ภายในห้อง เฟิ่งเฉี่ยนยกมือปาดเหงื่อ มองผลงานที่ตนเองพยายามทำด้วยความพอใจยิ่งยวด
เซวียนหยวนเช่อสวมชุดตัวในสีขาวยืนอยู่ตรงข้ามกับนาง เขามองนางด้วยสายตาเยียบเย็นด้วยหมดคำพูด!
งมอยู่ตั้งนาน พลิกไปพลิกมา เพิ่งปลดเสื้อคลุมตัวนอกได้ชิ้นเดียว เขายอมนางแล้ว!
“เ้าออกไปเถิด! ที่เหลือเจิ้นทำเอง!”
เฟิ่งเฉี่ยนพรูลมหายใจโล่งอกทันที “เช่นนั้นท่านแช่ตัวเองเถิด หนึ่งชั่วยามก็พอแล้ว ไม่ต้องแช่นานเกินไป! ข้าเฝ้าอยู่ด้านนอกประตู มีอะไรให้เรียกข้า!”
พูดจบนางก็รีบพุ่งออกไปนอกห้อง
หลังจากประตูห้องปิดลง เซวียนหยวนเช่อเดินไปที่ถังอาบน้ำ ได้กลิ่นหอมของยาสมุนไพร เขาลังเลใจอยู่บ้าง
ทั้งๆ ที่นางบอกว่านางไม่แตกฉานเื่การแพทย์ ทว่ากลับจัดเตรียมน้ำยาสมุนไพรให้เขาถังหนึ่ง เขาเชื่อนางได้หรือไม่
เขายื่นมือลงไปในน้ำสมุนไพร ทั้งๆ ที่น้ำนั้นร้อนลวกทว่ากลับทำให้เขารู้สึกโล่งสบายไปถึงกระดูก เขาลอบยินดี หรือน้ำยาสมุนไพรนี้จะได้ผล
เขาปลดอาภรณ์ออกจากร่างกายออก เหยียบเก้าอี้ตัวเตี้ยแล้วก้าวลงไปแช่ในถังน้ำ เมื่อร่างของเขาค่อยๆ จมลงไปในน้ำ ความรู้สึกเย็นสบายที่แทรกเข้าไปในกระดูกนั้นแผ่ซ่านไปตามแขนขาทั้งสี่ของเขา สบายเหลือเกิน ความเ็ปตามร่างกายบรรเทาลง!
เขาเอนกายไปด้านหลังเล็กน้อยเพื่อพิงขอบถังอาบน้ำ หลับตาลงัักับน้ำยาสมุนไพร...
เฟิ่งเฉี่ยนหยิบตำราแพทย์เล่มหนึ่งรออยู่หน้าประตู ทางหนึ่งพลิกตำราในมือ อีกทางหนึ่งรอคอย นี่เป็การเขียนเทียบยาครั้งแรกของนางผ่านความเข้าใจและความรู้ของนาง ไม่รู้ว่าการรักษาจะให้ผลอย่างไรบ้าง
เทียบยาที่นางออกให้เซวียนหยวนเช่อนั้นไม่ได้มาจากบันทึกทางการแพทย์ของตำราที่นี่ แต่เป็ความรู้ที่นางรวบรวมได้หลังจากอ่านตำราแพทย์กว่าร้อยเล่มผ่านไป นางทำความเข้าใจและวิเคราะห์จากนั้นจึงสรุปออกมา!
แม้หากว่ากันตามทฤษฎีแล้วนางจะมีความรู้ความสามารถ แต่สรรพคุณเมื่อนำมาใช้จริงเล่า นางไม่อาจรู้ได้เลย
รอได้แต่รอ นางได้แต่รอคอย...ยามนี้เวลาหนึ่งชั่วยามได้ผ่านไปแล้ว กลับไม่ได้ยินเสียงอะไรจากด้านในแม้แต่น้อย นางอดที่จะเป็กังวลไม่ได้ จึงะโเข้าไปในห้องว่า “เซวียนหยวนเช่อ เซวียนหยวนเช่อ ท่านไม่เป็อะไรใช่หรือไม่”
ภายในห้องไม่มีเสียงใดตอบกลับมา
เฟิ่งเฉี่ยนใจหล่นวูบ มิใช่ว่านางรักษาเขาไม่หาย แต่กลับรักษาเขาจนตายคามือนางหรอกนะ
“เซวียนหยวนเช่อ ท่านยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ หากท่านยังไม่ส่งเสียงอีก ข้าจะเข้าไปแล้วนะ!”
ภายในห้องยังคงไม่มีเสียงตอบกลับใดๆ
ครานี้ลั่วหยิ่งเองก็ร้อนใจแล้วเช่นกัน
“เหนียงเหนียง รีบเข้าไปดูเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”
เฟิ่งเฉี่ยนไม่รอช้า นางผลักประตูเปิดเข้าไปทันที
ภายในห้องเต็มไปด้วยม่านหมอกที่เกิดจากไอน้ำร้อน และยังมีฉากกันลมอีกชั้นหนึ่ง มองเห็นร่างของบุรุษคนหนึ่งอยู่ในนั้น
“เซวียนหยวนเช่อ”
นางลองเรียกเขาอีก ยังคงไม่มีการตอบรับ
เฟิ่งเฉี่ยนพลันรู้สึกว่าแย่แล้ว นางจึงพุ่งเข้าไปหลังฉากกันลม เห็นเซวียนหยวนเช่อนั่งหลับตาพิงถังอาบน้ำโดยไม่เคลื่อนไหว คล้ายว่าเขากำลังตกอยู่ในสภาวะไม่ได้สติ
สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที “เซวียนหยวนเช่อ ท่านอย่าทำให้ข้าใ ข้าไม่อยากได้ชื่อว่าเป็ผู้วางแผนลอบสังหารสามีตัวเองหรอกนะ!”
นางยื่นมือออกไปหมายจะโบกมือเบื้องหน้าเขา พลันมีมือใหญ่โตข้างหนึ่งจับข้อมือของนางเอาไว้ เซวียนหยวนเช่อลืมตาขึ้นช้าๆ จ้องมองนางด้วยสายตาเ็า “เ้าคิดว่า ความผิดฐานิ่เบื้องสูงและการวางแผนลอบสังหารสามีของตนเอง โทษอันใดหนักอันใดเบาหรือ”
เฟิ่งเฉี่ยนเห็นเขาไม่เป็อะไร จึงพรูลมหายใจโล่งอก “ทำให้ข้าใแทบตาย ข้ายังคิดว่าท่านตายไปแล้วซะอีก!”
เซวียนหยวนเช่อพูดกับนางด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น “เ้าเรียกนามต้องห้ามของเจิ้น เจิ้นยังไม่ได้ลงโทษเ้า!”
“อุ๊บ...” เฟิ่งเฉี่ยนปาดเหงื่อเหลือกตามองบน “เหตุใดคนเราจึงต้องตั้งชื่อหรือ ไม่ใช่เพื่อนำมาให้ผู้คนเรียกขานหรอกหรือ ข้าเรียกชื่อของท่าน ผิดตรงไหน? หรือท่านปรารถนาให้ข้าเรียกท่านว่า พระสวามี? สามี? หรือว่า ที่รัก?”
นางจงใจพูดบีบเสียง ด้วยคิดจะทำให้เขาสะอิดสะเอียน!
เขาผลักนางออกทันที “เห็นแก่ที่เ้ามีความชอบที่คิดค้นน้ำสมุนไพรมารักษาเจิ้น เื่ที่เ้าเรียกนามต้องห้ามของเจิ้น ถือว่าได้ทำความดีลบล้างไปแล้ว”
เฟิ่งเฉี่ยนเบะปาก “ได้! ท่านเป็ใหญ่ ท่านว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น!”
นางลอบบ่นพึมพำในใจ คนผู้นี้ใจคอคับแคบเหลือเกิน! แค่เรียกชื่อเขาไม่กี่ครั้ง ถึงกับนำมาลบล้างกับคุณความดีที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้ หากว่ากันด้วยเื่คิดบัญชีแค้นแล้ว เซวียนหยวนเช่อถือเป็ที่สอง ไม่มีใครกล้าเป็ที่หนึ่ง!
ขณะที่กำลังคิดอยู่พลันได้ยินเสียงของเขาพูดขึ้นว่า “เ้าคิดจะมองไปถึงเมื่อใดกัน”
เฟิ่งเฉี่ยนตะลึงงัน ก้มหน้ามองตามเขา แก้มทั้งสองข้างพลันร้อนซู่
นางเพิ่งจะสังเกตว่า ตนเองกำลังยืนสนทนากับบุรุษเปลือยกายคนหนึ่ง อีกทั้งจากมุมที่นางมองลงไปนั้น สามารถมองเห็นทุกอย่างใต้น้ำได้อย่างชัดเจน
ความร้อนสายหนึ่งพุ่งขึ้นมาตามโพรงจมูก นางรีบยกมือขึ้นอุดจมูกของตนเอง!
นางเกือบจะทำตัวเองขายหน้าแล้ว!
นายเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ทำราวกับมองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น ทว่าในสมองของนางกลับมีภาพอันร้อนแรงเมื่อสักครู่ปรากฏขึ้น ลบอย่างไรก็ลบไม่ออก!
บนร่างของเขา เม็ดผื่นสีแดงเล็กๆ นั้นหายไปหมด ผิวพรรณของเขากลับคืนสู่สภาพปกติ ทั้งเรียบลื่นไร้ตำหนิ
ผิวสีน้ำตาลอ่อนที่มีหยดน้ำเกาะอยู่ วับวาวราวกับทอประกายได้ กล้ามเนื้อเป็มัดๆ ไม่มีส่วนใดที่ไม่ชวนมอง ทำให้คนยากจะต้านทานพลังทางเพศอันรุนแรงนั้นได้!
ยังมีใบหน้าที่ดูแล้วเหมือนจะเ็าตลอดเวลาทว่ากลับงดงามราวกับรูปปั้นแกะสลักนั่นอีก เมื่ออยู่ท่ามกลางไอน้ำร้อนจนกลายเป็สีชมพู มองแล้วยิ่งหล่อเหลาคมสันยิ่งขึ้น ช่างเป็ปีศาจโดยชาติกำเนิด ช่างเป็บุรุษที่เป็ภัยต่อจิตใจอย่างใหญ่หลวง!
“เช่นนั้นข้าออกไปก่อน ท่านอย่าแช่อีกเลย รีบลุกออกมาเถิด!”
พูดแล้วเฟิ่งเฉี่ยนก็หลบฉากออกไปราวกับวิ่งหนี
เห็นเงาร่างของนางหลบออกไปด้วยท่าทีลนลาน เซวียนหยวนเช่อยกยิ้มริมฝีปากขึ้นอย่างมีความสุข
นาทีถัดมา แสงตาของเขากลับคมปลาบขึ้นมาอีกครั้ง “เฟิ่งเฉี่ยน เ้าเป็ใครกันแน่”
ตบตีองค์หญิง เตะแม่นม ทำให้ไทเฮาโมโหแทบสิ้นสติ ช่วยชีวิตไท่จื่อ ทำอาหารเทพเป็...ตอนนี้ยังศึกษาวิชาแพทย์ด้วยตนเองอีก รักษาอาการแพ้อาหารของเขา เื่แปลกประหลาดล้วนเกิดขึ้นกับนางเพียงคนเดียว เมื่อเปรียบเทียบกับฮองเฮาหน้าอกใหญ่แต่ไร้สมองในความทรงจำของเขาแล้วแทบจะเป็คนละคน!
สิ่งใดที่ทำให้ฮองเฮาเปลี่ยนแปลงกันแน่ ทำให้นางถึงกับเปลี่ยนไปเป็คนละคน หรือบางทีสตรีที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้อาจไม่ใช่ฮองเฮา แต่เป็สตรีอีกคนที่มีใบหน้าเหมือนฮองเฮา
เขาอดที่จะเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้
ทว่าเขาไม่รีบร้อน สิ่งที่เขามีก็คือเวลาที่จะค่อยๆ คลี่คลายปมปริศนา
เวลานี้สิ่งที่เขาใส่ใจก็คือ ในเมื่อนางสามารถรักษาอาการแพ้อาหารของเขาได้ในระยะเวลาอันสั้น เช่นนั้นจะเป็ไปได้หรือไม่ที่นางจะสามารถรักษาอาการป่วยแปลกประหลาดของไท่ฟู่ได้
เดิมทีเขาส่งนางมาที่นี่ก็คาดหวังเพียงแค่ลองดูเท่านั้น แต่ทว่านาทีนี้เขากลับเกิดศรัทธาต่อนางขึ้นหลายส่วน
ในศาลารับลม มู่ชิงหว่านร่ำไห้ปานดอกหลีต้องฝน
“ฮือๆ ข้าสู้นางกำนัลคนนั้นไม่ได้ตรงไหน เหตุใดท่านพี่เช่อจึง้านางไม่้าข้า”
มู่ชิงเซียวขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าควรปลอบโยนนางอย่างไรดี
“ทั้งๆ ที่ท่านพี่เช่อไม่สนใจสตรีคนใดมาก่อน ต่อให้เป็ฮองเฮาที่อยู่ในวังหลวงก็ยังถูกเขาทอดทิ้งอย่างเ็า นางอาศัยอะไรจึงได้รับความโปรดปรานจากท่านพี่เช่อ” มู่ชิงหว่านใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดน้ำมูกพูดทั้งสะอื้นไห้ “นางจะต้องร่ายคุณไสยใส่ท่านพี่เช่อแน่นอน จึงทำให้ท่านพี่เช่อลุ่มหลง!”
มู่ชิงเซียวทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า “น้องหญิงสาม เื่ของความรักเป็เื่ที่ไม่อาจฝืนใจ เ้ารู้จักกับฝ่าามาั้แ่ยังเล็ก หากเขามีใจต่อเ้าจริงๆ ย่อมรับเ้าเข้าตำหนักในนานแล้ว เหตุใดต้องรอจนถึงวันนี้ หากเขาไม่ได้มีใจต่อเ้า เ้าจะพยายามอย่างไรก็เป็เื่ไร้ประโยชน์”
มู่ชิงหว่านส่ายหน้าแรงๆ “ไม่ใช่เช่นนี้! เป็เพราะในวังหลวงมีฮองเฮาจอมเผด็จการอยู่คนหนึ่ง ไม่ยินยอมให้ท่านพี่เช่อรับพระสนมชายา ท่านพี่เช่อจึงไม่ตอบรับข้า”
“น้องหญิงสาม เหตุใดเ้าต้องหลอกตัวเองด้วยเล่า...” มู่ชิงเซียวยังพูดไม่จบประโยคก็ถูกเสียงจามเสียงหนึ่งขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
“ฮัดเช่ย! ใครกำลังสาปแช่งข้าลับหลังอยู่นะ”