“นี่มันอะไรกัน”
เพลิงิญญาสีเขียวเข้มปรากฏขึ้นบนร่างทำให้เหลยก่วนตื่นตะลึงขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าของเขาก็กลายเป็ประหลาดใจ
อีกฝ่ายยังไม่ได้เข้าประชิดตัวเขาเลย แล้วตัวเขาติดไฟได้อย่างไร
สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจยิ่งกว่าก็คือ เปลวเพลิงนี้ดูอัศจรรย์เป็อย่างมาก แต่กลับไม่มีความร้อนแผ่กระจายออกมาเลย
“หรือเ้ายังคิดจะใช้ของเล่นนี้เอาชนะข้าอีกหรือ”
เขาไม่เข้าใจเลย คิดว่านี่เป็เพียงการเล่นตลกของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเท่านั้น เขามองเสิ่นเสี่ยวเม่ยด้วยแววตาแข็งกร้าวยิ่งขึ้น อีกฝ่ายทำเช่นนี้ไม่เพียงเขาไม่กลัว ยังรู้สึกว่านางน่ารักมากกว่าเดิมอีกด้วย
เริ่นเสี้ยวเทียนที่ยืนอยู่ข้างๆ มองเหลยก่วนด้วยสีหน้าสงสาร
“นายน้อย เปลวเพลิงนี้ไม่ธรรมดาเลยทีเดียว!”
ขณะนั้น หนึ่งในเจ็ดคนที่ยืนอยู่ด้านหลังเป็บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งเดินออกมากล่าวกับเหลยก่วน เขาดูมีอายุราวสี่สิบปี มีแววตาชั่วร้ายอยู่ลึกๆ เขาเดินมาถึงข้างกายของเหลยก่วน โคจรพลังออกไปควบคุมเปลวเพลิงเอาไว้ ้าทำให้มันมอดดับลง แต่กลับพบว่าทำอย่างไรมันก็มิอาจดับลงได้
“อ้อ ขั้นบรรพบุรุษอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ข้างๆ พยักหน้าน้อยๆ บุรุษวัยกลางคนผู้นี้มีพลังยุทธ์ขั้นบรรพบุรุษแล้ว และยังเป็ขั้นบรรพบุรุษระดับกลางด้วย กระทั่งถึงตอนนี้อีกฝ่ายยังคงเก็บซ่อนไอพลังเอาไว้ แต่เสิ่นเสวียนกลับมองออก
“เปลวเพลิงเล็กน้อยเท่านั้น คอยดูแล้วกันว่าข้าจะจับตัวนางอย่างไร”
เหลยก่วนไม่สนใจเพลิงิญญา เขาย่างเท้าออกไป ยื่นมือหมายจะคว้าตัวเสิ่นเสี่ยวเม่ยเอาไว้ มือที่ยื่นออกไปมีพลังพลุ่งพล่านขึ้นมา ทุกอย่างดูเหมือนปกติ ทว่าความจริงกลับตรึงร่างอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว ยากที่จะหนีรอดได้
“เฮอะ!”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยในตอนนี้ใช่ว่าใครก็จะล่วงเกินได้ นางเองก็มีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพระดับกลางแล้ว แม้ไม่ได้มีพลังยุทธ์สูงส่งเหมือนอีกฝ่าย แต่ด้วยพลังพิเศษของเพลิงิญญาแล้ว นางสามารถสู้กับเขาได้อย่างแน่นอน เมื่อเห็นอีกฝ่ายยื่นมือเข้ามา นางไม่ได้หลบหลีก กลับควบคุมฝ่ามือที่โชติ่ไปด้วยเพลิงิญญาโจมตีใส่อย่างรุนแรง
เพลิงิญญาอยู่ด้านหน้า ฝ่ามืออยู่ด้านหลัง
เพลิงิญญาที่อยู่ด้านหน้าปะทะกับกำปั้นของเหลยก่วนเป็อย่างแรก
ชี่!!!
พลังทั้งสองเข้าปะทะกันอย่างจังก่อให้เกิดเสียงดังก้อง เพลิงิญญาบนร่างของเหลยก่วนเหมือนตามหาพรรคพวกเจอแล้ว มันหลอมรวมเข้ากับเพลิงิญญาบนฝ่ามือของเสิ่นเสี่ยวเม่ย ทำให้ความร้อนพุ่งสูงขึ้นเป็ร้อยเท่าในพริบตาเดียว
เปลวไฟที่ร้อนแรงทำให้เหลยก่วนสีหน้าแย่ลงทันที แต่แม้จะเป็เช่นนี้ก็ยังไม่ได้เป็อันตรายถึงชีวิตของเหลยก่วนที่มีไอพลังต่อสู้ป้องกันตัวอยู่
“มีพลังแค่นี้เองหรือ”
ด้วยรากฐานพลังที่แข็งแกร่ง ฝ่ามือของเหลยก่วนทะลวงผ่านเพลิงิญญาออกไปคว้าร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ยไว้
หากใช้พลังเพียงอย่างเดียวเสิ่นเสี่ยวเม่ยมิอาจสู้อีกฝ่ายได้เลย ในตอนนี้ฝ่ายนั้นได้เปรียบกว่าทุกทาง
เสิ่นเลี่ยนยืนอยู่ด้านหลัง เขากำหมัดแน่น ตอนนี้เขายังเอาชนะอีกฝ่ายไม่ได้ ไม่เช่นนั้นเขาคงลงมือไปแล้ว
“นายน้อยระวัง!”
ทันใดนั้นบุรุษวัยกลางคนที่ยืนอยู่ด้านหลังมีสีหน้าเปลี่ยนไป แล้วเขาก็ะโเตือนเสียงดัง
ทว่าไม่ทันเสียแล้ว
“อ๊าก!!!”
เหลยก่วนที่ใช้พลังทั้งหมดกดร่างของเสิ่นเสี่ยวเม่ยเอาไว้โดนเพลิงิญญาแผดเผา ใบหน้าบิดเบี้ยว ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมาด้วยความเ็ป
เพลิงิญญาสีเขียวเข้มบนร่างลามไปถึงหัวของเขาแล้ว ดูเหมือนเป็มนุษย์เพลิงคนหนึ่ง
ในลานกว้างตอนนี้เต็มไปด้วยผู้คนหนาแน่น ทว่าพวกเขาได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนจากในนั้นและมองเห็นเพียงพวกของเสิ่นเสวียนที่ยืนอยู่ แต่กลับมองไม่เห็นเพลิงิญญาเลย
“นายน้อย!”
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นสังเกตเห็นถึงความผิดปกติ จึงกระโจนเข้าหาเหลยก่วนในทันที
“อยากเข้าไปขวาง ถามข้าแล้วหรือยัง”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายพลางกล่าวเสียงเรียบ ในขณะเดียวกัน เขาชี้นิ้วยิงพลังสายหนึ่งออกไปทะลุหน้าอกของอีกฝ่ายอย่างจัง
“เฮือก!”
บุรุษวัยกลางคนกระอักเืออกมา เขามีสีหน้าตื่นใ หลังจากมองเสิ่นเสวียนแวบหนึ่งก็รีบเอาไข่มุกกลมเม็ดหนึ่งออกมาแล้วปาลงไปที่พื้น
ตูม!!!
ราวกับะุปืนถูกยิงออกไปแล้วะเิออก ทำให้ฝุ่นตลบคลุ้งไปทั่วบริเวณ
เสิ่นเสวียนสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พลังจิติญญาของเขาััได้ว่าไอพลังของอีกฝ่ายจางหายไปหมดแล้ว
เป็อย่างที่คิดไว้จริงๆ เมื่อฝุ่นจางหายไป ในลานกว้างเบื้องหน้าสมาคมทหารรับจ้างไม่มีร่างเงาของพวกตระกูลเหลยอยู่แล้ว
“นี่คือไข่มุกหลบหนีของตระกูลเหลย สามารถปกปิดไอพลังได้ แย่แล้ว พวกเขาหนีไปแล้ว ตามไปเร็วเข้า”
เริ่นเสี้ยวเทียนมองหาพวกตระกูลเหลยที่หายตัวไปแล้วกล่าวขึ้นเสียงดัง
“ไม่ต้องหรอก พวกเขาหนีไปแล้ว”
เสิ่นเสวียนโบกมือพลางกล่าว
“เ้านั่นรังแกคุณหนู”
เสิ่นเลี่ยนกล่าวขึ้น หากไม่ใช่เพราะเขาสู้ไม่ได้ เขาคงทำให้อีกฝ่ายทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ไปแล้ว
“ไม่เป็ไรหรอก” เสิ่นเสวียนยิ้มน้อยๆ แล้วหันไปกล่าวกับเสิ่นเสี่ยวเม่ย
“เสี่ยวเม่ย เ้ามีฝีมือใช้ได้เลยทีเดียว หลังจากนี้เ้านั่นคงกลายเป็คนทึ่มไปแล้ว”
เมื่อครู่เพลิงิญญาแผดเผาเข้าไปยังจิติญญา เมื่อใดที่อีกฝ่ายรู้สึกถึงความเ็ป นั่นหมายถึงเปลวเพลิงได้แผดเผาเข้าไปถึงจุดที่สำคัญแล้ว และการแผดเผาใน่สุดท้ายยังใช้เวลาเพียงสองลมหายใจเท่านั้น แม้มิอาจสังหารอีกฝ่ายลงได้ แต่จิติญญาคงถูกแผดเผาไปแล้วกว่าครึ่ง
อีกฝ่ายต้องกลายเป็คนทึ่มไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“เฮอะ! เขามาหาเื่ข้าก่อน”
เสิ่นเสี่ยวเม่ยเชิดหน้ากล่าว นางเริ่มเข้าใจในพลังของตนเองเพิ่มมากขึ้น เสิ่นเสวียนให้นางฝึกฝนด้วยวิธีนี้เป็เื่ที่น่ากลัวมาก เหลยก่วนเป็ถึงผู้แข็งแกร่งขั้นแม่ทัพระดับสูงสุด ไม่ได้ด้อยไปกว่าเสิ่นเหวินเทาเลย ทว่านางกลับสามารถทำให้เขาสิ้นฤทธิ์ได้
ความสามารถระดับนี้ คิดๆ ดูแล้วก็น่ากลัว
“ไม่ผิด จำคำของพี่เอาไว้ พวกเราไม่หาเื่ใครก่อน แต่ไม่เคยกลัวใครเช่นกัน หากใครทำให้ขุ่นเคืองใจ แม้ห่างไกลเพียงใดก็ต้องตาย”
เสิ่นเสวียนลูบหัวเสิ่นเสี่ยวเม่ยเบาๆ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เพียงแต่ว่าเริ่นเสี้ยวเทียนที่ได้ยินเข้ากลับมีสีหน้าเจื่อนลงเล็กน้อย มุมปากกระตุกเบาๆ
สอนเด็กแบบนี้จะดีจริงๆ หรือ
พวกตระกูลเหลยหนีไปแล้ว เหลยก่วนต้องกลายเป็คนทึ่มแล้วแน่ๆ นับว่าความวุ่นวายจบสิ้นลงแล้ว พวกเขาจึงเข้าไปยังสมาคมทหารรับจ้างของหมู่บ้านชิงซาน ตอนเข้าไปถึงเริ่นเสี้ยวเทียนเอาร่างหมีปีศาจธุลีดินออกมาวางลง
ภายในสมาคม ร่างไร้ิญญาของหมีปีศาจธุลีดินกลายเป็จุดสนใจในทันที ส่วนเสิ่นเลี่ยนก็ได้รับการแต่งตั้งเป็ทหารรับจ้างขั้นเงิน และได้รับรางวัลหนึ่งแสนเหรียญทองด้วย
เงินหนึ่งแสนเหรียญทอง สำหรับในเมืองอวี่ฮว่าแล้วถือว่าเป็เงินจำนวนมหาศาล ทว่าตอนนี้แค่สังหารหมีปีศาจธุลีดินตัวเดียวก็ได้มาแล้ว
ร่างไร้ิญญาของหมีปีศาจธุลีดินที่มอบให้กับสมาคมทหารรับจ้าง หากเอาส่วนต่างๆ ของมันไปใช้และหลอมรวม สิ่งที่ได้มาต้องเหนือกว่าเงินหนึ่งแสนเหรียญทองอย่างแน่นอน
หลังเสร็จเื่จากสมาคมทหารรับจ้าง พวกของเสิ่นเสวียนทั้งสามคนและเริ่นเสี้ยวเทียนก็ขี่ม้ามุ่งหน้าไปยังเมืองเสียเยว่ที่อยู่ไม่ไกล
สถาบันิญญาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของทวีปหลิงโซ่ว เป็เกาะแห่งหนึ่งที่อยู่นอกชายฝั่งตะวันตก แต่ตอนนี้พวกเขาอยู่ทางทิศตะวันออกของทวีปหลิงโซ่ว หาก้าไปที่นั่นต้องเดินทางข้ามทวีปหลิงโซ่วซึ่งใช้เวลายาวนานมาก
ตามที่เริ่นเสี้ยวเทียนกล่าวไว้ แต่ละเมืองหลักจะมีสถานีมิติขนาดใหญ่อยู่ ภายในสถานีมิติจะมีเรือเสวียนอู่ลำใหญ่ สามารถโดยสารเรือเสวียนอู่มุ่งหน้าไปยังทิศตะวันตกได้โดยใช้เวลาเพียงสิบวันเท่านั้น ซึ่งประหยัดเวลาไปได้มาก
เมืองหลักที่ใกล้พวกเขาที่สุดก็คือเมืองเสียเยว่
นอกหมู่บ้านชิงซานถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลน
พวกของเสิ่นเสวียนทั้งสี่คนขี่ม้าวิ่งไปตามถนนสายหนึ่ง มุ่งหน้าไปยังเมืองเสียเยว่
ณ ตระกูลเหลย เมืองเสียเยว่
ผู้นำตระกูลเหลยป้าเทียนตบโต๊ะดังปัง โต๊ะที่ทำจากไม้สาลี่เนื้อดีตัวนั้นกลับกลายเป็ผุยผงในพริบตา
“ใครเป็คนทำ!”
เหลยป้าเทียนกล่าวด้วยน้ำเสียงโกรธแค้น เจตจำนงสังหารวาวโรจน์ขึ้นในแววตา
ตอนนี้เหลยก่วนนอนราบอยู่บนพื้นข้างหน้าเขา ดวงตาเหม่อลอย เป็ตายมิอาจรู้ได้
บุรุษวัยกลางคนผู้นั้นใช้มือข้างหนึ่งกุมหน้าอกเอาไว้ มุมปากยังมีรอยเืไหลอยู่
“บุรุษหนุ่มผู้หนึ่งที่หมู่บ้านชิงซาน!”
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว