เล่มที่ 2 บทที่ 39
จนกระทั่งยวี้เอ๋อร์และชุ่ยเอ๋อร์ออกจากเรือน มู่หรงฉิงจึงยกยิ้มอย่างเ็า “ไปกันเถอะ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
ปรากฏว่าหลังจากเฉินเทียนหยูอุ้มมู่หรงฉิงเข้าไปในห้อง มู่หรงฉิงก็กระซิบกับเฉินเทียนหยูว่ารอสักครู่ กระทั่งเห็นสีหน้าหมดหนทางและครุ่นคิดถึงวิธีการรับมือของยวี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงก็เยาะเย้ยในใจ
ฮึ่ม! ยวี้เอ๋อร์ ตอนนี้ข้าไม่มีเวลาจัดการเ้า ฉะนั้นให้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็คนช่วยข้าจัดการเ้าแล้วกัน และชุ่ยเอ๋อร์คนนั้นก็ไม่ใช่คนธรรมดา
ด้วยคำสั่งของมู่หรงฉิง เฉินเทียนหยูจึงอุ้มนางเข้าไปในห้องด้านในด้วยความปีติยินดี ทางด้านปี้เอ๋อร์ได้หยิบชุดสำหรับสวมใส่ออกมาแล้ว และรอให้มู่หรงฉิงเปลี่ยนชุด
“ท่านพี่ไปบอกบ่าวรับใช้ให้เตรียมส่วนผสมก่อน อีกสักพักหลังจากข้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ ข้าจะไปที่ครัวเล็ก” ระหว่างพูด ปี้เอ๋อร์ได้เดินมาหยุดเบื้องหน้าและช่วยประคองมู่หรงฉิงให้นั่งลง
“เ้า้าส่วนผสมอะไรบ้างหรือ?” หลังจากได้ยินว่าเด็กสาวจะทำขนมกรอบเทพี เขาก็น้ำลายสอทันทีที่ได้ฟัง เฉินเทียนหยูมีความสุขพอๆ กับเด็กที่อยากจะฉลองปีใหม่จนตัวสั่น
“เต้าหู้สดสองชิ้น ฟักทองสุกหนึ่งชิ้น และน้ำผึ้งหนึ่งเหยือก”
“เท่านี้หรือ?” เฉินเทียนหยูพับนิ้วมือระหว่างนับ ไม่คาดคิดเลยว่า มู่หรงฉิง้าแค่สามอย่าง จึงเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ
“น้องหญิง้าส่วนผสมเท่านี้จริงๆ หรือ?”
“ใช่แล้ว ท่านพี่ไปเตรียมก่อน หั่นฟักทองหนึ่งในสามส่วน ปอกเปลือก คว้านเมล็ดออก จากนั้นนำไปนึ่ง”
หลังจากได้รับการยืนยันคำตอบแล้ว เฉินเทียนหยูก็ไม่ได้รอช้า เขาหมุนตัวหันหลังกลับไปที่ครัวเล็กเพื่อสั่งบ่าวรับใช้ให้จัดเตรียมส่วนผสมในทันที
คล้อยหลังเฉินเทียนหยู ปี้เอ๋อร์ก็รีบลงกลอนประตูส่วนด้านใน และเดินไปที่หน้าต่างพลางสังเกตดู ก่อนจะปิดบานหน้าต่าง
“มีอะไรหรือ?” ท่าทางระมัดระวังของปี้เอ๋อร์ ทำให้มู่หรงฉิงผู้ซึ่งกำลังปลดเสื้อผ้าอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำถาม
ปี้เอ๋อร์เป็คนเงียบนิ่ง เมื่อก่อนนางมักจะอยู่ด้านข้างอย่างเงียบๆ และมองด้วยสายตาเ็า แต่ลักษณะท่าทางของปี้เอ๋อร์ในเวลานี้ คิดว่านางคงจะเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว บางทีปี้เอ๋อร์คงได้ตัดสินใจอะไรไปแล้ว
มู่หรงฉิงคาดเดาในใจ ขณะปี้เอ๋อร์เดินมาหยุดตรงหน้ามู่หรงฉิงพร้อมน้ำตาคลอเบ้า จากนั้นคุกเข่าลง ทว่ายังไม่ได้พูดออกมา น้ำตาก็ไหลพรูเสียก่อน นางโขกศีรษะสามครั้งก่อนสะอึกพลางพูดว่า “เ้านายต้องใช้ชีวิตอย่างยากลำบากเป็เวลาหลายปีแล้ว ฮูหยินได้สั่งกำชับบ่าว ก่อนที่จะเสียชีวิต ถ้าคุณหนูยังคงไว้ใจยวี้เอ๋อร์ก็อย่าใกล้ชิดคุณหนู เว้นแต่คุณหนูรับรู้ใบหน้าที่แท้จริงของยวี้เอ๋อร์ จะต้องบอกทุกสิ่งให้คุณหนูรับรู้”
มู่หรงฉิงกำลังจะสวมใส่เสื้อผ้าชุดใหม่ ระหว่างที่นางยังคงประหลาดใจกับการกระทำของปี้เอ๋อร์ กลับต้องใกับคำพูดของปี้เอ๋อร์เสียแทน นางถึงกับหยุดการเคลื่อนไหว มือที่ผูกเข็มขัดสั่นเทาเล็กน้อยและใส่ผิดๆ ถูกๆ ติดต่อกันหลายหน “เ้า... เ้าพูดว่าอะไรนะ? ท่านแม่? ท่านแม่พูดกับเ้าเช่นนั้นหรือ?”
อารมณ์ของมู่หรงฉิงตื่นเต้นรุนแรง แม้กระทั่งคำพูดของนางยังสูญเสียความสงบเสงี่ยมจากที่เคยเป็ ใบหน้าสุขุมและเ็าดั้งเดิมเปี่ยมไปด้วยความใ
แต่เมื่อคิดไปคิดมาก็รู้สึกผิดแปลก ปี้เอ๋อร์เข้ามาในจวนไม่นานก่อนที่ท่านแม่ของนางจะเสียชีวิต เป็ไปได้อย่างไรที่นางจะได้รับความไว้วางใจจากท่านแม่ในเวลาอันรวดเร็ว?
“ใช่” ปี้เอ๋อร์โขกศีรษะอีกหนและพูดว่า “หากพูดถึงเื่นี้ จะต้องสาวความไปถึงการรู้จักกันระหว่างฮูหยินกับมู่หรงอั้น”
มู่หรงอั้นหรือ? ปี้เอ๋อร์เรียกชื่อมู่หรงอั้นโดยตรง และจากคำพูดของปี้เอ๋อร์พิสูจน์ให้เห็นว่าท่าทีของปี้เอ๋อร์ที่มีต่อมู่หรงอั้นนั้นมีความเป็ศัตรูเป็อย่างมาก
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? หรือว่าท่านพ่อของนางมีข้อพิพาทใดๆ กับปี้เอ๋อร์?
ในระหว่างที่มู่หรงฉิงยังคงคาดเดาอย่างดุเดือด ทว่าคำพูดถัดมาของปี้เอ๋อร์ก็ปัดเป่าความคิดคาดเดาต่างๆ นานาของมู่หรงฉิงได้ทันควัน
“บ่าวเกิดที่เหลียงโจว แม้ว่าเหลียงโจวจะไม่ใช่ดินแดนที่ร่ำรวยไปด้วยข้าวปลาอาหารเช่นเจียงหนาน แต่เหลียงโจวยังคงเป็ดินแดนอุดมสมบูรณ์ แม้ครอบครัวของบ่าวจะไม่ได้ร่ำรวยมากนัก แต่ก็ทำการค้าเล็กๆ อยู่ ครอบครัวอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข เดิมทีคิดว่าในชีวิตนี้ แม้ไม่ร่ำรวยมั่งคั่ง ถึงกระนั้นก็ควรจะมีชีวิตที่มั่นคงและราบรื่น ทว่ากลับมีเื่ไม่คาดคิด วันหนึ่งท่านพ่อออกไปซื้อของ และอีกสามวันต่อมาทางการก็บอกว่าท่านพ่อกับผู้ช่วยในร้านเจอกับโจร ถูกโจรดักจับและสังหาร ท้ายที่สุดท่านพ่อจึงกลายเป็ศพและถูกหามกลับมา”
เหลียงโจวหรือ? หลังจากได้ยินชื่อเหลียงโจว ความคิดบางอย่างก็แวบเข้ามาในหัวสมองของมู่หรงฉิง
อาจเป็เพราะว่าความทรงจำเ่าั้ถูกฝังไว้เป็เวลานานแล้ว และเมื่อถูกเปิดผนึก ปี้เอ๋อร์จึงร้องไห้อย่างมิอาจห้ามได้
มู่หรงฉิงแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดิมทีนาง้าดึงปี้เอ๋อร์ให้ลุกขึ้นนั่งและพูดคุยช้าๆ แต่หลังจากคิดพิจารณาอีกหน เกรงว่าปี้เอ๋อร์คง้าจะพูดความจริงกับนาง ดูจากท่าทีของปี้เอ๋อร์ อีกฝ่ายคงจะไม่เต็มใจเป็แน่ เมื่อคิดได้เช่นนั้นก็นั่งลงด้านข้างและฟังอย่างเงียบๆ
“ปกติแล้วท่านพ่อของบ่าวจะเป็คนจัดการทุกอย่างในครอบครัว แต่เมื่อท่านพ่อเสียชีวิต คนพาลในพื้นที่ก็มารังแกถึงบ้าน พวกเขาแต่ละคนนำหลักฐานการยืมเงิน โดยบอกว่าท่านพ่อของบ่าวยืมเงินพวกเขา และบังคับให้บ่าวกับท่านแม่ของบ่าวชำระหนี้เ่าั้”
การพูดถึงเื่ดังกล่าวทำให้แววตาของปี้เอ๋อร์ปรากฏความเกลียดชัง เพียงแต่ความเกลียดชังนั้นยังคงถูกปิดกั้นโดยบางสิ่ง และมันก็ไม่ได้ถูกปลดปล่อยออกมาให้เห็นทั้งหมด
มู่หรงฉิงถอนหายใจ คิดว่าครอบครัวของปี้เอ๋อร์จะต้องถูกพวกอันธพาลเ่าั้ทำลายเป็แน่
ปี้เอ๋อร์ปาดน้ำตาจากนั้นพูดว่า “ท่านพ่อกับท่านแม่รักกันมาก และท่านพ่อทำอะไรก็ตาม ท่านก็ไม่เคยปิดบังท่านแม่ ถ้ายืมเงินจากผู้อื่นจริงๆ ท่านพ่อจะต้องบอกท่านแม่ให้รับรู้ และจะต้องสั่งกำชับอะไรก่อนออกไป ท่านพ่อเสียชีวิตอย่างกะทันหัน เดิมท่านแม่ก็เสียใจมากแล้ว มิหนำซ้ำยังต้องถูกคนเ่าั้มาหาเื่อีก ท่านแม่ท้อใจและหมดแรง ในเวลาไม่นานท่านแม่ก็เสียชีวิตตามท่านพ่อไปด้วย ทันทีที่ท่านแม่จากไป ทั้งบ้านและร้านค้าที่เป็ของครอบครัวก็ถูกพลังแห่งความมืดกลืนกินทั้งหมด”
ปี้เอ๋อร์หยุดจังหวะการพูดและเงยหน้าขึ้นมองมู่หรงฉิง “คิดว่าคุณหนูน่าจะเดาได้ว่าพลังแห่งความมืดที่พูดถึงนั้นคือใคร”
“ชายผู้เป็ลูกพี่ลูกน้องของอนุหนิงหรือ?” แม้จะรู้สึกว่ามันเป็เื่ที่ไม่คิดไม่ฝันอยู่หลายส่วน แต่จากสายตาแห่งความเกลียดชังของปี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงถึงได้เอ่ยถามในสิ่งที่อยู่ในใจ “เป็ไปได้หรือไม่ว่าทั้งหมดนี้เป็แผนการของคนคนนั้น?”
“ใช่แล้ว คนนั้นมีชื่อว่าฟางซ่านหยวน และตระกูลฟางในเวลานั้นก็มีอำนาจเทียบเทียมกับครอบครัวของบ่าว ย่อมมีความขัดแย้งกันในด้านกิจการ ฟางซ่านหยวนทำทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของเขา ก่อนอื่นเขาจ้างพวกโจรและสังหารท่านพ่อของบ่าว จากนั้นเขาก็หาพวกอันธพาลในพื้นที่ให้มาข่มขู่ท่านแม่ของบ่าว เดิมท่านแม่ก็เป็คนอ่อนแออยู่แล้ว ย่อมมิอาจทนต่อวิธีการของพวกอันธพาลได้ ไม่นานหลังจากนั้น ท่านแม่ก็สิ้นลมตามท่านพ่อไปด้วย ก่อนที่ท่านแม่จะจากไป ท่านแม่รู้ถึงแผนการของฟางซ่านหยวนและรู้ว่าเขาจะต้องไม่ปล่อยบ่าวไปง่ายๆ จึงลอบส่งบ่าวออกจากเมืองอย่างเงียบๆ ในคืนหนึ่ง แต่ไม่คาดคิดว่าจะถูกคนของฟางซ่านหยวนค้นพบ ขณะที่บ่าวกำลังจะถูกขายให้หอนางโลม ในเวลานั้นเองฮูหยินก็เข้ามาช่วยชีวิตของบ่าวไว้”
ท่านแม่ไปที่เหลียงโจวหรือ? ท่านแม่ไปที่นั่นเมื่อไร? ถ้อยคำนั้นทำให้มู่หรงฉิงรู้สึกแปลกใจมาก
ทันทีที่นางได้ฟังว่าท่านแม่ของนางเคยไปที่เหลียงโจว ทั้งยังช่วยปี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงก็รู้สึกว่าเื่นี้แปลกพิกลอยู่ทุกส่วน
ปี้เอ๋อร์อายุมากกว่านางห้าปี หากเหตุการณ์เ่าั้เกิดขึ้นก่อนที่นางจะลืมตาดูโลก ปี้เอ๋อร์ก็น่าจะมีอายุเพียงแค่ห้าขวบเท่านั้น ปี้เอ๋อร์ได้รับการช่วยเหลือจากท่านแม่ เมื่อนางอายุได้ห้าขวบ ทว่าท่านแม่ของนางตั้งท้องหลังจากแต่งงานได้ครึ่งปี และพี่ชายใหญ่ของนางก็มีอายุมากกว่านางเพียงสามปี เป็ไปได้หรือไม่ที่ในเวลานั้นท่านแม่ของนางไปที่เหลียงโจวขณะที่กำลังตั้งครรภ์?
เมื่อเห็นสายตาครุ่นคิดของมู่หรงฉิง ปี้เอ๋อร์จึงกัดริมฝีปากก่อนพูดต่อ “จากนี้ไปสิ่งที่บ่าวจะพูดถึงนั้นมีความเกี่ยวข้องกับฮูหยิน ใน่เวลานั้นฮูหยินมีความรักต่อมู่หรงอั้นอย่างลึกซึ้ง... ลึกซึ้งมากถึงกับไม่ลังเลที่จะตัดขาดความสัมพันธ์กับครอบครัวของตนเอง ในเวลานั้นมู่หรงอั้นได้หาข้ออ้างว่าจะไปเที่ยวพักผ่อนที่เหลียงโจว แต่จริงๆ แล้วเขาไปเหลียงโจวเพื่อพบกับลูกพี่ลูกน้องของฟางซ่านหยวน หนิงเชียนหรง”
จากคำพูดของปี้เอ๋อร์ ในท้ายที่สุดมู่หรงฉิงก็เข้าใจแล้วว่า ทำไมในเวลานั้นบุตรสาวที่มีเกียรติสูงส่งจากจวนช่างชูถึงได้รักคนที่มีความสามารถปานกลางเช่นมู่หรงอั้น
“คนในดวงใจของฮูหยินไม่ใช่มู่หรงอั้นแต่เป็คนอื่น ส่วนจะเป็ใครนั้นบ่าวก็ไม่ล่วงรู้ ได้ยินมาว่าตอนที่ฮูหยินจะแต่งงานกับมู่หรงอั้น นางใช้วิธีข่มขู่ว่าจะฆ่าตัวตาย เื่นี้กลายเป็เื่ใหญ่ หลายคนไม่เข้าใจว่า ทำไมสตรีผู้มีพร์อันดับหนึ่งในเมืองหลวงถึงได้รักมู่หรงอั้นมากเป็พิเศษ? จนกระทั่งฮูหยินมาถึงเหลียงโจว และบ่าวได้พบกับฮูหยิน หลังจากเกิดเหตุการณ์หลายอย่างขึ้น บ่าวถึงได้เข้าใจว่าความรักของฮูหยินไม่ได้เปลี่ยนแปลง แต่ฮูหยินถูกเปลี่ยนความทรงจำต่างหาก”
เปลี่ยนความทรงจำหรือ? เป็ไปได้หรือไม่ว่ามีคนวางยา ‘ทางเลือก’?
“ใช่แล้ว ฮูหยินถูกคนวางยา ‘ทางเลือก’ จริงๆ และความทรงจำของฮูหยินก็เปลี่ยนไปด้วย ‘คาถาพิศวาส’ ด้วยสาเหตุดังกล่าวจึงคิดว่ามู่หรงอั้นเป็คนที่ฮูหยินรักคนนั้น เวลาถัดมาด้วยความบังเอิญ ฮูหยินได้พบกับหมอเทวดาและได้รับยาแก้พิษ ความทรงจำของฮูหยินจึงกลับคืนมา”
หมอเทวดา? หรือจะเป็เฒ่าทารกคนนั้น?
“ใน่เวลาที่ฮูหยินติดตามมู่หรงอั้นไปเที่ยวพักผ่อนที่เหลียงโจว ฮูหยินตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว และหลังจากฮูหยินฟื้นความจำ ฮูหยินก็ทำอะไรไม่ถูก ฮูหยินไม่เต็มใจที่จะถูกคนอื่นหลอกใช้จึงแกล้งทำเป็ไม่รู้ ในระหว่างที่ฮูหยินกำลังเตรียมตัวที่จะออกจากเมือง ก็บังเอิญเจอกับบ่าวและหลังจากช่วยชีวิตของบ่าวไว้ ฮูหยินบอกกับบ่าวว่า ถ้า้าจะแก้แค้น บ่าวจะต้องซ่อนตัวไว้ก่อน เว้นแต่เมื่อตนเองแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ถึงจะสามารถต่อสู้กับศัตรูได้
“ด้วยบุญคุณของฮูหยินที่ช่วยชีวิตของบ่าวไว้ บ่าวจดจำได้ขึ้นใจ และเนื่องจากฮูหยินหมายจะเก็บบ่าวไว้เป็หมากลับ ฮูหยินจึงจัดแจงให้บ่าวอยู่ด้านนอกจวน และไม่ให้บ่าวปรากฏตัวในสายตาของอนุหนิง
“แต่เดิมยวี้เอ๋อร์เป็คนที่ฮูหยินให้ความสำคัญเป็อย่างมาก กระทั่งเสียชีวิต ฮูหยินก็ยังคงไม่เข้าใจว่า ทำไมยวี้เอ๋อร์ถึงทรยศเ้านาย? และเมื่อฮูหยินรู้ตัวว่าตัวเองมีเวลาน้อยลงทุกวัน ฮูหยินจึงย้ายบ่าวให้เข้าไปในจวน เริ่มทำงานจากการเป็บ่าวทำงานหนักระดับล่าง และเนื่องจากบ่าวมีภูมิหลังบริสุทธิ์ อนุหนิงจึงไม่ได้สงสัยอะไร และเนื่องจากจิตใจทั้งหมดของอนุหนิงสนใจแต่ฮูหยิน ย่อมไม่สนใจพวกบ่าวเบื้องล่าง
“ฮูหยินสั่งกำชับบ่าวก่อนที่จะเสียชีวิต คุณหนูใหญ่เป็คนจิตใจดีมีเมตตา ถ้าบอกกับคุณหนูโดยตรงว่ายวี้เอ๋อร์เป็คนทรยศ คุณหนูย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน และนั่นจะเป็การแหวกหญ้าให้งูตื่นเสียเปล่าๆ ที่สำคัญคนที่ฮูหยินไม่อาจวางใจมากที่สุดก็คือคุณหนูใหญ่ จึงสั่งกำชับบ่าวว่า จงอย่าเข้าใกล้คุณหนูใหญ่ เว้นเสียแต่ว่าคุณหนูใหญ่จะรู้ถึงความทะเยอทะยานของหมาป่ายวี้เอ๋อร์และอนุหนิง มิเช่นนั้นจงออกไปยังชายแดนเพื่อตามหาคุณชายใหญ่ จะต้องคุ้มครองคุณหนูให้ปลอดภัย”
คำต่อคำออกมาจากปากของปี้เอ๋อร์ส่งผลให้มู่หรงฉิงถึงกับร้องไห้น้ำตานองหน้า เื่ราวที่ได้ยินเ่าั้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่า ท่านแม่มีคนอื่นในหัวใจแต่เนื่องจากผลประโยชน์ ท่านแม่จึงถูกคนเปลี่ยนความทรงจำและต้องแต่งงานกับมู่หรงอั้น เมื่อท่านแม่และมู่หรงอั้นมาถึงเหลียงโจว ท่านแม่ก็ได้พบกับหมอเทวดาโดยบังเอิญ และได้รับยาจากนั้นฟื้นความทรงจำกลับมา
แม้ว่าท่านแม่จะไม่รักมู่หรงอั้น แต่เนื่องจากท่านแม่มีพี่ชายใหญ่และมีนางแล้ว เพื่อลูกชายและลูกสาว ท่านแม่ก็ยังต้องแสร้งทำเป็ไม่รู้ต่อไป
มู่หรงฉิงรู้สึกตกตะลึงกับความคิดนั้น ด้วยสติปัญญาของท่านแม่ หลังจากฟื้นความทรงจำกลับมา ท่านแม่ย่อมต้องเดาความประสงค์ของผู้วางยาพิษได้แล้ว และย่อมรู้ด้วยซ้ำว่าร่างกายของตนเองมีปัญหา โดยรู้ว่าไม่ใช่เพราะความเจ็บป่วยแต่เป็เพราะถูกวางยาพิษ
ท่านแม่ยอมตายด้วยยาพิษมากกว่าเปิดเผยความจริงทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าท่านแม่้าปกปิดสิ่งหนึ่ง หรือกล่าวอีกนัยหนึ่ง เื่นั้นยังไม่ถึงเวลาในการเปิดเผย
มู่หรงฉิงยิ่งรู้สึกเสียใจระคนเกลียดชังเพิ่มมากขึ้น นางเกลียดตัวเองที่ทำไมในเวลานั้นนางมุ่งแต่ศึกษางานเย็บปักถักร้อยและศึกษาเื่บูชาพระพุทธเ้า? เื่เตือนหญิงและข้อปฏิบัติสำหรับผู้หญิงที่น่ารำคาญเ่าั้ ซึ่งได้แต่ทำให้นางกลายเป็ผู้หญิงในบ้านในเรือนตามมาตรฐาน
ถ้านางเฉลียวฉลาดมากกว่านี้ นางคงจะไม่ตาบอด เนื่องจากความโง่เขลาของตนอย่างแน่นอน
ครั้นนางนึกถึงคำว่าจิตใจดีแต่โง่ มู่หรงฉิงก็หวนนึกถึงคำพูดของนางซึ่งเคยเอ่ยกับยวี้เอ๋อร์ในวันคล้ายวันเกิดของฮูหยินผู้เฒ่าในวันนั้น นางไปเตือนเ้างูพิษว่าจงอย่าจิตใจดีแต่โง่นักเลย ฮ่าๆ มันช่างตลกสิ้นดี มันช่างตลกจริงๆ