บทที่ 31 หนึ่งหมัดสังหารสัตว์อสูรขั้นปลาย กับเ้าเรียกตัวเองว่าจอมกระบี่รึ?
ในเวลาเดียวกัน ณ ป่าเขาแห่งหนึ่ง
“สัตว์อสูรระเก้าระดับขั้นต้นอย่างนั้นหรือ? แค่ิัของข้ายังไม่อาจขีดข่วนได้ด้วยซ้ำ”
หลี่โม่กวาดตามองหมัดของตนเอง เขาเคยได้ยินคำกล่าวที่ว่า "จะตีงูต้องตีให้โดนจุดตาย" แต่เมื่อครู่ เขากลับจงใจลองทดสอบขีดจำกัดของร่างกายตนเอง ผลลัพธ์คือ เพียงแค่หนึ่งหมัดที่ไม่ได้ใช้แม้แต่ปราณโลหิต ก็สามารถทุบทำลายงูเหลือมมีปีกตัวเล็ก ๆ ตัวนั้นจนแหลกละเอียดได้
เป็เื่แปลก หลี่โม่ไม่เคยแม้แต่จะฆ่าไก่มาก่อน นี่เป็ครั้งแรกที่เขาสังหารสัตว์อสูร แต่ในใจกลับไร้ซึ่งความตื่นเต้นหรือความไม่สบายใจแม้แต่น้อย ยามออกหมัด เขานิ่งสงบราวกับเคยมีประสบการณ์เช่นนี้มานับครั้งไม่ถ้วน
“นี่คือผลลัพธ์ของกายาเซียนกำเนิดลึกล้ำอย่างนั้นหรือ?” หลี่โม่อดไม่ได้ที่จะรำพึงในใจ ดูเหมือนว่านอกจากการฝึกกระบี่แล้ว ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ล้วนเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
เขาสะบัดเืที่ติดกำปั้นออก
“วังจันทรา...” หลี่โม่เหลือบมองแผนที่ จากนั้น เขาก็หยิบกระบี่ชิงกังออกมาแล้วเดินลึกเข้าไปในป่า
ในป่าอันกว้างใหญ่ มีเสียงะโดังแว่วมาเป็ระยะ ๆ และยังคงเห็นศิษย์ใหม่กำลังต่อสู้กับสัตว์อสูรอยู่เป็ครั้งคราว หลี่โม่ไม่ได้หยุดพัก ระหว่างทาง เขาก็ได้พบกับสัตว์อสูรระดับเก้าขั้นต้นอีกหลายตัว แต่ผลลัพธ์ก็เช่นเดียวกับงูมีปีกตัวก่อนหน้า ทั้งหมดถูกสังหารด้วยกระบี่เดียว หลี่โม่ไม่แม้แต่จะใช้เคล็ดวิชากระบี่ด้วยซ้ำ
ไม่นาน เขาก็มาถึงบริเวณที่ในแผนที่เรียกว่า ‘ป่าหินธารา’ เสาหินรูปร่างแปลกประหลาดตั้งเรียงรายราวกับต้นไม้แห้งที่ไร้กิ่งก้าน โดยมีแม่น้ำกว้างกว่าสิบเมตรไหลอยู่ตรงกลาง
“แม่น้ำสายนี้ไหลมาจากวังจันทรา”
“ข้าเพียงแค่ต้องล่องตามกระแสน้ำขึ้นไป” หลี่โม่ครุ่นคิดในใจ
มีเสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหน้า เขามองขึ้นไปก็เห็นศิษย์พี่ฝ่ายในคนหนึ่งกำลังลากร่างสัตว์อสูรคล้ายแกะที่มีเกล็ดปกคลุมและเขาสีดำกลับมา
แพะเขาสีดำ สัตว์อสูรขั้นปลายตัวนี้แม้จะปรากฏอยู่บนโต๊ะอาหารของศาลาชิวสุ่ยบ่อยครั้ง แต่แท้จริงแล้วมันคือสัตว์อสูรที่ร้ายกาจ แม้จะเป็สัตว์กินพืช แต่ก็มีนิสัยชอบต่อสู้เป็พิเศษและมีพละกำลังมหาศาล แต่ตอนนี้กลับถูกคนผู้หนึ่งสังหารด้วยกระบี่เดียว
“อิ๋งปิงเป็คนฆ่าหรือ?” หลี่โม่จำได้ทันที การฟันคออย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว าแถูกแช่แข็งไว้จนไม่มีเืไหลออกมาแม้แต่หยดเดียว แม้แต่แพะเขาสีดำเองก็คงไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามันตายเมื่อใด
“ถูกต้องครับ ท่านศิษย์สายตรงอิ๋งเป็คนจัดการ” ศิษย์พี่ฝ่ายในพยักหน้า เขายืนอยู่กับที่จ้องมองหลี่โม่โดยไม่ขยับเท้าอีก ตอนแรกหลี่โม่ก็ไม่เข้าใจนัก แต่แล้วคิ้วของเขาก็คลายออก เขาเองก็ััได้เช่นกัน
ในชั่วพริบตาต่อมา ทันใดนั้น เงาดำขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือน้ำแล้วกระโจนขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว มันคือเต่าตัวมหึมาที่มีหลังตะปุ่มตะป่ำ!
สัตว์อสูรระเก้าระดับขั้นปลาย“เต่าหลังหนาม” เืเต่าสามารถนำมาทำยาได้ เนื้อเต่าก็อร่อยเป็พิเศษ แม้แต่กระดองเต่าก็ยังเป็ของดีที่ใช้เป็วัตถุดิบทำอ่างอาบน้ำในศาลาชิวสุ่ย... แน่นอนว่า เต่าหลังหนามในฐานะสัตว์อสูรขั้นปลายนั้นมีนิสัยดุร้ายมาก บริเวณแหล่งน้ำที่มีมันอาศัยอยู่โดยพื้นฐานแล้วจะไม่มีปลาชนิดอื่นเลย
“เป็สัตว์อสูรขั้นปลายเช่นกัน” ศิษย์พี่ฝ่ายในผู้นั้นมองดูด้วยความสนใจ ศิษย์สายตรงทั้งสองคนนี้เข้าสำนักชิงเยวียนพร้อมกัน และยังขึ้นบันไดสู่์ได้ถึงร้อยขั้น หากท่านศิษย์สายตรงอิ๋งสามารถสังหารแพะเขาสีดำได้ด้วยกระบี่เดียว ก็ไม่รู้ว่าท่านศิษย์สายตรงหลี่ผู้นี้จะแสดงฝีมือกับเต่าหลังหนามได้อย่างไร
แน่นอนว่า แม้จะเป็สัตว์อสูรขั้นปลายเหมือนกัน แต่เต่าหลังหนามนั้นยากที่จะสังหารกว่ามาก หากมันหดแขนขาเข้าไปในกระดอง ผู้ฝึกยุทธ์ปราณโลหิตก็คงทำได้แค่มองตาปริบ ๆ ขณะที่เขากำลังคิดเช่นนั้น หลี่โม่ก็เคลื่อนไหวแล้ว
กระบี่ชิงกังพลันเปล่งแสงกระบี่นับสิบสาย แต่ละสายห่อหุ้มด้วยปราณโลหิตที่เก็บงำไว้ไม่ปล่อยออกมา
“วิชากระบี่ไม่เลวเลยนะ” ในดวงตาของศิษย์พี่ฝ่ายในอดไม่ได้ที่จะเผยความชื่นชมออกมาเล็กน้อย วิชากระบี่นี้ยังนับว่าน่าทึ่งแม้จะเทียบกับศิษย์สายตรงของสำนักชิงเยวียนตลอดหลายรุ่นที่ผ่านมาก็ตาม หากไม่ได้เห็นวิชากระบี่ของอิ๋งปิงมาก่อน เขาก็คงจะประหลาดใจยิ่งกว่านี้
เมื่อััได้ถึงอันตราย เต่าหลังหนามที่อยู่ตรงหน้าก็คำรามต่ำ ๆ แล้วหดแขนขากลับเข้าไปในกระดองทันที รอยขนนกนับสิบที่เกิดจากวิชากระบี่กระเรียนเพลิงนับพันะเิออกบนกระดองเต่า ทำให้กระดองเต็มไปด้วยรอยร้าวเล็ก ๆ ทันที ไม่เพียงแต่กระดองเต่าจะเสียหาย กระบี่ชิงกังก็มีรอยบิ่นขนาดเท่าเม็ดข้าวหลายจุด
หลี่โม่ “.....”
กระบี่เล่มนี้เป็อาวุธธรรมดาที่สำนักมอบให้ ตามหลักแล้วการสังหารสัตว์ขั้นต้นนั้นเพียงพอแล้ว แต่กลับมาเจอเต่าเหล็กกระดองแข็งเข้าให้ เมื่อครู่ถ้าหากใช้แรงมากกว่านี้ เกรงว่ากระบี่จะหักเสียก่อนที่กระดองเต่าจะแตกเสียอีก
“โฮก..!.” เต่าหลังหนามดูเหมือนจะขี้ขลาด พลิกตัวแล้วหนีกลับลงน้ำไป
“อย่าหนี!” หลี่โม่ไล่ตามไปโดยไม่ลังเล
“เมื่อครู่เ้าทำท่าจะเกรี้ยวกราด แต่ตอนนี้ทำให้กระบี่ของข้าบิ่นแล้วยังคิดจะหนีอีกหรือ?”
“ศิษย์สายตรงหลี่!”
“ไอ้สัตว์ร้ายนั่นเ้าเล่ห์!”
คำพูดของศิษย์พี่ฝ่ายในยังไม่ทันขาดคำ หลี่โม่ก็ไล่ตามลงน้ำไปแล้ว เมื่อเห็นฟองอากาศผุดขึ้นมาเป็ชุด ศิษย์พี่ฝ่ายในก็รู้สึกร้อนใจขึ้นมาในทันที เมื่ออยู่ในน้ำ เต่าหลังหนามนั้นรับมือยากกว่าเดิมสิบเท่า แม้แต่สัตว์อสูรขั้นสูงสุดก็ยังไม่กล้าต่อกรกับมันในน้ำเลย วิชากระบี่ของหลี่โม่นั้นไม่เลวเลย แต่เมื่ออยู่ในน้ำ เกรงว่าฝีมือสิบส่วนคงแสดงออกมาได้ไม่ถึงห้าส่วน!
ขณะที่เขากำลังตัดสินใจว่าถ้าสถานการณ์ดูไม่ดี ก็จะรีบลงไปช่วยทันทีนั้น
ครืนนน—โครม!
ผิวน้ำพลันปั่นป่วนะเิออก ร่างขนาดมหึมาถูกเหวี่ยงลอยขึ้นมา ร่างของหลี่โม่ตามมาติด ๆ ทั่วร่างของเขาพุ่งลงมาราวกับอุกกาบาตพุ่งชนโลก ดวงตาของเต่าหลังหนามเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับในเวลานี้มันได้กลิ่นอายแห่งความตายแล้ว แต่ครั้งนี้มันไม่สามารถกลับลงน้ำได้อีก ทำได้เพียงใช้ลูกเล่นเดิม คือหดแขนขาและศีรษะเข้าไปในกระดองอีกครั้ง
“!” ศิษย์พี่ฝ่ายในจ้องมองด้วยดวงตาเบิกกว้าง ปากอ้าค้าง “เต่าหลังหนามถูกโยนขึ้นมาจากน้ำหรือ?”
แต่ยังไม่จบแค่นั้น ในชั่วพริบตาต่อมา สิ่งที่ทำให้เขาสยดสยองยิ่งกว่าก็เกิดขึ้น ครั้งนี้หลี่โม่ไม่ได้ใช้กระบี่ กล้ามเนื้อทั่วร่างของเขาตึงเครียดถึงขีดสุด การฝึกฝนหมัดหกประสานขั้นแตกฉานที่ทะลุทะลวงถึงแก่นแท้ และพลังปราณโลหิตจากเส้นชีพจรทั้งสิบ ถูกกระตุ้นจนถึงขีดสุด และยังแฝงไว้ด้วยจิตสังหารแห่งวิถีศาสตราของกายาศาสตราสังหาร
หนึ่งหมัดพุ่งออกไป!
หมัดนั้นกระทบเข้ากับกระดองเต่า กระดองเต่าดูราวกับเปลือกไข่ที่เปราะบาง ถูกทุบจนบุบสลายและแตกเป็เสี่ยง ๆ แรงหมัดทะลุผ่านกระดองเต่าลงไปถึงพื้นดิน ทำให้พื้นดินแตกร้าวเป็ลายใยแมงมุมเป็วงกว้างในทันที
เสี่ยวหลี่น้อยกำหมัดแน่น ในใจเต็มไปด้วยความโศกเศร้าคับแค้น!
“ข้าอยากเป็จอมกระบี่จริง ๆ นะ!”
เมื่อได้ยินเสียงคำรามของเขา ใบหน้าของศิษย์พี่ฝ่ายในที่แข็งทื่ออยู่แล้วก็กระตุกอย่างรุนแรง เขากวาดตามองไปยังกระดองเต่าที่แตกละเอียด เห็นเืสีแดงเข้มไหลซึมออกมาอย่างช้า ๆ เต่าหลังหนามเห็นได้ชัดว่าถูกสังหารด้วยหมัดเดียว และตายอย่างไม่สงบเลยสักนิด เมื่อมองหลี่โม่ เสื้อผ้าบนแขนของเขาะเิออกจนหมด ร่างกายอบอวลไปด้วยไอน้ำร้อน กล้ามเนื้อที่เผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจนั้นดูราวกับหล่อขึ้นจากโลหะทองคำ
“จอมกระบี่อย่างนั้นหรือ?”
“หากเต่าหลังหนามมันยังมีชีวิตอยู่ คงต้องะโขึ้นมาประท้วงแน่ ๆ”
หลังจากนั้นไม่นาน
ศพสัตว์อสูรสองตัวถูกวางไว้ใต้แท่นบริเวณทางเข้า หนึ่งในนั้น เมื่อทุกคนเห็นก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือแพะเขาสีดำ และต้องเป็อิ๋งปิงที่สังหารมันแน่นอน แต่เมื่อเห็น ‘ก้อน’ ที่อยู่ถัดไป พวกผู้าุโถึงกับนิ่งงันไปชั่วขณะ ไม่สามารถระบุได้เลยว่ามันเป็สัตว์ชนิดใด
“นี่คือเต่าหลังหนามหรือ?”
“เรียนท่านผู้าุโ ก่อนหน้านี้ก็ใช่ครับ”
“นี่…”
สีหน้าของผู้าุโแต่ละท่านนั้นน่าดูยิ่งกว่าใคร อิ๋งปิงนั้นน่าทึ่งยิ่งนัก จนถึงตอนนี้ เธอเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรทุกตัวและสังหารได้ด้วยกระบี่เดียวอย่างแม่นยำ ราวกับรู้ว่าจุดอ่อนของสัตว์อสูรอยู่ที่ใด ส่วนหลี่โม่...พวกเขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะประเมินอย่างไรดี
“หลานศิษย์ซางอู่ เ้าเคยสอนวิชากระบี่ให้เขาแน่แล้วใช่ไหม?” เซวี่ยจิงยืนยันอีกครั้ง
“ข้าจะโกหกพวกท่านทำไม”
ซางอู่เชิดจมูกขึ้น ศิษย์พี่ฝ่ายในเองก็ยืนยันว่า
“ศิษย์สายตรงหลี่ใช้กระบี่จริง ๆ ครับ และวิชากระบี่ก็ยอดเยี่ยมมาก เพียงแต่คุณภาพของอาวุธแย่เกินไป ไม่สามารถทะลวงกระดองของเต่าหลังหนามได้”
“ตอนที่ทุบเต่าหลังหนามด้วยหมัดเดียว เขายังะโอะไรบางอย่างเกี่ยวกับอยากเป็จอมกระบี่ด้วยครับ”
“.....”
“นั่นไม่ได้หมายความว่าหมัดของเขาแข็งแกร่งกว่ากระดองเต่าหรอกหรือ?”
เหล่าผู้าุโตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ครู่ใหญ่ ผู้าุโหานเฮ่อจึงค่อย ๆ เปิดปากพูดขึ้นว่า
“หลังจากเสร็จสิ้นการทดสอบ ให้หลี่โม่ไปเลือกอาวุธที่ถ้ำเทพศาสตราวุธเถิด ในบรรดาอาวุธที่มีชื่อเสียง กระบี่มีจำนวนมากที่สุด ไม่ได้ขาดแคลนสำหรับเขาหรอก หากไม่มีชิ้นไหนถูกใจจริง ๆ ก็ไปเลือกเอาสองสามเล่มจากของสะสมส่วนตัวของข้าก็ได้”
“ฮึ่ม ๆ ยังต้องให้เ้าอนุญาตด้วยหรือไงกัน” ซางอู่เชิดคางขึ้นแล้วกล่าวว่า
“นั่นใครน่ะ คนที่เก็บคะแนน!”
ศิษย์พี่ฝ่ายในที่ยืนอยู่หน้ากระดานคะแนนเช็ดเหงื่อแล้วหยิบปากกามาเขียนลงบนกระดานคะแนน ทุกคนกวาดตามอง
บนกระดานคะแนน
หลี่โม่และอิ๋งปิง สองคนนี้แทบจะทิ้งห่างทุกคนไว้เื้ัอย่างสิ้นเชิง ความต่างของคะแนนระหว่างพวกเขาทั้งสองคนนั้นน้อยมาก อิ๋งปิงนำหน้าอยู่เพียง 5 คะแนน
ส่วนอันดับสาม…
หวังหู่หรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้