หลังจากพาสาวงามทั้งสี่คนเลือกเสื้อผ้ากันเสร็จก็จวนเวลาพลบค่ำพอดีพวกนางที่ดูมั่งคั่งร่ำรวยต่างคนต่างเลือกเสื้อผ้าผู้หญิงไปคนละสิบชุดแล้วเก็บไว้ในแหวนกระดูกจักรภพการแต่งตัวของผู้หญิงนั้นช่างฟุ่มเฟือยนักและในที่สุดก็ยังลากข้ามายังร้านเสื้อผ้าผู้ชายเมื่อพวกนางเข้ามาในร้านเสื้อผ้าผู้ชายดวงตาก็เปล่งประกายขึ้นมาจึงรับรู้ได้ว่าการค้าขายของร้านวันนี้จะต้องดีมากแน่ๆ
“พ่อหนุ่มผู้นี้จะซื้อเสื้อผ้าใช่ไหม?” พนักงานสาวเอ่ยถาม
“อืมใช่ พวกข้าจะช่วยเขาเลือกเอง”
ซูเหยียนที่ดูรังเกียจรสนิยมของข้าพูด“มีอันไหนที่ราคาแพงๆ บ้าง”
“มีๆๆ”
พนักงานสาวพูดอย่างยินดีปรีดา“เสื้อผ้าจากร้านของเรานั้นล้วนแต่ใช้วัสดุพิเศษที่กันน้ำกันไฟด้วยหรือแม้แต่ของมีคมทั่วไปก็ไม่สามารถทะลุผ่านผิวเสื้อผ้าได้และยังรู้สึกนุ่มเมื่อัักับผิว นี่ ชุดนี้เป็อย่างไรกางเกงขายาวที่สวยหรูทำจากหนังวัวสามารถระบายอากาศและมีการป้องกันระดับสูงพร้อมเสื้อเชิ้ตที่ทำจากไหมธรรมชาติ เมื่อสวมใส่ก็จะระบายอากาศและเย็นสบายแม้แต่มีดดาบก็ไม่สามารถแทงทะลุได้ยังมีเสื้อนอกตัวนี้ที่ถักด้วยวิหคปีกเพลิงที่แม้ไม่ใช่อาวุธิญญาแต่ก็เบาเหมือนไม่มีสิ่งใดควบคู่กับเสื้อคลุมหนังหมาป่าสีแดงเข้มแบบเสื้อผ้าทั้งหมดล้วนเป็แนวโบราณย้อนยุคที่นิยมในปีนี้แบบออซซี่ที่ร่วมกันโดยทางเหนือเมืองหลินเสี่ยและทางตะวันออกเมืองเทียนยินเฉิงและวิหาริญญาวิหคหนึ่งชุดราคาเพียงแค่สามแสนเหรียญหลงหลิงเท่านั้นเอง!”
“ให้ตายเถอะ...ชุดละสามแสน? ไปปล้นยังดีกว่าอีก...” ข้าตะลึงเป็อย่างมาก
ซูเหยียนชำเลืองมองข้าพลางพูด“ไปลองเปลี่ยนดู”
“อืม...”
ข้าหยิบเสื้อผ้าเข้าไปเปลี่ยนในห้องลองแล้วเดินออกมาซูเหยียนกับตั้นไถเหยา หรือแม้กระทั่งถังเชวียหรานก็ยังตะลึงจะมีก็แต่หลิวถงเอ๋อร์ที่ยังใสซื่อและเอ่ยปากชื่นชม “ปู้อี้เชวียนสวมชุดนี้แล้วดูสง่างามจริงๆสง่างามยิ่งกว่าลั่วเหยียนเป็ไหนๆ”
“จริงเหรอ?”
ข้ามองดูตัวเองในกระจกและยอมรับจริงๆว่าชุดนี้ดูน่าพอใจทีเดียวผ้าคลุมจากหนังหมาป่าและการออกแบบผสมผสานของเสื้อนอกนั้นเผยให้เห็นความพิเศษบวกกับพร้อมบุคลิกสบายๆ ของข้ากลับเหมือนสิ่งที่ธรรมชาติสร้างสรรค์มาอย่างสมบูรณ์แบบข้าอดไม่ได้ที่จะกำมือและพูด“ที่จริงแล้วคนเราพึ่งการแต่งกายเพื่อทำให้ดูดีและข้าก็สง่างามได้”
ซูเหยียนอดกลั้นหัวเราะไม่ได้พร้อมกับหยิบบัตรออกมา“คนขายช่วยเอาเสื้อผ้าแบบนี้มาสิบชุด แล้วเอาบัตรข้าไปรูด”
“ได้เลย”
พนักงานสาวก็ไปรูดบัตรอย่างยินดี
ข้าก็พูดขึ้น“แบบนี้ไม่ดีหรอก ใช้เงินของเ้าจ่าย?”
“อะไรคือของเ้าของข้า”
ซูเหยียนบุ้ยปาก“เ้าเป็องครักษ์ส่วนตัวของข้าและสัญญาจะสิ้นสุดเร็วๆ นี้ ในฐานะที่เป็คนของข้าข้าช่วยซื้อเสื้อผ้าไม่กี่ชุดให้เ้ามันจะเป็อะไร?”
พนักงานสาวยิ้มและพูดขึ้น“สุดหล่อ แฟนของเ้าช่างดีกับเ้านัก!”
“ใช่แล้วๆ!” ข้าแอบรู้สึกดีใจอยู่ลึกๆ
ใบหน้าของซูเหยียนเริ่มแดงระเรื่อพลางกระทืบเท้าก่อนพูด“ไม่ใช่แล้ว...”
“ยังจะอธิบายเื่นี้อีก...” ตั้นไถเหยาโอบไหล่ของนางก่อนยิ้มและพูดขึ้น“แม้แต่พนักงานก็มองออก เ้ายังจะพยายามอธิบายอะไรอีก จะปกปิดอะไรขนาดนั้น!”
เพียงไม่นานเสื้อผ้าทั้งสิบชุดก็ถูกส่งออกมาและข้าก็เก็บใส่ไว้ในแหวนกระดูกจักรภพเสื้อผ้าซึ่งเป็ชุดทั้งหมดทำให้ข้ารู้สึกถึงความมั่งคั่งความจริงแล้วข้าก็มีวันนี้ได้!
พอออกจากร้านก็พาสี่สาวงามไปทานมื้อเย็นหลังจากนั้นต่างคนต่างกลับห้องตัวเองและนัดกันออกเดินทางในเช้าวันรุ่งขึ้น
...
ณลานของโรงเกลากระบี่ ขณะฝึกฝนเพลงกระบี่ดินแดนหิมะและฝึกซ้อมกระบวนท่าของเพลงกระบี่อยู่นั้นเกล็ดหิมะก็ได้สาดลอยกระเด็นไปบนกำแพงเพียงชั่วครู่ก็ถูกย้อมไปด้วยสีขาวถึงแม้จะเป็ฤดูใบไม้ร่วงแต่ที่นี่กลับเหมือนกับฤดูหนาวหลังจากการฝึกกระบวนท่าของเพลงกระบี่อย่างต่อเนื่องซึ่งอาจเป็เพราะการฝึกฝนที่ทำให้สมบูรณ์แบบและเกิดความกลมกลืนของธรรมชาติและมนุษย์ที่ตรงกันเพิ่มขึ้น ในศิลปะการต่อสู้ใดๆไม่มีระดับเซียนโดยแท้จริง และมีเพียงเพิ่มความแกร่งและเก็บเกี่ยวประสบการณ์การฝึกฝนเรียนรู้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งแม้แต่เพลงกระบี่ดินแดนหิมะก็ใช่ว่าจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงในระหว่างการฝึกฝนบางครั้งข้าก็ได้ปรับเปลี่ยนรายละเอียดแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจจึงทำให้ดาบนั้นเพิ่มพลังความเย็นเยือกได้รุนแรง และยังเพิ่มพลานุภาพได้อีกเล็กน้อยด้วย
เวลาเที่ยงคืนข้าได้หลับลงเมื่อให้ซ้งเชวียนและจ้างห้าวกลับไปพักผ่อน
เนื่องจากการฝึกซ้อมจึงทำให้ข้านอนหลับสนิททว่าพลังิญญายังคงมีชีวิตชีวาอยู่บนพื้นผิวของิัแม้ว่าข้าจะหลับสนิทแต่ความปรารถนาของดาบเล่มนั้นก็ไม่ได้หมดอาลัยตายอยากและทุกคนก็เหมือนกับดาบที่อยู่ในฝักซึ่งสามารถะเิพลังแห่งการทำลายล้างโลกออกมาได้ทุกเมื่อ
่เวลาหกโมงเช้าของวันรุ่งขึ้นข้าตื่นขึ้นมาพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่รู้สึกถึงความเบาสบายเสื้อผ้าชุดนี้แพงกว่าชุดของสำนักหมื่นิญญามาก แถมคุณภาพก็ยอดเยี่ยมข้าก็ได้สวมเกราะหิมะแกร่งไว้ตรงเสื้อเชิ้ตแล้วใส่เสื้อนอกทับไว้และในที่สุดก็เริ่มเดินทางไปยังหุบเขาหลิงหยุน ซึ่งก็ดูยุ่งเหยิงไม่น้อยเลย
ทางของสำนักนั้นแคบและบนพื้นเต็มไปด้วยน้ำค้าง
ควันที่เหมือนกับหมอกและนกส่งเสียงร้องดังกังวาน
ในหมอกนั้นก็ได้เห็นกับเงารางๆของสาวงามสามถึงสี่คน ซึ่งก็คือซูเหยียนและคนอื่นๆที่สวมใส่เสื้อผ้าสำหรับการบำเพ็ญ ทันใดนั้นตาของข้าก็สว่างขึ้นกางเกงขายาวของซูเหยียนช่างดึงดูดอย่างมาก ส่วนตั้นไถเหยาที่ภายนอกดูงดงามก็แต่งกายด้วยเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวกับเสื้อนอกที่คลุมยาวเลยเข่าส่วนถังเชวียหรานกลับเป็เสื้อพอดีตัวสำหรับผู้หญิงและกางเกงขายาวสำหรับผู้ฝึกฝนอาวุธิญญาระยะไกลนั้นความคล่องตัวเป็สิ่งสำคัญดังนั้นนางจึงไม่ได้คิดถึงการแต่งกายด้วยชุดกระโปรงสั้นหรือผ้าคลุมต่างๆ
ในบรรดาสี่คนนั้นหลิวถงเอ๋อร์แต่งกายได้น่าสนใจที่สุดนางสวมผ้าคลุมและยังสวมโซ่เกราะสีน้ำเงินเข้มพร้อมกับแบกดาบที่ไม่เข้ากับรูปร่างไว้บนไหล่ ส่วนด้านหลังมีผ้าคลุมที่ปลิวตามลมนางเปรียบดั่งยอดเขาสูงที่เต็มไปด้วยความน่าหลงใหล นับเป็คนป้องกันที่แข็งแกร่งมากที่สุดในกลุ่มนอกจากความฉลาดและความน่ารัก เรียกได้อีกว่าเป็วีรสตรีที่องอาจ
“นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเ้าจะมาแต่เช้า!”
ข้าใเล็กน้อย
“รออะไร จะเดินทางหรือยัง?” ตั้นไถเหยาเอ่ยถาม
“อืม”
ขณะที่เดินทางด้วยรถไฟนั้นได้จัดการปัญหาเื่อาหารเช้าแล้วโดยระหว่างทางได้ซื้อของกินและน้ำเต้าหู้มาจำนวนมากคาดไม่ถึงว่าพวกเราจะขึ้นรถไฟขบวนแรกไปยังหุบเขาหลิงหยุนได้ทันเวลาเราทั้งห้าคนได้นั่งห้องวีไอพีของโบกี้แรกและก็มีเพียงเราห้าคนนั่งล้อมรอบโต๊ะกลมจิบกาแฟและพูดคุยกัน
“คราวนี้ ถ้าไม่ได้สังหารและตัดหัวสัตว์ิญญาระดับเจ็ดได้ไม่มีทางกลับแน่นอน” ซูเหยียนว่าพลางหัวเราะ
“สัตว์ิญญาระดับเจ็ดเหรอ?”
ข้าไตร่ตรองและหัวเราะออกมา“ถ้าอย่างนั้นก็ต้องดูความร่วมมือกันของพวกเราว่าตรงกับที่วางแผนไหมเออใช่เชวียหราน เ้าฝึกฝนธนูเป็ยังไงบ้าง? ตอนนี้พลังเป็ยังไง?”
ถังเชวียหรานเม้มปากยิ้มและพูดขึ้น“เมื่อถึงหุบเขาหลิงหยุนเ้าก็จะรู้เอง”
ตั้นไถเหยาพูดขึ้น“พวกเ้าว่า ถ้ามีกลุ่มเหมือนพวกเราไปผจญภัยในหุบเขาหลิงหยุนถ้าอย่างนั้นในระยะเวลาครึ่งปี สัตว์ิญญาไม่ถูกสังหารไปหมดแล้วหรือ?”
“ไม่หรอก”
ซูเหยียนพูดอย่างมั่นใจ“ข้าฟังจากที่ท่านพ่อเล่ามาว่า หุบเขาหลิงหยุนไม่ได้เป็สถานที่ปิดจริงๆในแกนกลางของหุบเขามีรอยแยกและข้างในรอยแยกคือโลกอีกใบหนึ่งซึ่งมีสัตว์ป่าที่ลึกลับอีกนับไม่ถ้วนกำลังแย่งกันลอยขึ้นมาราวกับปลาในฤดูใบไม้ผลิแต่ก็มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่หลุดเข้ามาได้ แต่เมื่อสัตว์ิญญาหลุดเข้ามาใหม่พวกนั้นไม่เพียงเป็อาหารของสัตว์ิญญาที่แข็งแกร่งตัวอื่นแต่ยังรับประกันได้ว่าสัตว์ิญญาในหุบเขาหลิงหยุนจะปรากฏขึ้นอย่างไม่สิ้นสุดและจะไม่ตายหายไป”
“รอยแยก?”
ซูเหยียนหัวเราะออกมาก่อนพูดขึ้น“แกนกลางของเขาหลิงหยุนนั้นคือูเาลูกหนึ่งที่มีชีวิตไปและรอดกลับมานั้นไม่ถึงสิบคนแต่ก็ไม่มีใครกล้าไปตรงรอยแยกซึ่งเป็แหล่งรวมของสัตว์ิญญาระดับเก้าแม้แต่ท่านพ่อและปู้เสวียนยินซึ่งมีพลังที่ไม่มีใครเทียบเคียงก็ยังไม่คิดที่จะไปหากแต่ไปแค่ตรวจตราก็ไม่แน่ว่าจะมีชีวิตกลับมาได้หรือไม่และท่านพ่อยังพูดอีกว่ารอยแตกที่เชื่อมต่อดูเหมือนจะเป็พื้นที่ป่าเถื่อนห่างจากสหพันธ์หลงหลิงไปทางเหนือแสนลี้ และที่นั่นก็มีชื่อว่า หุบเขาแสนลี้ซึ่งมีสัตว์ร้ายป่าเถื่อนอาละวาดและก็เป็เขตแดนที่พวกเราไม่รู้จัก”
ข้าหัวเราะแล้วพูดขึ้น“หุบเขาแสนลี้...เป็ครั้งแรกที่ข้าได้ยินชื่อนี้ ช่างน่าสนใจเสียจริงพวกเราไม่เข้าใจทุกอย่างยกเว้นในกำแพงแห่งชีวิตของสหพันธ์หลงหลิงที่มีขนาดเล็กเกินไปและเมื่อเทียบกับโลกอันยิ่งใหญ่ของแผ่นดินหลงหลิง มนุษย์เราก็ยังเล็กเกินไป”
“ใช่แล้วและนี่คือเหตุผลว่าทำไมเราในฐานะผู้บำเพ็ญทางิญญาต้องแข็งแกร่งขึ้นและออกไปท้าทายโลกที่ไม่รู้จักเ่าั้ไม่ใช่เหรอ?” ดวงตาที่งดงามของนางมองพวกเราแต่ละคนและพูดขึ้น“เราจะเผชิญโลกที่ไม่รู้จักด้วยกันในอนาคต ไม่ว่ายังไงพวกเราจะอยู่ด้วยกันเสมอและจะไม่ทอดทิ้งใคร พวกเ้าว่าสิ่งที่พูดนี้เป็สิ่งที่ดีหรือไม่?”
ถังเชวียหรานตั้นไถเหยา และหลิวถงเอ๋อร์ต่างกัดฟันและพยักหน้าพร้อมกันอย่างแรงและพูดขึ้น“อืม!”
จากนั้นทุกคนก็มองมาที่ข้า“อาจารย์ปู้ ท่านล่ะ?”
ข้าเหล่ตาก่อนพูดขึ้น“อยู่ด้วยกันน่ะได้ แต่ข้ากังวลว่าสี่คนด้วยกันข้าจะอดกลั้นไม่ไหว...”
“ใครให้พูดแบบนี้ไอ้บ้า!”
หมัดทั้งสี่คู่ต่อยมาที่ข้าแน่นอนว่าไม่มีโอกาสได้รับ!
...
รถไฟที่โคลงเคลงซึ่งภายนอกหน้าต่างมีกลิ่นอายที่หอมหวนของปลายฤดูใบไม้ร่วงดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิและผลไม้ฤดูใบไม้ร่วงสีทองเต็มูเาทำให้ผู้คนปรารถนาที่จะได้ทิวทัศน์ข้างนอกมีูเาเรียงซ้อนกันงดงามราวกับภาพทิวทัศน์ทำให้รู้สึกราวกับว่ากำลังเดินทางอยู่ในภาพนั้น
เมื่อมาถึงเมืองหลิงหยุนพวกเราก็รีบเข้าหุบเขาหลิงหยุนก่อนเวลาเที่ยง
เมืองหลิงหยุนยังคงรุ่งเรืองอย่างที่เคยเป็มาก่อนและผู้ขายต่างจ้องมองนักค้าขายและผู้บำเพ็ญทางิญญาเพื่อเร่ขายอาวุธศิลปะการต่อสู้วัสดุยาและสมบัติให้แก่พวกเขา!
“ไอ้หยาเด็กหนุ่มคนนี้ ทั้งสูงและยังงดงามราวกับรวมคนทั้งจักรวาลทำไมถึงไม่ซื้ออาวุธไว้ข้างกายสักอันล่ะ? หนุ่มๆตรงนี้มีเพลงกระบี่เมฆาสนั่นพอดี เ้าลองดูสิ!”
คนเร่ขายของคนหนึ่งที่ทั้งสองมือถือถาดซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือคัดลอกด้วยมือและวัสดุยาได้ขวางข้าไว้
ข้าเหลือบมองครู่หนึ่งก็เจอหนังสือเพลงกระบี่เมฆาสนั่นที่คัดลอกด้วยมือแต่คนคัดลอกนั้นศักยภาพต่ำอย่างเห็นได้ชัดจึงไม่สามารถเข้าใจถึงเคล็ดวิชาของศิลปะการต่อสู้ที่แท้จริงของดาบแถมไม่มีประสบการณ์ในการต่อสู้ เพียงแต่เป็การนำชื่อที่ดีมาตั้งไม่นานสายตาของข้าก็หยุดอยู่ที่ตำราข่าวสารของเมืองหลิงหยุนเฉิงและข้าก็ซื้อมาในราคาหนึ่งร้อย
ระหว่างเดินอยู่ซูเหยียนก็ได้ถามขึ้นมา “เ้าซื้อของแบบนั้นมาทำไม?”
“เรียนรู้เกี่ยวกับประเพณีท้องถิ่นไง สาวน้อยอย่างเ้าไม่เข้าใจหรอก”
“ชิ”
อันที่จริงข้าเรียนรู้เกี่ยวกับกลุ่มทหารรับจ้างและนักฆ่าที่อยู่ทั่วเมืองหลิงหยุนต่างหากล่ะ
...
หลังการตายของเสี้ยงอี้หัวหน้าคนที่สองก็กลายเป็ผู้นำการสังหารแต่ผู้นำของกลุ่มชิงอวี๋และทหารรับจ้างยังคงเป็อวี๋เฟยหยางและกลุ่มนักฆ่าวายุผวนเหมือนจะถูกสังหารเืไปแล้วเดือนที่ผ่านมามีการโจมตีร่วมกันหลายสิบครั้งโดยองค์กรนักฆ่าในเมืองได้โจมตีนักฆ่ากันเองอีกทั้งตำรวจทหารที่ลำบากใจจนไม่สามารถเริ่มลงมือได้นักฆ่าเ่าั้ฝีมือดีกว่าคนอื่นส่วนตำรวจทหารส่วนใหญ่เป็เพียงคนธรรมดาหาเื่ไม่ได้ก็ทำได้เพียงแค่ปล่อยนักฆ่าที่ทำผิดเหล่านี้ไปอย่างลอยนวล
เข้าสู่หุบเขาหลิงหยุนก่อนเที่ยง
พอตกบ่ายก็รีบเดินทางเข้าไปยังหุบเขาหลิงหยุนอย่างรวดเร็วเพื่อไปให้ถึงชั้นที่สี่ก่อนเวลาสองทุ่ม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้