บทที่ 4:เกลือหนึ่งถุง...แลกชีวิต
เกวียนเทียมวัวเคลื่อนตัวไปบนทางดินขรุขระอย่างเชื่องช้าออกจากหมู่บ้านแต่เช้าตรู่ แต่หัวใจของถังเหมยหลินกลับเต้นระรัวเร็วกว่าฝีเท้าของวัวหลายเท่านัก นางนั่งกอดเข่าอยู่บนเกวียน ข้างกายมีซูก๋วนที่นั่งเงียบขรึม ส่วนผู้เฒ่าฉีจำต้องนั่งร่วมทางไปด้วยในฐานะ "ผู้ค้ำประกัน" เดิมพันครั้งนี้ไม่ใช่แค่ชีวิตของซูเหยียน แต่ยังรวมถึงเกียรติภูมิของตาเฒ่าด้วย
ยิ่งเข้าใกล้เขตเมือง ความแตกต่างก็ยิ่งปรากฏชัด กระท่อมดินถูกแทนที่ด้วยบ้านก่ออิฐหลังคากระเบื้อง ถนนหนทางเริ่มสะอาดสะอ้าน และเมื่อเกวียนมาหยุดอยู่หน้าจวนนายอำเภอ ซูก๋วนก็ถึงกับอ้าปากค้าง
ประตูสีแดงสดบานใหญ่ตั้งตระหง่าน มีสิงโตหินแกะสลักคู่งามเฝ้าอยู่ ยามเฝ้าประตูสองนายในชุดเครื่องแบบยืนถือทวนอย่างน่าเกรงขาม ที่นี่คือโลกอีกใบที่ชาวบ้านอย่างพวกเขาไม่เคยมีโอกาสได้เหยียบย่างเข้ามา
"นายทหารยามข้า...ผู้เฒ่าฉีแห่งหมู่บ้านจิ่งสุ่ย ขอเข้าพบนายท่านนายอำเภอจ้าว ข้ามีเื่สำคัญจะกราบเรียนขอรับ!" ผู้เฒ่าฉีลงจากเกวียนไปเจรจาด้วยท่าทีนอบน้อมผิดกับตอนที่อยู่ในหมู่บ้านอย่างสิ้นเชิง
ยามมองพวกเขาด้วยสายตาดูแคลนั้แ่หัวจรดเท้า "นายท่านกำลังกลุ้มใจเื่คุณชายอยู่ ไม่มีเวลามาพบชาวบ้านอย่างพวกเ้าหรอก กลับไปซะแล้วอย่ามาเกะกะอยู่แถวนี้อีก!"
"แต่พวกเรามาเพื่อรักษาคุณชายลู่นะขอรับ ช่วยไปเรียนนายท่านด้วยเถอะ!" ซูก๋วนเผลอโพล่งออกไป
คำพูดนั้นทำให้ยามทั้งสองหัวเราะลั่นและมองทั้งสามคน "รักษาคุณชายรึ? ด้วยเด็กสาวชาวป่าเนี่ยนะ? ขนาดท่านหมอเถียนที่เคยเป็หมอหลวงในวังยังจนปัญญา รีบไสหัวไปก่อนที่พวกข้าจะหมดความอดทน!"
สถานการณ์กำลังจะเลวร้ายลง แต่แล้วประตูบานใหญ่ก็เปิดออก พร้อมกับที่พ่อบ้านใหญ่ท่าทางสุขุมเดินออกมา เขามองมายังกลุ่มของซูเหยียนอย่างชั่งใจ ก่อนจะกล่าวว่า "นายท่านจ้าวบอกว่า...หากใครก็ตามที่สามารถรักษาคุณชายได้ จะยอมให้ลองดู...เชิญพวกเ้าเข้ามาเถอะ"
ความสิ้นหวังของนายอำเภอผู้เป็บิดา ได้กลายเป็ประตูบานเดียวที่เปิดทางให้แก่นางในยามนี้
ภายในจวนนั้นโอ่อ่าแต่งดงาม แต่กลับอบอวลไปด้วยความเงียบงันและกลิ่นยาต้มที่เข้มข้น ในห้องพักอันหรูหรา ร่างของเด็กหนุ่มวัยสิบสี่นาม จ้าวลู่ นอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแห้งแตก เหงื่อกาฬผุดเต็มหน้าผาก ข้างเตียงมีชายวัยกลางคนสวมชุดแพรอย่างดี ซึ่งก็คือนายอำเภอจ้าว และสตรีผู้เป็ฮูหยินซึ่งร้องไห้จนตาบวมช้ำ
มุมห้องมีชายชราผมขาวในชุดบัณฑิตนั่งหน้าเครียด เขาคือ ท่านหมอเถียน ผู้เย่อหยิ่ง
"นางรึ คือคนที่เ้าพามา?" นายอำเภอจ้าวถามผู้เฒ่าฉี น้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงแต่แฝงอำนาจ
ซูเหยียนไม่รอให้ใครพูดแทนนางอีกต่อไป นางก้าวไปข้างหน้า ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย "ข้าผู้น้อยซูเหยียน ขออนุญาตตรวจดูอาการคุณชายเ้าค่ะ"
หมอเถียนแค่นเสียง "เด็กเมื่อวานซืน! ข้าตรวจดูแล้ว คุณชายถูกพิษเย็นสะสมในลำไส้ ข้าให้ยาขับพิษไปหลายเทียบแล้วก็ไม่ดีขึ้น เ้าจะรู้อะไรมากกว่าข้ารึ?"พูดจบเขาก็เมินหน้าหนีและกวาดสายสายตาเหยียดหยาม มาที่คนทั้งสาม
ถังเหมยหลินไม่สนใจคำดูแคลนนั้น นางวางมือลงบนหน้าผากของจ้าวลู่เพื่อวัดไข้...ร้อนจัด จากนั้นค่อยๆ เลื่อนมือลงมาที่ท้องน้อย นางกดเบาๆ ไปทั่วบริเวณท้อง แต่เมื่อนิ้วของนางกดลงไปที่ ท้องน้อยด้านขวา ร่างของเด็กหนุ่มที่ไม่ได้สติก็กระตุกเกร็ง ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเ็ป
เจอแล้ว! อาการบ่งชี้ชัดเจน...ไส้ติ่งอักเสบ!
ในยุคโบราณไม่มีใครรู้จักโรคนี้ พวกเขารักษาด้วยการให้ยาถ่ายเพื่อขับ "พิษ" ออก ซึ่งมีแต่จะเร่งให้ไส้ติ่งที่อักเสบแตกเร็วขึ้น และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้อาการของจ้าวลู่ทรุดหนักลงทุกขณะ
"ท่านหมอเถียนวินิจฉัยผิดแล้วเ้าค่ะ" ซูเหยียนกล่าวเสียงเรียบ แต่ก้องกังวานไปทั่วห้อง "นี่ไม่ใช่พิษเย็น แต่เป็ฝีในช่องท้อง พิษร้อนกำลังก่อตัวขึ้นที่จุดเดียว ยิ่งท่านให้ยาขับถ่าย ก็เหมือนยิ่งราดน้ำมันเข้ากองไฟ"
"หนอย! บังอาจ!" หมอเถียนลุกพรวดขึ้นด้วยความโกรธ
"แล้วเ้าจะรักษาอย่างไร!" นายอำเภอจ้าวถามแทรกขึ้น แววตาฉายความหวังริบหรี่
"คุณชายไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน ทั้งยังมีไข้สูงและอาเจียน ร่างกายของเขากำลังขาดน้ำอย่างรุนแรง นี่คือสิ่งที่กำลังจะคร่าชีวิตเขา" นางอธิบายอย่างใจเย็น ก่อนจะพูดต่อ
"สิ่งแรกที่ต้องทำคือการเติมน้ำและพลังให้ร่างกาย และลดความร้อนจากภายใน...โดยไม่ต้องใช้ยาถ่ายแม้แต่เม็ดเดียว"
"ข้าขอเพียงข้าวสารหนึ่งกำมือ เกลือหนึ่งหยิบ และน้ำต้มสุกที่สะอาดเท่านั้นเ้าค่ะ"
คำขอของนางทำให้ทุกคนตะลึงอีกครั้ง การรักษาโรคร้ายแรงกลับใช้เพียงของพื้นๆ ที่ทุกครัวเรือนมี
นายอำเภอจ้าวจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของซูเหยียน เขามองเห็นความมั่นใจที่ไม่สั่นคลอน ในเมื่ออับจนหนทางแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรจะเสีย "ดี! ข้าจะให้เวลาเ้าจนถึงรุ่งสาง หากคุณชายอาการไม่ดีขึ้น...พวกเ้าทั้งหมดก็เตรียมตัวไปพบยมบาลได้เลย!"
ถังเหมยหลินไม่รอช้า นางสั่งให้คนไปเตรียมของที่ขอมาทันที นางนำข้าวสารไปต้มเป็น้ำข้าวข้นๆ ทิ้งไว้ให้อุ่น แล้วจึงค่อยๆ ตักเกลือใส่ลงไปในปริมาณที่นางคำนวณอย่างดี...นี่คือ "น้ำเกลือแร่" ฉบับโบราณที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ในตอนนี้
นางใช้เวลาตลอดทั้งคืน นั่งอยู่ข้างเตียงคุณชายจ้าวลู่ ค่อยๆ ใช้ช้อนป้อนน้ำข้าวผสมเกลือทีละนิดให้ซึมผ่านริมฝีปากที่แห้งผากของเขา ท่ามกลางสายตาเคลือบแคลงของหมอเถียน และสายตาที่เต็มไปด้วยความหวังของสองสามีภรรยา ซูก๋วนคอยส่งน้ำและเช็ดตัวให้นางอยู่ไม่ห่าง
เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า...จนกระทั่งถึงยามจื่อ (เที่ยงคืน)
"อึก...น้ำ..."
เสียงแหบแห้งที่แทบไม่ได้ยินดังออกมาจากลำคอของจ้าวลู่!ฮูหยินจ้าวรีบพรวดพราดเข้าไปหาบุตรชาย "ลู่เอ๋อร์! เ้าฟื้นแล้วรึลูก!"
เด็กหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนแรง แต่สายตาของเขามีแววรู้สติเป็ครั้งแรกในรอบหลายวัน ไข้ที่เคยร้อนระอุเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
มันคือปาฏิหาริย์! ปาฏิหาริย์ที่เกิดจากความรู้ทางการแพทย์ที่ล้ำหน้าไปพันกว่าปี!
เมื่อถึงรุ่งเช้า คุณชายจ้าวลู่ก็สามารถดื่มน้ำข้าวได้เองจนหมดถ้วย แม้จะยังอ่อนเพลียและมีอาการปวดท้องอยู่บ้าง แต่เขาก็พ้นขีดอันตรายมาแล้วอย่างชัดเจน หมอเถียนหน้าซีดเผือด ค่อยๆ หลบฉากออกไปจากห้องอย่างเงียบเชียบด้วยความอัปยศอดสู
นายอำเภอจ้าวทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงบุตรชาย น้ำตาแห่งความยินดีไหลอาบแก้ม เขาสั่งให้คนไปตามซูเหยียนมาพบ
"แม่นางซู...เ้าคือผู้มีพระคุณของตระกูลข้า!" เขากล่าวเสียงเครือ "เ้า้าสิ่งใดจงบอกมา ทองคำ ผ้าไหมแพรพรรณ หรืออยากได้ตำแหน่งในจวนนี้ ข้าจะให้เ้าทุกอย่าง!"ซูก๋วนตาโตเมื่อได้ยินเช่นนั้น นี่คือโอกาสที่จะพลิกชีวิตจากหลังมือเป็หน้ามือแต่ถังเหมยหลินกลับส่ายหน้าช้าๆ และค้อมกายลง
"ผู้น้อยมิบังอาจรับของมีค่าเ่าั้เ้าค่ะ ความรู้ที่ใช้รักษาคุณชายเป็พรจาก์ที่ประทานมาให้ช่วยเหลือผู้คน มิใช่เพื่อแสวงหาลาภยศ"นางเงยหน้าขึ้น สบตากับนายอำเภอผู้ทรงอำนาจอย่างตรงไปตรงมา
"ผู้น้อยขอเพียง...เกลือหนึ่งกระสอบสำหรับชาวบ้านจิ่งสุ่ยที่ยากไร้ และข้าวสารอีกสิบกระสอบเพื่อจุนเจือครอบครัวของข้า...เพียงเท่านี้เ้าค่ะ"
คำตอบของนางทำให้นายอำเภอจ้าวถึงกับนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ เขามองเด็กสาวชาวป่าตรงหน้าด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง นี่ไม่ใช่แค่ผู้มีพร์ แต่ยังเป็ผู้ที่มีจิตใจสูงส่งยิ่งนัก
การไม่โลภในลาภยศ กลับมีค่ามากกว่าทองคำกองเท่าูเาเสียอีก
"ได้!" นายอำเภอจ้าวประกาศก้อง "ข้าจะให้ตามที่เ้าขอ! และนับจากนี้ไป...แม่หนูซูเหยียนแห่งหมู่บ้านจิ่งสุ่ย จะอยู่ในความคุ้มครองของข้า! ผู้ใดที่คิดจะทำร้ายเ้า ก็เท่ากับเป็ศัตรูกับข้า...จ้าวเจิ้งคุน ผู้นี้!"
ข่าวการรักษาคุณชายลู่ได้สำเร็จด้วยวิธีอันน่าพิศวง และการปฏิเสธรางวัลใหญ่หลวงเพื่อขอเพียงเกลือและข้าว...ได้แพร่สะพัดไปทั่วอำเภออย่างรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง
ชื่อของ "หมอหญิงซูเหยียน" ได้ถือกำเนิดขึ้นแล้วในวันนั้น...และมันเป็เพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของตำนานที่ยิ่งใหญ่ ที่กำลังจะนำพานางเข้าสู่ใจกลางของวังวนแห่งอำนาจที่นางไม่เคยคาดคิดมาก่อน.!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้