หยางซื่อตกตะลึงงัน จับจ้องไปที่หลิงมู่เอ๋อร์นิ่งค้าง
นางวางสิ่งของที่อยู่ในมือลง จับมือข้างหนึ่งของหลิงมู่เอ๋อร์ ั์ตาของนางเปล่งประกายราวกับดวงดาว
“มู่เอ๋อร์ ที่เ้าพูดเป็ความจริงใช่หรือไม่?” หลังจากที่หลิงมู่เอ๋อร์พยักหน้าตอบกลับไป ดวงตาของหยางซื่อล้วนเต็มไปด้วยความปีติ กล่าวด้วยความตื่นเต้น “เช่นนั้นเ้าต้องรักษาพี่ชายของเ้าให้หายดี ไม่ไม่ไม่ ข้าพูดเช่นนี้ไม่ได้ เ้าพยายามเต็มที่ก็พอแล้ว ถึงแม้ว่าจะล้มเหลว แม่ก็ไม่กล่าวโทษเ้า ขอเพียงแต่มีความหวังเพียงเล็กน้อย แม่ก็อยากจะรักษาขาของพี่เ้าให้หายดี เขายังหนุ่ม ทั้งยังเป็ลูกที่ดีอีก แต่เป็เพราะขาข้างนี้ทำให้ผู้คนไม่น้อยดูแคลนเขา เพียงแค่คิดแม่ก็รู้สึกปวดใจเหลือเกิน”
“ท่านแม่ อย่ากังวลไปเลย อาจารย์ของข้าบอกว่าขาที่าเ็ของพี่ชายไม่ได้ร้ายแรง ขอเพียงแค่อยากจะรักษาขาของเขาให้หาย ก็ต้องหักส่วนที่งอกออกมาใหม่…อาจจะเจ็บมากๆ ” หลิงมู่เอ๋อร์มองไปที่หยางซื่อแล้วกล่าว “ท่านแม่ต้องเตรียมใจไว้ให้ดี ถ้าหากรับความเ็ปนี้ไม่ไหว ก็ไม่มีหนทางรักษาให้หายได้เ้าค่ะ”
“พี่ชายเ้ายังมีความทุกข์ใดบ้างที่ยังไม่เคยได้รับ?ข้าเชื่อว่าเขาต้องทนได้อย่างแน่นอน ขอเพียงแต่์ให้โอกาสนี้กับเขา อย่าพูดว่าหักอีกหนึ่งครั้งเลย แม้แต่สิบครั้งก็อดทนได้” หยางซื่อสงสารหลิงจื่อเซวียนแน่ แต่เพื่ออนาคตของหลิงจื่อเซวียน พวกเขายินยอมที่จะยอมรับความเ็ปเช่นนี้ เชื่อว่าหลิงจื่อเซวียนเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน
สาเหตุที่หลิงมู่เอ๋อร์บอกกล่าวเื่พวกนี้กับหยางซื่อ ก็เพราะว่าอยากให้คนในตระกูลหลิงยอมรับความแตกต่างของนางในตอนนี้ เื่ราวอย่างคุณปู่มาเข้าฝันเช่นนี้ล้าสมัยเกินไป ในยุคสมัยนี้ก็มีแต่เหตุผลเช่นนี้ที่พอจะยอมรับได้ เ้าของร่างเดิมที่เป็สาวน้อยที่ขี้ขลาด นางไม่เคยพบปะกับคนนอก เพราะฉะนั้นหญิงสาวจึงไม่มีวิธีที่จะให้นางหา ‘อาจารย์’ ได้
“ในเมื่อท่านแม่มิได้ไม่เห็นด้วย เช่นนั้นพรุ่งนี้ข้าจะไปซื้อยาในเมือง” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับหยางซื่อ “ครั้งนี้ท่านพ่อจะอยู่บ้านนานแค่ไหนหรือเ้าคะ?”
“ท่านพ่อเ้าทำงานในครั้งนี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ในระยะเวลาอันสั้นนี้ไม่น่าจะไปไหน” เมื่อพูดถึงเื่นี้ หยางซื่อก็รู้สึกเป็กังวล
นางยินยอมที่จะเป็เงาติดตัวตามหลิงต้าจื้ออย่างแน่นอน แต่ว่าหลิงต้าจื้อไม่มีงานทำ ลูกก็จะหิว พวกเขาสามีภรรยาทำทั้งหมดก็เพื่อลูก
ในคืนวันนั้น เพราะการกลับมาของหลิงต้าจื้อ ทุกคนในตระกูลหลิงต่างยินดีใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หลิงจื่ออวี้ที่นอนอยู่บนเตียงมาหลายวันในที่สุดก็มีเสื้อผ้าใหม่ หลังจากนั้นจึงลงจากเตียงมาเดินขยับเขยื้อนร่างกายสักหน่อย หลิงต้าจื้อเห็นลูกชายคนเล็กปกติดีทุกอย่าง คิ้วที่ขมวดของเขาก็ค่อยๆ คลายลง
เช้าวันถัดมา หลิงมู่เอ๋อร์นั่งเกวียนวัวของหมู่บ้านเข้าไปในเมือง
ในหมู่บ้านมีเพียงวัวตัวเดียว ในสมัยโบราณ วัวได้รับการคุ้มครอง ไม่สามารถฆ่าโดยไม่ได้รับอนุญาตได้ เพราะฉะนั้นแม้ว่าครอบครัวนั้นจะหิวจนจะกินดินได้แล้วก็ตาม ก็ไม่สามารถฆ่าวัวตัวนี้ได้ ตอนนี้พ้นวิกฤติความยากลำบากมาแล้ว ครอบครัวนั้นยังสามารถทำการค้ารับขนส่งผู้คนได้ แต่ในระยะนี้วัวตัวนั้นก็กินเปลือกไม้เช่นกัน ตอนนี้หิวจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูก เดินได้ช้ากว่าเมื่อก่อนมาก
หลิงมู่เอ๋อร์ทอดมองกำแพงเมืองโบราณ ทุกสิ่งงดงามและแปลกตาแบบโบราณ ความเรียบง่ายมีกลิ่นอายของความโบราณร่วมอยู่ด้วย
ผู้คนที่เดินบนถนนต่างสวมใส่เสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยปะ ในจำนวนนั้นก็มีคนโบราณที่มีฐานะร่ำรวยอยู่ เสื้อผ้าที่พวกเขาสวมใส่สวยงามยิ่ง เสื้อผ้าของคนจนไม่เพียงแต่เป็สีเทา แถมยังเป็เสื้อผ้าป่านเนื้อหยาบอีกด้วย มีเงินหน่อยก็สามารถซื้อเสื้อผ้าที่หลากสีได้ แน่นอนว่า เนื้อผ้าก็แบ่งออกเป็หลายระดับ
หลิงมู่เอ๋อร์นำเงินหนึ่งร้อยอีแปะที่หยางซื่อให้มาไปซื้อยาที่ร้านยาสมุนไพรก่อน นำยาไปไว้ในมิติ ที่เหลืออีกห้าสิบอีแปะ ใช้ไปยี่สิบอีแปะซื้อเมล็ดพันธุ์สมุนไพรจำนวนหนึ่ง อีกสามสิบอีแปะสุดท้ายเอาไปซื้อแป้งข้าวโพดสิบชั่งและข้าวขาวระดับต่ำอีกสามชั่ง
หนึ่งร้อยอีแปะใช้หมดเกลี้ยง
เมื่อหลิงมู่เอ๋อร์มองเครื่องปรุงพิเศษที่วางเรียงในร้านเ่าั้ ดวงตาก็เต็มไปด้วยความปรารถนา แต่ว่าไม่เหลือเงินสักอีแปะเดียวอย่างนางก็ได้แต่มองเท่านั้น
นางหมุนตัวกลับ เห็นเงาหนึ่งสายจากหน้าประตูร้านเดินผ่านไป นางเร่งรีบวิ่งออกไป จับบุรุษร่างสูงคนนั้นเอาไว้
บุรุษผู้นั้นเดินอยู่บนถนนใหญ่ จู่ๆ ก็ถูกมือเล็กๆ ดึงไว้อย่างกะทันหัน เขาหยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว เขามองคนที่อยู่ด้านหลังด้วยสายตาแหลมคม ชายหนุ่มชะงักเมื่อเห็นหน้านางอย่างชัดเจน
“เ้า…” บุรุษผู้นั้น ก็คือซั่งกวนเซ่าเฉินมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์แล้วกล่าว “มีธุระหรือ?”
ตอนที่พูดอยู่นั้น เขาก็ปล่อยมือของหลิงมู่เอ๋อร์ออก มือเล็กๆ ของหลิงมู่เอ๋อร์หยาบเล็กน้อยทว่าอบอุ่น ทำให้ในใจของเขารู้สึกพิเศษขึ้นมา
เมื่อสักครู่ก็เพราะหลิงมู่เอ๋อร์เห็นซั่งกวนเซ่าเฉินถึงได้วิ่งออกมา นางยกยิ้มบางๆ แล้วกล่าว “พี่ใหญ่ซั่งกวน ข้าขอยืมเงินท่านสิบอีแปะได้หรือไม่เ้าคะ?”
ในร้านขายของชำมีเครื่องปรุงรสอยู่ทั้งหมดสิบอย่าง แต่ละอย่างราคาหนึ่งอีแปะ รวมทั้งหมดสิบอีแปะ สิ่งที่สำคัญที่สุดนั่นคือเมล็ดพันธุ์ ในจำนวนนั้นมียี่หร่า พริก พริกไทยเสฉวน โป๊ยกั๊ก เป็ต้น
ซั่งกวนเซ่าเฉินหยิบสิบอีแปะที่อยู่ในอกออกมายื่นให้หลิงมู่เอ๋อร์
หลิงมู่เอ๋อร์รับเงินแล้วก็วิ่งเข้าไปในร้านขายของชำ
ซั่งกวนเซ่าเฉินมองด้านหลังของนาง ในดวงตาเปล่งประกายรอยยิ้ม
เขาััที่ใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ถูกผมปกปิดอยู่ ในนั้นมีรอยแผลเป็ขนาดใหญ่ เหมือนรอยแผลที่ถูกไฟไหม้ เป็เพราะรอยแผลเป็นี้ ตอนนี้ถึงไม่มีผู้ใดกล้าเข้าใกล้เขา
ในขณะที่หลิงมู่เอ๋อร์ซื้อของกลับมาจากในร้านนั้น ซั่งกวนเซ่าเฉินยังไม่ได้จากไป เมื่อได้ของที่อยากได้แล้ว ในใจของหลิงมู่เอ๋อร์ก็ดีขึ้น และก็มีท่าทีอ่อนโยนให้กับซั่งกวนเซ่าเฉินที่ช่วยเหลือนางคนนี้อีก นางกล่าวกับซั่งกวนเซ่าเฉิน “ขอบคุณพี่ใหญ่ซั่งกวนเซ่าเฉินมากเ้าค่ะ เงินสิบอีแปะนี้ข้าจะพยายามรีบหามาคืนให้ท่าน”
“ไม่ต้องรีบ” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่างนิ่งๆ “ยัง้าอีกหรือไม่?”
ตอนแรกหลิงมู่เอ๋อร์ไม่เข้าใจความหมายของเขา รอจนนางมีปฏิกิริยาตอบสนองกลับมาถึงได้เข้าใจว่าเขาถามนางว่ายัง้าใช้เงินอีกหรือไม่
ที่จริง ของที่ต้องซื้อยังมีอีกมาก แต่ถ้านางยืมไปซื้อล่ะก็ หยางซื่อต้องถามแน่ นางต้องหาทางหาเงินถึงจะได้!
“ไม่ต้องแล้ว” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวกับซั่งกวนเซ่าเฉิน “พี่ใหญ่ซั่งกวน ขอบคุณท่านเ้าค่ะ”
“อืม เช่นนั้นข้าไปแล้ว” ซั่งกวนเซ่าเฉินกล่าวนิ่งๆ จบ ก็หมุนตัวจากไปจากตรงนั้น
หลิงมู่เอ๋อร์มองซั่งกวนเซ่าเฉินเดินเข้าไปในโรงเตี๊ยม โรงเตี๊ยมนั้นมีระดับสูงมาก เขาไม่ได้นำเหยื่อมา แสดงว่าไม่ได้มาทำการค้า หรือว่าเขาเข้าไปกินข้าวข้างในหรือ?
ดูเหมือนว่าพี่ชายนายพรานท่านนี้มีเงินมากทีเดียวเชียว!
หลิงมู่เอ๋อร์พึมพำอยู่หนึ่งประโยค แล้วสะพายตะกร้าแบกหลังไปสถานที่ที่พวกชาวบ้านนัดกันไว้ พวกชาวบ้านมักจะไปตลาดตอนเช้า ตอนเที่ยงก็จะกลับไป ทุกคนล้วนเป็คนประหยัด ไม่อยากอยู่กินข้าวในเมือง ถ้ามีชาวบ้านที่ไม่รีบร้อนกลับไป เช่นนั้นก็มีแต่ต้องเดินกลับไปแล้ว ถ้าหากโชคดี เจอเกวียนวัวผ่านไปมา ก็ยังสามารถขอให้อีกฝ่ายช่วยเหลือในเื่นี้ได้
เมื่อตอนที่หลิงมู่เอ๋อร์กลับมาถึงบ้านนั้น หยางซื่อและหลิงต้าจื้อได้ยินเสียงก็รีบออกมารับ นางเห็นสายตาที่เร่าร้อนของพวกเขา ก็รู้ว่าพวกเขาคิดอันใดอยู่ นางวางตะกร้าลง หยิบห่อยาจากด้านในออกมา กล่าวว่า “อีกห่อเป็ยาที่ใช้กิน อีกห่อเป็ยาทาภายนอก รออีกสักครู่จะรักษาขาให้พี่ชายเ้าค่ะ”
“มู่เอ๋อร์ของพวกเราเป็คนที่โชคดีมาก ” หลิงต้าจื้อมองหลิงมู่เอ๋อร์แล้วกล่าวออกมาจากใจ “ในสมัยนั้นมีนักแสวงบุญผู้หนึ่งเห็นหลิงมู่เอ๋อร์ เขาไม่ได้กล่าวว่านางคล้ายเป็คนที่ร่ำรวยมั่งคั่งหรอกหรือ?เพียงแต่กล่าวว่าตอนอายุน้อยจะต้องผ่านอุปสรรคไม่น้อย รอเมฆดำสลายไปไม่นานก็เป็สายรุ้ง หลังจากนี้จะร่ำรวยมั่งคั่งขึ้น”
“เมื่อก่อนข้านึกว่าเจอคนหลอกลวงเข้าเสียแล้ว ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่พบเจอนั้นคงเป็ผู้วิเศษ หากรู้เช่นนี้ั้แ่แรก ตอนนั้นควรจะขอบคุณผู้วิเศษท่านนั้นสักหน่อย” ใบหน้าของหยางซื่อแสดงออกถึงความเสียดาย
หลิงมู่เอ๋อร์ได้ยินบทสนทนาที่คู่สามีภรรยาคู่นั้นพูด ก็รู้สึกว่าผู้แสวงบุญผู้นั้นเป็ผู้วิเศษ เขาน่าจะเห็นว่าชะตากรรมของเ้าของร่างเดิมมีเคราะห์กรรม หลังจากผ่านเคราะห์กรรมไปก็เป็นางแล้ว
นางกลับไปที่ห้องปรุงยาขี้ผึ้ง เพื่อเตรียมการผ่าตัดเล็กของหลิงจื่อเซวียนในอีกสักครู่ ขาของหลิงจื่อเซวียนเชื่อมต่อกันแล้ว นางจะหักมันใหม่อีกรอบ แล้วใช้ยาขี้ผึ้งรักษา
หลิงจื่อเซวียนไปตัดฟืนบนูเา เขาแบกฟืนกลับมาถึงลานบ้านพอดี หลังจากนั้นถูกหยางซื่อดึงเอาไว้ หยางซื่อพาเขาเข้ามาด้านใน หลิงจื่อเซวียนไม่รู้ว่าเกิดเื่อันใดขึ้น เห็นสีหน้าของหยางซื่อเคร่งขรึม จึงกล่าวถาม “ท่านแม่ เป็อันใด?เกิดเื่อันใดขึ้นขอรับ?”
“เ้าไม่ต้องถาม” หยางซื่อกล่าว “เข้าไปก็จะรู้แล้ว”
หลิงต้าจื้อสูบยาสูบอยู่ที่หน้าประตู เห็นหลิงจื่อเซวียนจึงเงยหน้าขึ้น ที่หลิงต้าจื้อสูบอยู่นั้นคือใบยาสูบ นั่นคือสิ่งที่เ้านายของเขาให้มาเป็รางวัล เขาซื้อยาสูบของที่นี่ด้วยตัวเองไม่ไหว
หลิงจื่อเซวียนเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของหลิงต้าจื้อเช่นกัน ในใจยิ่งรู้สึกไม่เป็สุขแล้ว เขาสงสัยหรือว่าที่บ้านเกิดเื่อันใดขึ้น ถึงทำให้ท่านพ่อท่านแม่ของเขามีความร้อนใจเช่นนี้ เขาเดินตามหยางซื่อเข้าไปที่ประตู เห็นหลิงมู่เอ๋อร์กำลังทำยาขี้ผึ้งพวกนั้นอยู่ ก็มีการคาดเดาบางอย่างไว้ในใจแล้ว
ครั้งที่แล้วหลิงมู่เอ๋อร์กล่าวเื่ศึกษาวิชาแพทย์กับหลิงจื่อเซวียน เขาไม่ได้นำเื่นี้มาใส่ใจ ถึงอย่างไรหมอที่ศึกษาวิชาแพทย์ต้องใช้เวลาศึกษาเล่าเรียนหลายสิบปีถึงจะสามารถรักษาคนได้ หมอชราคนไหนบ้างที่ไม่ใช่ตาเฒ่าผมขาว? เขาคิดว่าถึงแม้หลิงมู่เอ๋อร์กำลังศึกษาวิชาแพทย์ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาสี่สิบถึงห้าสิบปี ทว่าจากการมองเช่นนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ตั้งใจที่จะรักษาขาให้เขาหรือ?แต่ว่า…มันจะได้ผลจริงหรือ? หมอข้างนอกไม่มีวิธีรักษาอาการาเ็ที่ขาของเขาได้ น้องสาวที่น่ารักของเขาสามารถรักษาอาการาเ็ของเขาให้หายได้จริงหรือ?
หลิงจื่อเซวียนมีความสงสัยอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธสิ่งที่หลิงมู่เอ๋อร์จะทำ สำหรับเขาแล้ว ถึงแม้น้องสาวจะรักษาขาให้หายไม่ได้ เขาก็ไม่กล่าวโทษนาง ถ้านาง้าทำจริงๆ เช่นนั้นก็ให้นางทำเถิด!แม้จะเ็ปเพียงใด เขาก็สามารถแบกรับได้
“ท่านพี่ เจ็บสักเล็กน้อยนะเ้าคะ” หลิงมู่เอ๋อร์มองมาที่หลิงจื่อเซวียน “ท่านสามารถอดทนได้หรือไม่?”
“พี่ชายอดทนได้” หลิงจื่อเซวียนยกยิ้ม รอยยิ้มของเขาสว่างไสวเป็อย่างยิ่ง ช่วยให้จิตใจของผู้คนได้รับการปลอบโยน
“จื่อเซวียน ถ้าหากเจ็บก็กัดผ้าห่มนี่เอาไว้ อย่าได้กัดลิ้นตนเองเด็ดขาด” หยางซื่อพูดอย่างตึงเครียด “แม่อยู่ข้างๆ เป็เพื่อนเ้า เ้าไม่ต้องกลัว”
“ท่านแม่ ท่านไปรอด้านนอกเถิด!” หลิงมู่เอ๋อร์รู้ว่าเหตุการณ์ต่อไปค่อนข้างโหดร้าย หยางซื่อที่เป็มารดา ต้องไม่อยากเห็นภาพที่โหดร้ายเช่นนี้เป็แน่
หยางซื่อมองหลิงจื่อเซวียนด้วยความกังวล แล้วมองไปที่หลิงมู่เอ๋อร์ นางยังคงอยากอยู่เป็เพื่อนหลิงจื่อเซวียน หลังจากที่หลิงจื่อเซวียนขาหักนั้น นางก็โทษตนเองมาตลอด ชีวิตที่ผ่านมานี้เจออุปสรรคต่างๆ นานา นางขอพรจากพระเ้าให้มีปาฏิหาริย์ทุกคืนวัน ในที่สุดตอนนี้ก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นแล้ว นางอยากเห็นหลิงจื่อเซวียนดีขึ้นด้วยตาตนเอง
“ท่านแม่…” หลิงจื่อเซวียนจับมือของหยางซื่อ “ท่านออกไปรอด้านนอกเถิด!ลูกจะต้องดีขึ้นแน่ขอรับ”
“จื่อเซวียน แม่จะไม่ทำอะไรทั้งนั้น จะอยู่เป็เพื่อนเ้า เ้าก็คิดเสียว่าแม่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน” หยางซื่อยังคงอาลัยอาวรณ์
“ช่างเถิด เช่นนั้นอีกสักครู่ท่านอย่าร้องไห้เล่า” หลิงมู่เอ๋อร์ประนีประนอมอย่างไม่มีทางเลี่ยง
หลิงจื่อเซวียนเอนกายนอนลงบนเตียง หลิงมู่เอ๋อร์จับจุดที่เขาได้รับาเ็ นางนวดให้เขาก่อน หลังจากแน่ใจตำแหน่งแล้ว นางกัดฟันใช้แรงหักลงจนเกิดเสียงดังกร๊อบ!
“อ๊าก…” หลิงจื่อเซวียนเพิ่งจะส่งเสียงร้องออกมา หลิงมู่เอ๋อร์ก็รีบร้อนนำผ้ายัดเข้าในปากของเขา นี่เป็่เวลาที่อันตรายที่สุดแล้ว กลัวว่าเขาจะกัดลิ้นตนเอง
บริเวณที่าเ็แตกหักอีกครั้ง ความรู้สึกที่เ็ปจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปจะััได้ สีหน้าของชายหนุ่มที่สว่างไสวเมื่อครู่เต็มไปด้วยความเ็ปทรมาน โดยเฉพาะ่เวลาที่หลิงมู่เอ๋อร์ลงมือนั้น ั์ตาของนางล่องลอย ท่าทางโหดร้าย
หยางซื่อที่อยู่ข้างๆ รีบจับมือของหลิงจื่อเซวียนไว้แน่น เล็บของหลิงจื่อเซวียนไม่ยาว แต่มือของนางกลับมีรอยแผลยาวปรากฏออกมา
หลิงมู่เอ๋อร์มั่นใจว่าไม่มีข้อผิดพลาด หลังจากนั้นจึงให้ยาแก่เขา ตอนที่ทายาขี้ผึ้งลงไป ความรู้สึกเย็นๆ นั้นทำให้ความเ็ปของหลิงจื่อเซวียนลดลงมาเล็กน้อย
“จื่อเซวียน…” หยางซื่อลูบที่ฝ่ามือของหลิงจื่อเซวียน มองเขาด้วยความเป็กังวล “เ้าไม่เป็อันใดใช่หรือไม่?จื่อเซวียน”
หลิงจื่อเซวียนส่ายหน้าเบาๆ พยายามฝืนยิ้มออกมาแล้วกล่าว “ท่านแม่วางใจ ข้าไม่เป็อันใด…”
เพิ่งจะกล่าวจบไป หลิงจื่อเซวียนเ็ปจนหมดสติลงไป
“มู่เอ๋อร์…” หยางซื่อร้องะโด้วยความใ
“ท่านแม่ ไม่เป็อันใดเ้าค่ะ” หลิงมู่เอ๋อร์มองที่หลิงจื่อเซวียนหนึ่งที กล่าวปลอบ “่เวลาเมื่อครู่นั้นเ็ปเป็อย่างยิ่ง ต่อจากนี้ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นมา ท่านแม่ เพื่ออนาคตของพี่ชาย ความเ็ปในครั้งนี้จำเป็ต้องยอมรับให้ได้ อีกประมาณหนึ่งเดือนหลังการรักษา เขาก็จะสามารถลงจากเตียงมาเดินได้แล้ว หนึ่งเดือนนี้จะต้องดูแลเขาให้ดี อย่าให้เขาใช้กำลังเด็ดขาด”
“ได้ ได้” หยางซื่อเห็นสภาพเช่นนี้ของหลิงจื่อเซวียนก็รู้สึกเ็ปใจ แต่เมื่อได้ยินคำรับรองจากหลิงมู่เอ๋อร์ ในใจก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเล็กน้อย
บุตรสาวพูดถูก เพื่ออนาคตของเขา ในตอนนี้ความเ็ปเหล่านี้จะต้องผ่านไปให้ได้
“ท่านแม่ ท่านไปต้มยาเถิด!อีกสักพักพี่ชายตื่นแล้วจะได้ดื่มยา หลังจากดื่มยาแล้วความเ็ปของเขาก็จะลดน้อยลง” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าว
“ได้” หยางซื่อรับยาที่หลิงมู่เอ๋อร์ยื่นให้มา สาวเท้าก้าวใหญ่เดินออกไป
หลิงมู่เอ๋อร์ห่มผ้าให้หลิงจื่อเซวียนเสร็จ เมื่อนางเดินออกไปจากประตูนั้น เห็นเพียงแต่หลิงต้าจื้อกำลังกอดหลิงจื่ออวี้ที่ใกลัวจนตัวสั่นนั่งอยู่ที่หน้าประตู
“จืออวี้” หลิงมู่เอ๋อร์โบกมือให้กับหลิงจื่ออวี้
หลิงจื่ออวี้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเดินเข้ามา
หลิงมู่เอ๋อร์คุกเข่าลง ลูบที่หัวของเขาด้วยความอ่อนโยนแล้วกล่าว “พี่สาวรักษาอาการป่วยให้พี่ชายอยู่ จืออวี้ไม่ต้องกลัวนะ”
หลิงจื่ออวี้พยักหน้า
“ตอนเย็นพี่สาวจะทำซาลาเปาไส้เนื้อให้ทาน” หลิงมู่เอ๋อร์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แต่ว่าข้าคนเดียวทำไม่ได้ จืออวี้ช่วยข้าได้หรือไม่?”
หลิงจื่ออวี้ได้ยินดังนั้น ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายเจิดจ้าขึ้นมา
หลิงต้าจื้อมองหลิงมู่เอ๋อร์กับหลิงจื่ออวี้เดินเข้าไปในห้องครัว ในดวงตาทรงพลังคู่นั้นเต็มไปด้วยความซาบซึ้งใจ
ภรรยาอ่อนโยน ลูกๆ รู้ความ ความสุขที่สุดในชีวิตของคนเราก็มีเพียงแค่นี้ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถูกนายจ้างเลิกจ้างแล้ว ทั้งต้องใช้เวลาในการหางานใหม่อีกครั้ง ครอบครัวก็อาจจะต้องอดยากเป็เวลานาน ทว่าจะทำอย่างไรได้?ขอเพียงแต่คนในครอบครัวของพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ก็ไม่มีสิ่งใดที่จะผ่านมันไปไม่ได้
หลิงต้าจื้อไม่ได้บอกหยางซื่อ ว่านายจ้างรังเกียจที่เขามีอายุมากแล้ว สู้คนวัยหนุ่มไม่ได้ ดังนั้นจึงไม่้าเขาแล้ว
เขารอให้ผ่านไปสองสามวันถึงจะออกไปหางานในเมืองต่อ ไม่เช่นนั้นครอบครัวจะทำอย่างไร?บุตรชายคนโตในหนึ่งเดือนนี้ไม่สามารถทำงานได้ ภาระในบ้านล้วนเป็ภรรยาต้องรับผิดชอบ มันทำให้เขารู้สึกละอายใจยิ่งนัก ถ้าหากแม้แต่เขาที่เป็บุรุษคนเดียวยังหาเงินไม่ได้ ไม่มีงานทำ ชีวิตของครอบครัวพวกเขาก็จะลำบากมากยิ่งขึ้น
เสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
หลิงต้าจื้อเช็ดน้ำตา แล้วเดินโซเซไปที่ประตูรั้ว
“นี่เป็ของที่แม่นางมู่วางไว้ที่บ้านข้า ข้านำมันมาให้พวกท่านแล้ว” เสียงที่เ็าดังออกมาจากนอกประตู
หลิงมู่เอ๋อร์ที่อยู่ในห้องครัวได้ยินเสียง เห็นซั่งกวนเซ่าเฉินพูดกับหลิงต้าจื้อไม่กี่ประโยคก็จากไปแล้ว นางวิ่งตามออกไปเห็นเพียงแต่เงาด้านหลังของเขา
เดินเร็วจริงๆ!