ภายใต้รูปลักษณ์ที่ดูดีนั้นหาใช่คนที่รับมือง่ายไม่
ซวี่เฉินฟางกวักมือเรียกพวกเขาให้เข้ามาใกล้
พวกอันธพาลเห็นว่าหลบเลี่ยงไม่ได้ จึงเดินเข้าไปหาอย่างหวาดหวั่น
ซวี่เฉินฟางจัดชายเสื้ออย่างสบายๆ จากนั้นนั่งบนพื้นหญ้าริมทางก่อนเอ่ย “นั่งลง คุยกันหน่อย”
หลังจากทุกคนนั่งลงแล้ว ซวี่เฉินฟางก็พูดคุยกับพวกเขาจริงๆ
พวกอันธพาลเหล่านี้กระจายตัวอยู่ตามสิบหลี่แปดหมู่บ้าน ในเมื่อซวี่เฉินฟางเข้าใจสถานการณ์ของพวกเขาทั้งหมด ก็เท่ากับว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ในสิบหลี่แปดหมู่บ้านดี
สีหน้าท่าทางของเขาสบายๆ เกียจคร้าน มองทุ่งข้าวฟ่างที่ทอดยาวอยู่ไม่ไกล เขาเอนตัวลงนอนโดยยันข้อศอกทั้งสองข้างกับพื้น ทุกคนเอนตัวตาม จากนั้นเขาเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “ข้าวฟ่างใกล้จะสุกแล้ว พวกเ้าอยากหาเงินหรือไม่?”
พวกอันธพาลมองหน้ากันเลิ่กลั่กก่อนเอ่ยถาม “หาเงินอันใด?”
ซวี่เฉินฟางเหลือบมองพวกเขาแล้วเอ่ย “แน่นอนว่าย่อมต้องหาเงินแต่งภรรยาสองสามคน หากไม่มีเงินแล้วจะแต่งภรรยาได้อย่างไรเล่า”
...
ไม่กี่วันมานี้เมิ่งเจียนเจียดูแลเอาใจใส่เมิ่งซวี่ซวีทุกอย่างอย่างดี แม้เมิ่งซวี่ซวีจะเอาแต่ใจและหยิ่งผยองเพียงใด แต่ก็้าความสนใจความห่วงใยจากคนในครอบครัว ดังนั้นเมิ่งซวี่ซวีจึงไม่เกลียดชังเมิ่งเจียนเจียขนาดนั้นแล้ว ยังปฏิบัติต่อนางในฐานะพี่สาวอย่างจริงใจด้วย
รอยฟกช้ำบนหน้าผากของเมิ่งซวี่ซวีจางลงบ้างแล้ว แต่นางก็ยังมิกล้าออกจากเรือน
เมิ่งเจียนเจียให้กำลังใจนางให้ออกไปเดินเล่นผ่อนคลายจะได้หายเร็วขึ้น ทั้งยังรับรองว่าหากพบเจอเด็กสาวคนอื่นระหว่างทาง เมิ่งเจียนเจียจะรีบเข้าไปขวางอยู่ข้างหน้าทันที เพื่อไม่ให้พวกนางเห็นใบหน้าของเมิ่งซวี่ซวี
เมิ่งซวี่ซวีที่อยู่แต่ในเรือน มักกระสับกระส่ายตลอดเวลาจึงตอบตกลง
สองสาวพี่น้องออกไปเก็บผักในทุ่ง ไม่นึกเลยว่าระหว่างทางกลับเรือนจะบังเอิญเจอเด็กสาวในหมู่บ้านบางคนอุ้มอ่างซักผ้ากลับเรือนจริงๆ
เพราะเื่ของซวี่เฉินฟาง ทำให้ยามนี้พวกนางไม่ค่อยอยากพบเจอสองสาวพี่น้องตระกูลเมิ่ง เมื่อเห็นทั้งสองคนก็ไม่ทักทายและไม่หลีกทางให้
เมิ่งเจียนเจียยืนขวางหน้าเมิ่งซวี่ซวีไว้ จึงถูกพวกนางเยาะเย้ยถากถาง
นางเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย ทำให้เด็กสาวพวกนั้นเห็นใบหน้าของเมิ่งซวี่ซวี ก่อนเผยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด จากนั้นเื่ใบหน้าของเมิ่งซวี่ซวีก็กลายเป็หัวข้อสนทนาของพวกนาง ต่างพากันวิจารณ์จับผิด
สีหน้าเมิ่งซวี่ซวีประเดี๋ยวเขียวประเดี๋ยวขาว สตรีพวกนั้นแสดงสีหน้าและน้ำเสียงแตกต่างหลากหลาย สายตาที่มองนางเปี่ยมด้วยแววดูถูกเหยียดหยาม บางคราวก็เอ่ยคำว่า “น่าเกลียด” หรือไม่ก็ “น่ากลัว” ยิ่งทำให้เมิ่งซวี่ซวีเ็ปใจ
นางเป็คนเย่อหยิ่งมาโดยตลอด ไหนเลยจะทนให้ผู้อื่นพูดจาไม่ดีต่อหน้าต่อตานาง
นางจึงกรีดร้องเสียงแปลกประหลาดกะทันหันราวกับคนคลุ้มคลั่ง ก่อนกระโจนเข้าไปผลักเด็กสาวพวกนั้น พวกนางร้องอุทานและหลีกหนี ทำให้อ่างซักผ้าร่วงกระแทกพื้น เสื้อผ้าที่เพิ่งซักเสร็จเปรอะเปื้อนอีกครั้ง
จากนั้นเมิ่งซวี่ซวีก็วิ่งไปข้างหน้าประหนึ่งเด็กสาวผู้บ้าคลั่ง เมิ่งเจียนเจียวิ่งตามหลังพลาง ะโพลาง “ซวี่ซวี ซวี่ซวี รอข้าด้วย… ”
พอกลับถึงเรือน เมิ่งซวี่ซวีก็ปิดหน้าร้องไห้โฮ ส่วนเมิ่งเจียนเจียก็พลอยร้องไห้ตาม
เมิ่งเจียนเจียกล่าวทั้งน้ำตา “ซวี่ซวี ขอโทษ เป็ความผิดของข้า ข้าปกป้องเ้าไม่ดี… ”
ทุกคนล้วนเห็นว่าเมิ่งเจียนเจียก็ถูกเยาะเย้ยถากถางเช่นกัน เมื่อมีคนโชคร้ายไปพร้อมกับเมิ่งซวี่ซวี ในใจของนางจึงรู้สึกสมดุลขึ้นบ้าง แต่เห็นได้ชัดว่านางโชคร้ายยิ่งกว่า
เมิ่งเจียนเจียซับน้ำตา กล่าวว่า “ซวี่ซวี อย่าร้องไห้เลย พี่ไร้ประโยชน์ สู้เมิ่งอู่ไม่ได้ มิเช่นนั้นคงไม่ปล่อยให้เ้ากลายเป็เช่นนี้… เหตุใดนางถึงใจร้าย ถึงกับลงมือหนักหน่วงขนาดนี้… ”
เมิ่งซวี่ซวีลืมตาขึ้นมองผ่านช่องว่างระหว่างนิ้ว สายตาเปี่ยมแววจงเกลียดจงชัง ใช่แล้ว เป็เมิ่งอู่ ล้วนเป็เพราะเมิ่งอู่ที่ทำให้นางกลายเป็เช่นนี้ ทำให้นางกลายเป็ตัวตลก ถูกผู้อื่นชี้จมูกหัวเราะเยาะ!
เมิ่งซวี่ซวีกัดฟันกรอด กล่าวว่า “เมิ่งอู่! ข้าจะต้องทำให้เ้าตายอย่างทรมาน!”
หากอาศัยอยู่ในเรือนหลังเดิมเป็เวลานาน ของใช้กองพะเนินเทินทึกเต็มไปหมด ย่อมต้องดึงดูดหนู แมลงสาบ และอื่นๆ อย่างเลี่ยงไม่ได้ เื่แบบนี้เป็เื่ปกติธรรมดาในชนบท
เรือนของครอบครัวเมิ่งต้ามักมีหนูกับแมลงสาบเป็ประจำ
ต่อมาเมิ่งเจียนเจียจึงไปซื้อยากันแมลงและยาเบื่อหนูมาวางไว้ในบริเวณที่หนูกับแมลงสาบมักปรากฏตัว
แต่ยังมียาเบื่อหนูเหลืออีกมากหลังจากใช้กับหนูแล้ว เมิ่งเจียนเจียจึงเก็บยาไว้ในตู้ และเมิ่งซวี่ซวีมาเห็นเข้า
เมิ่งเจียนเจียจึงบอกว่า “ซวี่ซวี ห้ามแตะต้องยานี้โดยพลการ หากมือััโดนยา ต้องล้างมือหลายๆ ครั้ง มิเช่นนั้นหากเอาเข้าปากอาจจะตายได้”
ั์ตาของเมิ่งซวี่ซวีเป็ประกาย เอ่ยถาม “คนกินนี่แล้วตายหรือ?”
เมิ่งเจียนเจียกล่าว “ใช่ ยามที่ข้าไปซื้อ พวกเขาบอกข้าว่ายานี้ละลายน้ำง่าย หลังละลายแล้วจะไร้สีและไร้กลิ่น ยากที่จะแยกแยะ ดังนั้นตอนใช้กำจัดหนูกับแมลงสาบจะต้องระวังเป็พิเศษ อย่าเอาเข้าปากโดยไม่ตั้งใจ”
เมิ่งซวี่ซวีเงยหน้าหัวเราะอย่างใสซื่อไร้เดียงสาก่อนตอบรับ “ข้าเข้าใจแล้ว”
...
เมื่อมีเวลาว่าง เมิ่งอู่มักขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร แต่เมื่อพวกอันธพาลลอบตามขึ้นเขาไปด้วยคราวก่อน นางก็ไม่ค่อยได้ไปอีก
เพราะพวกอันธพาลเ่าั้มักอยากจะขึ้นเขาไปล่าสัตว์ เื่นี้ปิดบังพวกชาวบ้านไม่ได้ ต่อมาข่าวก็แพร่สะพัดออกไป
ที่แท้เมิ่งอู่มีโชคลาภก็เพราะขึ้นูเาไปเก็บสมุนไพรและล่าสัตว์
บนูเามีสมุนไพรล้ำค่ามากมาย ทั้งโสมและเห็ดหลินจือ พอนำไปขายในเมืองล้วนแต่ได้ราคาดีหลายตำลึงเงิน
ดังนั้นใน่ที่ว่างเว้นจากการทำไร่ทำนา บรรดาชาวบ้านจึงพากันขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร
พวกชาวบ้านล้วนเรียนรู้วิธีแยกแยะสมุนไพร จากนั้นก็ขึ้นูเาไปเสี่ยงโชค ต่อให้เก็บสมุนไพรล้ำค่าไม่ได้ หากบังเอิญล่าสัตว์ได้สักหนึ่งหรือสองตัว การเดินทางครั้งนี้ก็ไม่เสียเปล่าแล้ว
เมิ่งอู่จนใจ เมื่อมีคนขึ้นเขาจำนวนมาก พืชพรรณบนูเาย่อมได้รับความเสียหาย หาก้าเก็บสมุนไพรล้ำค่า ก็ต้องเดินลึกเข้าไปในป่า
ยิ่งเข้าไปลึกยิ่งใช้เวลานาน อาจสองสามวันถึงจะกลับมา
ดังนั้นหลังจากนั้นเมิ่งอู่จึงไม่ค่อยได้ขึ้นเขาไปเก็บสมุนไพร หากในเรือนขาดแคลนสมุนไพร เมื่อชาวบ้านมาหานางเพื่อขอให้ช่วยรักษาโรค นางก็จะเลือกสมุนไพรที่พวกเขานำมาด้วยแทนค่ารักษา
แต่อย่าได้หวังว่าชาวบ้านจะนำสมุนไพรล้ำค่ามาให้ ส่วนใหญ่นางจะเลือกสมุนไพรที่ใช้ได้เพียงเล็กน้อยจากกองรากไม้นานาชนิดที่พวกเขานำมาให้
อินเหิงจะช่วยจัดเรียงแยกหมวดหมู่และตากสมุนไพรที่รวบรวมได้ให้แห้ง
บางครั้งเมิ่งอู่จะอาศัยจังหวะที่นางเซี่ยเผลอ แอบย่องเข้าไปใกล้อินเหิง แล้วลูบมือเขาทีหนึ่ง
อินเหิงชะงัก นิ้วของเขาที่หยิบจับสมุนไพรทั้งเรียวยาวและงดงาม
เมิ่งอู่ยิ้มอ่อนก่อนเอ่ยด้วยความพึงพอใจ “ให้ััดีจริงๆ”
ไม่ว่าเมิ่งอู่้าทำอะไร ทั้งนางเซี่ยและอินเหิงไม่เคยขัดขวาง แม้แต่ซวี่เฉินฟางที่เห็นนางรักษาโรคให้ชาวบ้านในหมู่บ้าน ก็ไม่พูดจาเสียดสีอีก
ซวี่เฉินฟางเห็นว่าสมุนไพรที่ชาวบ้านนำมาให้ส่วนใหญ่ใช้ไม่ได้ เขาช่วยเลือกอยู่สักครู่ก็กล่าวว่า “ญาติผู้น้องอาอู่ เ้าใจดีเกินไปหรือเปล่า?”
เมิ่งอู่กล่าว “หากสถานการณ์เอื้ออำนวย ใจดีสักหน่อยไม่ดีหรือ? ถือเป็การสร้างบุญสร้างกุศล”
ซวี่เฉินฟางกล่าว “เมื่อใดก็ตามที่พวกเขามีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อยก็จะขุดกองรากหญ้ามั่วๆ มาหาเ้า เ้าก็รักษาให้ ต่อไปเ้าก็จะได้แต่รากหญ้าเยี่ยงนี้”
เมิ่งอู่เลิกคิ้ว กล่าวว่า “เมื่อใดที่ข้าไม่มียาให้พวกเขา ก็ไม่สามารถรักษาพวกเขาได้เองนั่นแหละ”