เฉินเฟิง้าให้หยางกั๋วเฉียงเห็นสัญญาเดิมพันระหว่างเขากับผู้เฒ่าหวัง
สัญญาฉบับนี้มีความยาวเพียงหนึ่งหน้ากระดาษเท่านั้น
ผู้เฒ่าหวังเองไว้ใจเฉินเฟิงอย่างมาก เขาจึงไม่ได้ทำให้สัญญามีความยุ่งยากหรือซับซ้อน
หยางกั๋วเฉียง จึงอ่านเนื้อหาของสัญญาท้าพนันได้อย่างรวดเร็ว
ด้วยเหตุนี้เอง หยางกั๋วเฉียงจึงสามารถอ่านและสรุปใจความสำคัญทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
ประการที่หนึ่ง เฉินเฟิงเดิมพันกับผู้เฒ่าหวังว่าผู้เฒ่าหวังจะกลายเป็เศรษฐีอันดับหนึ่งของเหยียนหวงในปี 2016 และต้องมอบหุ้นของเฉียนต๋าให้แก่เฉินเฟิงเป็จำนวน 20%
ประการที่สอง หากผู้เฒ่าหวังบรรลุเป้าหมายเร็วขึ้นหนึ่งปี เขาต้องมอบหุ้นของเฉียนต๋าเพิ่มอีก 1% แต่หากช้ากว่าหนึ่งปี เฉินเฟิงต้องคืนหุ้น 1% ต่อปีเช่นกัน
ประการที่สาม หลังจากสัญญามีผลบังคับใช้ เฉียนต๋ากรุ๊ปต้องโอนหุ้น 20% ให้กับเฉินเฟิงทันที แต่เฉินเฟิงต้องยอมรับผู้เฒ่าหวังเป็'พ่อบุญธรรม'
ประการที่สี่ เฉินเฟิงจะเป็ผู้ให้คำปรึกษาชี้แนวทางในชีวิตและเป็พ่อบุญธรรมให้แกคุณชายหวัง นายน้อยแห่งเฉียนต๋า เมื่อเขาบรรลุนิติภาวะ
หลังอ่านจบ หยางกั๋วเฉียงรู้สึกว่าสัญญาฉบับนี้มีแต่ประโยชน์ ไม่มีโทษอะไรแก่เฉินเฟิงเลย
ส่วนทางด้านผู้เฒ่าหวัง แม้จะต้องเสียหุ้นกว่า 20% แต่เขาแลกมาด้วยอนาคตที่จะได้เป็เศรษฐีอันดับหนึ่งและความมั่นคงในจิตใจ
ณ ปัจจุบัน ผู้เฒ่าหวังเป็หนี้ธนาคารหลายร้อยล้าน หากเขาสามารถเป็เศรษฐีอันดับหนึ่งในเหยียนหวงได้จริง เขาจะมีทรัพย์สินอย่างน้อยหลายแสนล้าน
ถึงแม้ว่าจะเสียหุ้นไป 20% ก็คงไม่นับเป็อะไรเมื่อเทียบกับทรัพย์สินส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นหลายเท่า
โดยรวมแล้ว จะบอกว่าผู้เฒ่าหวังขาดทุนก็ไม่ได้เช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สัญญาฉบับนี้สามารถมอบความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมแก่ผู้เฒ่าหวังซึ่งกำลังเป็หนี้ธนาคารหลายร้อยล้าน
บางครั้ง สิ่งที่คนเรา้าคือความมั่นใจ
จากการทำนายของเฉินเฟิง แม้ว่าจะไม่มีความช่วยเหลือจากเขา เฉียนต๋ากรุ๊ปก็จะกลายเป็กลุ่มบริษัทที่ร่ำรวยที่สุดในปี 2016
แต่ตอนนี้ ผู้เฒ่าหวังได้รับความมั่นใจที่จะเป็มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งล่วงหน้าได้หลายปี กอปรด้วยความช่วยเหลือจากเฉินเฟิงเป็ครั้งคราว
คาดว่าเขาน่าจะเป็มหาเศรษฐีได้ในปี 2010 หรืออาจเร็วกว่านั้นอย่าง 2007
ท้ายที่สุดแล้ว หยางฮุ่ยเหยียนจะกลายเป็หญิงสาวที่ร่ำรวยที่สุดในปี 2007 อ้างอิงจากคำทำนายของเฉินเฟิง
เพราะความหมายของคนที่รวยที่สุด กับ ผู้หญิงที่รวยที่สุดในเหยียนหวงนั้นต่างกัน
หยางกั๋วเฉียงนึกถึงสิ่งที่เฉินเฟิงบอกเขากับลูกสาวของเขาเมื่อสักครู่ ว่าลูกสาวของเขาจะกลายเป็เศรษฐีนีอันดับหนึ่งของเหยียนหวงตอนปี 2007
เทียบกันแล้วคำทำนายนี้น่าประทับใจมากกว่าเื่ที่ผู้เฒ่าหวังจะกลายเป็เศรษฐีอันดับหนึ่งในปี 2016 อยู่มากโข
เพราะยังไงในปีนั้น หยางฮุ่ยเหยียนน่าจะมีอายุเพียง 26 ปี
ในขณะที่ผู้เฒ่าหวังอยู่ในวัย 50 ปี
“สัญญาฉบับนี้…”
หยางกั๋วเฉียงอ้าปากค้างหลังจากอ่านและวิเคราะห์ผลประโยชน์ต่างๆ ในสัญญาเสร็จ
เฉินเฟิงพูดหยอกเย้าหยางกั๋วเฉียงและหยางฮุ่ยเหยียน ในขณะทีเขากำลังลงชื่อ เขียนหมายเลขประจำตัวประชาชน และประทับลายนิ้วมือบนสัญญาสองฉบับ
“เป็ไงบ้างครับ สนใจเดิมพันกับผมสักหน่อยไหม?
ฉันพนันว่าลูกสาวของคุณ จะกลายเป็เศรษฐีนีอันดับหนึ่งในเหยียนหวงตอนอายุ 26 ปี
เธอจะกลายเป็เศรษฐีนีอันดับหนึ่งก่อนผู้เฒ่าหวัง 9 ปี!”
หยางกั๋วเฉียงพูดไม่ออก
“คุณให้ผู้เฒ่าหวังเรียกฉันมารับประทานอาหารร่วมกัน และให้ฉันอ่านสัญญาฉบับนี้ก็เพื่อเชื้อเชิญให้เราเดิมพันกันไม่ใช่เหรอ”
เฉินเฟิงยิ้มโดยไม่ตอบคำถามแต่อย่างใด
“ถ้าคุณเซ็นสัญญากับคุณลุงหวังเสร็จแล้ว คุณค่อยมาบอกเงื่อนไขการเดิมพันกับฉันก็ได้”
หยางฮุ่ยเหยียนตัดสินใจเด็ดขาด เธอรู้ว่าคำพูดของเฉินเฟิงที่พูดในรถเมื่อสักครู่หมายถึงเธอ ดังนั้นเธอจึงคิดอย่างจริงจัง
