สตรีแซ่ซ่งเผยสีหน้างงงวย หลังจากสตรีแซ่อวี๋โจวออกไปนางรีบตักน้ำแกงใส่ถ้วยให้เรียบร้อยหลังจากยกไปยังห้องโถงถึงกลับเรือนฝั่งตะวันออก
หลังร้องเรียกอวี๋ฝูหลิงและอวี๋ฉี่เจ๋อไปกินข้าวให้ห้องโถงสตรีแซ่ซ่งเดินเข้าไปในห้องด้านข้าง เอ่ยถามอวี๋เจียวว่า “แม่หนูเมิ่งเ้าจะเอาเงินค่ารักษากับท่านปู่ของเ้าอย่างนั้นหรือ?”
อวี๋เจียวพยักหน้าอย่างไม่รีบร้อน
สตรีแซ่ซ่งนั่งลงข้างเตียง “เด็กโง่เ้าขอค่ารักษากับท่านปู่ของเ้าได้อย่างไร? เขาให้เ้าเรียนวิชาหมอข้างกายก็ถือเป็วาสนาของเ้าแล้วเ้าจะมีความคิดอยากขอเงินค่ารักษาไม่ได้เมื่อครู่ท่านย่าบอกว่าท่านปู่ของเ้าโมโหอย่างมาก ลั่นวาจาว่าไม่ให้เ้ากินข้าวเ้ารีบตามข้าไปขอโทษท่านปู่ของเ้าแล้วยอมรับผิดเสีย”
“ไม่ให้ข้ากินข้าว?” ใบหน้าของอวี๋เจียวราบเรียบ “ท่านอาซ่ง ท่านไปกินข้าวเถิดข้าไม่ยอมรับความผิดนี้ จะไม่ยอมถอนคำพูดเื่เงินค่ารักษาเช่นกันเ้าค่ะ”
นาง้าเงินคุ้มกาย ไม่อาจอยู่ในสกุลอวี๋เป็เวลานานเื่รับเงินค่ารักษาเป็เพียงเื่ไม่ช้าก็เร็ว เมื่อเห็นอวี๋เจียวไม่เปลี่ยนความคิดจึงหยัดกายลุกขึ้นไปกินข้าวในห้องโถงเอ่ยออกมาเร็วขึ้นสักหน่อยอวี๋หรูไห่จะได้รับรู้ถึงท่าทีของนางนางจะได้่ชิงผลประโยชน์ที่ควรเป็ของนางมาโดยเร็ว
“เ้าเด็กคนนี้ทำไม่ถึงนิสัยตรงไปตรงมาถึงเพียงนั้น”สตรีแซ่ซ่งจนปัญญา นางอยู่ในห้องอีกครู่หนึ่งเมื่อเห็นอวี๋เจียวไม่เปลี่ยนความคิดถึงหยัดกายลุกขึ้นไปกินข้าวในห้องโถง
หลังจากสตรีแซ่ซ่งออกไปอวี๋เมิ่งซานที่นอนอยู่ในห้องด้านนอกร้องะโไปทางอวี๋เจียวว่า “แม่หนูเมิ่งเ้ามานี่”
อวี๋เจียวหันไปทางห้องด้านข้างอวี๋เมิ่งซานส่งหมั่นโถวไปให้อวี๋เจียวหนึ่งก้อน เอ่ยว่า“เ้าไปเอาตะเกียบมาจากห้องครัวอีกหนึ่งคู่ พวกเรากินด้วยกัน”
อวี๋เจียวรู้สึกอบอุ่นภายในใจ ส่ายหน้าออกมา “เ้าท่านกินเถิดข้าไม่หิว”
นางวางหมั่นโถวกลับเข้าไปในถ้วยของอวี๋เมิ่งซานอวี๋เจียวลุกขึ้นเดินออกไปข้างนอก ไฟในห้องโถงสว่างไสวคนทั้งสกุลอวี๋ล้วนแต่นั่งล้อมโต๊ะทานอาหารด้วยกัน อวี๋เจียวเหลือบตามองออกไปนอกประตูจวน
ด้านหลังของหมู่บ้านชิงอวี่เชื่อมติดกับูเาลูกใหญ่ท้องฟ้าในเดือนห้าพระจันทร์กระจ่าง ดวงดาวเป็ประกายสามารถมองเห็นูเาลูกใหญ่ขมุกขมัวห่างไกล อวี๋เจียวเดินเตร่รอบสกุลอวี๋นางไม่คุ้นเคยกับหมู่บ้านชิงอวี่ เกรงว่าหากเดินไปไกลจะหลงทางหลังจากเดินเตร่ครู่หนึ่งจึงนั่งลงบนก้อนหินใหญ่ก้อนหนึ่ง
สายลมเย็นสดชื่นพัดพากลิ่นหอมอ่อนของทุ่งหญ้าเมื่อพัดผ่านไปบนกายจึงรู้สึกสบายยิ่งนัก อวี๋เจียวเท้าคางมองท้องฟ้าว่างเปล่าตามด้วยหยิบกิ่งไม้ขึ้นมาขีดเขียนลงบนพื้นไม่กี่เส้นขีดจากนั้นวาดเครื่องหมายทำนายอันแปลกประหลาด
ริมฝีปากของนางขยับเล็กน้อย ท้ายที่สุดกลายเป็เสียงถอนหายใจ “ง่ายที่คงอยู่ยากที่จากไป” จากนั้นหันกลับไปมองจวนสกุลอวี๋ ดวงตาดุจผลซิ่งของอวี๋เจียวหรี่ลงดูท่าทางนางยังต้องอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่ง
นางลบเครื่องหมายทำนายบนพื้นอย่างไม่ใส่ใจนักเสียงประตูด้านหลังจวนส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด อวี๋เจียวหันหลังกลับ ปรากฏเงาร่างผอมบางของอวี๋ฉี่เจ๋ออยู่ด้านหลังประตูเขาเดินออกมาจากข้างในประตู
“มีอะไรหรือ? กลัวว่าข้าจะหนีอย่างนั้นหรือ?” อวี๋เจียวเอ่ยพลางหัวเราะด้วยความสนุกสนาน
อวี๋ฉี่เจ๋อส่ายหน้า หยุดลงโดยเว้นระยะห่างสามก้าวจากอวี๋เจียว“เ้าอยากไป?”
อวี๋เจียวมองดวงตาของเขา “ตอนแรกไม่คิด ภายหลังลองคิดดูแล้ว ทว่าก็ยังไปไม่ได้ชั่วคราว”
ชายแขนเสื้อของอวี๋ฉี่เจ๋อขยับเล็กน้อยหยิบเอาหมั่นโถวออกมาจากข้างในแล้วยื่นให้อวี๋เจียว
อวี๋เจียวมองหมั่นโถวในมือของเขา มุมปากหยักยิ้มแล้วเอื้อมมือไปรับก่อนจะยัดหมั่นโถวเข้าปาก “สุดยอด! วางใจเถิด ไม่ช้าก็เร็วข้าต้องไปจากสกุลอวี๋จะไม่มีทางกระทบต่อการแต่งงานกับแม่นางสกุลเฉินในภายหน้าของเ้าแน่นอน”
อวี๋ฉี่เจ๋อได้ยินนางเอ่ยเช่นนี้เขาไม่อยากเปลืองวาจาชี้แจงเื่ระหว่างเขากับแม่นางเฉินกับเฉินโหรวอีกเอ่ยเพียง “เ้า้าเงินค่ารักษาเพื่อไปจากสกุลอวี๋หรือ?”
อวี๋เจียวกลืนหมั่นโถวแห้งภายในปาก จากนั้นกัดอีกหนึ่งคำ“ใช่และไม่ใช่ เพราะถึงอย่างไรการมีเงินติดตัวย่อมเป็เื่ดีในใต้หล้านี้ไม่มีอะไรน่าเชื่อถือ มีเพียงเงินเท่านั้นที่น่าเชื่อถือมากที่สุด”
อวี๋ฉี่เจ๋อมองสีหน้าราบเรียบของนาง นิ่งเงียบเป็เวลานานอวี๋เจียวที่อยู่เบื้องหน้าช่างเหมือนคนแปลกหน้าเหลือเกิน ไม่ว่าจะท่าทีหรือวาจาล้วนแตกต่างจากเมิ่งอวี๋เจียวคนก่อนหน้าลิบลับ
เมื่อนึกถึงคำกล่าวบางอย่างที่เคยอ่านผ่านหนังสือหลังจากอวี๋ฉี่เจ๋อนิ่งเงียบเป็เวลานาน ทันใดนั้นร้องะโออกมาว่า“เมิ่งอวี๋เจียว!”
“อืม?” อวี๋เจียวหมุนตัวหันกลับไปมองเขา
อวี๋ฉี่เจ๋อกลับไร้วาจาต่อท้าย บนตำราผีสางเทวดาเคยเขียนเอาไว้ว่าหากมีิญญาเข้าสิงร่าง เมื่อร้องะโเรียกชื่อกะทันหัน นางไม่มีทางขานรับ