ยามหนิงเทียนเดินออกจากป่า เขาเห็นเซี่ยจินกวงนอนอยู่บนพื้นโดยมีลูกศรปักอก ทั้งยังมีเืเปื้อนเสื้อด้านในของเขาจนแดงก่ำ
สีหน้าของเซี่ยจินกวงซีดลง ดวงตาจับจ้องไปยังหนิงเทียนและคำรามลั่น “เ้าหนู ข้าจะฆ่าเ้า ข้าจะ...อั๊ก!”
หนิงเทียนพุ่งเข้าไปเตะอีกฝ่ายจนกระเด็น ความเ็ปอันรุนแรงเข้าขัดขวางคำสาปแช่งของเขา
“ตอนนี้ระดับการฝึกฝนของนางสุนัขตัวเมียซูอวิ๋นถึงขอบเขตใดแล้ว?” หนิงเทียนเหยียบหน้าเซี่ยจินกวง กระตุ้นให้เขาต่อสู้ดิ้นรนอย่างสิ้นหวัง
เสียงก่นด่ายังคงดำเนินต่อไป “เ้ามันรนหาที่ตาย!”
หนิงเทียนต่อยและเตะเซี่ยจินกวงอีกหลายครั้งจนเขาเกือบตาย
“จะบอกหรือไม่?”
“บอก! ข้าบอกแล้ว! ตอนนี้นางอยู่ขอบเขตจิตหยั่งลึกขั้นเจ็ด นางได้รับไข่มุกหยินทมิฬที่ล้ำค่าที่สุดในดินแดนบรรพบุรุษของสำนักหานเทียน และกลายเป็อัจฉริยะที่สำนักให้ความสนใจในการบ่มเพาะ”
“ไข่มุกหยินทมิฬคืออะไร?”
“อาวุธิญญาระดับสูงที่ได้รับการขัดเกลามาหลายพันปีในดินแดนบรรพบุรุษของสำนักหานเทียน ซูอวิ๋นมีโชคชะตาที่สมบูรณ์แบบ จึงได้รับการบ่มเพาะพิเศษจากสำนัก”
“สมบัติปฐีขัดเกลาที่เกิดตามธรรมชาติหรือ?”
“ใช่”
“เ้าอยากสังหารข้าเพราะความตั้งใจของสำนักหานเทียน หรือเพราะการยุยงของนางสุนัขตัวเมียซูอวิ๋นคนนั้น?”
“ข้า...” คำพูดของเซี่ยจินกวงสั่นไหว ดูเหมือนเขาค่อนข้างกังวล
หนิงเทียนเยาะเย้ยก่อนเรียกใช้ยุทธศาสตร์ครอง์ บงกชสีมรกตโผล่ออกมานอกร่าง และหยั่งรากในกายของเซี่ยจินกวงและตั้งรกรากในร่างกายของเขา แต่กลับพบการต่อต้านที่แข็งแกร่ง
ประการแรก เซี่ยจินกวงอยู่ขั้นหกของขอบเขตผนึกดารา และประการที่สอง มีความแตกต่างบางอย่างระหว่างหยวนซิวและจื๋อซิว
นี่เป็ความพยายามครั้งแรกของหนิงเทียนที่จะบุกรุกร่างกายของหยวนซิว เขาจึงไม่ทราบผลลัพธ์ที่เฉพาะเจาะจง
เซี่ยจินกวงรู้สึกถึงภัยคุกคามและพยายามอย่างเต็มที่ เพื่อใช้ทักษะของสำนักหานเทียนต่อต้านการรุกรานของยุทธศาสตร์ครอง์
หนิงเทียนสังเกตว่าชีพจรหยวนของเซี่ยจินกวงมีพลังที่แข็งแกร่ง ซึ่งความจุของเส้นชีพจรหยวนนั้นใหญ่กว่าความจุเส้นลมปราณของเหลียนจิ้นผู้เป็ศิษย์หลักแห่งสำนักั์พฤกษาหลายเท่า
จากการเปรียบเทียบครั้งนี้ ร่างกายของหยวนซิวนั้นแข็งแกร่งกว่าจื๋อซิวมาก ยิ่งเทียบกับขอบเขตเดียวกันแล้ว เก้าจุดเก้าส่วนของจื๋อซิวไม่ใช่ศัตรูของหยวนซิวเลย
การปลุกสายเืและเริ่มฝึกฝนวรยุทธ เป็วิธีที่ดั้งเดิมที่สุดในสายตาของผู้คนทั้งหลาย
หนิงเทียนเองก็ปรารถนาที่จะเป็หยวนซิวเช่นกัน แต่สุดท้ายเขาก็ได้เริ่มต้นเส้นทางแห่งจื๋อซิว
หยวนซิวและจื๋อซิวมีวิธีบ่มเพาะที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ของเขาสามารถโจมตีผู้บำเพ็ญเชื้อสายรากพฤกษาได้ แต่กับเชื้อสายรากอสูรและหยวนซิวเขายังไม่เคยลอง
ทักษะที่เซี่ยจินกวงฝึกฝนนั้นช่างเยือกเย็นอย่างน่าพิศวง พลังหยวนเย็นเฉียบจำนวนมากถูกรวบรวมไว้ในเส้นชีพจรหยวน ซึ่งทำให้เกิดการต่อต้านทักษะยุทธศาสตร์ครอง์
หนิงเทียนพยายามต่อไปด้วยความแข็งแกร่งทั้งหมดของตน แผนที่จิติญญาในเส้นลมปราณหลักทั้งสองเปลี่ยนแปลงอย่างไม่อาจคาดเดาได้ กายาสุวรรณะนิรันดร์ผสานเข้ากับทักษะยุทธศาสตร์ครอง์แล้วร่วมกันทำลายทุกสิ่ง ตลอดจนฝ่าแนวป้องกันในชีพจรหยวนของเซี่ยจินกวงไปได้อย่างเข้มแข็ง
เซี่ยจินกวงร้องอย่างตื่นตระหนก “ข้าบอกว่าข้า...ไม่!”
เส้นลมปราณแรกของหนิงเทียนเจาะเข้าไปในวังวนแห่งการรวมตัวแห่งชีพจรหยวนของเซี่ยจินกวง จากนั้นก็ดูดกลืนมันอย่างหนักหน่วง ขณะที่เส้นลมปราณที่สองก็เริ่มดูดซับพลังแห่งสายเืดั้งเดิมในเส้นชีพจร เพื่อหล่อเลี้ยงกายาสุวรรณะนิรันดร์
ที่ขั้นหกของขอบเขตผนึกดารามีกระแสน้ำวนสะสมอยู่ในร่างกายหกจุด และรากแห่งจิติญญาสามสาย ซึ่งพวกมันล้วนถูกกลืนหายไปด้วยทักษะยุทธศาสตร์ครอง์ เซี่ยจินกวงถูกกระแทกให้กลับสู่รูปแบบเดิมในชั่วพริบตา และการฝึกฝนก็ร่วงลงไปสู่ขอบเขตรวบรวมอีกครั้ง
“อ๊าก! เ้าเด็กหน้าเหม็น เ้าทำลายการฝึกฝนของข้า เ้าจะต้องตายอย่างสาสม!”
หนิงเทียนถอดแหวนมิติของเขาออกแล้วเตะเขาอีกครั้ง ก่อนจะตรวจดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
พลังสายเืของหยวนซิวถูกดูดซับโดยการปลูกเส้นลมปราณที่สอง และรากจิติญญากับกระแสน้ำวนก็ถูกรวมเข้ากับแผนที่จิติญญาภายในเส้นลมปราณแรก
น้ำเต้าเจ็ดสีกลืนกินพลังไอเย็นส่วนหนึ่งเข้าไป ขณะที่กระบี่ไร้จำนงก็ดูดกลืนพลังสายเืจำนวนเล็กน้อย
“ยุทธศาสตร์ครอง์ช่างมหัศจรรย์ยิ่งนัก! แม้กระทั่งหยวนซิวก็สามารถรุกรานได้ คาดว่ากับผู้บำเพ็ญสายรากอสูรก็คงไม่เป็ปัญหาเช่นกัน”
หนิงเทียนหันหลังกลับและมุ่งหน้าตรงไปยังหลุมลึกในป่าทึบทันที
...
หลังจากปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมได้แล้ว ขณะนี้จึงมีหยวนซิวและจื๋อซิวจำนวนมากมาที่นี่
ในยามที่หนิงเทียนมาถึงก็มีหลายร้อยคนตายในป่าทึบแห่งนี้ก่อนแล้ว
“จงยืนให้ห่าง อย่าเข้ามาใกล้!”
เมื่อศิษย์หยวนซิวคนหนึ่งสะบัดแขนเสื้อ ก็เกิดกระแสลมแรงพัดผ่านจนหนิงเทียนลอยออกไป โดยไม่ได้คิดจริงจังกับเขาเลย
หลุมลึกตั้งอยู่ในป่าทึบ ผู้คนหลายพันมารวมตัวกันอยู่รอบนอกป่า ซึ่งด้านหน้าล้วนเป็ศิษย์หยวนซิว
หนิงเทียนเปลี่ยนทิศทางและเตรียมเข้าไปใกล้อีกครั้ง ทว่าเขายังคงถูกคนอื่นะโใส่พร้อมผลักไส ณ ที่แห่งนี้ หยวนซิวไม่แยแสจื๋อซิวเลย
“เ้ามดปลวกจื๋อซิว จงไสหัวไป!”
“นี่ไม่ใช่ที่สำหรับเ้า จงออกไปเสีย ไม่เช่นนั้นข้าจะให้เ้าคุกเข่าอยู่ที่นี่!”
เมื่อเห็นใบหน้าอันเย่อหยิ่งเ่าั้หนิงเทียนก็โกรธมาก นี่มันกลั่นแกล้งกันเกินไปแล้ว
“มองอะไร? ไม่เชื่อหรือ? เช่นนั้นข้าจะทุบตีจนกว่าเ้าจะยอมรับ” หนุ่มรูปงามในชุดขาวท่าทางเย่อหยิ่งกล่าวขึ้น ทันทีที่เห็นท่าทางไม่พอใจของหนิงเทียน เขาก็ยกมือเตรียมตบหน้าอีกฝ่าย
ดวงตาของหนิงเทียนเ็า เขาเคยได้ยินมาว่าหยวนซิวมักดูถูกจื๋อซิว แต่นั่นก็เป็เพียงสิ่งที่เขาได้ยิน จนได้มาเห็นด้วยตาตนเอง เขาก็รู้ซึ้งทันทีว่าหยวนซิวนั้นเย่อหยิ่งเพียงใด
“เปรี๊ยะ!”
กระดูกทั้งร่างของหนิงเทียนสั่นสะท้านเสียงดัง เขาชกมือขวาออกไป หมัดทองคำบรรจุพลังนับแสนจิน แขนของชายผู้นั้นหักทันที ก่อนที่เขาจะคำรามและกรีดร้อง
“เ้าเด็กหน้าเหม็น! กล้าดีอย่างไรมาลอบโจมตี?”
สหายของหนุ่มรูปหล่อก้าวมาข้างหน้า พลังสายเืทะยานสู่ท้องฟ้าทำให้แผ่นดินสั่นะเื เขาตบฝ่ามือขวาซึ่งเต็มไปด้วยเปลวเพลิงร้อนแรง
“หากศิษย์หลักของโถงเพลิงทมิฬลงมือ เ้ามดปลวกจื๋อซิวต้องตายแน่”
“ข้าเดาว่ามันคงถูกเผาจนกลายเป็เถ้าถ่านและตายอย่างอนาถ”
ในจักรวรรดิเชียนซาน โถงเพลิงทมิฬมีชื่อเสียงพอๆ กับสำนักหานเทียน ถือเป็สำนักชั้นสองที่มีความแข็งแกร่งอย่างน่าอัศจรรย์
ผู้ที่ลงมือนั้นอยู่ขอบเขตผนึกดาราขั้นห้า ฝ่ามือเพลิงสีชาดของเขาทรงพลังอย่างยิ่ง จนสามารถเผาคนให้กลายเป็ธุลีได้
หนิงเทียนเลือกใช้ผกาทะยานพันชั้นเพื่อเอาชนะศัตรูที่ทรงพลัง ด้วยพลังทางกายภาพของตน กายาสุวรรณะนิรันดร์ย่อมไม่กลัวพลังแห่งเปลวเพลิง
พลันเกิดเสียงดังสนั่น ย่างก้าวของหนิงเทียนเบี่ยงไปด้านข้าง ดอกบัวที่ปรากฏในแต่ละย่างก้าวดูลึกลับและวิจิตรงดงาม ใบมีดที่หมุนวนบนปลายนิ้วม้วนตัวเคล้าหมู่เมฆ บังคับให้ศัตรูต้องล่าถอยอย่างรวดเร็ว
“ก็แค่มีกำลังดุร้าย จัดการมันเดี๋ยวนี้!”
ชายผู้นั้นเปลี่ยนฝ่ามือเป็กำปั้น ด้วยพลังขั้นห้าของขอบเขตผนึกดารา หมัดสีชาดของเขาจึงมีพลังมหาศาลมาก จนเขาไม่กลัวพลังกายภาพของหนิงเทียน ทั้งยังปล่อยหมัดหลายร้อยครั้งในคราวเดียว
“ตายเสียเถิด!”
หนุ่มรูปงามที่ถูกหนิงเทียนทำให้มือขวาหักฉวยโอกาสจากการต่อสู้อันดุเดือดแล้วลอบเตะหนิงเทียนจากด้านหลัง ทำให้เขาพุ่งไปข้างหน้า
“ตาย!”
ศิษย์จากโถงเพลิงทมิฬที่กำลังสู้กับหนิงเทียนขยับเท้า โจมตีเข้าที่หน้าอกของหนิงเทียนจนเขากระเด็นออกไป
ครู่ต่อมา ชายหนุ่มรูปงามและสหายของเขาก็รี่เข้ามาด้วยใบหน้าเยาะเย้ย พร้อมะเิจุดสำคัญบนร่างของหนิงเทียน
ดวงตาหนิงเทียนเต็มไปด้วยเปลวเพลิง ใจของเขาเอ่อล้นด้วยเจตนาสังหาร สองคนนี้้าฆ่าเขาอย่างแท้จริง แน่นอนว่าเขาย่อมไม่แสดงความเมตตา
“เยาเยา!”
ประกายแสงวาบวับโผล่จากพื้นดิน จากนั้นก็ก่อตัวเป็ก้อนพลังดึงหนิงเทียนออกไปในพริบตา เพื่อช่วยเขาหลีกเลี่ยงการโจมตีจากศัตรู
หนิงเทียนยืนหยัดขึ้นพร้อมคันธนูจันทรามรกตที่ปล่อยพลังอันน่าเกรงขาม ซึ่งศิษย์หลักจากโถงเพลิงทมิฬกำลังถูกเขาเพ่งเล็ง
ลูกศรราวสายเมฆไหลถูกปล่อยไปพร้อมเสียงดังฉึบ เสียงลมหอนเจาะหูสั่นะเืห้วงอากาศ ภายในบรรจุพลังแห่งการทำลายล้างแสนแข็งแกร่ง
“อาวุธิญญาจื๋อซิว! เ้า...อ๊าก!” เสียงกรีดร้องแหลมคมทำให้หลายคนใ
หยวนซิวทุกคนเชื่อว่าหนิงเทียนจะตายในการต่อสู้ครั้งนี้ แต่คาดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถสังหารศิษย์หลักของโถงเพลิงทมิฬได้ด้วยลูกศรเพียงดอกเดียว
“เ้าบ้านี่! เ้ากล้าทำร้ายศิษย์พี่ วันนี้ไม่มีผู้ใดช่วยเ้าได้...อั๊ก!” หนุ่มรูปงามวิ่งออกมา แต่กลับถูกลูกศรยิงเข้ากลางคิ้วจนล้มลงกับพื้นพร้อมเสียงกรีดร้อง
“ก้าวครอง!”
ดวงตาของหนิงเทียนเ็า ดอกบัวใต้เท้าเคลื่อนไหวราวเงาผี พาร่างของเขาไปปรากฏข้างศิษย์ขอบเขตผนึกดาราขั้นห้าแห่งโถงเพลิงทมิฬ โดยมีบงกชสีมรกตและต้นไม้แห้งเหี่ยวหยั่งรากอยู่บนนั้น
“เ้าหนู เ้ากำลังมองหาความตาย!”
ณ ที่แห่งนี้มีศิษย์จากโถงเพลิงทมิฬอยู่มากมาย พวกเขาล้วนขุ่นเคืองอย่างยิ่งเมื่อเห็นผลลัพธ์ ทันใดนั้น ศิษย์คนหนึ่งในขอบเขตผนึกดาราขั้นหกก็พุ่งเข้าหาหนิงเทียนด้วยคิดจะสังหารเขาเพื่อชดใช้ชีวิต
หนิงเทียนหมุนคันธนูจันทรามรกตในมือแล้วเล็งไปยังร่างของคนผู้นั้น สายธนูราวกับมีพลังจันทรา เจตนาสังหารที่ส่งออกมาเป็ที่น่าอัศจรรย์ เป็เหตุให้ชายผู้นั้นหยุดนิ่งด้วยความใ
“เ้าหนู กล้าสังหารศิษย์หลักของโถงเพลิงทมิฬ ไม่มีใครที่นี่สามารถช่วยเ้าได้แล้ว!”
“ข้าไม่รุกรานผู้อื่นก่อน เว้นแต่จะมีใครมาทำให้ข้าขุ่นเคือง พวกเขาล้วนนำภัยมาสู่ตัวพวกเขาเอง”
“ศิษย์พี่ซ่งไม่ต้องพูดไร้สาระกับเขา หลังจากจับเขาได้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องถูกปะาด้วยการแล่เนื้อ นี่เป็ผลจากการยั่วยุโถงเพลิงทมิฬของเรา”
“มันมีเพียงธนูเท่านั้น ก้าวออกมาอีกสักสองสามคน หลังล้มลงแล้วก็ปล่อยให้มันคุกเข่าสารภาพอยู่ตรงนี้!”
ศิษย์โถงเพลิงทมิฬนั้นหยิ่งผยองอย่างยิ่ง พวกเขาไม่มองจื๋อซิวเป็ศัตรูอย่างจริงจังด้วยซ้ำ
ซ่งคุนผู้อยู่ในขอบเขตผนึกดาราขั้นหก เรียกศิษย์หลักออกมาอีกสามคน ก่อนจะพุ่งเข้ามาพร้อมกันด้วยความมุ่งมั่นที่จะสังหารหนิงเทียนให้จงได้
“โถงเพลิงทมิฬ ข้าจะจดจำพวกเ้าไว้!”
หนิงเทียนเสร็จสิ้นการรุกราน เขากลืนกระแสน้ำวนที่รวบรวมไว้ห้าจุดและรากิญญาอีกสี่ชิ้น เช่นเดียวกับพลังแห่งเพลิงจำนวนมาก ก่อนจะพุ่งตรงไปยังป่าทึบ
บริเวณรอบนอกมีผู้บำเพ็ญหยวนซิวอยู่จำนวนมาก แม้หนิงเทียนจะสามเศียรหกกร[1]ก็ไม่สามารถเทียบเคียงได้ ป่าทึบเป็สถานที่เดียวที่เหมาะจะใช้ซ่อนตัว
“หยุดเขาเร็วเข้า!” ซ่งคุนคำรามอย่างเกรี้ยวกราด
ศิษย์โถงเพลิงทมิฬเร่งลงมือทีละคน ทว่ากลับไร้ผล
เชื้อสายรากพฤกษาความได้เปรียบโดยธรรมชาติในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ อีกทั้งทหาริญญาเยาเยายังมีพลังในการเคลื่อนย้ายมวลสาร ซึ่งคนทั่วไปไม่สามารถสกัดกั้นได้
ป่าทึบเป็สถานที่ที่ทั้งแปลกและอันตราย ดวงตาหลายคู่ส่องประกายในป่า ลมหนาวเหน็บที่มองไม่เห็นทำให้ผู้บำเพ็ญทุกคนที่เข้าไปในป่าล้วนเนื้อตัวสั่นเทา
หลายคนเชื่อว่าดวงตาเ่าั้เป็อสูรร้ายที่ปกป้องสถานที่แห่งนี้ และมันไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าใกล้หลุม
ในใจหนิงเทียนก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน ยามนี้เขากำลังเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ และรู้สึกเหมือนว่าตนอาจจะตายได้ทุกเมื่อ
เสียงเรียกขานแ่เบาดังมาจากความมืดมิดของป่า ใบไม้ร่วงหล่นส่งเสียงกรอบแกรบ ยุทธศาสตร์ครอง์ของหนิงเทียนถูกระงับทันทีที่เข้ามา
เขายืนอยู่ตรงขอบป่าทึบพร้อมมองความมืดมิดอย่างระมัดระวัง ดวงตาหนาแน่นเ่าั้กระตุ้นความสงสัยของหนิงเทียน
มีอสูรนับไม่ถ้วนในยอดเขาหมื่นอสูร ซึ่งทุกคนรู้เื่นี้เป็อย่างดี
ดวงตาเหล่านี้มีสีสันแตกต่างกัน มันทั้งเ็าและชั่วร้าย เพียงแวบแรกก็รับรู้ได้ถึงดวงตาของอสูรร้ายที่ปล่อยพลังน่าสะพรึงกลัว จนผู้คนต้องก้มหน้าลงและไม่กล้ามองตรงๆ
ด้วยวิธีนี้ หลายคนจึงมองข้ามบางอย่างไป
อสูรในยอดเขาแห่งนี้มีขนาดใหญ่โตมโหฬาร จึงไม่น่าแปลกใจที่พวกมันจะซ่อนอยู่ในป่าทึบ แต่ดวงตาเ่าั้กลับปรากฏอย่างหนาแน่น หากเป็ดวงตาของอสูรจริงๆ พวกมันจะไม่ทับซ้อนและคุกคามกันหรือ?
เห็นได้ชัดว่ามันเป็ไปไม่ได้ เพราะเหล่าอสูรส่วนใหญ่ต่างผลักไสและตั้งตนเป็ศัตรูกัน
บางคนกล่าวว่าพวกมันอาจเป็อสูรประเภทเดียวกัน จึงสมเหตุสมผลที่จะรวมตัวกันอย่างหนาแน่น
แต่ถ้าพวกมันเป็อสูรประเภทเดียวกัน เหตุใดดวงตาถึงแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด?
หนิงเทียนกำลังครุ่นคิดถึงคำตอบของคำถามนี้ ดวงตาเหล่านี้มาจากที่ใด? แล้วมีอสูรมากมายซ่อนตัวอยู่ในป่าจริงหรือ?
หลังจากพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว หนิงเทียนก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ดวงตาเ่าั้ทำให้ความคิดของศิษย์จากสำนักต่างๆ ผิดพลาดไป และทำให้เื่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากขึ้น
ด่านแรกในหลุมลึกของป่าทึบคือดวงตาเ่าั้ หากไขปริศนานี้ไม่ได้ ก็จะไม่มีผู้ใดสามารถเข้าไปได้
---------------------------------------
[1] สามเศียรหกกร (三头六臂) หมายถึง เก่งกาจหรือมีความสามารถโดดเด่นเหนือคนทั่วไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้