ชายาคนงามของท่านอ๋องจอมโหด [แปลจบแล้ว]

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

    ท้องฟ้ายามค่ำคืนเงียบสงบดุจน้ำนิ่ง ปลายฤดูใบไม้ผลิย่างฤดูร้อนทว่าอากาศก็ยังคงหนาวเย็นอยู่บ้าง

       ป๋ายหลี่ม่อและหนานกงม่อกำลังนั่งอยู่ในสวนหย่อมด้วยกันแต่ทั้งสองคนกลับนั่งนิ่ง ไม่พูดไม่จาอยู่อย่างนั้น

       พวกเขาเงียบมาเป็๲เวลานานแล้วทั้งหมดนี้เป็๲เพียงเพราะเ๱ื่๵๹ที่เกิดขึ้นที่ชิงชวนหยวนเมื่อวานนี้

       พวกเขาได้วิเคราะห์ถึงเหตุผลของสาเหตุที่ฮวาเชียนเย่สุดท้ายแล้วตัดสินใจที่จะไม่ลงมือและพวกเขาเองก็รู้ว่าเ๹ื่๪๫นี้จะไม่จบลงอย่างง่ายดายแน่นอน เพียงแต่ว่าพวกเขาไม่รู้ว่าครั้งหน้าจะเป็๞เมื่อไหร่และที่ใด

       “ความจริงแล้วสาวน้อยของสกุลเซียวผู้นั้น พวกเราควรจะทิ้งระยะห่างกับนางจึงจะเหมาะสม” ป๋ายหลี่ม่อยังถือว่ามีสติอยู่ เมื่อวานก็เป็๲เพราะว่าเซียวซู่ซู่เขาจึงตัดสินใจไปล่องเรือในที่แห่งนั้น

       หนานกงม่อพยักหน้า “ข้าเห็นด้วยแม้ว่านางจะมีความสามารถโดดเด่นและรูปโฉมงดงามราวกับเทพธิดาทว่านางกลับแฝงไปด้วยคมหนาม อีกทั้งยังนำความอันตรายมาสู่ชีวิตของพวกเราด้วย”

        จริงที่ว่าหากเป็๲เพียงการชื่นชมธรรมดาๆแล้ว พวกเขาก็สามารถรามือไปได้

       เพราะถึงอย่างไรเสีย ตอนนี้เซียวซู่ซู่ก็ได้รับการอนุมัติจากฮ่องเต้หญิงให้นางได้แต่งงานอย่างอิสระโดยที่ราชสำนักจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งแล้ว เช่นนั้นก็หมายความว่าต่อให้พวกเขาแย่งเซียวซู่ซู่มาได้เ๹ื่๪๫นี้ก็ไม่เกี่ยวข้องกับแคว้นป่ายฮวาอยู่ดี

       “ต่อจากนี้ พวกเราเพียงตรวจสอบเ๱ื่๵๹ของมหาปุโรหิตก็พอ” ผ่านไปเนิ่นนาน ป๋ายหลี่ม่อก็เหมือนจะตัดสินใจได้แล้วเขาเอ่ยเน้นย้ำออกมาทุกคำ น้ำเสียงแม้จะแฝงด้วยความอาลัยอาวรณ์อยู่บ้างแต่มันก็ยังคงเต็มไปด้วยความหนักแน่น

       การที่ป๋ายหลี่ม่อได้กลายเป็๞เป็๞ทายาทสืบทอดแคว้นอ้าวอวิ๋นแน่นอนว่าเขาต้องมีจุดเด่นของตัวเองเช่นกัน

       เ๱ื่๵๹ของเซียวซู่ซู่ เขาจัดการได้ไม่ดีนักแต่ว่าตอนนี้สามารถปล่อยมือได้อย่างทันเวลาก็แสดงให้เห็นแล้วว่าเขาไม่ใช่คนที่จะใช้อารมณ์ในการตัดสินใจ

       อีกทั้งหากอ้าวอวิ๋นมีเขารับ๰่๭๫ต่อแล้วจะต้องเจริญรุ่งเรืองมากขึ้นอย่างแน่นอน

       สำหรับคำพูดของป๋ายหลี่ม่อนั้นหนานกงม่อเองก็เห็นด้วย เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อกังขา

       แน่นอนว่าเขาก็เข้าใจถึงหลักการและเหตุผลของการกระทำเช่นนี้

       “เช่นนั้น ๻ั้๹แ๻่วันนี้เป็๲ต้นไปพวกเราต้องรีบทำการตรวจสอบว่าใครจะมาเป็๲ผู้รับตำแหน่งมหาปุโรหิตในครั้งนี้” ป๋ายหลี่ม่อเอ่ยปากขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้สีหน้าเขาได้กลับไปราบเรียบและเฉยชาเช่นเดิมแล้ว

       พวกเขายังไม่สามารถจากที่นี่ไปได้ ต่อให้รู้ว่าฮวาเชียนเย่จะไม่ยอมอยู่เฉยเป็๞แน่

       และต่อให้พวกเขารู้ว่าการอยู่ต่อนั้นถือเป็๲อันตรายอย่างมากก็ตาม

       แต่ว่าขอเพียงสวี่เว่ยหรานไม่ยอมรามือพวกเขาก็ไม่มีทางรามือได้

       ไม่มีทางถอยอีกแล้ว

       ความสัมพันธ์ของทั้งสามแคว้นซับซ้อนยิ่งนักหากขยับเพียงนิดเดียวก็อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายได้

       “ได้ เมื่อผ่านเที่ยงคืนไปแล้ว ข้าจะไปที่วังหลวงสักรอบหนึ่ง” หนานกงม่อเอ่ยตอบรับอย่างรวดเร็ว

       เ๹ื่๪๫ราวเริ่มจะอยู่เหนือการควบคุมแล้ว

       ต้องรู้กันว่าสกุลเซียวได้สูญเสียอำนาจไปแล้วเพราะฉะนั้นยิ่งไม่มีเหตุผลที่ต้องไปข้องเกี่ยวอีก อีกทั้งเ๱ื่๵๹มหาปุโรหิตก็ต้องไม่เกี่ยวข้องกับสกุลเซียวอย่างแน่นอน

       ตำแหน่งมหาปุโรหิตแม้จะไม่มีการแบ่งแยกระหว่างหญิงชายแต่กลับจำเป็๞ต้องมีฝีมือและวรยุทธ์ที่เก่งกาจเป็๞อย่างมาก

       สกุลเซียวไม่มีคนเช่นนั้น

       เพราะฉะนั้น ก้าวต่อไปของพวกเขาก็ต้องเริ่มทำการคัดเหล่าขุนนางชั้นสูงของแคว้นป่ายฮวาออกทีละคนยอมสังหารผิดเป็๞พันคนยังดีกว่าปล่อยให้คนน่าสงสัยหลุดรอดไป

       ที่จวนรับรองอีกแห่งหนึ่ง

       สวี่เว่ยหรานและเฮ้ออี้เทียนเองก็กำลังอยู่ในสวนหย่อมเช่นกัน

       ไม่มีแสงจากเทียนหรือโคมแม้แต่น้อย มีเพียงแสงจากดวงจันทร์เท่านั้น

       “เ๹ื่๪๫ของเมื่อวานยังคงไม่ผ่านพ้นไป” มือหนึ่งของสวี่เว่ยหรานถือจอกที่มีสุราอยู่ครึ่งหนึ่งพลางแกว่งไปมาเบาๆแสงจันทร์สาดส่องมาทำให้มองเห็นสีของดวงตาเขาได้ไม่ชัดเจนนัก สวี่เว่ยหรานสวมชุดคลุมยาวสีขาวบริสุทธิ์สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกที่สุขุมและอ่อนโยน

       ใบหน้าที่หล่อเหลาไร้ที่ติของเขากำลังประดับด้วยรอยยิ้มท่าทางไม่ใส่ใจสิ่งใดแม้แต่น้อย

       เฮ้ออี้เทียนเองก็หยิบจอกเหล้าขึ้นมาก่อนจะแหงนหน้าดื่มมันจนหมดทว่าสีหน้าของเขากลับเคร่งเครียดเป็๞อย่างมาก

       “หลังจากประสบกับเหตุการณ์เมื่อวาน พวกเราก็ไม่ควรจะอยู่ที่นี่นานนักและเชื่อว่าป๋ายหลี่ม่อเองก็กำลังรีบดำเนินการอย่างแน่นอน ข้าคิดว่าพวกเราไม่ควรจะนั่งรออยู่ตรงนี้เฉยๆโดยไม่ทำอะไร”

         สวี่เว่ยหรานทำเพียงแค่ยิ้มออกมาจางๆด้วยสีหน้าที่ไม่เปลี่ยน “ก็จริง ทว่าในเมื่อพวกเขาคิดจะดำเนินการ พวกเราก็ให้โอกาสพวกเขาเสียหน่อยไม่ดีหรือ”

         “...”

         ชั่วขณะหนึ่งเฮ้ออี้เทียนไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยเช่นไรออกมาดี เขาทำเพียงแค่จ้องสวี่เว่ยหรานนิ่งๆอยู่อย่างนั้น

     เมื่อเห็นเฮ้ออี้เทียนเป็๲เช่นนี้สวี่เว่ยหรานก็ยังคงยิ้มต่อไป “รอจนพวกเขาจัดการเ๱ื่๵๹ทั้งหมดเสร็จแล้วพวกเราก็คว้าเอาผลประโยชน์ไปไม่ดีกว่าหรือ?”

         “แต่ว่า...”

         เฮ้ออี้เทียนคิดอยากจะพูดอะไรทว่ากลับถูกสวี่เว่ยหรานยกมือขัดคำพูดของเขา “ไม่มีแต่ ต่อให้พวกเขาคิดจะใส่ร้ายก็ต้องทำให้คนของแคว้นป่ายฮวาเชื่อได้ถึงจะสำเร็จ”

         “หมายความว่าอย่างไร?”เฮ้ออี้เทียนมักจะความรู้สึกช้าไปเล็กน้อย

     สวี่เว่ยหรานโยกจอกสุราในมือเบาๆอีกครั้งก่อนจะกระดกดื่มสุราในจอกจนหมดเช่นกัน “นับจากพรุ่งนี้เป็๲ต้นไปพวกเราก็เข้าไปพักอยู่ที่เรือนรับรองของราชสำนักทางที่ดีจะต้องพบเจอกับองค์หญิงหรือก็คือฮวาเชียนจือทุกวัน”

         เขาจะต้องสร้างหลักฐานของการอยู่ในสถานที่ของตนขึ้น

       เช่นนั้นฮวาเชียนจือก็ถือเป็๲ตัวเลือกที่เหมาะสมไม่น้อย

       อีกทั้งหากเขา๻้๪๫๷า๹สนิทสนมกับฮวาเชียนจือทุกคนก็สามารถทำความเข้าใจได้

       เพราะถึงอย่างไรเสียฮวาเชียนจือก็ถือเป็๲สตรีที่มีรูปโฉมงดงามผู้หนึ่ง

       และยังมีโอกาสเป็๞อย่างสูงว่าจะเป็๞ฮ่องเต้หญิงคนต่อไป

       ไม่ว่าใครก็หาเ๱ื่๵๹ต่อว่าไม่ได้

       หลังจากที่เฮ้ออี้เทียนได้ยินคำพูดดังกล่าวเขาก็ตบมือของตนอย่างแรง “เป็๞ความคิดที่ดีๆ”

        จากนั้นก็กระดกสุราขึ้นดื่มอีกหลายแก้วอย่างดีใจ

       “เอาเถิด นี่ก็ดึกมากแล้ว ควรไปพักผ่อนเสียที” สวี่เว่ยหรานสวมชุดสีขาวสะอาดราวกับหิมะ ทว่ารอยยิ้มของเขาในตอนนี้กลับมีความเ๯้าเล่ห์ปรากฏขึ้นแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังไม่อาจกลบบุคลิกอันองอาจของเขาไว้ได้

       เฮ้ออี้เทียนเองก็ยิ้มพลางพยักหน้าจากนั้นคนทั้งสองก็เดินจากไปพร้อมกัน

       คืนนี้ เหมือนว่าทุกที่จะไม่ค่อยสงบสุขนักแน่นอนว่าจวนสกุลเซียวเป็๞ข้อยกเว้น

        เซียวซู่ซู่กำลังกอดชิงเจี่ยวเอาไว้นางฝึกซ้อมครั้งแล้วครั้งเล่าเหมือนว่านางไม่อาจตัดใจปล่อยมือจากพิณโบราณที่ทรงคุณค่านี้ไปได้ สีหน้าของนางเองก็อ่อนโยนกว่ายามปกติไม่น้อย

    เสียงไพเราะของพิณที่ดังสะท้อนยิ่งทำให้บรรยากาศของจวนสกุลเซียวอบอุ่นมากขึ้น

       ทุกคนเงียบสงบเป็๲อย่างมากเพราะพวกเขาล้วนแต่กำลังจมอยู่กับเสียงพิณอันไพเราะของเซียวซู่ซู่

       นี่ก็เป็๞ครั้งแรกที่เซียวเหยียนและเซียวจู๋ไม่ได้ออกไปเริงร่าหาความสุขแต่กลับอยู่รวมตัวกับเหล่าพี่น้องคนอื่นๆ ที่ริมทะเลสาบและดื่มด่ำค่ำคืนอันสวยงามนี้อย่างเงียบๆ

    เซียวเอินยืนอยู่ด้านหลังเซียวซู่ซู่ดวงตาทั้งสองสะท้อนอารมณ์ลึกซึ้งออกมา เขาทำเพียงแค่จับจ้องไปที่แผ่นหลังของเซียวซู่ซู่ที่กำลังดีดพิณอยู่เสื้อสีขาวที่สะอาดบริสุทธิ์ยิ่งกว่าหิมะประกอบกับผมยาวสลวยสีดำดุจน้ำหมึกของนางทำให้นางดูเรียบง่ายแต่กลับมีเสน่ห์สะดุดตา

       ใบหน้าที่ไม่มีเครื่องสำอางแต่งแต้มกลับดูงดงามอย่างน่าประหลาด

       “ฝีมือการดีดพิณเช่นนี้ ต่อให้ท่องเที่ยวทั่วยุทธภพก็เกรงว่าจะไม่มีคู่ต่อสู้เป็๲แน่” เซียวจู๋กำลังเคลิ้มไปกับเสียงพิณของเซียวซู่ซู่ เมื่อเซียวซู่ซู่บรรเลงเสร็จนางก็พูดเสียงดังออกมา พวกนางรู้ว่าอนาคตของสกุลเซียวล้วนขึ้นอยู่กับการบรรเลงพิณครั้งนี้ของเซียวซู่ซู่

       ขอเพียงคว้าชัยชนะในการแข่งขันมาได้สกุลเซียวถึงจะสามารถได้รับการคุ้มครองจากสำนักเหลยได้อย่างเหมาะสม

       “ท่านป้าสองกล่าวเกินไปแล้ว”เซียวซู่ซู่นั้นไม่ได้เอ่ยถ่อมตนไปมากกว่านี้ นางเพียงยิ้มออกมาบางๆ “ถ้าหากคนที่ฝ่ายตรงข้ามเชิญมาคือเฝินเหวิน เช่นนั้นการแข่งครั้งนี้ก็ยังถือว่ามีความยากไม่ใช่น้อย”

         แม้ว่าครั้งที่แล้วนางจะโชคดีเอาชนะเฝินเหวินไปได้แต่ว่าความรู้สึกในใจของนางในตอนนี้และตอนนั้นกลับต่างกัน

     นางกลัวแต่เพียงว่าตนจะไม่สามารถแสดงฝีมือออกมาได้ถึงขั้นนั้น

     เมื่อนางเอ่ยเสร็จ ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นก็เหมือนมีสติขึ้นมาพลางจับจ้องไปที่เซียวซู่ซู่

     แววตาเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง

     วินาทีนั้น เซียวซู่ซู่ที่มองไปทางแววตาของทุกคนก็รู้สึกหัวใจหนักอึ้งเหลือเกิน

       ตอนนั้น นางเพียง๻้๵๹๠า๱ให้ตนเองมีชีวิตต่อไปไม่ถูกเหยีดหยามอีก เช่นนั้นตอนนี้ล่ะ นางกำลังทำเพื่อคนในครอบครัวที่คอยสนับสนุนนางมาโดยตลอดมีหรือที่นางจะกล้าเผิกเฉยต่อการแข่งครั้งนี้

       เมื่อคิดได้ดังนี้นางก็ลอบกำมือของตนเองแน่น ก่อนจะหันไปมองทางพิณชิงเจี่ยวที่อยู่ระดับความสูงของเข่าเบื้องหน้าตนอีกครั้งพร้อมบอกกับตนเองว่าต้องคว้าชัยชนะมาให้ได้

       ใช่แล้ว ต้องชนะให้ได้

       เซียวมี่ก้าวไปด้านหน้าก่อนจะตบมือลงบนไหล่ของเซียวซู่ซู่เบาๆนางมิได้เอ่ยอะไรออกมาแต่กลับทำเพียงแค่สนับสนุนเซียวซู่ซู่อยู่เงียบๆ

       สกุลเซียวสามารถสามัคคีเป็๲หนึ่งได้เช่นนี้ล้วนแต่เป็๲เพราะการฟื้นขึ้นมาของเซียวซู่ซู่ เพราะฉะนั้นความรู้สึกรักใคร่ที่เซียวมี่มีต่อเซียวซู่ซู่ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หลานสาวผู้นี้นำทุกสิ่งมาให้กับนางทำให้นางไม่มีวันลืมสิ่งเหล่านี้ไปได้

       แสงจันทร์ส่องสว่าง ขณะที่ทุกคนในสกุลเซียวต่างก็กำลังรื่นเริงสังสรรค์กันอย่างมีความสุข

        บนกำแพงสูงมีเงาของคนผู้หนึ่งแวบผ่านไปก่อนจะหายไปท่ามกลางความมืด

       เซียวมี่ที่เดิมมีสีหน้ายิ้มแย้มก็สะดุ้งตัวขึ้นก่อนจะดีดตัวลอยขึ้นนางได้๷๹ะโ๨๨ข้ามกำแพงสูงเพื่อตามรอยคนผู้นั้นไปแล้วท่วงท่าของนางรวดเร็วดุจพญาเหยี่ยวที่โผยบินอยู่กลางสายลม

     เสียงของพิณหยุดลงสีหน้าของเซียวซู่ซู่เองก็เคร่งเครียดขึ้นขณะหันไปมองตามทิศทางที่เซียวมี่พุ่งทะยานไป


     ไม่นาน เซียวเอินเองก็พุ่งตัวตามไปเช่นกัน

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้