“เป็ผู้หญิงตัวคนเดียวจะมีธุระสำคัญอะไรได้ล่ะที่นี่เป็เมืองที่ไม่คุ้นเคย ไม่มีใครรู้จัก ผมเห็นว่าเธอมาคุนิได้หนึ่งเดือนกว่าๆแล้ว ผมที่เป็ผู้จัดการยังไม่เคยเลี้ยงอาหารเธอสักมื้อ ซึ่งก็ดูไม่ค่อยดีนักดังนั้น ในฐานะเ้านาย การที่จะเลี้ยงข้าวลูกน้องก็เป็เื่ที่ควรจะทำอยู่แล้วไปกันเถอะ แค่อาหารมื้อเดียวเอง”
“ฉันคิดจะทำงานที่นี่อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนเื่ที่เ้านายจะเลี้ยงข้าวลูกน้องฉันก็รับทราบแล้วค่ะ แต่ว่าวันนี้ฉันมีธุระจริงๆขอให้ผู้จัดการช่วยหลบทางหน่อยค่ะ”
น้ำเสียงของฉินเหยาเหยาก็เ็ามากขึ้นทุกทีอีกทั้งยังแฝงไปด้วยความโกรธอีกด้วย
เวลานี้เองที่มีเสียงก้าวเท้าที่ดูสับสนชุลมุนดังขึ้นและก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา ซึ่งก็คือเสียงของผู้จัดการซ่าง
“อย่าไม่ไว้หน้ากันขนาดนี้สิ ในฐานะผู้จัดการคนหนึ่งเมื่อมีพนักงานใหม่มา ผมก็ต้องเลี้ยงข้าวอยู่แล้ว นี่เป็ธรรมเนียมอย่างหนึ่งถ้าไม่อย่างนั้นแล้ว ลองย้อนคิดดู ก็ดูเหมือนว่าผู้จัดการอย่างผมก็ไม่ค่อยทำตามหน้าที่สักเท่าไร”
“ในสายตาของฉัน คุณก็ทำตามหน้าที่พอแล้วจึงไม่จำเป็ต้องเลี้ยงข้าวอีก ขอทางหน่อยค่ะ แฟนของฉันกำลังรอฉันอยู่ที่บ้าน”
“คุณมีแฟนแล้วหรือ?”น้ำเสียงของผู้จัดการซ่างพลันสูงขึ้นถึงแปดระดับ เขาถามด้วยความใ
“ใช่ค่ะ ดังนั้น ขอให้คุณอย่าตามตื๊อฉันอีกเลย ฉันเป็เพียงพนักงานตัวเล็กๆคนหนึ่ง ขอให้ผู้จัดการซ่างอย่าตามตื๊อฉันอีกเลยค่ะ”
ในเมื่อพูดตรงๆ กันแล้วฉินเหยาเหยาจึงไม่มีการเกรงใจอีก เธอจึงปฏิเสธการตามตื๊อเอาใจของผู้จัดการซ่างอย่างเด็ดขาด
“มีั้แ่เมื่อไรล่ะ เมื่อหลายเดือนก่อนตอนที่ผมไปดูงานที่อำเภอชางเธอยังไม่มีเลยแล้วทำไมตอนนี้ถึงได้มีแล้วล่ะ เธอต้องกำลังหลอกผมอย่างแน่นอนใช่ไหม?”
“เื่แบบนี้ฉันไม่จำเป็ต้องหลอกคุณหรอกนะขอทางหน่อยค่ะ ฉันมีแฟนแล้วจริงๆ ฉันต้องกลับบ้านแล้ว”
เมื่อพูดจบ ก็เกิดเสียงก้าวเท้าชุลมุนขึ้นอีกครั้ง
“ผู้จัดการซ่าง ขอทางด้วยค่ะ ไม่อย่างนั้นแล้วฉันจะแจ้งตำรวจแล้วนะ!”
น้ำเสียงของฉินเหยาเหยาเต็มไปด้วยความโกรธจัดเห็นได้ชัดว่าเธอรู้สึกเหลืออดแล้วจริงๆ
“แฟนของเธอทำงานอะไรล่ะ? เขาเก่งเหมือนผมหรือเปล่า?เพื่อตามจีบเธอ ผมใช้เส้นสายของตนเองย้ายงานของเธอจากอำเภอเล็กๆ ให้มาทำที่คุนิเลยนะหรือว่าเธอยังมองไม่ออกถึงความจริงใจของผมหรือ?” น้ำเสียงของผู้จัดการซ่างเริ่มแฝงไปด้วยความอ้อนวอน
“ขอโทษค่ะผู้จัดการซ่าง ฉันรักแฟนของฉันมากจริงๆที่ฉันมาคุนิก็เพื่อเขา หากไม่ได้เป็เพราะเขา ฉันไม่มีทางยอมย้ายมาทำงานที่นี่หรอกดังนั้น ขอให้คุณตัดใจเถอะค่ะ แล้วแฟนของฉันก็เก่งมากและเก่งกว่าที่คุณคาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน!”
“ผมไม่เชื่อ! เขาเป็ใคร? เธอบอกผมมาว่าเขาเป็ใคร? ผมไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะเก่งกว่าผมต่อไปผมจะกลายเป็ผู้สืบทอดกิจการซ่างเป่าไจ ทุกสิ่งทุกอย่างในซ่างเป่าไจจะตกเป็ของผมเขาจะมีเงินเยอะกว่าผมอีกหรือ? เขาสามารถให้ชีวิตที่มีความสุขแก่เธอด้วยหรือ?เขา......”
ฟังจากน้ำเสียงของผู้จัดการซ่างก็เห็นได้ชัดว่าเขาเริ่มเกิดอาการคลั่งขึ้นมาแล้ว
ยังไม่ได้รอให้เขาพูดจนจบฉินเหยาเหยาจึงพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงรำคาญ “เงินซื้อความสุขไม่ได้หรอกค่ะแล้วในอนาคตเงินของแฟนฉันก็อาจจะไม่น้อยด้วยเงินของคุณเป็เงินที่ได้มาจากคุณพ่อคุณแม่ของคุณแต่เงินของเขาเป็เงินที่เขาหามาได้ด้วยตัวเอง ถึงเขาจะเป็คนจนๆ คนหนึ่ง ฉันก็จะครองรักกับเขาไปตลอดชีวิตและก็ไม่มีทางเลือกคุณด้วย!”
“ฮ่าๆ......ความคิดของเธอเป็เพียงจินตนาการที่ไม่ได้มองโลกจากความเป็จริงเลยถ้าไม่มีเงินเธอก็จะไม่มีอะไรเลย แล้วจะเอาอะไรไปครองรักกัน?หรือว่าหากเขากลายเป็ขอทาน เธอก็ยังจะครองรักกับเขาอีกหรือ? หากไม่มีเงินเขาจะเลี้ยงดูเธออย่างไรล่ะ?”
“คุณคิดจะทำอะไร?”ฉินเหยาเหยาพูดเสียงสูงด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ทำอะไร? ฮ่าๆ...... ผมก็จะเอาเงินฟาดหัวเขาทำให้เขาไม่มีงานทำ ทำให้เขาหางานไม่ได้!”
“ถึงคุณจะมีเงินเยอะขนาดไหนแต่ก็ขัดขวางเขาไม่ได้หรอก”
“อย่างนั้นหรอ? ผมไม่เชื่อหรอก ถึงเขาจะเปิดบริษัทผมก็จะทำให้บริษัทของเขาเจ๊ง!”
“ถึงเขาจะไม่มีเงิน ฉันก็จะอยู่กับเขา ถ้าเขาเลี้ยงดูฉันไม่ได้ฉันก็จะเลี้ยงดูเขาเอง!”
น้ำเสียงของฉินเหยาเหยาราบเรียบแต่ก็พูดอย่างเด็ดขาดผิดปกติ
“เธอจะเลี้ยงดูเขา? ฮ่าๆ......เธอไม่มีงานทำแล้วจะเอาอะไรไปเลี้ยงดูเขาล่ะ ผมจะทำให้พวกคุณทั้งสองคนไม่มีงานทำกันทั้งคู่ผมจะคอยดูว่าความรักของพวกคุณจะสามารถรักษาไว้ได้นานสักแค่ไหน”
“ตามใจคุณเถอะ ยังไงฉันก็ไม่คิดจะทำงานที่นี่อีกแล้ว”
“ไม่ทำงานที่นี่ ผมกล้ารับประกันว่าเธอไม่มีทางหางานอื่นๆได้อีก!”ผู้จัดการซ่างพูดอย่างหนักแน่น
“คุณใช้อะไรมารับประกันล่ะ?”
และเวลานี้เอง มีเสียงดังกังวานอันทรงพลังดังลอยมาจากทางด้านนอกประตู
“หลินเยว่!”
เมื่อฉินเหยาเหยาได้ยินเสียงนี้ เธอก็ใทันทีหลังจากนั้นจึงร้องอุทานด้วยความดีใจพร้อมทั้งหันไปทางประตูและใช้จังหวะที่ผู้จัดการซ่างที่ยืนขวางทางเธออยู่ไม่ทันระวังเธอจึงรีบวิ่งหลบเขาแล้ววิ่งเข้าไปหาหลินเยว่ทันที
“นายมาได้อย่างไรล่ะ?”
ฉินเหยาเหยากอดแขนหลินเยว่ไว้ความตื่นเต้นดีใจได้แสดงออกมาทั้งทางสีหน้าและท่าทาง
“เรามารับเธอกลับบ้านน่ะแต่ว่ากลับได้เห็นละครฉากเด็ดฉากหนึ่ง”
หลินเยว่ใช้นิ้วเขี่ยจมูกสวยของฉินเหยาเหยาพร้อมยิ้มรับ
ท่าทางที่ดูใกล้ชิดสนิทสนมของหลินเยว่ทำให้ฉินเหยาเหยาส่งเสียงหึอย่างอดไม่ได้แล้วก็ย่นจมูกสวยของเธอขึ้น
หลินเยว่เบี่ยงสายตาไปทางผู้จัดการซ่างคนนั้น เขาพบว่าผู้ชายคนนี้เป็ชายวัยกลางคนอายุประมาณ34 - 35 ปี แต่ไม่รู้ว่าเป็เพราะกรรมพันธุ์หรือว่าเป็เพราะสาเหตุอื่นถึงแม้ว่าเขาจะอายุไม่มากสักเท่าไร แต่กลับเริ่มมีอาการศีรษะล้านเสียแล้ว จึงทำให้เขาดูเหมือนคนอายุ40 ปีเลยทีเดียว
ณ เวลานี้ ผู้จัดการซ่างกำลังจ้องหลินเยว่ด้วยสายตาดุร้ายดูเหมือนว่าเขาอยากจะจับหลินเยว่ฉีกกินลงไปในท้อง
“สวัสดี ผมเป็แฟนของฉินเหยาเหยา คุณมีอะไรจะแนะนำหรือ?”
หลินเยว่ไม่ได้ยื่นมือทักทาย เพราะสำหรับคนแบบนี้แล้วการยื่นมือทักทายตามมารยาทไม่มีความจำเป็เลยสักนิด
“ไม่มีอะไรจะแนะนำ” ผู้จัดการซ่างมองการแต่งตัวที่ค่อนข้างลำลองของหลินเยว่สายตาของเขาจึงสะท้อนถึงความดูถูก แล้วจึงเชิดหน้าอย่างหยิ่งผยองมองหลินเยว่
ไอ้หนุ่มคนนี้หน้าตาไม่แย่เลย หากเป็พวกไอ้หน้าอ่อนเกาะคนอื่นกินก็ได้พออยู่และดูเหมือนว่าจะไม่ได้เป็คนเก่งอะไรเลย
“ไม่มีอะไรจะแนะนำ ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอถามสักประโยคเมื่อตะกี๊เหมือนผมจะได้ยินว่ามีใครบางคน้าให้พวกเราสามีภรรยาไม่มีงานกันทั้งคู่ใช่ไหมล่ะ?”
หลินเยว่แอบพูดจาเสียดสีผู้จัดการซ่าง เขาจงใจพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉินเหยาเหยาให้กลายเป็“สามีภรรยา” กัน
“ผมพูดเอง แล้วทำไมล่ะ?”ผู้จัดการซ่างพูดตอบอย่างโกรธจัด ใบหน้าเขาแดงก่ำ “ผมจะคอยดูว่าหากไม่มีงานแล้วคุณจะเอาอะไรมาเลี้ยงดูเหยาเหยา!”
“อย่างแรก คุณไม่ควรเรียกภรรยาของผมด้วยคำเรียกสนิทสนมแบบนี้เพราะพวกคุณไม่ได้คุ้นเคยกันเลย อย่างที่สองคุณมั่นใจว่าจะสามารถทำให้พวกเราไม่มีงานขนาดนั้นเลยหรือ?หากไม่มีงานพวกเราก็ยังสามารถหาได้ใหม่มือของคุณคงจะไม่ได้เอื้อมเข้าไปก้าวก่ายถึงอาชีพอื่นๆ ได้หรอกมั้ง?”
หลินเยว่พูดจาอย่างมีเหตุมีผลท่าทางที่ดูไม่สะทกสะท้านของเขาทำให้ไฟโกรธของผู้จัดการซ่างปะทุขึ้น
“หึ! ผมจะใช้อะไรหรอ?ผมก็ใช้ชื่อเสียงซ่างกั๋วเหลียงพ่อของผมที่มีในยูนนาน แล้วก็ใช้เส้นสายคนรู้จักที่พ่อของผมมีอยู่ทั่วประเทศน่ะสิถึงตอนนั้น ถ้าพ่อของผม้าให้พวกคุณตกงาน พวกคุณก็ต้องตกงานจริงๆ”
ผู้จัดการซ่างสบถในลำคอ ขณะที่เขาพูดถึงซ่างกั๋วเหลียงบิดาของเขาเขาก็มีความภาคภูมิใจและหยิ่งผยองอย่างเห็นได้ชัด
“คุณอ้างชื่อเสียงของพ่อของคุณอย่างนี้หรอพอเห็นคุณเป็แบบนี้แล้ว ผมก็รู้ได้ทันทีว่าหลายปีมานี้ชื่อเสียงพ่อของคุณก็คงถูกคุณเอาไปใช้จนเหม็นโฉ่ไปตั้งนานแล้ว”
หลินเยว่ไม่สนใจคำพูดของผู้จัดการซ่างเลยสักนิดพวกลูกคนรวยที่เอาแต่ใช้บารมีของบรรพบุรุษตัวเองแบบนี้แล้วยังจะเหลืออะไรที่ให้เขานับถือได้อีกล่ะและสิ่งที่เขาพูดก็เป็ความจริง ในแวดวงการพนันหินหยก ซ่างกั๋วเหลียงก็ถือว่ามีชื่อเสียงอยู่ไม่น้อยแต่ทว่าหลายปีมานี้ชื่อเสียงของเขาก็ค่อยๆถูกทำให้เสียหายโดยลูกชายของเขาที่อยู่เบื้องหน้าหลินเยว่นี่เอง
“คุณพูดอะไรนะ?”ผู้จัดการซ่างแผดเสียงใส่หน้าหลินเยว่
คำพูดของหลินเยว่ก็ได้พูดถึงจุดที่เจ็บแสบของผู้จัดการซ่างจริงๆเขาไม่ชอบเวลาที่คนอื่นพูดว่าการที่เขามีในวันนี้เป็เพราะบรรพบุรุษถึงแม้ว่าเขามักจะอ้างถึงชื่อเสียงของบิดาของตนเองเสมอแต่ทว่าเขาก็ไม่ยอมให้คนอื่นมาพูดถึงเขาเช่นนี้
และก็ยิ่งไม่มีทางยอมให้ศัตรูความรักมาพูดถึงเขาเช่นนี้อีกด้วย!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้