บทที่ 2 หมอใต้ดิน
“แหนบ”
จางฝูเซิง ยื่นแหนบให้
หมอ ค่อย ๆ สอดแหนบเข้าไปในาแอย่างใจเย็น จากนั้นก็ลงมือทำบางอย่าง
สีหน้าของเด็กสาวซีดขาว เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ฉีดยาชา มือที่กำปืนสั่นเล็กน้อย จางฝูเซิงคิดในใจว่า ถ้าปืนลั่นจะทำอย่างไร?
ดูเหมือนเธอจะพยายามเบนความสนใจ จึงเอ่ยปากถามอย่างยากลำบาก
“หมอ นี่ลูกชายคุณเหรอ?”
“อืม” หมอพยักหน้า
เฉินน่วนอวี้ มองไปยังเด็กหนุ่มหน้าตาดีที่ยืนเผชิญหน้ากับปากกระบอกปืนอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วพยักหน้าเล็กน้อย
“กล้าหาญใช้ได้”
เห็นได้ชัดว่าเธอจำ จางฝูเซิง ซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันไม่ได้
“เทียบกับเธอไม่ได้หรอก พวกเธอคงอายุไล่เลี่ยกัน” หมอยังคงไม่มีสีหน้าใด ๆ
จางฝูเซิงมองไปยังเฉินน่วนอวี้ เรือนผมสีไวน์แดงยุ่งเหยิง เสื้อตัวนอกถูกถอดออก เหลือเพียงผ้าพันหน้าอกเท่านั้น ไหล่ของเธอมีรอยะุ ส่วนท้องส่วนบนถูก ดาบสั้น ปักคาอยู่
บั้นเอวที่เรียวบางนั้นไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่น้อย เืที่เปรอะเปื้อนกลับขับให้หน้าท้องดูขาวผุดผ่องและอ่อนนุ่มยิ่งขึ้น
“นับว่าโชคดี”
พูดจบ หมอก็หนีบเอาหัวะุที่บุบแบนออกมาจากไหล่ของเธอ สายตาของเขาจับจ้องไปยังดาบสั้นที่ปักอยู่ตรงท้องส่วนบน
“คมดาบกรีดผ่านเส้นเืแดงตรงผนังหน้าท้อง แต่ก็บังเอิญไปอุดรอยแตกของเส้นเืแดงไว้พอดี ถ้าเบี่ยงไปอีกนิด หรือถ้าเธอดึงดาบออก คงเืออกจนตายไปนานแล้ว แน่นอนว่าต้องขอบคุณความเหนียวแน่นของเส้นเื เธอด้วย ที่วิ่งมาถึงที่นี่ได้โดยไม่ฉีกขาดมากไปกว่านี้”
เฉินน่วนอวี้เอ่ยอย่างเยือกเย็น
“ดึงดาบออกไม่ได้ แล้วจะทำอย่างไร?”
“เธอดึงไม่ได้ แต่ฉันดึงได้”
หมอวางแหนบลง แล้วสั่งว่า
“คีมหนีบเส้นเื ผ้าก๊อซปลอดเชื้อ เข็มและด้ายเย็บ”
จางฝูเซิงรีบส่งให้ทีละอย่าง
“จะเจ็บหน่อย ทนไว้”
เขาเปิด มีดกรีดความถี่สูง และเริ่มกรีดหน้าท้องส่วนบนของเด็กสาว
เวลาผ่านไปทีละน้อย หมอเย็บแผลอย่างจริงจัง
“ที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่ ฉันแค่ เย็บปิดท้องไว้ชั่วคราว เท่านั้น หลังจากนี้ต้องระวังภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะความดันในช่องท้องสูง และลิ่มเื แม้เธอจะเป็ ผู้ฝึกยุทธ์ ก็ตาม แต่ทางที่ดีควรไปโรงพยาบาลใหญ่สักครั้ง”
“อืม”
เด็กสาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง พาดเสื้อคลุม หยิบกระเป๋าหิ้วใบใหญ่ แต่แล้วก็หยุดชะงัก ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
หมอกล่าวอย่างเรียบๆ
“ฉันได้ฝัง ชิปตรวจจับชีพจรชีวิตไว้แล้ว และในช่องลับใต้พื้นมี ะเิแรงสูง สิบกิโลกรัมเชื่อมต่ออยู่กับชิป”
เฉินน่วนอวี้ตกตะลึงไปครู่หนึ่ง เก็บปืนพกแล้วเปิดกระเป๋าหิ้ว หยิบผงขาวถุงเล็ก ๆ ออกมาแล้วโยนให้
“ค่ารักษา” เด็กสาวกล่าวอย่างเฉยเมย “ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงของ หมอจาง มาบ้าง เป็คนที่ เคร่งครัดในกฎที่สุด และ ปากแข็งที่สุด ในสามเขตล่างทั้งหมด”
จางฝูเซิงเห็นว่ากระเป๋าหิ้วใบนั้นเต็มไปด้วย ‘ผงฝูโซ่ว’ ซึ่งอาจมีน้ำหนักถึงสามสิบถึงห้าสิบจิน (ราว 15-25 กิโลกรัม)
หลังจาก ‘เทพธิดาผู้สูงส่ง’ ผู้นั้นจากไปแล้ว
“เป็แบบนี้อีกแล้ว”
จางฝูเซิงกล่าวเบา ๆ ว่า
“เอาแต่ใช้ของพวกนี้เป็ค่ารักษา”
หมอหยิบผงฝูโซ่วถุงเล็ก ๆ ถุงนั้นมา ชั่งน้ำหนัก ฉีกออก แล้วเททิ้งลงอ่างล้างมือ
อย่างที่จางฝูเซิงบอก พ่อของเขา จางเหวินเทา เป็ หมอใต้ดินที่มีคุณธรรม เปิดประตูทำธุรกิจ รับรักษาคนทุกประเภท อาชญากร แก๊งมาเฟีย อันธพาล ลัทธิชั่วร้าย...
คนที่โรงพยาบาลปกติไม่กล้ารับ เขารับาแที่โรงพยาบาลปกติไม่กล้าผ่าตัด เขารักษา
แต่เขาปฏิเสธที่จะยุ่งเกี่ยวกับ ผงฝูโซ่ว อย่างเด็ดขาด หากได้รับเป็ค่ารักษา ก็จะนำไปทำลายทิ้งทันที ไม่มีทางที่จะนำไปขายต่อ
ทว่า ผงฝูโซ่ว คือ สินค้าแลกเปลี่ยนที่ใช้กันทั่วไป ในสามเขตล่าง อันธพาลที่มาที่คลินิกเล็ก ๆ นี้เพื่อรับการรักษา อย่างน้อยครึ่งหนึ่งจะจ่ายด้วยผงฝูโซ่วถุงเล็ก ๆ
บวกกับค่าธรรมเนียมและค่าเล่าเรียนที่สูงลิ่ว...
นี่คือเหตุผลที่แม้แต่พ่อก็ยัง ยากลำบาก ในการหาเงินแสนหยวน
การส่งจางฝูเซิงเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมหลินซู่ แทบจะใช้เงินเก็บทั้งหมดของครอบครัวไปเลยทีเดียว—เพราะนั่นเป็หนึ่งใน 'โรงเรียนชนชั้นนำ' เพียงไม่กี่แห่งที่เปิดสอน วิชาการหายใจ และ เคล็ดวิชาเพ่งจิต
“พ่อครับ เธอเป็ลูกค้าเก่าเหรอ?” จางฝูเซิงขมวดคิ้วถาม
จางเหวินเทา ส่ายหัว
“เป็ คนนอก ่บ่ายวันนี้สินค้า ผงฝูโซ่ว สี่สิบจินของ ไฉเหมินถูกปล้นไป คาดว่าน่าจะเป็เธอ”
พูดจบ เขาก็หยิบหัวะุที่บุบแบนขึ้นมา
“ะุพิเศษ ต่อต้านผู้ฝึกยุทธ์ มีความสามารถในการเจาะทะลวงสูง และมี พิษยับยั้งเืเอาไว้ลองสกัดสารพิษที่ตกค้างออก บางทีอาจจะขายได้ราคาอยู่”
จางฝูเซิงครุ่นคิด
ไฉเหมิน คือหนึ่งในแก๊งใหญ่ของสามเขตล่าง สินค้าสี่สิบจิน (ราว 20 กิโลกรัม) ตามราคามาตรฐานของสามเขตล่างที่ห้าร้อยหยวนต่อกรัม...
สิบล้านหยวน!
เขารู้สึกสับสนอย่างมาก ยากที่จะเชื่อมโยง 'เทพธิดาผู้สูงส่ง' ในโรงเรียนเข้ากับคดีปล้นผงฝูโซ่วครั้งใหญ่
เธอขาดเงินมากขนาดนั้นเลยเหรอ?
ถึงขั้นต้องเสี่ยงอันตรายขนาดนี้?
เดี๋ยวก่อน
จางฝูเซิงถามอย่างครุ่นคิด
“พ่อครับ ผมเห็นว่าเมื่อกี้พ่อใช้ มีดกรีดความถี่สูง ใช่ไหมครับ?”
“มีดผ่าตัดธรรมดากรีดิัของเธอไม่เข้า ต้องใช้มีดกรีดความถี่สูงพิเศษ คาดว่าน่าจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับ สองบ่มเพาะ หรือ สามบ่มเพาะ ไม่น่าจะถึง สี่บ่มเพาะ ไม่อย่างนั้นะุคงเจาะเข้าไม่ลึกขนาดนั้น”
จางฝูเซิงถึงกับอ้าปากค้าง
ผู้ฝึกยุทธ์ มี สิบสองบ่มเพาะ แบ่งเป็ ผิวสาม เนื้อสาม เอ็นสาม กระดูกสาม รวมเป็สิบสอง
ผู้ฝึกยุทธ์สามบ่มเพาะ ...
อาจารย์เฉิน ที่ผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมจ้างมาด้วยราคาสูงลิ่วนั้น ก็เป็แค่ ผู้ฝึกยุทธ์สามบ่มเพาะ เท่านั้น!
แต่ตามข้อมูลของโรงเรียน เฉินน่วนอวี้ เป็เพียง ว่าที่ผู้ฝึกยุทธ์ ที่ใกล้จะถึง หนึ่งบ่มเพาะเท่านั้น—ซึ่งก็นับเป็อัจฉริยะที่หาได้ยากแล้ว เพราะการจะเริ่มฝึกบ่มเพาะได้ ต้องรอให้อายุสิบหกหรือสิบเจ็ดปีขึ้นไป มีร่างกายที่เติบโตเต็มที่ และต้องฝึก เคล็ดวิชาเพ่งจิต และ วิชาการหายใจ ได้สำเร็จแล้ว
สามบ่มเพาะ น่าจะเป็ระดับของนักศึกษาหัวกะทิของสาขาวิถีแห่งยุทธ์ของมหาวิทยาลัยเจียงโจว หรือแม้กระทั่งอาจารย์บางคนด้วยซ้ำ
อัจฉริยะระดับนี้... เหตุใดจึงต้องเสี่ยงอันตรายถึงเพียงนี้?
ความคิดของจางฝูเซิงวนเวียนไปมา แววตาเป็ประกาย
พันธสัญญา ไม่สามารถลงนามได้ด้วยการข่มขู่ ต้องเกิดจาก ความยินยอมพร้อมใจ หรือแม้แต่ ความ้าอย่างเร่งด่วน — ถ้าไม่มีความ้า ก็สร้างความ้า ขึ้นมา
ถ้าไม่มีความทุกข์ยาก ก็แค่สร้างความทุกข์ยาก ขึ้นมา
“วันนี้ไปไหนมา?” จางเหวินเทาถอดถุงมือออก พลางล้างมือแล้วถามอย่างไม่ใส่ใจ
“ไปขายลูกโป่งมา ได้มาไม่ถึงร้อย”
“ที่บ้านไม่ได้ขาดแคลนเงินร้อยนี้ สองสามวันนี้อย่าออกไปข้างนอกมากนัก”
พ่อจางขมวดคิ้ว
“่นี้สถานการณ์ไม่สงบ”
ในฐานะ หมอใต้ดิน 'ที่เป็กลาง' พ่อจางไม่ถือว่าเก่งกาจ แต่เขาก็ได้ติดต่อกับคนทุกชนชั้นทุกวัน ดังนั้นข่าวสารจึงค่อนข้างแม่นยำ
อันที่จริง ถ้าเขาไม่มี คุณธรรม มากมายขนาดนั้น ป่านนี้เขาก็คงเป็เศรษฐีเงินล้านไปแล้ว—ผงฝูโซ่ว ถุงเล็ก ๆ ที่เทลงท่อระบายน้ำไปเมื่อครู่ คาดว่าน่าจะมีมูลค่าสามถึงห้าพันหยวน
ตลอดสิบปีนี้ พ่อจางทำลายผงฝูโซ่วแทบทุกเดือน และเขาก็ไม่สามารถปฏิเสธที่จะรับมันได้ มิฉะนั้นจะถูกมองว่าเป็ 'คนนอกรีต'
คนนอกรีตไม่สามารถอยู่รอดได้ที่นี่
'ปู่ทวดของแกก็ถูกไอ้สิ่งนี้ทำลายชีวิตไป ฉันไม่มีความสามารถไปดูแลคนอื่น แต่ฉันสามารถดูแลตัวเองได้' หมอจางมักจะพูดเช่นนี้
จางฝูเซิงยักไหล่
“ก็แค่หาทางเก็บเงินค่าเล่าเรียนสำหรับสำนักยุทธ์ไงครับ เก็บเล็กผสมน้อย... วันนี้เลิกงานเร็วหน่อยไหมครับ? อาจารย์โจว บอกว่าตอนเย็นจะทำซี่โครงหมูตุ๋น”
โจวกุ้ยฟาง ครูสอนคณิตศาสตร์ในโรงเรียนประถมแห่งหนึ่งในเขตที่เจ็ด และเป็แม่แท้ ๆ ของจางฝูเซิง
เมื่อพูดถึง 'อาจารย์โจว' ใบหน้าไร้อารมณ์ของพ่อจางก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้น
“อืม ก็ได้”
เขารีบทำความสะอาดห้องใต้ดินอย่างรวดเร็ว—นี่เป็นิสัยประจำวันของพ่อจาง อาจารย์โจว ไม่เคยรู้เื่เหล่านี้เลย
เธอคิดว่าพ่อจางเป็เพียงหมอคลินิกธรรมดา ๆ เท่านั้น
จางฝูเซิงเองก็ค้นพบโดยบังเอิญในภายหลัง และพ่อก็เปิดใจยอมรับเขา สอนวิธีการเอาตัวรอดในสามเขตล่างให้แก่เขาด้วยซ้ำ
พ่อจางกล่าวขึ้นมาทันที
“ถ้าแกอยากฝึกยุทธ์จริง ๆ พรุ่งนี้ฉันจะโอนเงินแสนหยวนให้ แกไปจ่ายค่าเทอมที่สำนักยุทธ์เถอะ”
เ้าสำนักของสำนักยุทธ์ดี ๆ แท้จริงแล้วเก่งกว่าอาจารย์ในสาขาวิถีแห่งยุทธ์ของมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ แต่สำนักยุทธ์มีค่าเล่าเรียนที่สูงลิ่ว ส่วนมหาวิทยาลัยไม่คิดค่าใช้จ่าย
แต่ในทางกลับกัน สำนักยุทธ์ง่ายต่อการสร้าง 'ความสัมพันธ์แบบอาจารย์-ลูกศิษย์ที่แท้จริง' — เพียงแต่ต้องใช้พร์ที่สูงมาก
“พ่อครับ พ่อรวยแล้วเหรอ?”
“ก่อนหน้านี้มีลูกค้าเก่ามาหา ให้เป็เงินสด และเคลียร์ค่ารักษาที่ค้างไว้ทั้งหมดด้วย”
จางฝูเซิงพยักหน้าเงียบ ๆ
พ่อลูกเดินเคียงข้างกันกลับบ้าน แสงอาทิตย์ยามเย็นทอดยาวเงาของพวกเขา
“พ่อครับ ทำไมพ่อดูไม่ค่อยอยากให้ผมฝึกยุทธ์เลย?”
“ในบรรดาลูกค้าเก่า ๆ ตลอดหลายปีนี้ ผู้ฝึกยุทธ์ มีเยอะ แต่ส่วนใหญ่มีชีวิตอยู่ไม่นาน พวกเขาเก่งขึ้นเท่าไหร่ วังวนที่เข้าไปพัวพันก็จะยิ่งใหญ่ขึ้นเท่านั้น วิถีแห่งยุทธ์ คือเส้นทางที่ต้องแก่งแย่ง เมื่อมีการแก่งแย่ง ก็ย่อมมีวันแพ้”
“พ่อครับ ทำไมเราไม่ย้ายไปสามเขตกลางล่ะครับ? พ่อเป็หมอ แม่เป็ครู ฐานะทางบ้านเราก็ไม่แย่ในเขตที่หกใช่ไหม?”
“ตอนแรกที่เริ่มทำอาชีพนี้ก็เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว พอทำไปก็ยิ่งถลำลึก ถอนตัวไม่ขึ้นแล้ว... แน่นอนว่ามีเหตุผลอื่น ๆ ด้วย ไว้แกเรียนจบมหาวิทยาลัยแล้วพ่อจะบอก”
“ยังมีปริศนาอีกเหรอครับ? พ่อเป็ยอดฝีมือที่หลบหนีจากศัตรู หรือเป็าาทหารผู้เร้นกายในตลาดกันแน่?”
“ลดนิยายแนวนางเอก/พระเอกผู้ยิ่งใหญ่ กับหนังสั้นแนวาาทหารลงบ้างเถอะ อย่าทำให้สมองเสียสติไปซะก่อน ตระกูลเราหลายชั่วอายุคนมีแค่แกคนเดียวที่ได้เป็นักศึกษามหาวิทยาลัยอย่างจริงจัง”
“ครับพ่อ! พ่อรู้จักหนังสั้นแนวาาทหารด้วย แสดงว่าพ่อก็แอบดูบ่อยสิครับ?”
พ่อจางลูบศีรษะ
“พักหลังมานี้หัวเริ่มไม่ค่อยแล่นแล้ว”
จางฝูเซิงยิ้มกว้าง พอไปถึงชั้นล่างก็ได้กลิ่นหอมกรุ่นของซี่โครงหมูตุ๋นโชยมา
ชีวิตที่เรียบง่ายก็ดีไปอย่าง
แต่เขาก็ยังอยากไปดูทิวทัศน์บนยอดเขา
เขาไม่อยากให้พ่อต้องใช้ชีวิตแบบที่ถูกปืนจ่ออยู่ทุกวัน และต้องฝังะเิแรงสูงไว้ใต้ดินเพื่อปกป้องชีวิตตัวเองอีกต่อไป
‘ตริ๊งต่อง!’
โทรศัพท์มือถือสั่นเบา ๆ เป็ข้อความจาก ไอ้จู
จูเสี่ยวมิง ไอ้จาง เดือนหน้าโรงเรียนจะจัด 'งานเลี้ยงใหญ่เจียงต้า' เพื่อฉลองให้พวกเราที่สอบติดมหาวิทยาลัยเจียงโจว
จูเสี่ยวมิง ฮิฮิ โรงเรียนเรามีคนสอบติดเจียงโจวแค่ไม่กี่คนเอง นี่เป็โอกาสดีที่จะสานสัมพันธ์เลยนะ!!
จูเสี่ยวมิง ไอ้จาง แกไปไหม? บอกตามตรงนะ ลูเหยา ก็ไป ฉันขาดคนช่วยเป็คู่หู!
จูเสี่ยวมิง เห็นแล้วรีบตอบด้วย!
จางฝูเซิงตอบกลับไปหนึ่งคำเงียบ ๆ
‘ตกลง’
ลูเหยา เป็เพื่อนร่วมชั้นและเป็คนที่จูเสี่ยวมิงแอบชอบ
เขาปิดโทรศัพท์แล้วผลักประตูบ้าน
“อาจารย์โจว! พวกเรากลับมาแล้ว!”
กลิ่นหอมของซี่โครงหมูพุ่งตรงเข้าจมูก
