได้
เขาก้าวเดินไปกลางอากาศ มุ่งหน้าไปยังอาณาเขตที่เขาสนใจแห่งหนึ่ง
“ที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว”
เบื้องหน้าไม่ไกลนักมีหนองน้ำกว้างใหญ่ เนื่องจากไม่มีร่องรอยการใช้ชีวิต น้ำที่นี่จึงค่อนข้างใส ตรงกลางมีสีเข้มแสดงให้เห็นว่าน้ำลึกมาก
และที่นี่คือสถานที่ที่เสิ่นเสวียนเลือกแล้ว
เขาค่อยๆ เหาะลงไปยืนข้างๆ หนองน้ำ เขามองไปรอบๆ ยังมีสัตว์เล็กจำนวนหนึ่งเข้ามาดื่มน้ำที่นี่ แม้จะเป็หนองน้ำที่มนุษย์สร้างขึ้น แต่มันหลอมรวมเข้ากับธรรมชาติอย่างสมบูรณ์แล้ว
เขาพยักหน้าน้อยๆ จากนั้นก็สะบัดมือไปทางหนองน้ำ แล้วจู่ๆ สายน้ำก็ไหลออกมาจากตรงกลาง ดูลึกลับอย่างมาก
นี่คือเคล็ดวิชาแหวกน้ำ เมื่อบำเพ็ญเพียรถึงขั้นหยวนก่อกำเนิดแล้ว ไม่ค่อยลำบากนักในการแสดงเคล็ดวิชานี้ เสิ่นเสวียนมองสายน้ำที่แหวกออกแล้วกระโจนลงไปด้านล่าง
หลังจากลงไปลึกราวห้าจั้ง สองเท้าของเขาแตะพื้นอีกครั้ง ที่ตรงนั้นคือมิติว่างเปล่าที่มนุษย์สร้างขึ้น
ตอนที่เสิ่นเสวียนกระโจนลงไปในหนองน้ำ สายน้ำ้าเริ่มสมานกันและปิดสนิทอีกครั้ง ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้เลย
เสิ่นเสวียนสร้างเปลวเพลิงขึ้นใจกลางฝ่ามือ ทำให้มิติเบื้องล่างสว่างขึ้นทีละน้อย
หนองน้ำ้าและมิติเบื้องล่างถูกแบ่งแยกด้วยพลังของค่ายกล มันเป็สถานที่ซ่อนตัวที่ไม่เลวเลยทีเดียว เมื่อเดินเข้าไปด้านในจะเจอประตูที่ถูกทำลาย ด้านในมีเศษหินกองอยู่ เห็นได้ชัดว่าเคยเกิดการต่อสู้มาก่อน
ซึ่งเขาไม่สนใจเื่ในอดีตอยู่แล้ว เขา้าใช้ที่นี่เพื่อจัดการสิ่งที่ได้รับมาเท่านั้น หลังจากจัดการเรียบร้อยแล้วเขาจะออกไปเอง และทุกอย่างจะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
“ข้าขอยืมใช้ที่นี่สักหน่อย หากเป็การรบกวนได้โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
เสิ่นเสวียนกล่าวกับมิติที่มืดสนิท นับเป็การบอกกล่าวิญญาที่สถิตอยู่ที่นี่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้น
ที่นี่ไม่เพียงมีร่องรอยการต่อสู้ ยังมีคนตายอีกด้วย ตอนที่กวาดตามองเมื่อครู่เขาเจอโครงกระดูกถึงสามร่าง เขาไม่ยุ่งเกี่ยวและไม่อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
หลังจากกล่าวจบ ไอิญญาที่ปกคลุมอยู่ก็ลดลงไปเล็กน้อย
เสิ่นเสวียนทำให้เปลวเพลิงลอยขึ้นจากมือของเขาและวางลงบนแท่นหิน เพื่อส่องสว่างภายในมิติแห่งนี้
จากนั้นก็ใช้วิธีเดียวกันวางเปลวเพลิงลงไปบนแท่นหินอีกเจ็ดแห่ง ทำให้ทั่วทั้งมิติสว่างไสวขึ้นมา
แล้วเสิ่นเสวียนก็จัดวางดวงตาค่ายกลขึ้นเพื่อเปิดใช้ค่ายกล หินพลังงานทั้งหลายถูกเอาออกมาวางไว้รอบๆ ชั้นแล้วชั้นเล่า
สิ่งที่เขาทำเป็เพียงค่ายกลขวางกั้นพลังอย่างง่าย หลังจากสร้างค่ายกลขึ้นมาหลายแห่ง หลังจากนี้พลังของเขาจะถูกผนึกไว้ภายในนี้ ไม่มีทางเล็ดลอดออกไปได้
และเพียงไม่นานค่ายกลก็เสร็จสมบูรณ์ เสิ่นเสวียนจึงนั่งลงทำสมาธิอยู่ใจกลางค่ายกล
ภายในตันเถียน หลังจากหยวนก่อกำเนิดไร้พันธนาการแล้ว ก็ยืดแขนสองข้างออกเพื่อบิดี้เี
ดวงตากลมโตมองไปรอบๆ มอง้าและด้านล่าง จากนั้นก็ะโลงไปในตันเถียนราวกับเป็ทะเล แหวกว่ายไปมาอย่างมีความสุข
ตอนนี้ร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนหลอมรวมขึ้นภายในตันเถียน เขามองหยวนก่อกำเนิดที่อยู่ด้านล่างด้วยรอยยิ้มบางๆ
หยวนก่อกำเนิดหกธาตุ หกองค์ประกอบ หกสี
นับเป็ครั้งแรกในชีวิตที่เส้นทางในอนาคตของเขาถูกปูทางไว้อย่างสมบูรณ์แบบเนื่องจากมีหยวนก่อกำเนิดนี้ แต่เนื่องจากหยวนก่อกำเนิดเป็สิ่งที่ขัดต่อธรรมชาติมากเกินไป ตัวเขาเองจึงไม่รู้ว่าเส้นทางหลังจากนี้ควรเดินไปอย่างไร
“เ้าหนู มานี่”
ร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนส่งเสียงเรียกหยวนก่อกำเนิดในทะเลตันเถียน หลังจากได้ยินเสียงของเสิ่นเสวียน หยวนก่อกำเนิดตัวน้อยจึงปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าร่างจิติญญาของเสิ่นเสวียนอย่างน่าประหลาด หยวนก่อกำเนิดเคลื่อนที่ได้รวดเร็วมากจนเสิ่นเสวียนไม่ทันได้สังเกตเห็น
ทว่าหลังจากนั้น การกระทำของหยวนก่อกำเนิดตัวน้อยก็ทำให้เสิ่นเสวียนตื่นใ กำปั้นของหยวนก่อกำเนิดตัวน้อยโจมตีใส่ร่างจิติญญาของตนเอง