“เกิดกระไรขึ้นกับพวกนางหรือ?” หลินหวั่นชิวถาม
หลายวันมานี้นางไม่ได้กลับหมู่บ้าน ด้วยเหตุนี้จึงไม่รู้จุดจบของหลินกุ้ยฮวากับหลินฉิน
เจียงหงหย่วนทำท่าจะพูดแต่ก็หยุด
เดิมทีเขาวางแผนว่าจะเล่าสิ่งที่ทั้งสองพบเจอให้หลินหวั่นชิวฟัง แต่เมื่อต้องเล่าจริงๆ กลับเอื้อนเอ่ยไม่ออก
“พูดยากหรือ?” หลินหวั่นชิวถาม “หรือว่าข้ารู้ไม่ได้?”
เจียงหงหย่วนมองว่าเื่นี้รู้กันทั้งตำบลทั้งหมู่บ้านแล้ว เมื่อหลินหวั่นชิวกลับไปก็จะได้ยินเอง แทนที่จะให้บรรดาสตรีสาวใหญ่ในหมู่บ้านทำนางใ สู้ให้เขาบอกนางเสียก่อนดีกว่า
“ตอนอยู่ห้องขัง พวกนางถูกเหล่าผู้คุมและมือปราบเวียนเล่นเป็ของเล่น แต่นี่ไม่ใช่ทั้งหมด ต่อมาคนพวกนี้เล่นเบื่อแล้วยังขายเนื้อหนังสองคนนี้เพื่อหาเงิน มีคนเข้าไปแล้วออกมาป่าวประกาศ พวกนางไม่เพียงขายเนื้อหนังในห้องขัง แต่ยังไปขายที่ห้องลงทัณฑ์… เอาเป็ว่าตอนสองคนนี้ถูกจับโยนออกมา… สภาพไม่ต่างกระไรกับผี มีคนในหมู่บ้านเดินผ่านจึงช่วยส่งหลินฉินกลับบ้านหลิน ส่วนหลินกุ้ยฮวาถูกส่งกลับบ้านสามีแต่กลับถูกครอบครัวสามีโยนหนังสือหย่าใส่ จากนั้นถูกส่งกลับบ้านหลินดังเดิม”
ลำบากเจียงหงหย่วนแล้ว เขาพยายามเล่าให้ฟังดูเบาที่สุด
หลินหวั่นชิวนึกภาพตามที่เจียงหงหย่วนเล่า ห้องลงทัณฑ์…กระตุ้นอารมณ์สุดๆ
นางเคยอ่านนิยายลามก ตอนนี้จินตนาการในหัวล้ำเลิศมาก เขาเล่าแบบธรรมดา แต่ในหัวนางกลับคิดไปต่างๆ นาๆ
อดตัวสั่นเทาในอ้อมอกเจียงหงหย่วนไม่ได้
จริงอยู่ที่นางไม่ชอบหลินกุ้ยฮวากับหลินฉิน พวกนางรังแกเ้าของร่างเดิมมาหลายปี ตอนนั้นหลินกุ้ยฮวากับหลินฉินอยากให้สวีเทาจับกุมนาง…ไม่รู้ว่าสองคนนั้นรู้หรือไม่ว่าสตรีที่เข้าห้องขังแล้วจะเจอจุดจบเช่นนี้
แต่สมองนางไม่ได้มีปัญหา ไม่รู้สึกเห็นใจพวกนางแต่อย่างใด เพราะหากตอนนั้นนางพิสูจน์ไม่ได้ว่าเสื้อขนจิ้งจอกเป็ของตัวเอง ไม่แน่ว่าคนที่จะเจอจุดจบเช่นนั้นอาจเป็ตัวนางเสียเอง
นั่นเป็ถึงขนจิ้งจอกที่เจียงหงหย่วนเสี่ยงอันตรายขึ้นูเาหิมะไปล่ามา นางรีบร้อนไปแย่งกลับมา ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเกิดข้อผิดพลาด
สิ่งใดที่นางคิดได้ เจียงหงหย่วนย่อมคิดได้เช่นกัน
ตอนเขาได้ยินเื่นี้ครั้งแรกยังไม่คิดเชื่อจึงไปสอบถามด้วยตัวเอง แต่ยิ่งรู้รายละเอียดก็ยิ่งเย็นสะท้านในใจ ไม่กล้าคิดเลยว่าถ้าคนที่โดนกระทำเช่นนั้นเป็ภรรยาตัวน้อย…เขาคงฆ่าคนพวกนั้นทิ้งเสียให้หมด
แต่หลังจากใจเย็นลงก็รู้สึกว่าเื่นี้มีเลศนัย ย้อนกลับไปสอบถามอีกครั้งและเริ่มจับประเด็นกระไรได้
หลินกุ้ยฮวากับหลินฉินโดนใครบางคนสั่งสอน แต่คนที่สั่งสอนพวกนางคือสวีเต๋อเซิ่งหรือผู้ใดกัน?
เจียงหงหย่วนไม่คิดว่าเป็สวีเต๋อเซิ่ง เพราะด้วยนิสัยของอีกฝ่าย เขาไม่น่าลงมือทำเื่เสียเงินที่ไม่เป็ประโยชน์ต่อตนเอง
เช่นนั้นผู้ใดกัน?
คนที่อยู่เื้ัต้องมีทั้งเงินและอำนาจ มิเช่นนั้นจะทำให้คนทั้งที่ว่าการตำบลเสี่ยงตกงานหรือติดคุกเพื่อทำร้ายหลินกุ้ยฮวากับหลินฉินได้หรือ?
มีคนก้าวออกมาเข้าร่วม เจียงหงหย่วนตัดสินใจว่ารอให้จัดการบ้านสวีเสร็จแล้วจะตรวจสอบ
“ไม่ต้องกลัว หลินกุ้ยฮวากับหลินฉินคงไปล่วงเกินคนที่ไม่สมควรเข้า มิเช่นนั้นผู้คุมนักโทษไม่มีทางกล้ากำเริบเสิบสานเช่นนี้” เจียงหงหย่วนตบหลังปลอบใจหลินหวั่นชิวเบาๆ
เขาเข้าใจนางดีเหลือเกิน หลินหวั่นชิวคิดในใจ
เขารู้ว่านางไม่ได้เป็เช่นนี้เพราะสงสารหลินกุ้ยฮวากับหลินฉิน
นางแค่ใกับจุดจบของพวกนางเท่านั้น
“ชื่อเสียงหลินกุ้ยฮวากับหลินฉินฉาวโฉ่เช่นนี้ พวกนางกลับบ้านหลินแล้วบ้านหลินจะรับไว้หรือ?”
“บ้านหลินโวยวายอยู่สองวัน แต่ไม่รู้ว่าเกิดกระไรขึ้นถึงได้หยุด หลินกุ้ยฮวากับหลินฉินได้อยู่ต่อเช่นกัน แต่งานทั้งหมดในบ้านถูกโยนให้พวกนางทำ หลินซย่าจื้อก่นด่าทั้งวัน ความเป็อยู่พวกนางไม่ได้ต่างไปจากเ้าเมื่อก่อน”
ฟังเจียงหงหย่วนพูดเช่นนี้ หลินหวั่นชิวต้องยอมรับว่าจุดจบตอนนี้ของหลินกุ้ยฮวากับหลินฉินทำให้นาง…สะใจ
อย่างน้อยก็ช่วยเอาคืนให้เ้าของร่างเดิมที่ถูกบ้านหลินรังแกสารพัด นางคิด
ทั้งคู่นอนกอดแนบชิดกันบนเตียงอีกสักพักก่อนจะลุกขึ้น หลังทานมื้อเช้าเสร็จ สองสามีภรรยาขับรถล่อออกไป
เนื่องจากที่บ้านมีงานเยอะขึ้นเรื่อยๆ เจียงไฉจึงถูกส่งกลับไปช่วยงาน เจียงหงหย่วนต้องขับรถเองอีกครั้ง
พ่อครัวจากร้านจุ้ยเซียนให้รายการของที่ต้องซื้อมา ทั้งคู่แค่ซื้อตามรายการก็พอ ไม่ได้ลำบากกระไรมาก เพียงครึ่งวันก็ซื้อเสร็จแล้ว
พวกเนื้อหมู เนื้อไก่และเนื้อเป็ดมอบให้ป้าสองจ้าวช่วยซื้อ ไม่ต้องจัดการเอง
ระหว่างทางกลับบ้าน ทั้งคู่เจอแผงขายปลา หลินหวั่นชิวซื้อปลาจีนตัวใหญ่สองตัวกลับมาให้เจียงหงหย่วนเชือดและแล่เป็ชิ้นบางๆ ทำปลาต้มพริกหม้อใหญ่
ปลาต้มพริกสีแดงมีน้ำมันเยิ้มถูกเจียงหงหย่วนกินหมด ทั้งยังกินข้าวที่ผัดกับเนื้อปลาอีกหลายชาม
ความจุในการกินนี้…
ไม่มีเงินคงเลี้ยงไม่ไหว
หลินหวั่นชิวรู้สึกว่าหนุ่มหน้าดำเลี้ยงยากกว่าหนุ่มหน้าขาว
ในเวลาเดียวกันนี้ ภายในห้องส่วนตัวบนหอสุราก่วงซิง เฮ่อตงเวยดื่มจนหน้าแดง ปาหลีว์จื่อนั่งอยู่ด้านข้าง คอยปั้นหน้ายิ้มช่วยรินสุรา
“เ้าว่าไอ้โง่นั่นจะมาทวงเงินข้าเมื่อไร?” เฮ่อตงเวยพูดอย่างรำคาญใจ “เ้าให้ข้าเอาแต่รอๆ รอถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่มาเสียที ข้าจะบอกให้นะว่าตอนนี้ข้าเริ่มจะคันมือเสียแล้ว ข้าอาจทนรอเขาไม่ไหว”
หลังจากได้เงินจากบ่อนมาสองร้อยตำลึง เขาก็นำไปหาแม่นางเฟิ่งเซียนที่หอนางโลมหม่านชุนจนถึงตอนนี้ ขณะนี้เงินหมดแล้ว
อยากไปหาเพิ่มที่บ่อน
น่าเสียดายที่เื่นี้ยังไม่จบ เขายังไปบ่อนไม่ได้
ปาหลีว์จื่อยิ้มสู้ “ท่านรออีกประเดี๋ยว เขาต้องมาทวงก่อนปีใหม่เป็แน่ หากไม่ทวง…เช่นนั้นเขาต้องตกงาน ทางบ่อนจะทวงหนี้จากเขาแทนเช่นกัน เพราะทางบ่อนมีกฎว่าห้ามให้ลูกหลานข้าราชการกู้เงิน เขาทำผิดกฎ ทางบ่อนไม่ปล่อยไปแน่ ไว้เขาแบกหนี้แทน ท่านค่อยไปก็ยังไม่สาย”
“มารดามันเถิด แต่ข้าคันมือ จะให้ทำอย่างไร?” เฮ่อตงเวยถูนิ้วไปมาต่อหน้าปาหลีว์จื่อ
ปาหลีว์จื่อได้แต่มอบเงินให้เขายี่สิบตำลึง “ท่านวางใจเถิด ไว้เสร็จงานแล้วท่านจะได้ส่วนแบ่งเป็แน่”
เฮ่อตงเวยเก็บเงินเข้าอกเสื้อ พูดด้วยความดูถูกว่า “ดูแล้วเ้าคงไม่กล้าหลอกข้า มิเช่นนั้นข้าจะให้สวีเต๋อเซิ่งหักขาเ้าเสีย”
ในสายตาเฮ่อตงเวย สวีเต๋อเซิ่งเป็สุนัขที่ตระกูลเฮ่อของเขาเลี้ยงไว้
ปาหลีว์จื่อรีบตอบ “ไอ๊หยา ท่านรอดูเถิด แม้ข้าน้อยจะกล้าหลอกผู้อื่นแต่ไม่กล้าหลอกท่านเป็แน่…”