เหยาหวงและเว่ยจื่อมองหน้ากัน จากนั้นพวกนางก็ทำความเคารพอวิ๋นจื่ออย่างนอบน้อม
อวิ๋นจื่อสั่งให้ทั้งสองคนแนะนำตัวก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “แม่นางทั้งสอง โปรดอย่าโกรธเคืองที่ข้าละเลยพวกเ้าก่อนหน้านี้ พวกเ้าเป็คนของเย่เช่อใช่หรือไม่?”
เหยาหวงครุ่นคิดอย่างรอบคอบ จากนั้นก็คุกเข่าลงและกล่าวว่า “แม่นางอย่าเข้าใจผิด พวกข้าเป็คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อน”
อ๋องอวิ๋นเมิ่งคนก่อน?
สีหน้าของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไปเล็กน้อย นางไม่เชื่อคำพูดของอีกฝ่าย นางจึงถามย้ำว่า “พวกเ้าเป็คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่งหรือ?”
ทั้งเหยาหวงและเว่ยจื่อพยักหน้า
อวิ๋นจื่อถามอีกครั้ง “แล้วรู้หรือไม่ว่าตอนนี้พวกเ้าเป็คนของใคร?”
เว่ยจื่อเข้าใจความนัยที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของหญิงสาว นางจึงคุกเข่าลงข้างๆ เหยาหวงและตอบอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า “ตอนนี้เราเป็คนของแม่นาง”
ความคิดของอวิ๋นจื่อเปลี่ยนไป นางตระหนักว่าสองคนนี้ต้องมีสถานะที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นถ้าดูจากสถานะปัจจุบันของนาง นางย่อมไม่สามารถรับการเคารพจากหญิงสาวทั้งสองได้ หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง อวิ๋นจื่อก็หยิบหยกออกมาและแสดงให้หญิงสาวสองคนดู จากนั้นก็กล่าวอย่างเ็า “ในเมื่อเป็คนของอ๋องอวิ๋นเมิ่ง พวกเ้ารู้จักจี้หยกชิ้นนี้หรือไม่?”
‘หยกอุ่นนี้เป็ของขวัญวันเกิดที่เสด็จอามอบให้ข้า ข้าชอบมันมาก จินเหนียงเคยกล่าวว่าหยกคุณภาพสูงนั้นควรสวมใส่ไว้กับตัว’
เมื่อนึกถึงเื่นี้อวิ๋นจื่อก็รู้สึกสั่นสะท้านในใจ
จินเหนียงอยู่กับเสด็จแม่มาหลายปี ดังนั้นนางต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ น่าเสียดายที่ตอนนี้นางจากไปแล้ว จึงไม่มีทางพิสูจน์เื่ที่ฮั่วฉีอวี่กล่าวได้
จินเหนียงเป็คนเดียวที่เคยอยู่ร่วมกับคนเก่าคนแก่รอบตัวเสด็จแม่ ตอนนี้นางจากไปแล้ว อวิ๋นจื่อจึงไม่รู้ว่าต้องไปถามเื่เหล่านี้กับใคร
อวิ๋นจื่อไม่อยากนึกถึงการเปลี่ยนแปลงอันน่าใที่เกิดขึ้นในอดีต หนี้เืและความเกลียดชังเปรียบได้กับดอกไม้ที่ผลิบานใน่เวลาแห่งความสิ้นหวัง นางไม่้าถูกครอบงำด้วยความเกลียดชัง แต่ทุกครั้งที่นึกถึงความตายอันน่าสลดใจของเสด็จพ่อและความตื่นตระหนกเมื่อครั้งที่ต้องหลบหนีจากเมืองอวิ๋นเมิ่งมายังเมืองหยงโจว หัวใจของอวิ๋นจื่อก็ราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นบีบเค้น
การได้เห็นหยกชิ้นนี้ก็เหมือนกับการได้เห็นองค์หญิงใหญ่
แม้ว่าอวิ๋นจื่อจะเปลี่ยนไปมาก แต่สุดท้ายแล้วหญิงสาวทั้งสองเป็คนที่อ๋องอวิ๋นเมิ่งฝึกฝนมาด้วยตนเอง พวกนางย่อมรู้ถึงสัญลักษณ์แทนตัวตนเป็อย่างดี พวกนางจึงทำความเคารพอวิ๋นจื่อทันที
เว่ยจื่อยังคงมีข้อสงสัย นางถามว่า “ไม่ทราบว่าแม่นางกับองค์หญิงเหวินฮวามีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”
‘แน่นอนว่าข้าเป็บุตรีของอ๋องอวิ๋นเมิ่ง’
มุมปากของอวิ๋นจื่อกระตุก สุดท้ายนางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกไป นางเพียงถามกลับอย่างใจเย็นว่า “ความสัมพันธ์ระหว่างอ๋องอวิ๋นเมิ่งกับองค์หญิงใหญ่เป็อย่างไร?”
ทั้งเหยาหวงและเว่ยจื่อมองนางด้วยความประหลาดใจ ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
ใบหน้าของอวิ๋นจื่อแปรเปลี่ยนเป็เ็า “ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดหญิงสาวที่มอบจี้หยกนี้ให้ข้าถึงได้กลายเป็องค์หญิงใหญ่ของราชวงศ์ก่อน ถ้าว่ากันตามหลักเหตุผลแล้ว เหตุใดอ๋องอวิ๋นเมิ่งถึงวางแผนเช่นนี้หากองค์หญิงใหญ่ไม่ใช่บุตรีของเขา?”
เหยาหวงกัดฟันและกล่าวว่า “แม่นางโปรดอย่าถามอะไรอีกเลย ข้ากับเว่ยจื่อไม่สะดวกที่จะกล่าวถึงองค์หญิงใหญ่และอ๋องอวิ๋นเมิ่งไปมากกว่านี้”
อวิ๋นจื่อมีท่าทีเข้าใจ “อันที่จริงเ้าอาจบอกข้าได้ เพราะข้าเป็คนขององค์หญิงใหญ่ ข้าคิดว่าพวกเ้าอาจรู้ความหมายของจี้หยกนี้มากกว่าข้า”
เหยาหวงและเว่ยจื่อดูเหมือนจะเชื่อคำพูดของอวิ๋นจื่อและพวกนางก็ไม่ลังเลอีกต่อไป หญิงสาวทั้งสองคนเล่าเื่ราวเกี่ยวกับอ๋องอวิ๋นเมิ่งและองค์หญิงเหวินฮวาอย่างไม่ปิดบัง
ปรากฏว่านางเป็ลูกของเสด็จอาจริงๆ
นี่คือสิ่งที่เสด็จแม่ไม่ได้บอกนางจวบจนลมหายใจสุดท้าย ในที่สุดวันนี้ความสงสัยของนางก็ได้รับการยืนยันโดยคนแปลกหน้า นางไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรดี
ความเศร้าโศกผุดขึ้นในใจ และไม่ง่ายเลยที่จะข่มมันเอาไว้ไม่แสดงออกให้หญิงสาวแปลกหน้าเห็น หลังจากสงบสติอารมณ์อยู่ครู่หนึ่งอวิ๋นจื่อก็กล่าวว่า “ข้าจะเปลี่ยนชื่อให้พวกเ้า จากนี้ไปเหยาหวงจะมีนามว่าไป๋จื่อ และเว่ยจื่อจะมีนามว่าหงหลิง”
ทั้งสองตอบรับอย่างเชื่อฟัง
อวิ๋นจื่อโบกมือให้พวกนางออกไปและเรียกหงจินเข้ามา
ฝนเริ่มตกหนักขึ้น
อวิ๋นจื่อรู้สึกว่าหัวของนางหนักอึ้ง นางจึงทานอาหารสองสามคำและผล็อยหลับไปในขณะที่หงจินเก็บกวาดอาหารที่นางทานเหลือ
คราวนี้นางหลับลึกมาก
ทันทีที่ลืมตาขึ้น นางก็เห็นชายหนุ่มในชุดขาวเอนกายอยู่บนตั่ง
เป็เซียวเหยียนนั่นเอง
เมื่ออวิ๋นจื่อนอนกลางวัน นางมักสวมเพียงเสื้อตัวใน ทันทีที่นางลุกขึ้นนั่ง เซียวเหยียนก็ยื่นเสื้อคลุมให้นาง นางได้รับการดูแลในทุกเื่ั้แ่ยังเด็กและแต่งตัวเองไม่ค่อยเก่งนัก เซียวเหยียนจึงช่วยนางแต่งตัวอย่างสุภาพ
นางไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
แต่การที่เซียวเหยียนมองนางเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?
“สีหน้าของเ้าทำให้ข้านึกถึงคนผู้หนึ่ง” อวิ๋นจื่อกล่าว
เซียวเหยียนหยิบหวีขึ้นมาเพื่อเตรียมสางผมให้นาง เขากล่าวเบาๆ ว่า “อย่าพูดถึงคนอื่น คนอย่างข้าไม่มีผู้ใดเหมือนอีกแล้ว”
ความสุขเล็กน้อยในใจของอวิ๋นจื่อถูกฝังกลบด้วยคำพูดดังกล่าว
เซียวเหยียนหวีผมของนางอย่างชำนาญ อวิ๋นจื่อตกตะลึงในความเชี่ยวชาญของเขา อารมณ์อันแปรปรวนของนางหายวับไปทันที
“ข้าได้ยินมาว่าเ้ามีสาวใช้เพิ่มอีกสองคน? พวกนางเป็คนของเย่เช่อหรือ?”
“ใช่ เหตุใดเ้าถึงถามเื่นี้?”
เขาถามตรงๆ และอวิ๋นจื่อก็ตอบตรงๆ
“ไม่มีอะไร” เขากล่าวแล้ววางหวีลง เมื่อมองไปที่ใบหน้าในกระจกทองเหลือง เขาก็กล่าวว่า “ข้าคิดว่าเ้าจะเคียดแค้นเขาเสียอีก” น้ำเสียงของเขาแ่เบาและแฝงไปด้วยความเศร้าโศก
อวิ๋นจื่อหัวเราะเบาๆ “เ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ได้เคียดแค้นเขา” ทันใดนั้นน้ำเสียงของนางก็เบาลง “เซียวเหยียน เ้าอย่ามาหาข้าอีกเลย หลังจากวันนี้ทุกอย่างจะไม่ใช่อย่างที่เคยเป็”
ในอดีตทั้งสองต่างเป็องค์ชายและองค์หญิง แม้ว่าจะมีข้อพิพาทเื่า แต่ก็ยังมีความเป็ไปได้ที่สองราชวงศ์จะปรองดองกัน แต่ตอนนี้คนหนึ่งเป็ถึงฮ่องเต้และอีกคนเป็เพียงคณิกาต่ำต้อย จึงแทบเป็ไปไม่ได้ที่ทั้งคู่จะอยู่ร่วมกัน
ตำแหน่งที่มีความสำคัญย่อมมีข้อจำกัดมากกว่า อวิ๋นจื่อที่เติบโตในวังย่อมคุ้นเคยกับสิ่งเหล่านี้เป็อย่างดี นางอธิบายอย่างอ่อนโยนโดยหวังว่าเขาจะเลิกคิดถึงเื่ราวในอดีต
เซียวเหยียนััได้ถึงความนัยที่แฝงอยู่ในคำพูดของอวิ๋นจื่อ และเมื่อบวกกับเื่ของสาวรับใช้สองคนของเย่เช่อก็ยิ่งทำให้เขาไม่มีความสุขมากกว่าเดิม เขามองนางอย่างลึกซึ้งและกล่าวว่า
“เ้ารู้ภูมิหลังของตนเองหรือไม่?”
อวิ๋นจื่อพยักหน้า “ข้าเป็เ้าของตำหนักเหวินฮวา และไม่ว่าเ้าจะรู้อะไรมา โปรดหยุดพูดถึงเื่นี้ ข้าจะเป็คนของตำหนักเหวินฮวาตลอดไป ตัวตนอื่นข้าไม่สนใจ อย่ารื้อฟื้นอีกเลย”
เซียวเหยียนยิ้มอย่างเศร้าสร้อย “อาจื่อ เหตุใดเ้าถึงเอาแต่หลอกตัวเองเช่นนี้? ซูฮองเฮาไม่เคยบอกเ้า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีใครบอกเ้า อันที่จริงแม้แต่ฮ่องเต้เซิ่งหยวนก็ยังรู้เื่นี้” เมื่อกล่าวจบเขาก็ยิ้มอย่างเ็า
ทันใดนั้นหัวใจของอวิ๋นจื่อก็แปรเปลี่ยนเป็เย็นเฉียบ เหตุใดฮ่องเต้ต่างแคว้นถึงล่วงรู้ความลับของราชวงศ์ที่อยู่อีกแคว้นได้? เสด็จอาไปทำอะไรที่ชายแดนกันแน่?
สีหน้าหวาดกลัวของนางอยู่ในสายตาของเซียวเหยียน เขาถอนหายใจและกล่าวว่า
“คนเดียวที่ข้าเคารพนับถือในชีวิตนี้คืออ๋องอวิ๋นเมิ่ง ในเมื่อเ้าคือบุตรีคนเดียวของเขา ข้าจะไม่มีวันทำให้เ้าผิดหวัง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้