กู้เจิงจ้องไปยังชุดดำอีกครั้ง นางรู้ว่าเสิ่นเยี่ยนมีวรยุทธ แต่ไม่รู้ว่าฝีมือของเขาจะสูงส่งถึงขนาดจะกล้าเข้าไปสำรวจจวนอ๋องในยามค่ำคืนได้
“ทำไมถึงได้ทำเื่อันตรายเช่นนี้เ้าคะ? ท่านไม่ได้าเ็อะไรใช่ไหม?” กู้เจิงเดินเข้าไปสำรวจร่างกายของเขา
“ข้าไม่ได้าเ็อะไร” เสิ่นเยี่ยนรู้ได้ว่านางคงจะเป็ห่วงเขามาก “ข้าน่าจะให้คนกลับมาบอกเ้าก่อน แต่เื่เกิดขึ้นกะทันหัน จึงไม่ทันได้มาแจ้ง”
“ข้ากังวลมาทั้งคืน แต่ท่านก็กลับมาแล้วและนี่ก็ดึกมากแล้ว เราเข้านอนกันเถอะเ้าค่ะ” นางพูดจบก็ปีนขึ้นเตียง เสิ่นเยี่ยนทำเพียงนั่งลงบนเตียง นางจึงยันตัวขึ้นมองเขา
เขาสังเกตเห็นใบหน้าของกู้เจิงยังคงแข็งทื่ออยู่บ้าง “ข้าทำเ้าใหรือ?”
“ตวนอ๋องให้ท่านไปสืบที่จวนเสี่ยนอ๋องหรือเ้าคะ?” กู้เจิงไม่ตอบแต่ถามกลับ
“ไม่ใช่ ข้ารู้สึกว่า่นี้จวนเสี่ยนอ๋องมีการเคลื่อนไหวผิดปกติ จึงตั้งใจไปตรวจสอบเอง”ในเมื่อภรรยาถาม เขาก็ไม่ได้ปิดบัง
ในใจกู้เจิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดี
เห็นภรรยายังมองตนอย่างสงสัย เสิ่นเยี่ยนจึงคิดว่าเขาคงทำให้นางใมาก ในใจจึงรู้สึกละอายเล็กน้อย เขาไม่ควรสวมชุดพรางตัวกลับมาเลย
ไม่คิดว่าจะได้ยินภรรยาเอ่ยเสียงอู้อี้ว่า “ตวนอ๋องไม่ได้ให้ท่านทำเช่นนี้ แต่ท่านกลับคิดทำเพื่อเขา”
ภรรยาคิดว่าเขาเข้าไปสืบในจวนเสี่ยนอ๋องเพื่อตวนอ๋องหรือ? เสิ่นเยี่ยนรู้ว่าภรรยาคิดมาตลอดว่าเขาเป็คนของตวนอ๋อง ถึงแม้เขาจะอยู่ฝั่งตวนอ๋องจริงๆ ก็ตาม “เ้าไม่อยากให้ข้าช่วยตวนอ๋องหรือ?”
“ก็ไม่ใช่เช่นนั้นหรอกเ้าค่ะ” กู้เจิงไม่อยากให้เขาทุ่มเทสุดกำลังกับตวนอ๋องเช่นนี้ ตวนอ๋องผู้นี้ก็ใช่ว่าจะเชื่อถือได้ทั้งหมด “ข้าแค่ไม่อยากให้ท่านทำเื่อันตรายเกินไปเ้าค่ะ”
“ไม่ต้องเป็ห่วง ไม่ว่าเื่อะไรข้าจะระวังให้มาก”
“สถานการณ์ในราชสำนักซับซ้อนนัก ในเมื่อข้าเลือกเดินบนทางสายนี้แล้ว ก็ต้องมีพละกำลังที่จะปกป้องญาติพี่น้องตัวเองได้ ดังนั้นข้าจะไม่ทำให้ตัวเองตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด” เสิ่นเยี่ยนกล่าว ใบหน้าเต็มไปด้วยความจริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
กู้เจิงพยักหน้ารับ “ท่านพี่ วรยุทธของท่านสูงมากแค่ไหนหรือเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นมามองเปลวเทียน
กู้เจิงเบิกตากว้าง หรือว่าเขาจะดีดนิ้วให้เทียนดับเหมือนในทีวี นางเห็นเสิ่นเยี่ยนพลิกตัวลงจากเตียง เดินไปเป่าเปลวไฟจนดับแล้วก้าวขึ้นเตียง เมื่อสบตากับกู้เจิงจึงเอ่ยขึ้นว่า “ข้าก็ไม่รู้ชัดเหมือนกัน แต่สหายในค่ายทหารไม่มีสักคนที่เป็คู่ต่อสู้ของข้า”
กู้เจิง “...” ช่างเถอะ
เทศกาลโคมไฟของต้าเยว่เป็เทศกาลสำคัญหลังจากผ่านพ้น่ตรุษจีน ซึ่งคึกคักยิ่งกว่า่ตรุษจีนเสียอีก
แต่เป็อย่างที่ชุนหงว่าเอาไว้ วันเทศกาลดันเป็วันที่ฝนตกหนัก เทศกาลโคมไฟปีนี้จึงไม่น่าจะคึกคักมากนัก
ชุนหงเลือกชุดให้กู้เจิงเพื่อเตรียมจะไปฉลองเทศกาลโคมไฟที่อุทยานหลวง ชุดที่นางเลือกเป็กระโปรงสีชมพูอ่อน “คุณหนูใส่ชุดนี้ต้องสวยแน่เ้าค่ะ”
“งั้นก็เอาชุดนี้” รูปแบบการแต่งกายของคนในต้าเยว่นั้นคล้ายคลึงกันมาก ความแตกต่างคืองานปักและการจับคู่เสื้อผ้า เสื้อผ้าของนางล้วนมาจากหลัวฉี่เก๋อ และยังเป็แบบที่สวยที่สุดในตอนนี้
“คุณหนูยังไม่ได้ทำชุดสำหรับฤดูใบไม้ผลิปีนี้เลย พวกเราไปหาน้าเฝิงที่หลัวฉี่เก๋อในวันพรุ่งนี้กันเถอะเ้าค่ะ”
“ได้สิ จะได้ถือโอกาสทำให้ท่านพ่อท่านแม่และท่านพี่สักสองชุดด้วย”
ตอนที่ทั้งสองเดินออกจากห้องมาที่ห้องครัว สองสามีภรรยาเสิ่นก็กำลังทำไส้ถั่วแดงอยู่ ถั่วแดงนั้นถูกแช่ไว้ั้แ่เมื่อคืน ตอนนี้นายท่านเสิ่นกำลังกวนจนเปื่อยไปเรื่อยๆ ส่วนนายหญิงเสิ่นกำลังทำแผ่นแป้งกลม
เดิมทีทุกคนจะกินทังหยวน* ในตอนเย็นกัน แต่ติดที่กู้เจิงกับเสิ่นเยี่ยนต้องไปอุทยานหลวง ดังนั้นบ้านตระกูลเสิ่นจึงเปลี่ยนมากินทังหยวนกันในตอนเที่ยงแทน ซึ่งเสิ่นเยี่ยนก็จะกลับมากินด้วย
(*เป็ขนมชนิดหนึ่งของจีน มีลักษณะคล้ายกับบัวลอยของไทย แต่ลูกจะมีขนาดใหญ่กว่าและมีไส้ข้างใน เป็ขนมที่จะรับประทานใน่วันหยวนเซียวหรือเทศกาลโคมไฟ)
ตอนที่เสิ่นเยี่ยนกลับมาจากทำงาน ทังหยวนร้อนๆ ก็เสร็จพอดี นายหญิงเสิ่นนำงาขาวและงาดำมาใส่ไว้ในชาม สิ่งที่กู้เจิงชอบที่สุดก็คือเอาลูกทังหยวนมากลิ้งในถ้วยงาแล้วเอาเข้าปาก
หลังเที่ยง ฝนก็ตกหนักยิ่งกว่า่เช้า
หลังจากทานอาหารวันกลางวันกันเสร็จ นายท่านเสิ่นก็เอ่ยถามบุตรชายว่า เมื่อคืนไปไหนมา
เสิ่นเยี่ยนบอกแค่ว่าไปดื่มสุรากับสหาย กู้เจิงเห็นแม่สามีมองเขาอย่างเป็ห่วงแต่ไม่ได้พูดอะไร ท่าทางของนางเหมือนจะรู้ว่าเสิ่นเยี่ยนกำลังทำอะไรอยู่
ใน่ค่ำ กู้เจิงและเสิ่นเยี่ยนกำลังเตรียมตัวไปร่วมงานที่อุทยานหลวง เสิ่นเยี่ยนเปลี่ยนมาสวมเสื้อคลุมแขนยาวคอปกสีเข้ม บุคลิกของเขาเดิมทีก็เ็าอยู่แล้ว ยิ่งเมื่อเปลี่ยนเป็ชุดสีเข้ม จึ่งยิ่งดูสุขุมเยือกเย็นกว่าเดิม
กู้เจิงสวมชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนที่ชุนหงเลือกตัวนั้น เมื่อรวมกับผิวพรรณที่ขาวผ่องของนาง ก็ยิ่งทำให้นางดูอ่อนหวานเป็พิเศษ
“คุณหนูกับท่านบุตรเขยแต่งตัวเช่นนี้ ราวกับเดินออกมาจากภาพวาดเลยเ้าค่ะ บ่าวมองจนละสายตาไม่ได้แล้ว” ชุนหงเอ่ยชม
“ชุนหงพูดแทนข้าไปหมดแล้ว” นายท่านเสิ่นก็อดจะล้อเลียนคนทั้งสองไม่ได้
“ช่างเป็คู่ที่เหมาะสมเสียจริง” นายหญิงเสิ่นก็เอาด้วย
เสิ่นเยี่ยนเอ่ยอย่างไม่หวั่นไหวว่า “ท่านพ่อ ท่านแม่ และชุนหงมีสายตาเฉียบคมเสมอเลยนะขอรับ”
เดิมทีกู้เจิงก็รู้สึกอายอยู่บ้าง แต่พอได้ยินเสิ่นเยี่ยนพูดแบบนี้ นางถึงได้รู้ว่าชายคนนี้ก็หน้าหนาเหมือนกัน
เมื่อลูกชายและลูกสะใภ้นั่งรถม้าออกไปกันแล้ว นายท่านเสิ่นก็พูดกับภรรยาว่า “เ้าว่าลูกชายกับลูกสะใภ้หน้าตาดีขนาดนี้ ต่อไปลูกที่เกิดมาจะหน้าตาดียิ่งกว่านี้หรือไม่?”
ชุนหงที่ไม่ได้ไปกับกู้เจิงด้วย พอได้ยินคำพูดของพ่อเฒ่าเสิ่น นางก็รีบเสริมอย่างเห็นดีด้วยว่า “แน่นอนเ้าค่ะ คุณหนูบอกไว้ว่าปีนี้จะต้องมีลูกแน่ ไม่แน่ว่าคุณหนูอาจจะท้องแล้วก็ได้นะเ้าค่ะ”
สองสามีภรรยาเสิ่น “...”
เสิ่นเยี่ยนขับรถม้าไปอย่างไม่รีบร้อนนัก กู้เจิงออกมานั่งข้างนอกรถม้ากับเขา ั้แ่ครั้งที่ภรรยาตกจากรถม้า บิดาของเขาก็ทำที่กั้นไว้ทั้งสองข้างของรถ ยามนี้กู้เจิงกำลังเท้าแขนบนราวกั้นพร้อมมองดูทิวทัศน์ระหว่างทางอย่างสบายๆ
เมื่อรถม้าเริ่มออกจากเมือง นอกจากทุ่งนาและป่าไม้เบื้องหน้าแล้ว ที่ไกลออกไปล้วนเต็มไปด้วยเนินลูกเล็กๆ เต็มไปหมด
กู้เจิงเห็นูเาที่นางถูกลักพาตัวไปในครั้งก่อน ูเาลูกนั้นสูงที่สุดท่ามกลางเนินเขาบริเวณนี้ บนยอดเขาถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน เมื่อหวนคิดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ในใจก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่
“เสี่ยนอ๋องทำกรรมใด กรรมนั้นย่อมคืนสนอง” เสิ่นเยี่ยนเห็นกู้เจิงมองไปทางูเานั้นจึงรู้ว่านางหวนนึกถึงเื่ที่ถูกจับไปครานั้น
“ท่านพี่” กู้เจิงเงยหน้ามองเค้าโครงหน้าอันเด่นชัดของเขา “เยี่ยนซื่อนายหญิงตระกูลฟู่รู้ได้ยังไงเ้าคะว่าคนที่อยู่เื้ัเื่นี้คือองค์ชายสามเสี่ยนอ๋อง? ข้าว่าแม่ทัพเยี่ยนไม่ได้เป็คนบอกนางกระมังเ้าคะ” สองพี่น้องเติบโตมาด้วยกัน แม่ทัพเยี่ยนย่อมต้องรู้จักเยี่ยนซื่อเป็อย่างดี เขาไม่มีทางบอกความจริงกับนายหญิงสกุลฟู่ได้ “ตวนอ๋องเป็คนบอกกับเยี่ยนซื่อหรือเ้าคะ?”
เสิ่นเยี่ยนพยักหน้า “นี่เป็การโจมตีอันร้ายแรงที่ท่านอ๋องมอบให้เสี่ยนอ๋อง เยี่ยนซื่อเป็นายหญิงของจวนฟู่ป๋อเจวี๋ย และยังเป็พี่สาวแท้ๆ ของแม่ทัพเยี่ยน การตายของนางบีบบังคับให้เสี่ยนอ๋องต้องทำอะไรสักอย่าง ด้วยฐานะของเยี่ยนซื่อ มีเพียงการผลักพระชายาเสี่ยนออกไปรับผิดแทนเท่านั้นถึงจะจบเื่ราวได้ แต่การกระทำครั้งนี้ ทำให้เขาเสียการสนับสนุนจากฝ่ายพระชายาเสี่ยน แม้แต่ขุนนางคนสำคัญในราชสำนักที่มอบความหวังไว้กับเสี่ยนอ๋องก็ผิดหวังในตัวเขามาก”
สองแม่ลูกสกุลฟู่ได้เข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ระหว่างองค์รัชทายาทและเสี่ยนอ๋องโดยไม่รู้ตัว ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ทำให้เสี่ยนอ๋องสูญเสียการสนับสนุนไปมากมาย
“เื่ในราชสำนักสกปรกนัก เ้าไม่จำเป็ต้องใส่ใจหรอก” เสิ่นเยี่ยนดึงมืออันเย็นเฉียบของภรรยามากุมไว้ เขามองใบหน้าที่กำลังครุ่นคิดของนางพลางเอ่ยว่า “เ้ามีข้าอยู่”
กู้เจิงพยักหน้ารับ
อุทยานหลวงตั้งอยู่ในแนวป่าเขียวชอุ่ม ทิศเหนือติดกับขุนเขาลึก ทางฝั่งทางตะวันออกและตะวันตกอยู่ติดกับถนนสองสายที่ตรงจากในเมืองมาสู่อุทยาน
ประตูใหญ่ของอุทยานหลวงมีองครักษ์เฝ้าอยู่ ด้านนอกอุทยานมีรถม้าหลายคันจอดเรียงรายอย่างเป็ระเบียบ
นางกำนัลในวังมากมายมาคอยรับรองผู้คนที่หน้าประตู พวกเขาล้วนรู้จักเสิ่นเยี่ยน จึงเข้ามาทำความเคารพและกางร่มต้อนรับพวกเขาเข้าสวน
เมื่อเทียบกับความโอ่อ่ายิ่งใหญ่หรูหราของพระราชวังแล้ว ความงามของอุทยานหลวงก็งดงามจนน่าใ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนล้วนเหมือนภาพวาดไปหมด