“พูดยาก ตบะของเด็กคนนี้ต่ำต้อย แต่ถ้าสำแดงพลังทั้งหมด อาจจะเอาชนะอีกฝ่ายได้ง่าย ๆ” ชายชรากล่าวพลางลูบเคราตน
บนเวทีประลอง เย่เฟิงแทงหอกโจมตีมู่เยี่ยน ในขณะเดียวกันนั้นดาบสีดำเล่มหนึ่งปรากฏในมือของมู่เยี่ยน เขาก็ตวัดดาบออกไปทันที ก่อนจะปะทะกับรังสีหอกของเย่เฟิง ตามมาด้วยเสียงเหล็กกระทบดังก้อง ส่งผลให้ต่างคนต่างถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เมื่อสังเกตดูดี ๆ จะพบว่ามู่เยี่ยนแขนสั่นระริก มู่เยี่ยนนั่นถือว่าด้อยกว่าเย่เฟิงในด้านพลัง
“ตาย!” มู่เยี่ยนเผยสีหน้าดูไม่ได้ แต่จากนั้นเขาฟันดาบหมายตัดร่างเย่เฟิงให้แยกออก
เย่เฟิงถอยหลังไปหนึ่งก้าว ก่อนจะหลบหลีกการโจมตีของมู่เยี่ยน จากนั้นแทงหอกต่อเนื่องสามครั้ง แม้รังสีหอกจะดูเรียบง่าย ทว่ากลับอัดแน่นไปด้วยพลังอันน่าทึ่ง
มู่เยี่ยนกวัดแกว่งดาบเข้าต่อต้านทันที แต่ในด้านของพลัง เขายังคงอ่อนด้อย แม้ภายนอกทั้งสองคนจะดูสูสีกัน แต่มีเพียงมู่เยี่ยนที่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เด็กคนนี้โอหังนัก ปะทะกับมู่เยี่ยนครั้งนี้คงจะทนได้ไม่นาน!” ขุนนางใหญ่ผู้หนึ่งที่ชมอยู่บนอัฒจันทร์หลักกล่าวขึ้น
“มู่เยี่ยนคือผู้บัญชาการองครักษ์หลวง พลังไม่ใช่เล่น ๆ เด็กคนนี้ย่อมสู้ไม่ได้และจะต้องพ่ายแพ้ในร้อยกระบวนท่า!” ขุนนางใหญ่อีกคนกล่าวเสริมเพราะคิดว่าเย่เฟิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เยี่ยน เมื่อจ้าวหยางได้ยินบทสนทนาของเหล่าขุนนางใหญ่ก็ยกยิ้มมุมปาก เขาเองก็หวังว่ามู่เยี่ยนจะคว้าชัยในศึกนี้ แต่จ้าวเยี่ยยิ้มแย้มตลอดเวลา ยากที่จะดูออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เ้าบื้อ เ้าต้องชนะให้ได้!” จ้าวซินอี๋พึมพำพร้อมดวงตาคู่งามวาบประกายแสงแห่งความหวัง
“ัครามสะบั้น!”
บนเวทีประลอง มู่เยี่ยนแผดเสียงะโ ก่อนจะกวัดแกว่งดาบใส่เย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง รังสีดาบพาดผ่านท้องฟ้า ทั้งยังเปี่ยมด้วยพลังมหาศาล
“หอกดุจั!” เย่เฟิงหาเกรงกลัวไม่ เขาเดินออกมาหนึ่งก้าวพร้อมแทงหอกัเงินประกาย พลันรังสีหอกกลายเป็ลำแสงทำลายล้างและเข้าปะทะกับัครามสะบั้นของมู่เยี่ยน พลันประกายไฟส่องวาบระหว่างอาวุธสองชิ้น
มู่เยี่ยนรู้สึกตัวสั่นสะท้าน คล้ายมีพลังทำลายล้างไหลเวียนอยู่ในร่างกาย และทำลายอวัยวะภายใน แต่จากนั้นเขาจำต้องเป็ฝ่ายได้เปรียบก่อน จึงรีบตวัดดาบออกไปอีกครั้ง
“ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อ!” เย่เฟิงใช้ย่างก้าวดาวตกผีเสื้อพร้อมพลังดาราห้อมล้อมร่างกาย แผนที่ดาวขนาดใหญ่ปรากฏ ลวดลายโคจรคล้ายเชื่อมโยงกับฟ้าดิน ก่อนเย่เฟิงจะหลบหลีกดาบของมู่เยี่ยน
“หอกมรณะ!” ขณะที่หลบหลีกดาบนั้นของมู่เยี่ยน เย่เฟิงก็สำแดงทักษะหอกปลิดชีวีกระบวนที่หนึ่งหอกมรณะทันที หอกนี้คล้ายเรียบง่ายไร้พิษภัย แต่รังสีหอกกลับอัดแน่นไปด้วยพลังมรณะที่น่าหวาดกลัว
“พยัคฆ์ขาวสะบั้น!” มู่เยี่ยนแผดเสียงะโ เขาฝึกเคล็ดวิชาสี่สัตว์เทพสะบั้น เป็ดาบสะบั้นที่วิวัฒนาการมาจากพลังแห่งสี่สัตว์เทพา
อาวุธสองชิ้นเข้าปะทะกันอีกครั้ง ราวกับมีเสียงคำรามดังสนั่นไปทั่วฟ้าดิน
“ตาย!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ จากนั้นสำแดงทักษะหอกปลิดชีวีกระบวนที่สองหอกตัดิญญา ทั้งยังผสานด้วยอำนาจขั้นผันแปร่ปลาย นี่ทำให้มู่เยี่ยนเผยสีหน้าไม่สู้ดี พลังโจมตีของเย่เฟิงบ้าคลั่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทุกครั้งที่ทั้งสองคนปะทะกัน มู่เยี่ยนจะตัวสั่นสะท้านอย่างแรง อวัยวะภายในราวกับได้รับความเสียหายในระดับต่างกันไป
มู่เยี่ยนหลบหลีกหอกของเย่เฟิง ขณะเดียวกันก็ตวัดดาบไปที่ลำคอของเย่เฟิง แต่เย่เฟิงสวนกลับโดยการเหวี่ยงหมัดมาด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
“ปัง!” หมัดของเย่เฟิงโดนท้องของมู่เยี่ยนเต็มแรง ทำมู่เยี่ยนกระเด็นไปข้างหลัง แม้เขาจะมีเกราะป้องกัน แต่ก็ทนรับหมัดนี้ของเย่เฟิงไม่ได้ อวัยวะภายในปั่นป่วน เืไหลออกมุมปาก
“ฝ่ามือภูผาพิฆาต!” เย่เฟิงวาดฝ่ามือโจมตีซึ่งผสานด้วยพลังหอกและอำนาจสองประเภทขั้นผันแปร่ปลาย มู่เยี่ยนยกมือขึ้นต้านอย่างฉับพลัน ก่อนจะกระเด็นออกไปอีกครั้ง
“เด็กคนนี้มีพลังร้ายกาจมาก เยี่ยนเอ๋อร์อย่าปะทะกับเขา!” เสียงของมู่เทียนหลงดังมาจากทางฝั่งตระกูลมู่ เขาเห็นบุตรของตนเสียเปรียบเย่เฟิงก็เริ่มเป็ห่วงมู่เยี่ยน
มู่เยี่ยนตวัดดาบอีกครั้งพร้อมถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว เขาไม่เข้าใจ เหตุใดเย่เฟิงถึงน่ากลัวมากขึ้นขนาดนี้ภายในเวลาไม่กี่เดือน มันช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
“วูบ!” เมื่อมู่เยี่ยนออกห่างเย่เฟิงได้ระยะหนึ่ง จู่ ๆ พลังบางอย่างปะทุออกจากร่างเขา นาทีต่อมาเห็นเงาวานรั์สุวรรณปรากฏตัวที่ด้านหลังมู่เยี่ยน ร่างอันใหญ่โตของมันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังไร้ที่สิ้นสุด สองกำปั้นดุจค้อนั์ทุบหน้าอกไปมาต่อเนื่อง
“ิญญาาวานรั์สุวรรณขั้นเขียว!” ผู้คนจำระดับของเงาวานรั์สุวรรณที่อยู่ด้านหลังมู่เยี่ยนได้ทันที
มู่เยี่ยนคือผู้ฝึกยุทธ์อันดับที่ 6 ในรายนามเฟิงอวิ๋น ิญญาาที่ปลุกย่อมไม่อ่อนด้อย และิญญาาวานรั์สุวรรณขั้นเขียวตนนี้ก็ถือว่าทรงพลังมากในบรรดาิญญาาขั้นเขียว บัดนี้มู่เยี่ยนถูกเย่เฟิงกดดันจนต้องปลดปล่อยิญญาาของตน เพื่ออาศัยพลังของมันเข้าต่อต้านเย่เฟิง
“โฮก!” วานรั์สุวรรณแผดเสียงคำราม พลันกำปั้นั์ที่มีพลังมหาศาลเกินแสนจินพุ่งไปหาเย่เฟิง
ดวงตาของเย่เฟิงวาบประกายคมกริบ เขาเหวี่ยงหมัดโจมตีโดยใช้พลังกายบริสุทธิ์เข้าต่อต้านิญญาวานรั์สุวรรณ
“ตูม!!!” เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว สองกำปั้นเข้าปะทะกัน วานรั์สุวรรณตัวสูงกว่าห้าจั้ง เพียงกำปั้นของมันก็เทียบเท่ามนุษย์ผู้ใหญ่ ยิ่งสัดส่วนของเย่เฟิงก็ยิ่งไม่สอดคล้องกับขนาดตัวของมันเลยด้วยซ้ำ ทว่าพลังของเย่เฟิงทำให้ร่างใหญ่โตของวานรสั่นอย่างรุนแรง และถูกซัดจนเซถอยหลัง ซ้ำยังส่งเสียงคำรามไม่หยุด
“ิญญาาวานรั์สุวรรณขั้นเขียว ช่างอ่อนหัดนัก!” เย่เฟิงเย้ยหยัน เขาเดินออกมาพร้อมกับรัวหมัดโจมตีสามครั้ง บัดนี้หมัดของเย่เฟิงมีน้ำหนักถึง 120,000 จิน หากหมัดผสานด้วยอำนาจขั้นผันแปร อย่างน้อยหมัดก็มีน้ำหนักถึง 150,000 จิน
พลังที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ แม้จะเป็วานรั์สุวรรณที่มีพละกำลังมหาศาลก็มิอาจต่อต้านได้
มู่เยี่ยนถูกสามหมัดของเย่เฟิงซัดกระเด็น ตัวต้องสั่นสะท้านแรง แม้เขาปลดปล่อยิญญาา แต่ก็มิอาจช่วยอะไรเขาได้
“ปัง!” หมัดของเย่เฟิงโดนหน้าอกของมู่เยี่ยนอย่างจัง ทำมู่เยี่ยนถลาไปข้างหลังจนกระแทกกับเสาหินตรงขอบเวที
“อั่ก!” มู่เยี่ยนกระอักเื เื่นี้ทำเขาจิตใจหดหู่มิใช่น้อย ทั้งยังมองเย่เฟิงด้วยสายตาอาฆาต เขามู่เยี่ยนเป็ใคร บัดนี้กลับพ่ายแพ้ให้กับคนไร้ค่าที่ไม่อยู่ในสายตาเขาเลยสักนิด แล้วเขาจะยอมได้อย่างไรเล่า
มู่เยี่ยนพลันยกดาบในมือขึ้นช้า ๆ ดวงตายังทอประกายแสงชั่วร้าย จากนั้นวิ่งออกไปพร้อมกวัดแกว่งดาบใส่เย่เฟิงอย่างบ้าคลั่ง
“หาที่ตาย!” เย่เฟิงแค่นเสียงเ็า จากนั้นแทงหอกัเงินประกายออกไป ก่อนจะปะทะกับดาบของมู่เยี่ยน แต่ด้วยพลังมหาศาล ดาบจึงกระเด็นหลุดออกจากมือมู่เยี่ยนทันที ทันใดนั้นเองเย่เฟิงก็รัวหมัดใส่มู่เยี่ยนไม่ยั้งเช่นกัน นาทีต่อมาได้ยินเสียงโอดครวญดังออกจากปากมู่เยี่ยน ก่อนจะถูกหมัดหนึ่งซัดกระเด็นออกไป จนร่างถลาไปหยุดอยู่มุมหนึ่งบนเวทีประลอง พร้อมกับอาเจียนออกมาเป็ลิ่มเื
“อะไรน่ะ? เป็แบบนี้ไปได้อย่างไร?” ผู้คนเห็นฉากนี้ต่างต้องตื่นใ
“เยี่ยนเอ๋อร์!” มู่เทียนหลงลุกขึ้นจากที่นั่งพร้อมเพลิงพิโรธปะทุออกจากร่างขณะมองเย่เฟิง
“เ้ากล้าดียังไงถึงกล้าทำร้ายเขา?” ผู้าุโใหญ่อวิ๋นซื่อเทียนกล่าว ทุกคนต่างไม่คาดคิดว่าผู้ชนะจะเป็เย่เฟิง ทั้งยังใช้วิธีที่ทรงพลังกำราบ
“นี่คือเวทีงานชุมนุมหวงปั่ง หากคนที่แพ้เป็ข้า พวกเ้าจะมีใครบ้างที่เป็เดือดเป็ร้อนเพื่อข้า?” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นเขาเดินไปหามู่เยี่ยนทีละก้าว ๆ ทำมู่เยี่ยนหน้าซีดเผือด “เ้าจะทำอะไร?”
“เ้าอยากฆ่าข้าไม่ใช่หรือ?” เย่เฟิงกล่าวพลางแสยะยิ้ม ก่อนจะกล่าวต่อ
“ที่เวทีงานประลองสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เ้ามู่เยี่ยนมาพร้อมกับสามกองกำลัง ตอนนั้นเ้าอยู่จุดสูงสุดของขั้นรวมชี่และประมือกับข้าตอนอยู่ขั้นรวมชี่ที่ 4 ต่อจากนั้นเ้าก็ยั่วยุข้าครั้งแล้วครั้งเล่า ซ้ำยังลงมือจัดการเพื่อฆ่าข้า บัดนี้เ้าถามข้าว่าจะทำอะไรอย่างนั้นหรือ?”
ขณะกล่าวเย่เฟิงยกเท้าข้างหนึ่ง ก่อนจะเหยียบไปที่หน้าอกของมู่เยี่ยน
“ปล่อยเขานะ ถ้าเ้าทำอะไรเขา ตระกูลมู่ไม่ปล่อยเ้าไว้แน่!” มู่เทียนหลงเห็นฉากนี้ก็ขึ้นเสียงใส่เย่เฟิง มู่เยี่ยนไม่เพียงแต่เป็บุตรของเขา แต่ยังเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตระกูลมู่ ความหวังของตระกูลมู่มิอาจหายไปได้
“เ้าคิดว่าตัวเองเป็ใครกัน ชีวิตของเขาอยู่ในมือข้า เ้าก็ยังกล้าปากดีพูดกับข้าเยี่ยงนี้อีกหรือ?” เย่เฟิงกล่าวพลางมองมู่เทียนหลง ก่อนหน้านี้คนตระกูลมู่ดูถูกเหยียดหยามเขา กระทั่งตอนเย่เฟิงเริ่มสู้กับมู่เยี่ยน มู่เทียนหลงก็แอบส่งสัญญาณให้มู่เยี่ยนว่าให้ลงมือฆ่าเย่เฟิง ในเมื่อเป็เช่นนี้ เหตุใดเขาเย่เฟิงต้องสนใจสายสัมพันธ์ญาติมิตรนั่นด้วย?
“เย่เฟิง ถือว่าเห็นแก่ข้า เ้าปล่อยตัวมู่เยี่ยนได้หรือไม่?” ขณะนั้นเสียงขององค์ชายใหญ่จ้าวหยางดังมาจากอัฒจันทร์หลัก นี่ทำให้ทุกคนชะงักไปชั่วขณะ แอบคิดในใจว่า “องค์ชายใหญ่ขอร้องแทนมู่เยี่ยนเพื่อให้เย่เฟิงไว้หน้าเขา เย่เฟิงผู้นี้น่าจะปล่อยมู่เยี่ยน”
เย่เฟิงหันไปมององค์ชายใหญ่ที่อัฒจันทร์หลัก ก่อนจะโค้งคำนับแล้วพูดว่า “คนผู้นี้อยากฆ่าข้า วันนี้ข้าเย่เฟิงจักต้องทำให้เขาชดใช้ เพราะฉะนั้นผู้น้อยเกรงว่าจะทำให้องค์ชายใหญ่ไม่พอใจแล้ว!”
“เปรี้ยง!” เมื่อผู้คนได้ยินเช่นนั้นก็มีเสียงฟ้าผ่าดังก้องในหัว ทำให้ในหัวมีแต่ความว่างเปล่าไปชั่วขณะ
“หมอนี่บ้าไปแล้วหรือ แม้แต่องค์ชายใหญ่ก็ไม่ให้เกียรติ มิหนำซ้ำยังคงยืนกรานจะให้มู่เยี่ยนชดใช้ เ้าคนเนรคุณ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งกล่าวขณะมองเย่เฟิง
“บังอาจ!”
พลันมีเสียงหนึ่งดังมาจากอัฒจันทร์หลัก ก่อนจะเห็นเซิ่งอ๋องที่นั่งถัดลงมาจากองค์ชายใหญ่จ้าวหยางลุกขึ้น พร้อมพลังปราณแกร่งกล้าปะทุออกจากร่าง “คำพูดขององค์ชายใหญ่ถือเป็พระประสงค์ เ้าเป็เพียงรุ่นเยาว์ขั้นรวมชี่ แต่ไม่นึกว่าจะกล้าขัดพระประสงค์ขององค์ชายใหญ่เช่นนี้ จักต้องโดนลงโทษสถานหนัก”
