ฮั่วเสี่ยวเหวินเบะปากไม่พอใจ “ใครนอนขี้เซากัน?”
เธอไม่ได้โกรธจริงๆ เพียงแค่หยอกเล่นเท่านั้น ก่อนจะหันไปทักทายบรรดาพี่สาวและพี่เขยทุกคน
ฮั่วเสี่ยวอี๋ผู้เป็พี่ใหญ่มีนิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา เธอบอกว่าวันก่อนไปซื้อของในตำบล ได้ยินคนบอกว่ากิจการของน้องเล็กมีปัญหาจึงรีบเดินทางมาดู จากนั้นบังเอิญเจอเข้ากับบรรดาน้องสาวที่กำลังเดินทางมาหาเช่นกันพอดี
ฮั่วเสี่ยวเจียผู้เป็พี่รองทำเพียงนั่งดื่มชาบนเก้าอี้ คอยแอบมองมาทางฮั่วเสี่ยวเหวินเป็ครั้งคราว
พี่สามกับพี่สี่เดินมาจับมือฮั่วเสี่ยวเหวิน คนหนึ่งบอกว่าไม่เจอกันแค่สองปีก็สูงขึ้นขนาดนี้แล้ว อีกคนบอกว่าเสี่ยวเหวินของพวกเราไปได้ดิบได้ดีแล้ว เก่งกาจกว่าพวกเราที่เป็พี่สาวเสียอีก
ฮั่วเสี่ยวเหวินยิ้มรับอย่างขอไปที เธอจำได้ว่ายายแก่ฮั่วขายและแต่งพี่สาวพวกนี้ออกไปหมด น้อยนักที่จะกลับมาบ้านแม่ ั้แ่พี่สามกับพี่สี่แต่งงานออกไปเธอไม่เคยเห็นหน้าสักครั้ง ตอนที่แม่ลูกบ้านฮั่วผลักเธอมาถึงทางตันก็ไม่เห็นจะเคยโผล่หน้ามาช่วย แต่ตอนนี้เธอมีเงินแล้วพวกเขากลับพากันโผล่หน้าออกมาหมด
ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกเกลียดชังโลกนี้ั้แ่เมื่อไรไม่รู้ ไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อครอบครัวที่ทิ้งตัวเองในยามยากแต่กลับเข้าหาในยามสุขเลยแม้แต่น้อย
“อวี่โหรว ช่วยดูแลแขกให้หน่อย ฉันจะไปทำอาหาร” เธอทำท่าจะเข้าห้องครัว
พี่สามพูดอย่างมีน้ำใจว่าพวกเธอทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว เสี่ยวเหวินงานยุ่งทุกวัน พวกเรามาเพื่อช่วยงานจะให้เธอทำเองได้อย่างไร?
“มาช่วยงาน?” หลังจากพิจารณาคำนี้ ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก หนึ่งคนบรรลุเป็เซียน หมูหมากาไก่รอบตัวพลอยได้ดีขึ้น์ไปด้วย พวกเขาคงไม่ได้คิดจะ ‘ช่วย’ เธอทำผักดองกระมัง?
ปวดหัวชะมัด ถึงเวลานั้นคงมีแต่ต้องยอมแตกหักเพื่อไล่พวกเขากลับไป กิจการเล็กแค่นี้ เธอไม่กล้าจ้าง ‘พนักงาน’ ที่ต้องให้เงินเดือนเยอะขนาดนี้ โดยเฉพาะเมื่อคนเหล่านี้เกี่ยวข้องกับตัวเองทางสายเื
ในบรรดาพี่สาวเหล่านี้ ฮั่วเสี่ยวเหวินรู้สึกดีกับพี่สาวคนรองแค่คนเดียว เธอเดินไปจับมือของฮั่วเสี่ยวเจีย “พี่รอง”
ฮั่วเสี่ยวเจียพยักหน้าแต่ไม่อาจปกปิดความเศร้าโศกอันเบาบางในดวงตาได้ เธอมีสามีเช่นนี้จะมีความสุขได้อย่างไร?
หลังจากทักทายบรรดาพี่เขยไม่กี่ประโยค ฮั่วเสี่ยวเหวินรีบบอกว่าตัวเองมีธุระ ไม่ต้องรอกินข้าวพร้อมเธอ จากนั้นจึงลากฮั่วเสี่ยวเจียออกมาด้วยกัน
เมื่อเดินห่างออกมาไกล ฮั่วเสี่ยวเจียหยุดเดินและถามเธอ “เสี่ยวเหวิน เหตุใดดวงตาของเธอจึงเป็เช่นนี้?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินเล่าเื่เมื่อวานให้เธอฟัง ฮั่วเสี่ยวเจียพูดด้วยความใ “นี่เธอถึงขั้นตบเขาเลยหรือ?”
ฮั่วเสี่ยวเจียรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย เธอไม่หวังสูงถึงขั้นว่าจะได้ตบสามี ขอแค่เขาไม่ด่าทอหรือทุบตีเธอก็มากพอแล้ว ทว่าแค่ความปรารถนาเท่านี้ยังไม่อาจเป็จริงได้เลย
เธอไม่ได้ปลอบใจว่าอีกสองสามวันก็ดีขึ้นแบบเฉินอวี่โหรว แต่แนะนำให้เธอไปขอโทษจางเจียิโดยเร็วที่สุด
ฮั่วเสี่ยวเหวินฟังแล้วรู้สึกว่ามีเหตุผลเลยลากเธอไปด้วยกัน “พี่รอง เดี๋ยวพี่ต้องช่วยฉันพูดนะคะ พี่เจียิไม่ยอมฟังที่ฉันพูดเลย”
เธอรู้สึกเสียใจทันทีที่ฝ่ามือของเธอตบลงบนหน้าของจางเจียิ ผู้ชายทุกคนรักศักดิ์ศรี ต้องมาถูก ‘ภรรยา’ ของตัวเองตบต่อหน้าสาธารณชนแบบนี้ ไม่ว่าใครก็ยอมไม่ได้ทั้งนั้น เขาจะไม่ยอมฟังคำอธิบายของเธอก็ไม่แปลก
แต่จางเจียิเป็คนอารมณ์ร้อน เธอพูดอย่างไรก็ไม่ยอมฟัง เธอเองก็จนปัญญา
ทั้งสองหาเื่มาคุยกันตลอดทาง ฮั่วเสี่ยวเหวินได้ยินจากปากฮั่วเสี่ยวเจียว่าฐานะทางบ้านของเธอไม่ดี มีลูกต้องเลี้ยงสามคน สองสามีภรรยาทำนาตลอดทั้งปีแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าความเป็อยู่จะดีขึ้น
“เอาแบบนี้ พี่รองมาทำเต้าหู้ที่บ้านฉัน ฉันมีร้านอาหารที่ต้องส่งเต้าหู้ทอดให้อยู่หนึ่งร้านพอดี หากพี่ไม่มีอะไรทำก็นำเต้าหู้ราไปขายในตลาดได้เช่นกัน”
ฮั่วเสี่ยวเหวินรับฮั่วเสี่ยวเจียเข้าทำงานแบบไม่ต้องคิด แม้จะรู้ว่าไม่ควรเอาครอบครัวไปเกี่ยวโยงกับเื่เงินทอง แต่เธอคิดหาวิธีอื่นไม่ออกจริงๆ
ฮั่วเสี่ยวเจียปฏิเสธอยู่หลายรอบก่อนจะยอมตอบตกลงในที่สุด ในใจรู้สึกขอบคุณน้องสาวคนนี้มาก
ทั้งสองคนเดินอยู่นานมากกว่าจะมาถึงโรงงานอิฐที่จางเจียิทำงานอยู่ เมื่อมองจากไกลๆ ที่นั่นยังคงเหมือนเดิม มีฝุ่นควันพวยพุ่งออกมาและมีเสียงดัง
ทั้งสองต้องรอถึงเวลาพักเที่ยงจึงจะมีโอกาสเข้าไปหาจางเจียิได้ ตอนนี้เขากำลังเบียดเสียดเข้าไปในโรงอาหาร
ฮั่วเสี่ยวเหวินร้องเรียกเขา “พี่เจียิ”
อีกฝ่ายดีใจเล็กน้อย ฮั่วเสี่ยวเหวินเห็นว่าเขายิ้ม แววตามีประกายมีชีวิตชีวาขึ้นมา
แต่วินาทีต่อมาเขากลับทำหน้าบึ้งตึง “เธอมาทำอะไร?” เขาดูหงุดหงิดมาก พร้อมกับทำท่าจะเดินหนี
ฮั่วเสี่ยวเหวินรีบดึงเขาไว้ เธออธิบายด้วยเสียงอ่อนโยนนุ่มนวลแบบที่ฮั่วเสี่ยวเจียสอน ทั้งยอมรับผิดทั้งขอร้อง
ฮั่วเสี่ยวเจียช่วยพูดหลายประโยคเช่นกัน จางเจียิจึงยอมรับปากว่าเย็นนี้จะกลับบ้าน
ทั้งสองกลับบ้านอย่างอารมณ์ดี แต่เมื่อฮั่วเสี่ยวเหวินกลับเข้าบ้านมากลับเห็นพี่เขยทั้งสี่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ เฉินอวี่โหรวไม่เพียงไม่ห้ามปราม ตรงกันข้าม เธอกำลังดูอยู่ด้านข้างอย่างสนุกสนาน
ฮั่วเสี่ยวเหวินหน้าเครียด กินเสร็จแล้วยังไม่กลับกันอีก จะมารวมตัวเล่นไพ่นกกระจอกที่บ้านเธอเพื่ออะไร หรือคิดจะอยู่อาศัยที่นี่?
แต่เธอพูดอะไรไม่ได้เพราะพวกพี่สาวกำลังดูอยู่ หากเธอพูดอะไรเกินเลยจนพวกเขาไม่พอใจ ไม่แน่ว่าอีกสองวันต่อมาจะมีข่าวลือว่าฮั่วเสี่ยวเหวินมีเงินแล้วแต่ไม่เอาพี่สาวของตัวเองแพร่กระจายออกมา
ทั้งสี่คนเล่นไพ่นกกระจอกแบบไม่รู้สึกรู้สาอะไรทั้งนั้น มีการะโเสียงดังเวลาเล่นถึงจุดตื่นเต้น
จางเจียิเลิกงานแล้วกลับมาบ้านจริงตามที่พูด หลังจากรู้ว่าคนเหล่านี้คือพี่สาวและพี่เขยของฮั่วเสี่ยวเหวินก็ช่วยรินน้ำชาให้อย่างมีน้ำใจ
พี่สาวสามคนเห็นเขามีน้ำใจแบบนี้ก็เล่าความลำบากของตัวเองให้เขาฟัง หวังว่าฮั่วเสี่ยวเหวินจะให้ยืมเงิน
ฮั่วเสี่ยวเหวินพูดด้วยความลังเลว่า “่ก่อนนี้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นในตำบล ผักกาดขาวที่ฉันซื้อมาเน่าเสียไปบางส่วน ไม่ได้มีเงินมากมายเช่นกัน”
ฮั่วเสี่ยวเหวินคิดหาวิธีรับมือั้แ่ตอนที่พวกเขาเสนอตัวช่วยงานอย่างมีน้ำใจแล้ว ปากบอกว่า ‘ยืมเงิน’ แต่เกรงว่าความจริงคือไม่มีวันเอาเงินมาคืนต่างหาก
ได้ยินฮั่วเสี่ยวเหวินปฏิเสธ พี่สามก้าวออกมาถากถางเป็คนแรก “จ้างลูกน้องตั้งสองคนแต่กลับบอกว่าตัวเองไม่มีเงิน ไม่ยืมก็ได้”
พี่ใหญ่พูดว่า “เสี่ยวเหวิน สุภาษิตว่าไว้ ‘อย่าปล่อยเงินทองออกนอก’ พี่ไม่ยืมเงินเธอ แต่ขออยู่ช่วยงานเธอไปเลยดีหรือไม่?”
ฮั่วเสี่ยวเหวินร้องทุกข์มิรู้วาย เธอเคยเห็นผลงานของฮั่วเสี่ยวอี๋มาก่อน ฝีมือการทำอาหารไม่ต่างกับเฉินอวี่โหรว แค่ไปถอนหญ้าในสวนผักยังเหยียบผักกาดขาวตายไปกองใหญ่
แต่แล้ว ผู้ใดจะไปคิดว่าจางเจียิจะตอบตกลงทันที “พี่สาวทั้งสี่อุตส่าห์มาหา เื่แค่นี้จะไม่ช่วยได้อย่างไร?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้