ในขณะที่เซียวหลิงอวิ๋นกำลังยืนอยู่ที่หน้าประตูสีทองที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่นั้น จ้าวหนีอิ่งยืนนิ่งอยู่ใจกลางหอโถงที่กว้างขวางกว่าห้องโถงก่อนหน้านี้เป็อย่างมาก จ้องมองไปที่ผนังสีเขียวของหอคอยนี้อย่างตั้งใจ
ผนังนี้ต่างไปจากผนังห้องโถงทั่วไปนัก เพราะไม่เพียงแต่ผนังทั้งห้องจะทำมาจากหินแกรนิตขนาดใหญ่ แต่ที่สำคัญคือหินสีเขียวขนาดใหญ่ก้อนนี้มีรอยดาบที่ยาวเก้าหมี่เก้า ลึกสามฉื่อกับอีกสามชุ่นสาม!
แต่นั่นยังไม่ใช่สิ่งที่น่าใที่สุด สิ่งที่น่าใที่สุดคือจ้าวหนีอิ่งรู้สึกได้ถึงเจตจำจงดาบที่ทรงพลังมากที่ทำให้จิติญญาของนางต้องสั่นะเืจากรอยดาบที่แคบยาวเหล่านี้
แม้ว่าจะอยู่ห่างออกไปถึงห้าสิบจั้ง แต่เพียงแค่มองดูก็รู้สึกเหมือนทั้งจิตใจและจิติญญาจะสั่นะเืได้ เจตจำนงดาบก็ราวกับจะทะลุออกจากกำแพงและลอยกลางอากาศได้
เจตจำนงดาบที่หลงเหลืออยู่ในแผ่นหินขัดอยู่มานานมากอย่างเห็นได้ชัด
จนเมื่อนางมาถึงที่นี่ เจตจำนงดาบที่ถูกเก็บรักษาไว้ไม่รู้กี่พันปีนี้ก็ค่อยๆ สลายไปอย่างรวดเร็ว
เจตจำนงดาบที่ไม่เคยสลายไปไหนตลอดหลายพันปีหรืออาจหลายหมื่นปีนั้นจะต้องทรงพลังมากถึงขนาดไหนกันนะ โชคดีที่ได้มาเห็นเจตจำนงดาบนี้ก่อนที่มันจะสลายไป นี่คือโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ นางจะต้องไม่ปล่อยให้เจตจำนงดาบนี้สลายไปเปล่าๆ นางจะต้องสืบทอดเจตจำนงดาบของบรรพชนผู้นี้ให้ได้
ความเชื่อมั่นอันแรงกล้าบังเกิดขึ้นในใจของจ้าวหนีอิ่ง และในชั่วขณะต่อมาสมาธิทั้งหมดของนางก็ใจจดใจจ่ออยู่ที่เจตจำนงดาบจนทำให้จิตใจของนางสั่นไหว ดวงตาก็รู้สึกเจ็บ
ค่อยๆ จมดิ่งลงไปช้าๆ!
จู่ๆ จิตใจก็เกิดการสั่นะเื จิตใต้สำนึกของจ้าวหนีอิ่งเข้าสู่สนามรบอันยิ่งใหญ่และโเี้
ท้องฟ้าสีแดงเือันกว้างใหญ่ มีดาบั์ที่ยาวถึงหมื่นจั้งกำลังบินพุ่งไปมาและฟาดฟันอย่างรุนแรง ดาบแต่ละเล่มเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังอันน่าทึ่งที่ราวกับจะสามารถแยกูเาขนาดใหญ่และตัดแม่น้ำสายใหญ่ให้ขาดได้
สิ่งที่ทำให้จ้าวหนีอิ่งต้องรู้สึกหัวใจสั่นไหวมากที่สุดคือ นางััได้ถึงเจตจำนงดาบที่แท้จริงที่มุ่งตรงไปยังหนทางสูงสุดของเต๋าท่ามกลางแสงดาบเหล่านี้
ดาบั์สายฟ้าที่ทรงพลังมาก ดาบั์เปลวเพลิงที่น่าเกรงขาม และดาบั์สีทองที่คมกริบ
สิ่งกำลังที่ต่อสู้กับดาบั์เหล่านี้คือั์ใหญ่ที่สูงถึงพันจั้ง! กำปั้นขนาดใหญ่ของมันกวัดแกว่งไปมา ทำให้แสงดาบต้องแตกสลาย ฝ่ามือั์นี้เพียงแค่กวาดออกไป แสงดาบั์สามถึงห้าเล่มก็แตกสลายกลายเป็ประกายแสงที่ลอยไปทั่วท้องฟ้า
‘ฉัวะ!’ พร้อมด้วยเสียงที่ดังขึ้นอย่างเบาๆ หัวของั์ที่ขนาดเท่าูเานี้ก็กระเด็นลอยไปในอากาศ
ดวงตาของจ้าวหนีอิ่งเบิกกว้าง
นั่นคือ เจตจำนงดาบสายลม!
ช่างสง่างาม ว่องไว ทรงพลัง และคมกริบยิ่งนัก!
สายตาของนางไม่สามารถไล่ตามแสงดาบที่ว่องไว สง่างาม ทรงพลัง และคมกริบจนถึงขีดสุดนั้นได้เลย นางจึงค่อยๆ สงบจิตใจให้เยือกเย็นลง ใช้จิตใจและิญญารับรู้ได้เจตจำนงดาบที่เหนือกว่าเจตจำนงดาบสายลมห้าส่วนที่นางเข้าถึงอยู่ให้เต็มที่!
...
จนเวลาผ่านไปถึงหกชั่วยาม!
ร่างกายที่ยืนตรงอยู่นานของจ้าวหนีอิ่งก็เริ่มขยับเขยื้อน
“แกร๊ง!” เสียงดาบดังขึ้น ในชั่วพริบตาต่อมา แสงดาบสีเขียวอ่อนๆ ก็ฟันลงบนผนังหินขนาดใหญ่เบื้องหน้า
ด้วยความคมกริบของดาบสายลมชำระวังจันทรา กลับทิ้งแค่รอยดาบยาวประมาณสามชุ่นและลึกแค่เพียงเมล็ดข้าวฟ่างไว้บนผนังหินเท่านั้น
ความแข็งแกร่งของผนังหินนี้เหนือกว่าเหล็กกล้าในโลกเบื้องล่างมาก
หากมีคนอยู่ที่นี่ด้วย ก็คงจะต้องประหลาดใจเมื่อพบว่ารอยดาบที่ทั้งตื้นและบางมากนี้ยังคงแฝงเจตจำนงดาบเอาไว้ด้วย นั่นคือเจตจำนงดาบสายลม
เจตจำนงดาบนี้อยู่ได้นานถึงครึ่งชั่วถ้วยชา จึงค่อยๆ สลายหายไป
หากเซียวหลิงอวิ๋นหรือผู้าุโสูงสุดของสำนักดาบิญญาเมฆาอยู่ที่นี่ พวกเขาจะพบว่าดาบของจ้าวหนีอิ่งได้บรรลุเจตจำนงดาบถึงหกส่วนแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าดาบที่จ้าวหนีอิ่งฟันออกไปนี้ คือสิ่งที่นางได้หลังจากที่นางเข้าใจถึงบางสิ่งบางอย่างในสนามรบอันยิ่งใหญ่นั้น
หลังจากฟันดาบนี้ออกไป จ้าวหนีอิ่งก็กลับมายืนนิ่งอีกครั้ง จิตใต้สำนึกของนางยังคงอยู่ในมิติของสนามรบแปลกๆ นั้น เปิดััรับรู้ถึงเจตจำนงดาบนั้นอย่างเต็มที่
จนกระทั่งเวลาผ่านไปอีกถึงสิบสองชั่วยาม นางก็ฟันดาบออกไปอีกครั้ง!
ดาบนี้ทิ้งเอาไว้แค่รอยดาบตื้นๆ ยาวประมาณสี่ชุ่นและลึกเพียงหนึ่งเมล็ดข้าวฟ่างครึ่งบนผนังหินนั้น
เจตจำนงดาบเจ็ดส่วน!
...
ในขณะที่จ้าวหนีอิ่งกำลังซึมซับเจตจำนงดาบสายลมที่ล่องลอยและว่องไวอย่างเต็มที่ จิตใต้สำนึกของเซียวหลิงอวิ๋นก็เข้าสู่มิติเร้นลับแห่งหนึ่ง ประตูสีทองกลายเป็ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
เซียวหลิงอวิ๋นที่อยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวก็เริ่มออกสำรวจมิติแปลกๆ นี้อย่างถี่ถ้วน
แสงดวงดาวพาดผ่านท้องฟ้าราวกับดาวตกเป็่ๆ และท่ามกลางแสงเหล่านี้ เซียวหลิงอวิ๋นก็รับรู้ได้อย่างเฉียบคมว่ามีพลังมหาศาลที่น่าทึ่งและน่าเกรงขามไหลเวียนอย่างรวดเร็วอยู่ แล้วดวงดาวก็ะเิออก พลังไหลกลับมารวมกันเป็หนึ่ง?
นั่นก็คือ ‘ดวงดาวแสงทอง’ ซึ่งเป็วัตถุดิบระดับสูงมากอย่างน้อยๆก็ระดับแปด แม้แต่ในโลกเบื้องบนก็ยังมีไม่มากนัก เพราะต้องให้ดาวดวงเล็กๆ ะเิออกและกลับมาหลอมรวมเป็รูปเป็ร่างใหม่เท่านั้น
มีเพียงผู้ที่โชคดีมากพอเท่านั้นที่จะได้ดวงดาวแสงทองมา เ้าของวังน้ำแข็งแห่งนี้จะต้องเป็ยอดคนของที่ใดที่หนึ่งแน่ๆ ถึงได้มีวัตถุดิบิญญาชั้นยอดอย่างดวงดาวแสงทองมาใช้ทำประตูสีทองนี้ แสดงว่าสิ่งของที่อยู่เื้ัประตูบานนี้จะต้องมีค่ามากแน่ๆ
วิธีเดียวที่จะเปิดประตูบานนี้ได้ก็คือการค้นหาดวงดาวแสงทองภายในมิติแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม ด้วยพลังยุทธ์และความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขา ต่อให้ดวงดาวแสงทองของจริงอยู่ตรงหน้า ตัวเขาก็คงไม่สามารถเข้าไปถึงได้ในระยะพันจั้งของเ้าสิ่งนั้น แล้วเขาจะหามันพบได้อย่างไร?
หรือว่าแค่ต้องหาให้เจอ แล้วมองจากไกลๆ ก็เพียงพอแล้ว?
ช่างเถอะ ลองหาดูก่อนก็แล้วกัน
เมื่อตัดสินใจแล้ว เซียวหลิงอวิ๋นก็เคลื่อนที่ด้วยร่างจิต ร่างหนึ่งลอยพุ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
ไม่รู้ว่าลอยไปนานแค่ไหน แสงสีทองก็ส่องเข้ามาในดวงตาของเซียวหลิงอวิ๋นจนเ็ป
เจอแล้ว! เซียวหลิงอวิ๋นดีใจ แต่ก็ทำได้แค่หรี่ตามอง เพราะแสงสีทองข้างหน้าสว่างจ้าจนเกินไป!
ทว่าความสุขในใจเพิ่งจะเริ่มขึ้น ก็มีความตระหนกผุดขึ้นในใจ เพราะแม้ว่าเขาจะหรี่ตามองอยู่ แต่ความเ็ปของดวงตาก็ไม่ได้ลดลงไปเลย กลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นด้วยซ้ำ! ภายในช่องแคบของดวงตาที่ลืมอยู่นี้ แสงสีทองนั้นก็ขยายขนาดด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
แย่แล้วดวงดาวแสงทองลูกนั้นกำลังพุ่งมาทางเรา นี่เป็วัตถุดิบระดับสูงอย่างน้อยๆ ก็ระดับแปดแน่ๆ ด้วยร่างกายน้อยๆ ของเขาในเวลานี้ จะรับมือกับพลังที่แผ่ออกมาจากวัตถุดิบระดับแปดได้อย่างไร เซียวหลิงอวิ๋นใมาก รีบถอยหลังหนีอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ความเร็วในการลอยตัวของเขาในความว่างเปล่านี้ จะเทียบได้กับความเร็วในการเคลื่อนที่ของดวงดาวแสงทองที่ขับเคลื่อนด้วยการะเิของดาวขนาดเล็กได้อย่างไร
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เซียวหลิงอวิ๋นก็รู้สึกได้ถึงพลังมหาศาลที่สามารถบดขยี้เขาให้แหลกละเอียดได้ กำลังพุ่งมาจากด้านหน้าด้วยความเร็วอันน่าทึ่ง
ตายแน่!
จิตใต้สำนึกของเซียวหลิงอวิ๋นรีบสั่งให้ร่างจิตของเขาหนีลงด้านล่างอย่างรวดเร็ว!
แต่ก็ยังช้าเกินไป
สวบ!
พลังอันมหาศาลกลืนเซียวหลิงอวิ๋นเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เมื่อจิตใต้สำนึกกลับคืนมา ร่างกายของเซียวหลิงอวิ๋นก็ยังคงยืนอยู่หน้าประตูสีทอง เหงื่อออกท่วมหัวและใบหน้า อันตราย อันตรายจริงๆ เกือบจะไม่รอดกลับมาแล้ว! หากจิตใต้สำนึกถูกทำลายแล้ว ตัวเขาก็จะกลายเป็เพียงซากศพที่ไร้ิญญาเท่านั้น
“ฟู่!” เขาหายใจเข้าลึกๆ หลายรอบ
เซียวหลิงอวิ๋นที่สงบเยือกเย็นลงก็มองไปที่ประตูสีทองนี้อีกครั้ง
ประตูสีทองเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว แสงดวงดาวที่ส่องประกายจางหายไปอย่างรวดเร็ว
จนเมื่อแสงดวงดาวสุดท้ายหายไป “แกร๊ก!” ประตูสีทองก็เปิดออกอย่างช้าๆ
