มู่จื่อหลิงจ้องไปทางที่เย่จื่อมู่หายไปพลางโมโหจนกระทืบเท้า เ้าคนขี้โอ่สมควรตาย เ้าพ่อค้าหน้าเืสมควรตาย ไม่มีเื่ก็ตั้งใจจะหาเื่ใช่หรือไม่ กลั่นแกล้งคนเสร็จก็แอบย่องหนีไป
แต่เดิมนางก็รีบอยู่แล้ว นั่งรถม้าก็ช้า ตอนนี้ยังมาถูกเ้าพ่อค้าขี้เหนียวนี่ทำให้เสียเวลาไปอีก น่าโมโหจริงๆ!
ไม่รู้ว่าเงาร่างสูงใหญ่ในจวนอ๋องเดินออกมาโดยไร้สุ้มเสียงั้แ่เมื่อใด
เขายืนอยู่ห่างจากด้านหลังของมู่จื่อหลิงไม่ไกล เหมือนดั่งแสงสว่างในคืนอันมืดมิด เปล่งประกายสูงศักดิ์และน่าเกรงขามจนมิอาจล่วงเกิน
ดวงตาลุ่มลึกถือดีสีดำขลับของเขาในยามนี้หรี่ลงน้อยๆ มองไปยังทิศทางที่มู่จื่อหลิงมองอยู่ ราวกับมองเพียงแค่ชั่วพริบตา เขาก็ดึงสายตาเ็า แล้วย้ายมองสตรีที่หันหลังให้เขาอยู่ในขณะนี้ด้วยความเ็า
มู่จื่อหลิงพลันรู้สึกเย็นวาบที่กระดูกไขสันหลัง นางไม่กลัวหนาว แต่ตอนนี้ช่างเย็นเยือกนัก เกิดอะไรขึ้น?
แต่ว่าความรู้สึกเช่นนี้เหตุใดจึงดูคุ้นเคยนัก?
ความหนาวเย็นนั่นดูเหมือนจะมาจากด้านหลัง จู่ๆ นางก็มีลางสังหรณ์อันไม่ดีพุ่งขึ้นมาในใจ!
มู่จื่อหลิงยังไม่ทันตอบสนอง น้ำเสียงเย็นเยียบก็ดังมาจากด้านหลัง
“มู่จื่อหลิง กลับมาแล้วจะวิ่งออกไปทำสิ่งใดอีก ยามนี้ยังกล้าคิดออกไปตอนค่ำมืดเสียด้วย?” เสียงไต่ถามอันเย็นเยียบน่าเกรงขามของหลงเซี่ยวอวี่ดังขึ้นด้านหลังมู่จื่อหลิง น้ำเสียงแฝงแววโทสะสายหนึ่ง
ร่างกายของมู่จื่อหลิงแข็งทื่อขึ้นมาโดยพลัน ถูกแช่แข็งไว้ในทันที น้ำเสียงเย็นเยียบเช่นนี้ ไม่ต้องคิดนางก็รู้ว่าเป็ใคร
หลงเซี่ยวอวี่มาั้แ่เมื่อใด? หรือเมื่อครู่นี้เย่จื่อมู่มองเห็นหลงเซี่ยวอวี่ถึงเผ่นหนีไป หลงเซี่ยวอวี่เห็นเย่จื่อมู่แล้วใช่หรือไม่?
หากเห็นเข้าแล้ว เขาจะคิดเช่นใด แม้จะเป็เย่จื่อมู่มาหาถึงหน้าประตู นางจึงได้พบเขาด้วยความบังเอิญ แต่นางออกมาพบบุรุษตอนค่ำมืดก็มิใช่เื่มีเกียรติอันใด
ที่จริงแล้วสิ่งที่มู่จื่อหลิงไม่รู้ก็คือ เสี่ยวหานได้พบหลงเซี่ยวอวี่แล้ว เพียงแต่นางไม่มีโอกาสพูดจริงๆ เท่านั้น
เพราะหลงเซี่ยวอวี่เห็นว่ามู่จื่อหลิงไม่อยู่ เขาก็หายไปจากครรลองสายตาของเสี่ยวหานอย่างรวดเร็ว แม้แต่โอกาสจะพูดสักคำเสี่ยวหานก็ยังไม่มี
เห็นมู่จื่อหลิงไม่ได้พูดอยู่เป็เวลานาน และมิได้ขยับเขยื้อน ความอดทนของหลงเซี่ยวอวี่ก็ดูเหมือนจะถูกบดขยี้จนพอเสียแล้ว จึงอ้าปากพูดด้วยความเ็า “หันหลังกลับมา!”
เดิมทีมู่จื่อหลิงไม่ได้ทำผิดอะไรเลย แต่เมื่อถูกหลงเซี่ยวอวี่ข่มขวัญเช่นนี้ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าตนเองเหมือนทำสิ่งใดผิดขึ้นมา?
ก่อนจะออกมานางก็ไปหาหมอนี่แล้ว ทั้งยังกำชับเสี่ยวหานไว้ ถ้ามิใช่เพราะร้อนใจกับอาการป่วยของมารดานางจนเกินไป นางจะออกมาค่ำๆ มืดๆ หรือ!
ทั้งหมดนี้เป็เพราะพ่อค้าหน้าเืสมควรตาย หากมิใช่เพราะเขามาก่อเื่วุ่นวายเอากลางคัน นางก็ไปอยู่บนถนนที่มุ่งสู่สวนจิ้งซินแล้ว ไหนเลยจะมาเสียเวลาอยู่ที่นี่
มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเข้าลึก หันตัวมาอย่างช้าๆ ั้แ่ต้นจนจบสายตาของนางไม่กล้ามองไปทางบุรุษตรงหน้า
“เงยหน้าขึ้น ตอบคำถามของเปิ่นหวาง!” น้ำเสียงของหลงเซี่ยวอวี่ดุดันเ็า แผ่บรรยากาศกดดันผู้อื่น เปิดเผยรังสีอันตราย
หญิงสมควรตายผู้นี้ เขาเพิ่งจะก้าวออกจากตำหนักอวี่หาน นางก็เริ่มเตรียมรถม้าจะออกไปข้างนอกอีกแล้ว หากเขามาไม่ทัน สตรีผู้นี้มิใช่ว่าจะกล้าออกไปกับบุรุษเมื่อครู่หรือ
มู่จื่อหลิงปลุกระดมความกล้าหาญเงยสายตาขึ้นช้าๆ ั์ตาสวยกระจ่างสบเข้ากับดวงตาลุ่มลึกที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งพันปีของหลงเซี่ยวอวี่
ในใจนางหนาวสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ จู่ๆ ก็รู้สึกถึงความเย็นเยียบเสียดแทงกระดูกไล่ขึ้นมาจากปลายเท้าอย่างเชื่องช้า แผ่ซ่านไปยังแขนขาทั้งสี่กระดูกทุกข้อ!
“หม่อมฉัน...มารดาหม่อมฉันป่วยหนัก หม่อมฉันจึงรีบร้อนไปดูนาง ก่อนหน้าหม่อมฉันไปหาท่านอ๋องมาแล้ว แต่หาไม่พบ หม่อมฉันจึงบอกเสี่ยวหานเอาไว้” มู่จื่อหลิงพูดกระซิบ น้ำเสียงที่แ่เบาเสียจนเสมือนมีเพียงนางที่ได้ยินนั้นดูเหมือนจะแฝงความน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้
ไปหาหลงเซี่ยวอวี่มาแล้ว หาไม่พบก็มิใช่ความผิดของนางเสียหน่อย ยามนี้มารดาแท้ๆ ของนางป่วยหนัก นางจะไปเยี่ยมสักครู่ก็ไม่ได้หรือ? หลงเซี่ยวอวี่อาศัยสิ่งใดมาซักถามนางเช่นนี้
มู่จื่อหลิงยิ่งหลบเลี่ยงหลงเซี่ยวอวี่เช่นนี้ ก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกว่ามู่จื่อหลิงกินปูนร้อนท้อง
เพียงชั่วพริบตาใบหน้าของหลงเซี่ยวอวี่ก็เหมือนถูกปกคลุมด้วยน้ำค้างแข็ง ดวงตาดำขลับทั้งสองข้างเย็นเฉียบราวเกล็ดหิมะ
เขาสาวเท้าไปตรงหน้ามู่จื่อหลิง ใช้ปลายนิ้วเรียวยาวเชยคางเล็กแหลมขาวบริสุทธิ์ของมู่จื่อหลิงขึ้นน้อยๆ บังคับให้มู่จื่อหลิงสบสายตาเย็นเยียบของตนเอง
“พูดเช่นนี้ฉีหวางเฟย้าออกไปกับชายหนุ่มคนนั้นค่ำๆ มืดๆ?” คำพูดของหลงเซี่ยวอวี่นิ่งสงบราวกับน้ำ แต่น้ำเสียงกลับเย็นจนเหมือนน้ำแข็ง แม้จะเป็คำถาม แต่เขากลับพูดอย่างมั่นใจนัก
มู่จื่อหลิงชะงักไปครู่หนึ่ง ดูแล้วเมื่อครู่หมอนี่คงมิได้เห็นเพียงเย่จื่อมู่ ดูจากที่เขาถามเช่นนี้ เหมือนว่ายังได้ยินบทสนทนาตอนท้ายของพวกนางด้วย
และเป็เพราะเย่จื่อมู่มองเห็นหลงเซี่ยวอวี่จึงเผ่นหนีไปว่องไวปานนั้น!
หลงเซี่ยวอวี่ถามอย่างเยือกเย็น เหตุใดนางจึงรู้สึกว่านี่คือลมสงบก่อนพายุจะมาเยือน!
มู่จื่อหลิงหวาดกลัวจนอยากขยับศีรษะ หลบสายตาดุดันของหลงเซี่ยวอวี่ แต่ว่า
“พูด!” ขณะที่พูดหลงเซี่ยวอวี่เพิ่มแรงที่มืออย่างไม่ได้ตั้งใจ สายตากดข่มผู้อื่น น้ำเสียงเย็นเยียบว่างเปล่า เมื่อได้ยินก็หวาดกลัวยิ่งนัก
ได้ยินเสียงนี้ มู่จื่อหลิงพลันรู้สึกว่าในใจเริ่มสั่นขึ้นมา แต่นางกล้ารับรองว่าหากนางกล้าพูดว่าใช่ นางจะต้องไม่เห็นพระอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้แล้ว
เหตุใดหมอนี่ต้องแผ่บรรยากาศกดดันคนเช่นนี้ หรือว่าเพราะนางคือฉีหวางเฟย ออกมาพบบุรุษดึกดื่นทำให้จวนฉีอ๋องขายขี้หน้า?
แต่นางมิได้ทำเื่อันใดผิดจริงๆ และมิได้ทำจวนฉีอ๋องต้องเสียหน้าด้วย ตนเองจะใจฝ่อหวาดกลัวอะไร เหตุใดทุกครั้งที่พบหลงเซี่ยวอวี่ สมองของนางก็มิอาจควบคุม ไม่ปลอดโปร่งเล่า
“ไม่ใช่เพคะ หม่อมฉันจะไปคนเดียว” มู่จื่อหลิงตอบอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงเปิดเผย สายตาไร้ซึ่งการหลบเลี่ยงจ้องหลงเซี่ยวอวี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
แม้จะเป็ตอนกลางคืน ั์ตาลุ่มลึกของหลงเซี่ยวอวี่ในยามนี้นั้นดุดันและทอประกายเป็พิเศษ นางสามารถมองเห็นตัวนางเองในดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ แต่เหตุใดนางกลับมองความคิดลึกซึ้งในดวงตาของหลงเซี่ยวอวี่ไม่ออกเสียเลย
สิ่งที่มู่จื่อหลิงไม่ทราบก็คือ บนโลกนี้นางเป็คนแรกที่กล้าสบสายตากับฉีอ๋องได้นานเพียงนี้ เป็คนแรกที่คิดจะมองความรู้สึกนึกคิดของเขาผ่านดวงตาของเขา
ั์ตาเ็าของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลงน้อยๆ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อคำพูดของมู่จื่อหลิง!
เขาเพิ่งได้ยินกับหูว่าหญิงผู้นี้ให้ชายชุดแดงบังคับรถม้า นางยังกล้าพูดว่าไม่ใช่
เื่จริงๆ เป็เช่นนั้นแต่หลงเซี่ยวอวี่ไม่เชื่อ มู่จื่อหลิงก็ไม่รู้ว่าควรจะอธิบายเช่นใด อธิบายเพิ่มไปอีกก็ไม่มีประโยชน์ แล้วยังอาจจะยิ่งจับยิ่งดำ ยืนยันว่าตนเองมีชนักติดหลัง
ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางอยากทำ แทบทนรอไม่ไหว ก็คือจับเย่จื่อมู่มาใช้มีดเป็พันเป็หมื่นเล่มแยกเขาออกเป็ชิ้นๆ
เพียงแต่หากนางอธิบายกับคนอารมณ์แปรปรวนเช่นหมอนี่ได้ไม่ชัดเจน ถ่วงเวลาต่อไปเช่นนี้ก็ไม่ใช่เื่ นางยังต้องไปที่สวนจิ้งซิน
มู่จื่อหลิงหลบสายตาเย็นเยียบของหลงเซี่ยวอวี่ อ้าปากถามอย่างเฉยเมย “ท่านอ๋อง ตอนนี้หม่อมฉันสามารถไปเยี่ยมมารดาได้หรือยังเพคะ?”
นางไม่รู้ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะเห็นชอบให้นางไปสวนจิ้งซินหรือไม่ หากหลงเซี่ยวอวี่ไม่เห็นชอบ นางก็จะคิดหาวิธีไป และจะต้องไปแน่ๆ
หลงเซี่ยวอวี่ปล่อยมือออก เขาไม่ได้ตอบคำถามของมู่จื่อหลิงแต่เดินไปที่รถม้า ปลุกฝูหลินที่สลบอยู่บนด้านหน้าของรถม้าให้ฟื้นขึ้นมา
ฝูหลินลุกขึ้นมาอย่างสะลึมสะลือ เมื่อเห็นคนตรงหน้าก็ใไปหนึ่งยก กลิ้งลงมาจากรถม้าในทันใด คุกเข่าจำนนอยู่เบื้องหน้าหลงเซี่ยวอวี่ “คารวะท่านอ๋อง”
“ไปขอรับการเฆี่ยนด้วยตนเองห้าสิบที” หลงเซี่ยวอวี่มิได้พูดให้มากความ น้ำเสียงใสเย็นราบเรียบ แต่กลับเผยความทรงอำนาจของผู้เป็อ๋องที่มิอาจต่อต้านขัดขืน
“ขอรับ!” แม้ฝูหลินจะเพิ่งตื่นขึ้นมา ไม่เข้าใจเหตุผล แต่คำสั่งเ้านายมิอาจฝ่าฝืนและเขายินดียอมรับโทษ
ได้ยินคำพูดนี้มู่จื่อหลิงก็ไม่เยือกเย็นแล้ว เหตุใดหมอนี่จึงได้พาลไม่ฟังเหตุผลเช่นนี้ เป็การลงโทษเฆี่ยนตีมิใช่การลงโทษด้วยการโบยตีอันใดนั่น เฆี่ยนลงไปทีเดียวเนื้อหนังก็ปริแตกแล้ว
และหลงเซี่ยวอวี่ให้ฝูหลินไปตอนนี้ หมายความว่าไม่อนุญาตให้นางไปสวนจิ้งซิน?
คนเผด็จการผู้นี้ ช่างฆ่าคนตาไม่กะพริบ ลงโทษคนไม่ปรานี!
มู่จื่อหลิงลืมสติไปชั่วขณะ เดินเข้าไปรั้งฝูหลินที่กำลังจะยืดกายขึ้นไว้ ถลึงตามองหลงเซี่ยวอวี่อย่างโกรธเคือง “เป็หม่อมฉัน้าออกมาเอง ฝูหลินไม่ผิด ท่านอ๋องลงโทษเขาทำไม?”
หลงเซี่ยวอวี่ไม่คิดว่าจู่ๆ มู่จื่อหลิงจะก้าวขึ้นมา อาจหาญถลึงตาใส่เขาอย่างขุ่นเคือง แล้วยังถลึงตาใส่เขาเพราะชายอื่น ความกล้าหาญของหญิงผู้นี้นับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ใยดีมู่จื่อหลิง เสียงของหลงเซี่ยวอวี่เ็าไร้ที่เปรียบและเฉยชาไร้ความปรานี “หนึ่งร้อยที!”
“ท่านอ๋อง!” มู่จื่อหลิงพลันโกรธจนหายใจไม่ออก
นางรู้ว่าหากนางยังพูดต่อ หมอนี่จะต้องเพิ่มอีกแน่
น่าชิงชังนัก! วันนี้หมอนี่กินชนวนะเิเข้าไปหรือ? แค่แตะก็ะเิแล้ว ทำให้ผู้อื่นไม่มีโอกาสที่จะป้องกัน ก่อนหน้านี้ตักเตือนนางหนึ่งสองประโยคก็ได้แล้ว แต่ตอนนี้เริ่มเอาจริงขึ้นมา
อย่าใจร้ายกันเพียงนี้ได้หรือไม่!
ฝูหลินรับไปห้าสิบทีแล้ว เช่นนั้นตัวการอย่างนางจะไม่เพิ่มไปอีกหนึ่งเท่าหรือ? เฆี่ยนร้อยทีนั่นลงไป เนื้อหนังมังสาของนางจะไม่เละเป็น้ำหรือ!
วันนี้ช่างออกจากจวนไม่ราบรื่น เื่ราวติดขัดไปหมด หนึ่งคนไม่มีเื่ก็หาเื่มาป่วน หนึ่งคนมาไล่ถามนางอย่างไม่มีที่มาที่ไป
ฝูหลินเห็นหวางเฟย กล้าสบสายตากับฉีอ๋องด้วยท่าทางมีเหตุผลเต็มเปี่ยมเพื่อเขา ใจก็จวนจะะโขึ้นมาถึงลำคอแล้ว โลกนี้ไม่มีผู้ใดกล้าปฏิบัติกับฉีอ๋องเช่นนี้
นี่หวางเฟยกำลังท้าทายอำนาจท่านอ๋องอยู่!
หากฉีอ๋องพิโรธขึ้นมาจริงๆ ผลที่ตามมาคงเลวร้ายจนคาดไม่ถึง
ที่จริงแล้วเขามิได้โทษหวางเฟยที่ทำให้เขาถูกลงโทษเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้เขาเพียงได้แต่ขอร้องไม่ให้ท่านอ๋องลงโทษหวางเฟย
แม้ในใจฝูหลินจะไม่อยากให้มู่จื่อหลิงได้รับโทษยิ่งนัก แต่เขากลับไม่กล้าขอความเมตตา เขารู้ว่าอำนาจของนายท่านมิอาจฝ่าฝืนได้โดยง่าย ได้แต่ไปขอรับโทษด้วยตนเองตามคำสั่ง
หลังจากฝูหลินจากไป มู่จื่อหลิงก็ไม่ลืมความตั้งใจแรกที่ตนเองจะไปสวนจิ้งซิน
“ท่านอ๋อง วันนี้หม่อมฉันต้องไปเยี่ยมมารดาให้ได้ รอกลับมา หม่อมฉันจะไปขอรับโทษเองเพคะ” ใบหน้าขนาดเล็กของมู่จื่อหลิงเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นไม่ย่อท้อ
ต่อให้ไม่มีรถม้า นางยังสามารถไปเช่าสักคันด้วยตนเองได้ เื่หลังจากนี้เ้าคนบ้าอำนาจหยาบคายจะลงโทษนางเช่นใด นางล้วนยอมรับแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้พูดอะไร มองมู่จื่อหลิงอย่างเ็า ไม่รู้ว่ากำลังคิดสิ่งใดอยู่
มู่จื่อหลิงสบสายตาของเขาโดยไม่แสดงความอ่อนแอออกมา แต่เพียงชั่วพริบตาเดียวนางก็พ่ายแพ้เสียแล้ว!
ในใจนางเต็มไปด้วยความน้อยใจ หมอนี่เอาแต่สงวนวาจามาโดยตลอด เช่นนั้นก็ใช่ว่านางจะไปไม่ได้นี่?
มู่จื่อหลิงไม่คิดจะรอต่อไปอีก ดึงสายตากลับมาอย่างไม่พอใจ ปลุกความกล้าหาญในตัวแล้วกัดฟันอย่างแรง หมุนตัวเดินไปยังถนนสายใหญ่อันมืดมิดด้วยความแน่วแน่
แท้ที่จริงแล้วทุกย่างก้าวของนางล้วนแต่เป็ความอกสั่นขวัญแขวน นางกลัวว่าหลงเซี่ยวอวี่จะขวางนางไว้ หากเขาขวางไว้ แม้แต่ปลายนิ้วเขานางยังััไม่ได้
เดินไปได้สองสามก้าว หลงเซี่ยวอวี่ก็ยังไม่เอ่ยปากรั้งไว้ ทว่าในใจของมู่จื่อหลิงก็ยิ่งไม่สงบขึ้นเรื่อยๆ นางสามารถรับรู้ได้ถึงสายตากินเืกินเนื้อกำลังจ้องมาที่นางแน่นิ่ง
ขณะนี้นางรู้สึกว่าทุกย่างก้าว ฝีเท้านั้นหนักอึ้งราวกับทองพันชั่ง
ยามนี้เอง มู่จื่อหลิงก็ได้ยินเสียงร้องของม้ามาจากด้านหลัง ค่อยๆ วิ่งมาทางนาง......