ลิ่วซีบอกลาครอบครัวของนางพร้อมโกหกว่านางกำลังจะกลับไปที่วัง มารดาของนางส่งนางจากไปทั้งน้ำตา
บนถนนที่เจริญรุ่งเรือง ผู้คนต่างพากันเดินขวักไขว่ ลิ่วซีอยู่ในสถานที่เจริญรุ่งเรือง แต่นางไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนต่อดี ในชาตินี้ นางเคยชินกับการถูกเอาอกเอาใจ แต่ไหนแต่ไรมาคนที่คอยเลี้ยงดูปูเสื่อนางก็มีเพียงแค่ตระกูลเจินเท่านั้น และอวิ๋นซู่ที่หนุนหลังนาง นางย่อมไม่ต้องกังวลเื่อาหารการกินและที่อยู่อาศัย ดังนั้นนางจึงไม่มีความสามารถในการหาเลี้ยงตัวเอง โชคดีที่มีวิชาซ่อมของเก่าจากยุคปัจจุบันติดตัวมา อาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง และสิ่งสำคัญที่สุดของนางคือการหางาน เพื่อแก้ไขปัญหาเื่ชีวิตความเป็อยู่
“หลีกทางหน่อย!”
“หลีกทางหน่อย!”
กลุ่มกองกำลังพลันปรากฏตัวขึ้นบนถนน ทุกคนสวมชุดเกราะ ถือหอกพลางผลักผู้คนที่ผ่านไปผ่านมา ก่อนจะสร้างกำแพงมนุษย์และเปิดเป็เส้นทาง ความวุ่นวายเกิดขึ้นนอกกำแพงมนุษย์นั่น ทุกคนยืนชิดซ้ายและขวา ถนนที่พลุกพล่านด้วยผู้คนกลับสงบลงด้วยความตระหนกนี้ พวกเขาต่างยืนนิ่งสงบอยู่นอกกำแพงมนุษย์อย่างมีระเบียบ เสียงพูดล้วนแ่เบา ไม่นานนัก รถม้าสองสามคันก็แล่นมา มีธงปักอยู่้า และยังมีความเคร่งขรึม คล้ายกับคนในราชวงศ์ทำนองนั้น
ลิ่วซีถูกฝูงชนเบียดเสียด กระทั่งถูกดันให้ไปยืนอยู่ข้างถนนมองดูความตื่นเต้น ได้ยินแต่เสียงกระซิบของคนข้างๆ นางเท่านั้น
“วันนี้ได้ยินมาว่าเป็วันที่พระสนมซินจะไปไหว้พระที่วัด!”
“มิน่าเล่าถึงได้ใหญ่โตเช่นนี้ ว่ากันว่าพระสนมซินผู้นี้เป็พระสนมที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานที่สุดในตอนนี้ และยังเป็พระสนมที่เป็ที่รักของทุกคน!”
“ใช่ ไม่กี่ปีที่ผ่านมานางได้รับการสนับสนุนมากมายในวังหลัง มีอำนาจมากจนทุกคนต้องหลีกเลี่ยงนาง ฮ่องเต้โปรดปรานนางก็ไม่ได้ฝ่าฝืนกฎหมายข้อใด!”
“จริงหรือ ใน่ต้นปี ได้ยินว่านางใช้เงินถึงหมื่นตำลึงเพื่อสร้างจวนให้ตระกูลกู้ เกิดการถกเถียงกันมากมายในราชสำนัก แต่ฮ่องเต้ยังทรงนำเงินส่วนพระองค์ไปอุดช่องโหว่ให้นาง นางจึงไม่ถูกตำหนิเลย!”
“ถ้านางตั้งครรภ์ทายาทัได้ ในอนาคตนางอาจจะขึ้นจัดการวังหลังแทนฮองเฮาก็ได้!”
“ก็ใช่น่ะสิ! แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการเคลื่อนไหว!”
สนมของอวิ๋นซู่? ที่แท้เขาก็รักสตรีนางหนึ่งได้มากมายถึงเพียงนี้ และยังเทิดทูนนาง หากพระสนมซินมีทายาทจริงๆ เขาจะรักมากเพียงใด?
เมื่อคิดถึงลูก หัวใจของลิ่วซีพลันเ็ปอย่างรุนแรง นางรู้สึกเ็ปที่ลูกของนางทิ้งนางไปก่อนยามที่อยู่ในตำหนักลิ่วฉือ นางจำได้ ยามนั้นมีดอกสาลี่อยู่ทั่วพื้น อวิ๋นซู่โอบกอดนางด้วยความอ่อนโยน
“อาซี ต่อไปข้าหวังว่าเ้าจะมอบองค์หญิงตัวน้อยให้กับข้าได้ หน้าตาเหมือนเ้ามีเรือนผมสีดำสนิท แววตาเฉลียวฉลาดและร่าเริง ข้าจะทะนุถนอมนางมากที่สุดอย่างแน่นอน!”
“เหตุใดไม่เป็องค์ชายเล่า”
“ข้าไม่้าให้สายเืของเราต้องเผชิญกับการแย่งชิงที่โหดร้ายของราชวงศ์เมื่อพวกเขาเติบโตขึ้น เผชิญหน้ากับความไม่เป็อิสระ ข้าเพียงหวังว่าลูกของเราจะมีความสุขและเป็อิสระ!”
ตอนนั้นนางมีความสุขมาก แต่ตอนที่นางนอนอยู่ในตำหนักลิ่วฉืออันเ็า ตอนที่เืเปรอะเปื้อนผ้าปูที่นอน ตอนที่นางรู้สึกราวกับหัวใจถูกฉีกออกเป็ชิ้นๆ ตอนที่ชีวิตน้อยๆ ในร่างกายของนางกำลังจากนางไปทีละน้อย สิ่งที่ได้รับมายังเป็ความเย็นะเื และโเี้ อวิ๋นซู่ผู้ไม่เคยมาดูดำดูดีนางเลย
เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตเหล่านี้ หัวใจของนางรู้สึกไม่สบายราวกับถูกมีดกรีด ไม่สนใจพระสนมซินอีก
คนในฝูงชนต่างเงียบสงบทันที
เกี้ยวที่มีสีสันสดใสผ่านหน้าลิ่วซีไป หน้าต่างบนเกี้ยวนั้นเป็ผ้าม่านโปร่งบาง สามารถมองเห็นพระสนมซินนั่งอยู่ข้างใน นางทั้งงดงามและมีเสน่ห์
ั์ตาดำขลับเป็ประกาย หน้าผากเรียบเนียน มีทับทิมสีเืที่ดูเหมือนหยดน้ำตาห้อยอยู่ เครื่องประดับที่งดงามบนศีรษะนั้น ส่องแสงระยิบระยับ แสดงให้เห็นถึงความงามที่น่าหลงใหลอย่างลงตัว
ใครบ้างที่เห็นสตรีนางนี้แล้วจะไม่อยากทะนุถนอม ทุกคนต่างตกตะลึงที่เห็นนาง ลิ่วซีเองก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น ในยุคปัจจุบัน นางเคยเห็นความงามที่ราวกับเทพธิดาเช่นนี้ที่ใดบ้าง ดังนั้นจึงมองจนเหม่อลอยไปชั่วขณะ
รถม้าอีกคันก็ผ่านไป คิดไม่ถึงว่าจะมีดวงตาคู่หนึ่งที่ให้ความรู้สึกหนักอึ้งเหมือนนกอินทรีปะทะเข้ากับสายตาของลิ่วซี เมื่อดวงตานั้นมองเห็นลิ่วซี ทันใดนั้น ดวงตาที่เ็าราวกับคมมีดที่มองมายังนางพลันเบิกกว้างราวกับเห็นสัตว์ประหลาด
ลิ่วซีเองก็เบิกตากว้างด้วยความใ ในพริบตานั้น มันเหมือนกับค้อนขนาดใหญ่ที่กระทบกับจุดที่ลึกที่สุดและเปราะบางที่สุดในหัวใจของนาง คนผู้นั้นก็คืออวิ๋นซู่ เขามองเห็นนางหรือไม่?
นางไม่ให้โอกาสตัวเองได้คิดอะไรมากความ รีบวิ่งหนีไปจากตรงนี้ทันที นางไม่คิดว่าในฐานะฮ่องเต้แห่งราชวงศ์ทง เขาที่กำลังจะไปวัดกับสนมซิน และบังเอิญมองเห็นนางท่ามกลางฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว
นางได้ยินแต่เสียงรีบเร่งและกระวนกระวายดังมาจากด้านหลัง พร้อมด้วยเสียงะโอย่างเกรี้ยวกราด
“หยุด!”
ทันใดนั้น ม้าของรถม้าคนนั้นก็ถูกดึงบังเหียนขึ้นอย่างรุนแรง มันเงยหน้าขึ้นร้องคำราม เหล่าราชองค์รักษ์ที่ติดตามเขาลงจากรถม้าทันทีและเอ่ยถามด้วยความยำเกรง
“ฝ่าา เกิดอะไรขึ้นหรือพ่ะย่ะค่ะ”
ทันทีหลังจากนั้น บรรดาราชบริพารทั้งหมดต่างคุกเข่าลงพร้อมกัน และประชาชนทั่วไปล้วนคุกเข่าลงและะโพร้อมกัน
“ฮ่องเต้ทรงพระเจริญหมื่นปี ทรงพระเจริญหมื่นปี!”
ลิ่วซีหามุมเพื่อหลบซ่อนตัว หัวใจของนางยังคงเต้นแรง โชคดีที่เขามองไม่เห็นนาง นางยื่นตัวออกไปมองดูถนนจากระยะไกลอย่างเงียบๆ เห็นเขายืนอยู่บนรถม้า เขาสวมชุดคลุมยาว รูปลักษณ์สง่างาม หมัดของเขากำแน่น ริมฝีปากขบแน่นเช่นกัน แต่ดวงตานั้นยังแหลมคม ตรงนี้เมื่อครู่ แค่เมื่อครู่นี้เอง เขาจ้องเขม็งไปยังฝูงชนซึ่งกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้น เขาสอดสายตามองไปทั่ว เพราะอำนาจของเขาน่าเกรงขามเกินไป บนถนนใหญ่จึงไร้ซึ่งเสียงใดๆ ทุกคนไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ จนกระทั่งเวลาผ่านไปนาน แสงสว่างในดวงตาของเขาค่อยๆ อ่อนลง เขาดูสับสน ราวกับว่ามีหมอกหนาอยู่เบื้องหน้าจนมองได้ไม่ชัดเจน
เขาส่ายศีรษะไปมา ยิ้มเยาะเย้ยตนเองอย่างขมขื่น ก่อนจะกลับเข้าไปในรถม้า แม้ว่าเขาจะถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้คนนับหมื่น แต่แผ่นหลังของเขากลับอ้างว้างท่ามกลางฝูงชนที่พลุกพล่าน
ทหารรีบปิดม่านทันที เหล่าราชบริพารต่างได้สติและเริ่มขับไล่ผู้คนที่อยู่บริเวณนั้น
เมื่อขบวนเสด็จของฮ่องเต้จากไป ฝูงชนก็สลายไปเช่นกัน ส่วนหัวใจที่เต้นระรัวของลิ่วซีจึงค่อยๆ สงบลง ราวกับอยู่ในห้วงความฝัน นางเห็นอวิ๋นซู่จริงๆ หลายปีผ่านไป หัวใจดวงนี้ยังคงเป็แผลสดที่เกิดขึ้นจากเขา ตอนที่นางเห็นเขา มันยังคงเ็ปเช่นเคย คนผู้นี้ยังคงอยู่ในใจของนางอย่างดื้อรั้นไม่ยอมออกไปไหน ไม่ว่านางจะรักหรือเกลียด เขาก็ถูกฝังลึกเข้าไปในก้นบึ้งของหัวใจ แม้แต่ตัวนางเองยังไม่อาจสั่นคลอนได้
อย่างไรก็ตาม นางไม่ใช่ลิ่วซีเช่นในอดีตอีกแล้ว หลังจากกลับมาใช้ชีวิตอีกครั้ง นางเข้าใจถึงอำนาจ เงินทอง และความรัก ล้วนไร้ซึ่งเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจน ้าอะไร ร้องขออะไร แม้แต่จะแบกรับสิ่งใดได้ ล้วนเกี่ยวข้องกับสามสิ่งนี้ นางจะไม่มีวันโง่เขลาและยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อความรักอีกต่อไป
มันไม่มีประโยชน์ที่จะเอาแต่คิดกับเื่พวกนี้ ในขณะนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการหาที่พัก แล้วค่อยหางานทำเพื่อเลี้ยงดูตนเอง หลังจากนางออกมาจากตระกูลเจิน บิดามารดาของนางได้มอบเงินให้นางเพื่อนำไปมอบให้บ่าวไพร่ แม้ว่าจะเพียงพอให้นางสามารถใช้ชีวิตไปชั่วขณะหนึ่ง แต่นั่นไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาในระยะยาว
เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมเห็นว่านางเป็หญิงสาวตัวคนเดียว ทั้งยังบอกว่ากำลังหางานอยู่ อีกฝ่ายจึงแนะนำนางอย่างกระตือรือร้น
“แม่นาง ข้ามีงานแนะนำ ดูสิว่าเ้าจะทำได้หรือไม่?”
“งานจริงจังก็ดี แต่หากเป็สถานเริงรมย์ก็ช่างมันเถอะ ท่านดูอายุกับหน้าตาข้าเสียก่อน ทำไม่ได้หรอก” คำพูดนี้คือเื่จริง ลิ่วซีตอนนี้กำลังปลอมตัวอยู่ นางหวีผมเหมือนหญิงที่ออกเรือนแล้ว เสื้อผ้าที่ใส่ก็ธรรมดา การแต่งหน้าของนางออกมาเป็สีเหลืองเทาๆ การได้เจอกับอวิ๋นซู่บนถนนนั่นทำให้นางใจริงๆ การแต่งตัวเช่นนี้เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาวุ่นวาย
เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมมองอย่างพิจารณา
“เ้าเคยออกเรือนแล้วรึ?”
“ข้าแต่งงานแล้ว แต่สามีป่วยตายเมื่อปีก่อน” นางพูดโกหกด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
“ช่างเป็คนที่น่าสงสารจริงๆ งานที่ข้าจะแนะนำเ้าคือการเป็สาวใช้ในตระกูลเฟิง เ้ารู้จักตระกูลเฟิงหรือไม่ ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองเทียนเฉิง เห็นร้านค้าริมถนนในเมืองเทียนเฉิงนี่หรือไม่ เก้าในสิบคือร้านค้าของตระกูลเฟิงทั้งนั้น”
ลิ่วซีสังเกตเห็นว่าตอนนี้บนถนนมีธงแขวนอยู่เหนือร้านทุกร้าน และมีอักษรเฟิงเขียนไว้บนธงเ่าั้ ที่แท้ก็เป็เช่นนี้ แต่ที่นางแปลกใจคือ
“ในเมื่อตระกูลเฟิงร่ำรวยมาก จะหาสาวใช้สักคนไม่ได้เชียวหรือ และท่านคิดว่าคนเช่นข้าเข้าไปแล้วจะได้งานหรือไม่?”
เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมกล่าวด้วยรอยยิ้มที่คลุมเครือ
“เ้าก็ทำแบบนี้ ทำแบบนี้สิ”
“โอ้? กล่าวเช่นนั้นได้อย่างไร?”
“เ้าไม่เคยได้ยินเื่นี้จริงๆ หรือ ประมุขของตระกูลเฟิง ทุกคนเรียกเขาว่านายน้อยเฟิง”
หลังจากพูดถึงนายน้อยเฟิง เถ้าแก่เนี้ยก็หยุดชะงัก น้ำเสียงของนางและความคลุมเครือในแววตานาง นางโน้มตัวเข้าไปใกล้ลิ่วซี ก่อนจะพูดประโยคที่สอง ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็สีแดงเรื่อ แล้วเอ่ยเสียงต่ำ
“นายน้อยเฟิงขึ้นชื่อว่าเป็คุณชายเ้าสำราญ ตราบใดที่มีสตรีงดงามเพียงเล็กน้อย เขาย่อมไม่ยอมปล่อยไปแน่นอน ลากขึ้นเตียงทั้งสิ้น”
เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมโน้มตัวไปข้างหน้าอีกครั้ง หน้าของนางยิ่งแดงมากขึ้น
“สตรีที่มีความสัมพันธ์กับเขาเ่าั้ ล้วนสุขสบายในตระกูลเฟิงทั้งนั้น หลังจากสตรีเหล่านี้ได้หลับนอนกับเขาครั้งหนึ่ง พวกนางก็ไม่้าชายอื่น ร้องห่มร้องไห้ ขอขึ้นเตียงกับเขาอีก”
“ว่ากันว่าวันรุ่งขึ้นสตรีหลายคนแทบลุกจากเตียงไม่ได้ วรยุทธของเขาสามารถทำให้เ้าอยากขึ้น์แม้ว่าต้องตายก็ไม่สนใจ”
เถ้าแก่เนี้ยของโรงเตี๊ยมราวกับได้ััด้วยตัวเอง ดวงตาของนางเปล่งประกาย เวลาพูดก็เหมือนน้ำลายจะไหลลงมาให้ได้
“เ้ารู้หรือไม่ มีประโยคหนึ่งที่แพร่หลายอย่างเงียบๆ ในหมู่หญิงสาวเหล่านี้ พวกนางอยากจะติดตามแค่นายน้อยเฟิง ตราบใดที่ได้สักครั้ง ชีวิตนี้ก็พอใจแล้ว”
ลิ่วซีได้ยินเช่นนั้นก็เอ่ยถาม
“แล้วมันเกี่ยวข้องกับงานข้าอย่างไร”
เถ้าแก่เนี้ยเหมือนยังคิดไม่ได้
“สตรีที่มีหน้าตางดงามต่าง้าจะปีนขึ้นเตียงของนายน้อยเฟิงทั้งนั้นแหละ มีใครอยากทำงานหนัก? คนที่เคยขึ้นเตียงแล้วต่างแอบต่อสู้หึงหวงกันอย่างเงียบๆ มีใครทำงานกันบ้าง? พ่อบ้านตระกูลเฟิงเริ่มเป็กังวลใจ ไม่มีใครทำงานในตระกูลเฟิงเลยสักวัน ดังนั้นพ่อบ้านจึงประกาศว่าครั้งนี้ขอรับสมัครสาวใช้ และต้องเป็คนอัปลักษณ์เท่านั้น”
ที่แท้ก็เป็เช่นนี้
“แล้วพ่อบ้านไม่กลัวว่านายน้อยเฟิงของพวกเขาจะเบื่อหญิงงาม แล้วเปลี่ยนรสนิยมมามองหญิงอัปลักษณ์บ้างหรือ?”
เถ้าแก่เนี้ยโรงเตี๊ยมหัวเราะ
“แม่นาง หยุดฝันกลางวันเถอะ มีเด็กสาวขี้เหร่มากมายที่มีความคิดแบบเดียวกับเ้า ั้แ่ครอบครัวมีอันจะกินไปจนถึงครอบครัวยากจน พวกเขาต่างไปเป็สาวใช้ในตระกูลเฟิง อย่าว่าแต่เตียงของนายน้อยเฟิงเลย แม้แต่เงาพวกเขาก็ไม่ได้เห็น ตามคำพูดของนายน้อยเฟิง เขามองแต่สิ่งสวยๆ งามๆ เท่านั้น”
“แม่นางลิ่ว หากเ้าทำงานหนักในตระกูลเฟิง โดยไม่มีความคิดเป็อื่น อาหารการกินที่หลับที่นอนย่อมไม่มีปัญหา ตระกูลเฟิงมีเงินมากมายและปฏิบัติต่อบ่าวไพร่อย่างดี ต่อไปก็ทำงานเก็บเงินให้ได้เยอะๆ แล้วหาครอบครัวดีๆ แต่งงานเสีย”
ในเมื่อเป็เช่นนี้ ลิ่วซีจึงตอบรับเถ้าแก่เนี้ยโรงเตี้ยมอย่างมีความสุข
...