4
‘ไปซ้อมหลีดนะ เลิกเย็น ๆ ถ้าเลิกแล้วเดี๋ยวไปช่วย —น้อยหน่า’
ผมดึงกระดาษโพสอิทที่แปะอยู่ที่กระเป๋าของตัวเองออกมาอ่านก่อนจะถอนหายใจ ผมแวะเอากระเป๋ามาวางไว้ที่ห้องภาคเพราะนิดกับเพื่อนในกลุ่มจะไปทำงานด้วยกัน ในระหว่างที่รอสามคนนั้นผมก็ออกไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมาก็เจอกระดาษอันนี้แปะไว้ที่กระเป๋าแล้ว ดูเหมือนว่าวันนี้ผมจะโดนเทอีกเช่นเคย
“อีน้อยหน่า!” ขนุนที่เดินกลับมาพร้อมผมก็กระชากกระดาษใบนั้นจากมือผมไปอ่าน ก่อนจะะโออกมาเสียงดังด้วยความหงุดหงิด ขนุนมักจะโกรธแทนผมเสมอเวลาที่เกิดเื่แบบนี้
“เป็หลีดนี่มันซ้อมหนักเนอะ” ผมหันไปพูดกับขนุนที่ขยำกระดาษแผ่นจนมันเป็ก้อน ๆ ขนุนมันบอกผมตลอดว่าสามคนนั้นเอาเื่เป็หลีดมาอ้างเพราะไม่อยากมาทำงาน แต่ผมไม่อยากคิดแบบนั้น ไม่อยากรู้สึกแย่ ๆ กับเพื่อน แล้วอีกอย่างคือเพื่อนเขาอาจจะไม่ได้โกหกก็ได้
“กูบุกไปตบมันที่ห้องซ้อมหลีดเลยดีไหม”
“ใจเย็น ไม่เป็ไรหรอก”
“อีกแล้ว?!”
“่นี้มัน่กีฬาคณะ เดี๋ยวผ่านจากนี้ไปมันก็คงกลับมาช่วยกูทำงานเองแหละ” ผมตอบกลับไปด้วยความใจเย็น เพราะตอนนี้ขนุนมันได้ใจร้อนแทนผมไปเรียบร้อยแล้ว
งานที่ผมต้องทำในวันนี้ก็คือการปลูก เทอมนี้ถือว่าเป็เทอมที่ผมต้องปลูกผักเยอะมาก มีทั้งงานเดี่ยวและงานกลุ่ม ปลูกผักคล้าย ๆ กันแต่ปลูกคนละชนิดและดูแลคนละวิธี ซึ่งวันนี้ผมจะปลูกต้นมะเขือเทศในกระถาง โดยจะต้องปลูกทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบต้น อันที่จริงคืออาจารย์ตั้งใจจะให้ทุกคนในกลุ่มปลูกกันคนละสามสิบต้น แต่วันนี้ผมมาทำงานคนเดียว ก็เลยต้องปลูกเองทั้งหมดหนึ่งร้อยยี่สิบต้น เพราะถ้าไม่ปลูกวันนี้ มะเขือเทศก็คงออกผลไม่ทันให้ผมเก็บไปทำงานต่อ
“แต่วันนี้กูไปช่วยมึงไม่ได้นะ กูก็มีงานต้องทำเหมือนกัน”
“ปลูกข้าวโพดเหรอ”
“เออ ปลูกรอบที่สามแล้ว รอบที่แล้วหนูแทะข้าวโพดกูจนใบแหว่งหมดเลย คอยดูเถอะนะ เดี๋ยวกูจะเอายาเบื่อหนูไปวางรอบแปลงเลย” ขนุนพูดพร้อมกับยกมือขึ้นเท้าเอวด้วยความหัวเสีย แม้แต่ขนุนเองก็ยังปลูกผักหลายรอบ ไม่ใช่แค่ผมคนเดียวสักหน่อย ทุกคนก็ต้องเจอปัญหากันทั้งนั้น แค่ของผมมันเจอปัญหาบ่อยกว่าคนอื่นเท่านั้นเอง
“ไม่ต้องมาช่วยกูหรอกกูทำได้”
“แล้วงานมึงเยอะหรือเปล่า”
“ก็เยอะแหละ แต่กูก็คงทำไปเรื่อย ๆ เสร็จตอนไหนก็ตอนนั้น”
“กูล่ะอยากไปด่าอีสามคนนั้นจริงๆ”
“ช่างมัน มึงไปทำงานเถอะ ไปช้าเดี๋ยวก็ทำไม่เสร็จหรอก” ผมพูดพร้อมกับโบกมือไล่ขนุนให้มันไปทำงานของมัน ขนุนยอมเดินออกไปอย่างง่ายดาย ในห้องนี้จึงเหลือผมเพียงแค่คนเดียว
ผมเดินไปรอบ ๆ ห้องเพื่อเตรียมอุปกรณ์สำหรับนำลงไปปลูกที่ฟาร์มด้านล่าง ผมไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าทำไมคณะถึงต้องสร้างห้องเก็บอุปกรณ์ไว้ข้างบน เพราะถึงเวลาทำงานจริง ๆ ก็ต้องลงไปทำในบริเวณฟาร์มเท่านั้น เสียเวลาทั้งตอนที่ต้องมายกอุปกรณ์และตอนที่จะเก็บอุปกรณ์ สร้างให้มันอยู่ใกล้ ๆ กันไม่ได้หรือไงนะ
“ทำไมน้องชอบมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ในห้องนี้ตลอดเลย”
เสียงหนึ่งดังขึ้นในระหว่างที่ผมกำลังพยายามจะเอื้อมมือไปหยิบกระถางต้นไม้ที่วางบนชั้นบนสุดของชั้นวางของ ก่อนที่จะมีมือหนึ่งยื่นมาจากด้านหลังมาหยิบกระถางพวกนั้นลงมา พอผมหันไปมองก็พบว่าพี่ปรงเขากำลังยืนซ้อนหลังผมอยู่ ด้วยความสูงที่ต่างกันมากเลยทำให้เขาต้องก้มหน้าลงมาเพื่อสบตากับผม
พี่ปรงขยับถอยหลังออกไปเล็กน้อย เขายื่นกระถางพวกนั้นมาให้ผมด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย วันนี้สายตาของเขาไม่ได้ดุเหมือนทุกทีที่เจอกัน แต่มันก็ยังน่ากลัวสำหรับผมอยู่ดี
“ผมไม่ได้มาขโมยอะไรนะครับ แค่มาเอาของเฉยๆ”
“พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไร”
“ก็พี่พูดเหมือนผมจะมาขโมยอะไรงั้นแหละ” ผมตอบไปเพียงเท่านั้น ก่อนที่เดินเลี่ยงจากเขาเอากระถางวางรวมกับอุปกรณ์อย่างอื่นที่ผมหยิบออกมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่ก็มีของอีกอย่างหนึ่งที่ผมยังหาไม่เจอ
พี่ปรงรุ่นพี่คนเดียวที่นั่งอยู่ในห้องนี้ เขานั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะตัวถัดจากที่ผมยืนอยู่ เขาน่าจะรู้ว่าของที่ผม้านั้นเก็บอยู่ที่ไหน แต่ผมไม่อยากถามเขาเท่าไรนัก เพราะผมกลัวว่าเขาจะแกล้งเหมือนครั้งก่อนตอนเื่ปูนขาวอีก
“มองอะไร” พี่ปรงพูดขึ้นหลังจากที่ผมเผลอจ้องเขานานเกินไป พอผมได้สติก็รีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่นทันที แต่พี่ปรงก็ยังคงรอคำตอบจากผมอยู่ เขาจ้องมาทางผมอย่างไม่ลดละ จนสุดท้ายผมก็ต้องหันไปตอบ
“พี่ปรงรู้ไหมครับว่าเมล็ดพันธุ์อยู่ที่ไหน”
“เมล็ดพันธุ์อะไร”
“มะเขือเทศครับ”
“มะเขือเทศอะไรล่ะ”
“ราชินีครับ” ผมตอบกลับไปหลังจากที่ก้มอ่านกระดาษในมือที่จดรายการอุปกรณ์ที่ต้องใช้ไว้ โชคดีที่ครั้งนี้ผมจดมาด้วยลายมือที่สวยที่สุดในชีวิต ผมเลยสามารถอ่านออกได้โดยไม่ต้องให้พี่ปรงมาด่าเหมือนครั้งที่แล้ว
พี่ปรงลุกขึ้นแล้วเดินนำผมไปยังทางด้านซ้ายของห้อง ซึ่งจะมีประตูเชื่อมไปยังอีกห้องที่ผมไม่เคยเข้าไปในนั้นมาก่อน พอผมเดินตามพี่ปรงเข้ามาก็พบว่าห้องนี้เป็ห้องเก็บเมล็ดพันธุ์ที่มีตู้แช่เมล็ดพันธุ์โดยเฉพาะ ผมมองไปรอบห้องด้วยความตื่นตาตื่นใจ เพราะภายในห้องมีเมล็ดพันธุ์ผักหลายชนิดมาก แม้แต่ผักที่เป็ชนิดที่หายาก ๆ หรือผักที่เป็พันธุ์ต่างประเทศก็ยังมี
“ใช้เสร็จแล้วเอามาเก็บที่เดิมด้วยนะ” พี่ปรงหันมาบอกพร้อมกับยื่นถุงเมล็ดพันธุ์มะเขือเทศมาให้ผม หลังจากนั้นเขาก็เดินนำออกจากห้องไปก่อนโดยไม่พูดอะไรอีกต่อจากนั้น
“ขอบคุณนะครับพี่ปรง” ผมที่เดินตามออกมาก็หันไปพูดขอบคุณเขาตามมารยาท ซึ่งเขาก็ทำเพียงแค่พยักหน้ารับ ผมจึงเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองเพื่อหยิบของทั้งหมดและเตรียมที่จะนำลงไปด้านล่าง
“ปลูกกี่ต้น” พี่ปรงเอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
“ร้อยยี่สิบครับ”
“ปลูกคนเดียวจะไหวเหรอ”
“พี่จะช่วยผมเหรอ” ผมเอ่ยถามไปหลังจากที่เห็นว่าพี่ปรงเขาดูสนใจเื่ของผมมากขึ้น และแน่นอนว่าเขาก็หันมามองผมด้วยสายตาที่ว่างเปล่าเช่นเดิม
“งานใครคนนั้นก็ทำ”
เดาไว้อยู่แล้วแหละ
หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป พี่ปรงก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไป ส่วนผมก็นับจำนวนอุปกรณ์ทั้งหมดของตัวเองก่อนที่จะยกลงไป เพื่อไม่ให้ตัวเองต้องขึ้นมาที่ห้องนี้หลายรอบ พี่ปรงเองก็คงไม่ได้อยากจะเห็นผมบ่อย ๆ เพราะหลังจากวันนั้นที่เขาบอกว่าจะให้ผมไปช่วยงานเขา ผมก็แทบไม่ได้เจอเขาเลย แต่เขาก็ทำอย่างที่เขาพูดเอาไว้จริง ๆ เขาไม่ได้เอาเื่ที่ผมขโมยเห็ดไปบอกใคร เื่นี้จึงมีแค่ผม พี่ปรง พี่อูน และขนุนเท่านั้นที่รู้
ส่วนเื่เห็ดอีกสองต้นที่ผมเผลอเอากลับไปก็ยังแช่อยู่ที่ตู้เย็นที่ห้องของผม ตั้งใจไว้แล้วว่าเดี๋ยวหลังจากนี้อีกสองสามวันก็คงเอาไปทิ้งไกล ๆ เพราะผมก็ไม่ได้กะจะเอาเห็ดไปทำอาหารให้พี่อูนอยู่แล้ว
พอเตรียมอุปกรณ์ครบหมดทุกอย่างแล้ว ผมก็รีบโยกย้ายตัวเองลงมาในฟาร์มของคณะเพื่อทำงานของตัวเองให้เสร็จ ผมจะได้รีบกลับหอไปพักผ่อน โชคดีที่วันนี้ไม่ค่อยมีแดดและอากาศก็ไม่ได้ร้อนมาก เพราะปกติแล้วเวลาทำงานกลางแจ้งผมจะทำได้ไม่นาน เพราะผมไม่ค่อยทนต่อแดดสักเท่าไร
อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ผมแบกมาด้วยค่อนข้างเยอะ มันเลยพะรุงพะรัง จะร่วงทีไม่ร่วงที จนสุดท้ายกระถางที่ผมซ้อนกันมาเป็ตั้ง ๆ ก็ล้มลงมาตกกระจายเต็มพื้นไปหมด ผมอยากจะทิ้งของทุกอย่างที่ถืออยู่แล้วหันหลังเดินกลับหอตอนนี้เลย แต่เพราะคำว่าคะแนนมันค้ำคออยู่ ผมเลยต้องนั่งลงเก็บอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ให้พี่ช่วยนะ” เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับร่างสูงของรุ่นพี่คนหนึ่งที่ค่อย ๆ ทิ้งตัวลงนั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ผมแล้วช่วยเก็บกระถางที่ตกมาวางตั้งให้เหมือนเดิม พอผมเงยหน้าไปมองก็พบว่าเป็พี่อูนที่เข้ามาช่วย
พี่เขามักจะมาในเวลาที่ผม้าเสมอเลย
“พี่อีกแล้ว” ผมตอบกลับไปก่อนจะเผยยิ้มออกมา พี่อูนเองก็หัวเราะออกมาเบา ๆ เขาเหมือนมีเรดาห์ที่คอยตรวจจับว่ารุ่นน้องคนไหนที่้าความช่วยเหลือ แล้วเขาก็จะยื่นมือเข้ามาตลอด
“มันคือดีหรือไม่ดี น้องทานตะวัน”
“ดีครับ ผมกำลัง้าคนช่วยอยู่พอดี”
“ได้เลย งั้นวันนี้พี่จะเป็ลูกมือเราเอง”
ผมพยายามห้ามสงบสติอารมณ์ไม่ให้ใจเต้นแรงจนพี่อูนจับได้ ผมยกกระถางครึ่งหนึ่งขึ้นมาถือแล้วเดินนำรุ่นพี่เข้าไปในฟาร์มเป็คนแรก แต่พี่อูนก็เร่งฝีเท้าตามมาเดินเทียบข้าง ๆ กับผม จนกลายเป็ว่าตอนนี้เราทั้งสองคนเดินข้างกันอีกแล้ว
“พี่อูนมาทำอะไรที่ฟาร์มเหรอครับ” ผมเอ่ยถามไปเพื่อไม่ให้บรรยากาศระหว่างเรามันเงียบจนน่าอึดอัด และผมพยายามจะเบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปที่เื่อื่น ไม่อยากให้ตัวเองจดจ่ออยู่กับพี่อูนมากเกินไป
“พี่มาทำงานน่ะ พอเดินออกมาก็มาเจอเราเนี่ยแหละ”
“่นี้พี่อูนมาช่วยผมบ่อยมากเลย”
“ไม่ต้องเกรงใจนะ พี่เต็มใจ”
“ครับ” ผมตอบกลับพร้อมกับพยักหน้ารับ เป็จังหวะเดียวกันกับที่เราทั้งสองคนเดินมาถึงบริเวณที่ผมจะต้องใช้วางกระถางพอดี พอมองตรงไปด้านหน้าลึกเข้าไปในฟาร์มอีก ผมก็เห็นขนุนกำลังขุดดินด้วยแรงมหาศาลที่มันมีเวลามันโกรธ
วันนี้ภายในฟาร์มค่อนข้างจะครึกครื้น คนเข้ามาทำงานกันเยอะเพราะมันไม่มีแดด เวลาที่มีคนเดินผ่านไปผ่านมาตรงจุดที่ผมกับพี่อูนทำงานอยู่ ก็มักจะมีคนร้องทักพี่อูนเสมอ เขาคงเป็ที่รักของเพื่อน ๆ และน้อง ๆ ในคณะหลายคนเลย
“พี่ลืมถามไปเลย แต่ไม่รู้ว่าถามได้หรือเปล่า” ในระหว่างที่ผมกำลังหยอดเมล็ดลงในกระถางอยู่นั้น จู่ ๆ พี่อูนก็พูดเปิดประเด็นขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ดูจริงจัง ผมจึงหันไปสบตากับเขาและเอ่ยตอบไป
“ถามได้ครับ”
“เราขโมยเห็ดไปทำไมอะ”
“…”
ผมแอบใเล็กน้อยที่พี่อูนยกเื่นี้ขึ้นมาพูด แต่ที่ทำให้ต้องเหงื่อตกก็คือการคิดหาคำตอบมาตอบเขานี่แหละ ถ้าตอบไปว่าขโมยเพราะอยากเอาไปทำอาหารให้เขากิน พี่อูนก็คงเดินหนีผมไปตอนนี้เลย
“จะเอาไปทำอาหารให้คนที่ชอบกินหรือเปล่า”
นั่นไง! พี่เขารู้
พี่อูนถามคำถามนั้นด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ เหมือนว่าเขากำลังแซวผมอยู่ มันยิ่งทำให้ผมเหงื่อตกกว่าเดิมเพราะไม่รู้ว่าตัวเองควรตอบคำถามนี้ยังไง ถ้าบอกเขาว่าใช่แต่ไม่ได้บอกว่าคนที่ผมชอบคือเขา พี่อูนจะต้องคิดว่าผมมีคนที่ชอบแล้วแน่ ๆ
ผมเลือกอะไรได้บ้างเนี่ย!
“พี่อูนเชื่อเื่พวกนั้นด้วยเหรอครับ” ผมเลี่ยงการตอบออกไปตรง ๆ เปลี่ยนไปเป็ตั้งคำถามกลับไปแทน ซึ่งพี่อูนก็ดูไม่ได้สงสัยอะไร ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ผมน่ะ โคตรจะมีพิรุธเลย
“พี่ว่ามันก็อาจจะจริงนะ”
“แค่เห็ดจะทำได้ขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“อย่าคิดว่ามันเป็เื่งมงาย แต่ให้ลองมองว่ามันเป็วิทยาศาสตร์ ในเห็ดยามาบูฯอาจจะมีสารบางอย่างที่ทำให้คนกินเกิดความรู้สึกดี ๆ ขึ้นมาก็ได้ อะไรแบบนี้” พี่อูนอธิบายได้ดีจนทำให้ผมเห็นภาพตาม
“แล้วพี่อูนเคยเอาเห็ดไปทำอาหารให้ใครไหมครับ” ผมนับหนึ่งถึงสิบในใจและเอ่ยถามคำถามที่สงสัยออกไป ซึ่งผมจะต้องใช้ความกล้าอย่างมากในการเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
“ไม่เคย พี่ทำอาหารไม่เป็”
“แล้วเคยมีใครทำมาให้พี่อูนไหม ผมว่าต้องมีเยอะแน่เลย พี่อูนเป็ขวัญใจรุ่นน้องขนาดนี้” ผมพูดพร้อมกับก้มหน้าลงหยอดเมล็ดลงในกระถางเพื่อซ่อนความแดงที่เกิดขึ้นบนใบหน้า
“ยังไม่เคยมีหรอก แต่ถ้ามีก็คงดีนะ”
“…”
“พี่ว่ามันก็น่ารักดี”
พี่อูนเหมือนคนที่กำลังชี้ทางให้กระรอกอย่างไม่รู้ตัว และผมก็คือกระรอกตัวนั้นเอง พยายามจะห้ามตัวเองไม่ให้เผลอหลุดยิ้มออกไป เพราะเดี๋ยวพี่อูนเขาจะสงสัยในตัวผม แต่พอหันไปมองใบหน้าของเขา รอยยิ้มของเขาทีไร มันก็จะชอบยิ้มออกมาเองทุกที พี่อูนเขาก็มีผลกับใจผมขนาดนั้นเลยแหละ
ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปต่อจากนั้น เพราะพยายามจะโฟกัสกับการทำงาน จะได้ไม่ต้องไปหน้าแดงให้พี่อูนเห็น หลังจากนั้นผมก็ทำงานโดยที่มีพี่อูนคอยช่วยจนผมก็ทำเสร็จ แต่กว่าจะเสร็จท้องฟ้าก็เกือบจะมืดไปแล้ว ส่วนทางฝั่งของขนุนก็คงอีกนานกว่าจะเสร็จ มันเลยส่งข้อความมาบอกให้ผมกลับไปก่อนได้เลย
“พี่อูนกลับเลยก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมเก็บเอง”
ผมหันไปบอกร่างสูงที่กำลังเก็บอุปกรณ์มาวางกองรวม ๆ กันไว้ แค่เขามาช่วยผมปลูกต้นมะเขือเทศจนเสร็จครบร้อยยี่สิบต้นผมก็เกรงใจจะแย่แล้ว นี่ยังจะมาช่วยผมเก็บอุปกรณ์อีกต่างหาก ชักจะเป็คนดีเกินไปแล้ว
“ไม่เป็ไร ยังไงพี่ก็ต้องขึ้นไปห้องภาคอยู่ดี เดี๋ยวช่วยกันถือขึ้นไป” แม้ผมจะปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขายังไง แต่พี่อูนก็คือพี่อูน เขาอยากจะช่วยทุกอย่างที่เขาพอจะช่วยได้
“ทำไมพี่อูนถึงมาช่วยผม”
หลังจากที่สงสัยมานานหลายวัน ั้แ่ครั้งก่อนที่เขามาช่วยผมทำงาน รวมถึงครั้งนี้ก็ด้วย ในที่สุดผมก็เอ่ยถามออกไป มันเป็สิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจผมมาตลอด เพราะยิ่งเขามาทำดีด้วย ผมก็ยิ่งชอบเขามากขึ้นกว่าเดิม
“ตอนที่พี่อยู่ปีสองแบบเรา พี่ก็ทำงานหนักแบบนี้แหละ แต่ไม่ได้มีรุ่นพี่มาช่วยเลยนะ พอพี่มาเป็รุ่นพี่เองก็เลยอยากจะช่วยรุ่นน้องเท่าที่พอจะทำได้ เพราะพี่รู้ว่างานมันเหนื่อยแค่ไหน”
“พี่เป็คนดีจัง”
“ไม่หรอก ไอ้ปรงมันก็ทำแบบพี่นะ”
“ไม่เชื่อได้ไหมเนี่ย” ผมตอบกลับไปแทบจะในทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น ต่อให้เป็พี่อูนมาพูด ผมก็จะไม่มีวันเชื่อเด็ดขาด ถ้าพี่ปรงเคยช่วยคนอื่นจริง ๆ แต่ไม่เคยช่วยผม ก็แปลว่าเขาอาจจะไม่ชอบหน้าผม
แต่ไม่เป็ไรหรอก เพราะผมก็ไม่ชอบหน้าเขาเหมือนกัน
“จริง ๆ เราไม่เคยเห็นเองไง”
“เขาชอบทำหน้าดุใส่ตลอดเลย”
“มันชอบเก๊ก” พี่อูนตอบพร้อมกับหัวเราะออกมา หลังจากนั้นเขาก็ยกอุปกรณ์มาถือไว้ในมือและเดินนำออกไปจากฟาร์มก่อน ส่วนผมก็เดินตามไปเขาด้วยสภาพที่มือเปล่า เพราะเขาแย่งผมไปถือหมดแล้ว
“พี่อูนแบ่งมาให้ผมถือบ้าง”
“ไม่เป็ไร แค่นี้เอง”
ผมละความพยายามที่จะช่วยพี่อูนถือของ จนสุดท้ายเราก็เดินขึ้นมาถึงบนห้องภาคพร้อมกัน ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องภาคแล้ว แม้แต่คนที่ผมคิดว่าอาจจะเจอก็น่าจะกลับไปแล้ว หลังจากนั้นพี่อูนก็เอาของมาวางลงบนโต๊ะ โดยที่ผมรีบหยิบของพวกนั้นขึ้นมาและเดินเอาไปเก็บที่เดิมทันที ไม่งั้นพี่อูนก็ทำแทนผมอีกแน่ ๆ
“วันนี้ขอบคุณมากเลยนะครับพี่อูน” ผมหันไปพูดกับรุ่นพี่หลังจากที่ตัวเองเก็บของเข้าที่เดิมจนครบหมดทุกอย่างแล้ว ผมก็เดินกลับมายังโต๊ะตัวเดิม ซึ่งตอนนี้พี่อูนก็กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะนั้นด้วยเหมือนกัน
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยบอกได้เลยนะ”
“พอแล้วพี่อูน” ผมตอบกลับไปเสียงดังจนพี่อูนหลุดหัวเราะออกมา บางทีผมก็สงสัยนะว่าเขาไม่มีงานของตัวเองบ้างเลยเหรอ ทำไมถึงได้มีเวลามาช่วยรุ่นน้องทำงานตลอด
“ค่ำมากแล้วตอนนี้ รีบกลับหอนะ แล้วก็อย่าลืมที่พี่บอกล่ะ” พี่อูนหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาสะพายก่อนจะหันมาพูดกับผมพร้อมรอยยิ้มเหมือนเดิม แต่ผมกลับจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้เขาบอกอะไรผมไว้
“อะไรครับ”
“เห็ดไง”
“ผมบอกไปแล้วไงว่าผมไม่ค่อยเชื่อ”
“งั้นเราก็ลองเอาเห็ดไปทำอาหารให้คนที่ชอบกินสิ จะได้รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง”
ผมสบตากับพี่อูนอยู่ครู่หนึ่ง เขาพูดเหมือนรู้ว่าผมแอบเก็บเห็ดเอาไว้ แต่เพราะเขาไม่ได้พูดออกมา ผมก็เลยไม่ได้ชิงสารภาพออกไป แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมเริ่มเกิดความรู้สึกลังเลขึ้นมาก็คือการที่อูนบอกให้ผมเอาเห็ดไปทำอาหารให้คนที่ชอบกินนี่แหละ ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้มีความคิดที่จะทำแบบนั้นจริง ๆ ซะหน่อย
“ไว้ผมจะลองเก็บไปคิดดูนะ” ผมตอบกลับไปเพียงเท่านั้น
“แล้วถ้ามันได้ผล อย่าลืมมาบอกพี่ด้วยล่ะ”
“ได้ครับ เพราะยังไงถ้าเห็ดมันได้ผลจริงๆ”
“…”
“พี่จะรู้เป็คนแรกเลยครับ พี่อูน”
เพราะผมจะเอาเห็ดไปทำอาหารให้พี่กินยังไงล่ะ!