กระถางกลืนั มีคุณสมบัติในการดึงและกลืนิญญาโดยไม่สนระดับฝึกตน แม้แต่ระดับเซียนนิรันดร์ หากไม่ระวังยังถูกดึงิญญาออกมาได้ ทว่าิญญาของผู้ฝึกตนระดับเซียนนิรันดร์แกร่งกล้า ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดโง่จะเอากระถางกลืนัไปโจมตีใส่ผู้มีระดับนั้น หากไม่ใช่เซียนนิรันดร์ด้วยกันเอง
ยามนี้กระถางกลืนัโจมตีใส่ไท้หยู กำลังกระชากิญญาออกจากร่างเขา กระถางกลืนัเป็อาวุธวิเศษระดับสูง ยังสูงกว่าอาวุธคู่กายของไท้หยู
เ้าสำนักเมฆัพลันหัวร่อเสียงแหลม มองดูอีกฝ่ายแข็งทื่อสายตาคล้ายมองดูโคกำลังจะถูกเชือดกล่าวด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
“เ้าคงไม่คิดกระมัง ว่าอยู่ในมหาพยุหะก็สามารถถูกสังหารได้ อย่าได้คิดว่ามีเพียงสำนักพันปีที่มีของวิเศษ .....กระถางกลืนั อาวุธวิเศษใกล้เคียงกับอาวุธคู่แผ่นดิน เ้าเคยได้ยินมาหรือไม่ ช่างยอดเยี่ยมนัก”
ในเจ็ดดินแดนไม่มีผู้ใดเกลียดชังเคียดแค้นไท้หยูเท่ากับเ้าสำนักเมฆัอีกแล้ว ชนิดที่สามารถเรียกว่าศัตรูคู่แค้นมิอาจอยู่ร่วมใต้ฟ้าเดียวกัน
เ้าสำนักเมฆัเป็ผู้ที่คั่งแค้นไท้หยูมากที่สุด ั้แ่ยังเป็รุ่นเยาว์ ทุกคนต่างเป็คู่แข่งคู่ต่อสู้ เ้าสำนักเมฆัได้รับฉายาว่าเด็กประเสริฐรอบร้อยดี เป็ผู้ที่มีพร์สูงส่งหายาก ทว่าประลองกันคราใดล้วนพ่ายแพ้ให้กับไท้หยูทุกครั้ง พ่ายแพ้มากขึ้น ความแค้นยิ่งฝังลึก
หากว่าความแค้นสามารถฆ่าคนให้ตาย เช่นนั้นไท้หยูคงตายไปนับพันรอบ
เ้าสำนักพิรุณพายุหันไปกล่าวกับผู้ที่อยู่ด้านหลังว่า
“เตรียมตัวบุกเข้าไปล้างสังหารในสำนัก” จากนั้นหันกลับมามองไท้หยูมุมปากยกขึ้นสายตาเย้ยหยันกล่าวว่า
“หากตอนนั้นเ้ายินยอมแต่แรก สถานการณ์คงไม่เลวร้ายถึงปานนี้ คิดว่าสามารถปกปิดผู้อื่นได้หรือ ระดับของเ้ายังสู้ลูกศิษย์ข้าไม่ได้ด้วยซ้ำ เฮอะ ช่างน่าอดสูยิ่งนัก ไท้หยู เ้ามองดูเื้ัของเ้า สำนักพันปีรากฐานเท่าบ้านเมือง กลับต้องตกต่ำและล่มสลายเพราะน้ำมือของเ้า”
หน้าห้องโถงใหญ่ ศิษย์ทั้งสี่มองมาด้านนี้ด้วยสายตาพรั่นพรึงหวาดผวา เนื้อตัวสั่นเทิ้ม ใบหน้าซีดขาวราวหิมะ มุมปากยังมีโลหิตไหลซึม ด้านหลังห่างออกไป ลี่ซวนใบหน้าบิดเบี้ยวกระอักโลหิตคำโต กำลังนั่งขัดสมาธิใช้ความรู้อันน้อยนิด ควบคุมพยุหะย่อยปกป้องตัวเองและศิษย์ทั้งสี่จากพยุหะคำสาป
สถานการณ์ย่ำแย่อย่างยิ่ง สำนักพันปีที่ไม่เคยพ่ายแพ้แก่ผู้ใด กำลังจะพังทลายแล้ว ความเน่าเฟะนี้มิได้เกิดขึ้นในวันเดียว ภายใต้แผนการที่จะกลืนกินสำนักพันปี ผู้อยู่เื้ัลงมือั้แ่หลายปีก่อน ยังลงมือก่อนที่ไท้หยูจะได้รับสืบทอดตำแหน่งประมุขสำนักเสียอีก
“สำนักพันปีกลับมีลูกศิษย์เพียงสี่คน ฮา ฮา ช่างน่าหัวขันยิ่งนัก” คนผู้หนึ่งพลันปรากฏขึ้นด้านหลังสองเ้าสำนัก ผมหยิกรุงรัง สองตาเจิดจ้า ใบหน้าชั่วร้าย จมูกใหญ่ริมฝีปากหนา ิัดำมะเมื่อม สวมชุดผ้าป่านเนื้อหยาบลักษณะเด่นของเผ่ามารแดนิอวี้ สองมือสวมอยู่ในถุงมือหนังสีดำมีลวดลายสีม่วงหม่น ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายชั่วร้ายและความตายออกมา ผู้ใช้มนต์ดำ!
เ้าสำนักทั้งสองพลันใจหายวาบ หันขวับไปด้านหลัง อีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นโดยที่ทั้งสองไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด โชคดีที่เป็ฝ่ายเดียวกัน ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงตายโดยไม่รู้ตัวไปแล้ว ผู้ใช้มนต์ดำ ช่างลี้ลับน่าสะพรึงจริงๆ
ยามนั้นแขนทั้งสี่ของร่างมนุษย์ที่บังเกิดจากกระถางทองเหลืองพลันปูดพอง คล้ายกับกล้ามเนื้อขยายใหญ่ ะเิพลังกระชากดึงกลับ ร่างของไท้หยูพลันล้มลงไปด้าน หลังจากนั้นิญญาถูกกระชากออกมา
ทันทีที่ิญญาหลุดออกจากร่าง ท้องฟ้าเบื้องบนพลันบังเกิดปฏิกิริยา เมฆดำทะมึนบังเกิดสายฟ้าผ่าเปรี้ยงลงด้านล่าง ิญญาที่ปรากฏกลับมิได้มีลักษณะเดียวกับไท้หยู
ร่างที่หนึ่ง ร่างที่สอง และสาม พลันถูกกระชากออกมาพร้อมกัน
ทุกคนที่จ้องมองเหตุการณ์พลันรู้สึกตาลาย ปวดศีรษะราวกับสมองกับะเิออก แม้แต่สองตาก็เ็ปคล้ายกับถูกเข็มมากมายทิ่มแทง จากนั้นลางสังหรณ์ร้ายพลันปะทุขึ้นในใจของทุกคน
ิญญาสูงโปร่ง ร่างกำยำสูงเก้าเชียะพลันปรากฏขึ้น ใบหน้าทรงอำนาจเ็า กลิ่นอายสูงส่งยิ่งใหญ่ราวกับเทพา สองตาลืมขึ้น เมื่อิญญาปรากฏ แม้แต่ฟ้าดินก็บังเกิดระลอกคลื่น แรงกดดันมหาศาลพลันกดทับเทือกเขาหยก ราวกับนี้มิใช่ตัวตนที่ควรมีในโลกใบนี้
ชายหนุ่มหล่อเหลาสูงสง่า ดวงตาแฝงความกร้านโลกพลันเบิกโพลง ดวงตาทั้งสองล้ำลึกราวกับท้องฟ้าราตรีกาล ดารารายพร่างพราวอยู่ด้านใน สองตาเจิดจ้าสาดประกายที่แม้แต่จันทราเบื้องบนยังหม่นแสง ประหนึ่งดวงตะวันสองดวงกำลังปรากฏขึ้น ร้อนแรงสุดเปรียบปาน
ร่างใหญ่โตมหึมายิ่งกว่าขุนเขาสีดำ ดวงตาหกดวงพลันเปิดออก กลิ่นอายน่ากลัวทรงพลังอย่างสุดแสนแผ่ขยายปกคลุมเทือกเขาหยก อาณาจักรชางไห่ถูกเงาสีดำบดบังไปครึ่งหนึ่ง คชสารทรงพลังพลันปรากฏ
รูปร่างจากา สามเศียร์สี่ขาสองกรราวกับหลุดจากกาลเวลา เหยียบย่ำสู่โลก งาสีดำสามคู่ทะมึนยิ่งกว่าก้นหุบเหวหรือหมึกดำ กลิ่นอายอันสยดสยองะเิออก เสียงคำรามยิ่งกว่ากัมปนาทดังสะท้านไปทั้งอาณาจักรชางไห่
ภาพวินาทีถัดมาที่ทุกคนคาดหวังว่าจะเกิดขึ้นกลับตาลปัตรไปเช่นนี้ สถานการณ์พลิกกลับ สามขวัญิญญาที่ปรากฏประหนึ่งพายุคลั่งในมหาสมุทรพร้อมจะจมทุกสิ่งในสายนที
ดวงตาสิบเอ็ดคู่เบิกกว้างจนแทบถลนออกมา ไม่ว่าผู้ใดก็พูดไม่ออก ซึ่งความจริงต้องกล่าวว่าไม่สามารถอ้าปากเอ่ยวาจาได้อีก ร่างแข็งทื่อราวกับถูกแช่ในน้ำแข็ง แม้แต่ฤดูเหมันต์ของอาณาจักรหานซวงยังไม่หนาวเหน็บเท่าเทือกเขาหยกในตอนนี้
ผู้ใดจะคาด ร่างมนุษย์หนึ่งร่างกลับมีสามขวัญิญญา
สมองครุ่นคิดทุกคนสามารถรับรู้ถึงอันตรายถึงชีวิตในในทันที แม้แต่ผู้ใช้มนต์ดำแดนิอวี้ที่ครึ่งก้าวถึงระดับเทพปรากฏก็หันกลับแทบจะหลบหนีทันใด
“ที่แห่งนี้ขยับไม่ได้” เสียงทรงอำนาจราวกับประกาศิตจากฟ้า เบื้องบนพลันปรากฏอักษรสีขาวกดทับลงมา ไม่ว่าผู้ใดก็ขยับไม่ได้ “มรรคาอักษรยันต์เร้น!”
“สำนักพันปีไม่มีวันล่มสลาย” ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งประหนึ่งเทพาพลันหายวับ วินาทีต่อมาก็ปรากฏขึ้นที่เบื้องหน้าเผ่ามารแดนิอวี้ มือขวาทรงพลังคว้าใส่ศีรษะ ฝ่ามือทะลุเข้าไปภายในกายเนื้อจากนั้นกระชากกลับมา ขวัญิญญารูปร่างเดียวกับร่างเนื้อพลันถูกดึงออก ผู้ฝึกตนระดับจิตไร้ขอบ ยามอยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดอย่างปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งกลับกลายเป็หุ่นไม้ตัวหนึ่ง ไม่มีความสามารถแม้แต่จะป้องกันตัว
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งอ้าปาก ขวัญิญญาในเงื้อมมือดิ้นรนสุดชีวิตทว่ามิอาจหลุดรอด ถูกกลืนเข้าไปราวกับกลืนผลไม้
คชสารใหญ่โตแค่นเสียงเ็า งวงทั้งสามพลันดูดลมหายใจ อากาศบังเกิดเกลียวคลื่น จากนั้นกอปรเป็หลุมดำสามหลุม แรงกระชากมหาศาลแผ่พุ่งใส่ศัตรู ขวัญิญญาของผู้าุโทั้งหกและสองเ้าสำนักพลันปรากฏออกมา ค่อยๆ ถูกแยกออกจากร่างเนื้อ
จนถึงตอนนี้ทุกคนค่อยรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว เ้าสำนักเมฆัยังเบิกตากลมกว้าง ใบหน้ายังแฝงความสงสัยหวาดหวั่นไม่คาย ริมฝีปากสั่นระริกพยายามกล่าวคำว่า “เกิดอะไรขึ้น” ทว่าประโยคมิอาจหลุดจากปาก ดวงตาก็หม่นหมอง ร่างไร้พลังชีวิต
กล่าวไปดูเหมือนนาน ทว่าแท้จริงสิ่งที่เกิดขึ้นเพียงอึดใจเดียวเท่านั้น
เ้าสำนักพิรุณพายุพยายามขัดขืนสุดชีวิตปากสั่นระริกเอ่ยว่า “ไม่” ิญญารูปร่างเดียวกันก็ถูกกระชากออกมา
ขวัญิญญาแปดดวงถูกกระชากออกจากร่าง ลอยไปตามแรงดูดมหาศาลไหลเข้าสู่งวงทั้งสามของคชสารมหึมา
ยามนั้นปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งพลันสะบัดมือคว้าขวัญิญญาของเ้าสำนักพิรุณพายุที่อยู่ใกล้จากนั้นกลืนเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“มารดามันเถอะ เ้ากินไม่รู้จักแบ่งปัน” ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งบ่นอุบ
ขวัญิญญาทั้งหมดพลันลอยเข้าไปในงวงใหญ่โต เมื่อไร้ขวัญิญญาร่างมนุษย์ทั้งสิบเอ็ดตนก็ร่วงตุบลงพื้น กระถางทองเหลืองสั่นะเื ร่างครึ่งมนุษย์ถูกดูดเข้าไปในงวง กระถางทองเหลืองตกฮวบอับแสง เมื่อไร้พลังหนุนนำขวัญิญญาทั้งสามพลันสั่นไหว จากนั้นถูกดึงกลับเข้าร่างของไท้หยูที่นอนอยู่บนพื้น
การตัดสินใจใช้กระถางกลืนัเป็วิธีที่ผิดพลาดที่สุด ขวัญิญญาที่อยู่ในร่างของไท้หยูเป็ระดับใด? ล้วนเป็ระดับสูงสุดของเผ่าพันธุ์ ยังแข็งแกร่งยิ่งกว่าระดับเซียนนิรันดร์
มาตรว่าไม่มีกายเนื้อและขวัญิญญาไม่สมบูรณ์ เป็เพียงเศษส่วนหนึ่ง ทว่ายังสุดที่ผู้ฝึกตนระดับต่ำกว่าเซียนนิรันดร์จะต่อต้านได้ ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ล้วนต่ำกว่าเทพปรากฏ ดังนั้นยังไม่ทันเกิดปฏิกิริยาทุกคนก็ถูกกลืนขวัญิญญาแล้ว
ฉงฉงและปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งคือตัวตนที่น่าสะพรึงเช่นนี้เอง
“ช่างน่าเสียดายนัก เ้าพวกนั้นกลับไม่ยกมาทั้งสำนัก ขวัญิญญาเท่านี้ไม่พอจะทำอะไรได้” ฉงฉงพลันบ่นออกมาจากนั้นพลันกล่าวสืบต่อว่า
“จะว่าไปขวัญิญญาของเ้าไฉนไม่เหมือนกายเนื้อ?”
ไท้หยูยังอยู่ในความแตกตื่นที่ได้เห็นร่างจริงของฉงฉงและปรมาจารย์ผู้ก่อตั้ง จิตใจไม่อยู่กับร่องกับรอย ไม่ทันคิดคำแก้ตัวเพียงกล่าวบ่ายเบี่ยงว่า
“ข้าจะรู้หรือ”
แม้ไท้หยูจะทราบความร้ายกาจของสองตาเฒ่านี้อยู่แล้ว ทว่าจะอย่างไรก็ไม่คาดคิดว่าแม้แต่เศษขวัญิญญาของทั้งสองตนจะทรงพลังไร้ผู้ต้านเช่นนี้ หากทราบว่าทั้งสองทรงพลังถึงเพียงนี้ไหนเลยต้องกังวลั้แ่แรก เดินออกมาให้ทั้งสองะเิพลังรอบเดียวก็สิ้นเื่
เมื่อเห็นว่าไท้หยูไม่ใคร่สนใจจะสนทนาฉงฉงก็ไม่ดึงดันจะเอ่ยขึ้นอีก
“ขวัญิญญาของมนุษย์เหล่านี้ช่างกระจ้อยร่อยยิ่ง แทบไม่ได้กับหนึ่งในร้อยของเ้าพวกนั้น”
ไท้หยูเข้าใจว่าเ้าพวกนั้นที่ฉงฉงเอ่ยถึงคือตัวตนาเมื่อเนิ่นนานเ่าั้ แต่เขาไม่มีกะจิตกะใจไปกล่าวเื่นั้นจึงถามว่า
“ร่างแท้ของเ้าเป็คชสาร เหตุใดตอนนี้จึงมีร่างเป็หนอนตัวหนึ่ง ข้ายังคิดว่าเ้าจะเป็แมลงเสียอีก” จะอย่างไรหนอนกับคชสารที่ใหญ่โตปานนั้นก็ห่างไกลกันเกินไป ไท้หยูจินตนาการว่าฉงฉงคงเป็สัตว์ประเภทแมลง ยามนี้เมื่อเห็นร่างจริงถึงกับผงะแตกตื่นยกใหญ่
“เฮอะ ร่างเนื้อนี้เป็แค่สิ่งที่ข้าใช้อาศัยเท่านั้น ข้าอยากเป็รูปร่างใดก็เป็รูปร่างนั้น กายเนื้อเช่นนี้หามีสิ่งใดสำคัญไม่”
ไท้หยูผงกศีรษะเห็นพ้องด้วย เพราะเขาเห็นซึ้งถึงความทรงพลังของขวัญิญญาแล้ว
“ตาเฒ่าไฉนยังนิ่งเงียบ? หรือถูกร่างของฉงฉงข่มขวัญจนหวาดหวั่นเสียแล้ว” ไท้หยูเอ่ยถาม
ปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งกลับยิ้มออกมา ท่าทางตื่นเต้นดีใจอย่างยิ่งกล่าวว่า
“ร่างจริงของเ้าช่างอลังการยิ่งนัก ข้าเฝ้าคอยวันที่ได้สู้กับเ้าแทบไม่ไหวแล้ว”
กลับเป็ตาเฒ่าที่สมองมีแต่การต่อสู้เท่านั้น