“เซี่ยเสี่ยวหลาน!”
เซี่ยหงเซี๋ยพุ่งตัวไปยังหน้าประตูเซี่ยนอีจงกวักมือเรียกเซี่ยเสี่ยวหลาน
เซี่ยเสี่ยวหลานเร่งฝีเท้าขึ้นเล็กน้อยไม่ได้ยินเสียงเรียกของเซี่ยหงเซี๋ย เดินไม่กี่ก้าวก็เลี้ยวเข้าตึกคณิตศาสตร์เซี๋ยหงเซี๋ยกระทืบเท้า โวยวายกับยามหน้าประตูด้วยความไม่พอใจเป็อย่างมาก
“ทำไมคุณปล่อยให้เธอเข้าไปได้?”
ยามชำเลืองมอง สายตาเซี่ยหงเซี๋ยเต็มไปด้วยความความหมายล้ำลึก
เป็สาวเป็แส้เอาแต่ตามติดนักเรียนชายของเซี่ยนอีจงนั้นคิดว่าเหมาะสมนักหรือ? นักเรียนชายที่ใกล้จะสอบเกาเข่า ไม่ว่าใครถูกเซี่ยหงเซี๋ยสนใจเข้าย่อมวอกแวกเสียสมาธิกันทั้งนั้น คนแบบนี้ยามหน้าประตูจะปล่อยเธอเข้าโรงเรียนไปก่อเื่ได้อย่างไร?
เซี่ยหงเซี๋ยโดนสายตาลึกล้ำเช่นนี้เมียงมองเสียจนทั้งอับอายทั้งขุ่นเคือง
ทว่าเธอได้รับกรรมพันธุ์หนังหน้าหนาจากครอบครัวไม่มีทางปล่อยวางโดยง่าย จึงสวนกลับทำเหมือนได้รับความะเืใจถึงที่สุด
“คุณดูถูกที่ฉันเป็คนชนบท! เลือกปฏิบัติ! คุณเห็นเธอสวยเลยลำเอียงใช่หรือไม่ฉันขอบอกคุณ...”
สุ้มเสียงของเซี่ยหงเซี๋ยไม่เบาบางเลย ผู้คนที่กำลังเดินเพ่นพ่านไปมาล้วนมองยามที่ประตูด้วยสายตาตกตะลึงและงุนงง
ยามหน้าประตูก็อายุหลายสิบปีได้แล้วจะมาโดนกล่าวหาเช่นนี้ได้อย่างไร เห็นเซี่ยหงเซี๋ยแล้วรำคาญแทบทนไม่ไหว “เขาเป็นักเรียนของเซี่ยนอีจง ไม่เหมือนเธอ”
นักเรียนของอีจง?
เฆี่ยนเซี่ยหงเซี๋ยให้ตายก็ไม่เชื่อ!
เซี่ยเสี่ยวหลานมิใช่พวกชอบเรียนหนังสือ จิตใจตั้งมั่นในการเรียนไม่ได้ ไม่มีทางเปรียบกับพี่จื่ออวี้
เซี่ยหงเซี๋ยเชื่อมั่นว่าเซี่ยเสี่ยวหลานหาคนรักได้จากเซี่ยนอีจงรองเท้าผุพังนี่ระเริงไปทั่วพอตัว ขนาดยามเฝ้าประตูยังต้องโกหกแทนเธอ
คนที่เซี่ยหงเซี๋ยเกลียดที่สุดก็คือเซี่ยเสี่ยวหลานเธอคิดว่าตนเองต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของเซี่ยเสี่ยวหลานให้ได้ “พวกคุณโดนมันหลอกแล้ว มันเป็ผู้หญิงสำส่อนก็เท่านั้นชื่อเสียงเน่าเฟะแค่ไหน คนทั่วทุกสารทิศล้วนรู้กันหมด! คนประเภทนี้ยังเข้าโรงเรียนได้ ฉันก็เข้าได้เหมือนกัน...”
ขณะเซี่ยหงเซี๋ยโหวเหวกโวยวายได้มีผู้บริหารโรงเรียนคนหนึ่งเดินผ่านมาพอดี
“เื่อะไรกัน เอะอะโวยวายหน้าประตูใหญ่กระทบต่อระเบียบของโรงเรียน”
ผู้บริหารไม่ด่าทอเซี่ยหงเซี๋ยเพระคนเขารู้จักว่าเธอคือต้นหอมต้นไหน[1] คำพูดนี้จึงเป็การกล่าวกับยามเฝ้าประตู
ยามหน้าประตูกระอักระอ่วนมาก แต่ก็ยังพยายามอธิบายออกไปหลายคำ “ผู้อำนวยการอวี๋ เด็กสาวคนนี้มักมาวนเวียนที่โรงเรียนทั้งวันเธอเพียงแค่อยากเข้าไปในโรงเรียน แต่ดันไม่มีเหตุผลที่สมควรผมก็ไม่กล้าปล่อยเธอเข้าไปรบกวนนักเรียนหรอกครับ”
ผู้อำนวยการอวี๋มองเซี่ยหงเซี๋ยอย่างรังเกียจ
“เหล่าจ้าว คุณต้องรับผิดชอบในหน้าที่ คนที่จะเข้าเซี่ยนอีจงได้มีเพียงนักเรียนและอาจารย์เท่านั้น”
อันชิ่งเซี่ยนอีจงก็ไม่ใช่หน่วยงานลับอะไรประตูลูกกรงเหล็กแยกโรงเรียนกับเขตแดนภายนอกเอาไว้ผู้อยู่ในโรงเรียนคืออนาคตนักศึกษามหาวิทยาลัยที่ตั้งใจเล่าเรียนจะเหมือนตลาดสดที่ใครก็เข้าออกตามอำเภอใจได้ที่ไหน? อยากเดินเข้าไปอย่างผ่าเผยหรือ? ได้สิ สอบเข้าเซี่ยนอีจงให้ได้ก็เพียงพอแล้ว
ผู้อำนวยการไม่แม้แต่จะเอ่ยปากด่าเซี่ยหงเซี๋ยด้วยซ้ำทว่าเธอกลับเหมือนโดนคนกระชากหนังหน้าโยนลงพื้นแล้วเหยียบทิ้ง
ฝีปากของปัญญาชนก็คือการเสียดสี
เซี่ยหงเซี๋ยนึกคิดด้วยความเกลียดชัง เรียนมัธยมปลายแล้วมันอย่างไร?ก็ไม่ใช่ทุกคนจะเหมือนพี่จื่ออวี้ของเธอเสียหน่อย!
ขณะอดกลั้นความโมโห เซี่ยหงเซี๋ยเืสูบฉีดขึ้นหน้าจนแดงก่ำถ้ายังไม่ได้แฉเซี่ยเสี่ยวหลานก็จะไม่ยอมหยุดหย่อนเลิกลาง่ายๆ แน่ โดยไม่สนว่าเซี่ยเสี่ยวหลานเป็นักเรียนของเซี่ยนอีจงหรือหาคู่หมายในโรงเรียนเธอต้องจัดการอีกฝ่ายให้อยู่ในเซี่ยนอีจงต่อไปไม่ได้อีก
“นักเรียนหญิงที่เพิ่งเข้าไป ชื่อว่าเซี่ยเสี่ยวหลานจริตจะก้านของเธอไม่เหมาะสมตามทำนองคลองธรรม ในชนบท...”
ผู้อำนวยการอวี๋ย่นคิ้วขัดจังหวะเธอ “เธอใช้อะไรยืนยันว่าสิ่งที่ตัวเองพูดเป็เื่จริง?”
ในดวงตาของเซี่ยหงเซี๋ยมีแต่ความพึงพอใจ
“เธอเป็ลูกพี่ลูกน้องของฉัน เื่ของเธอ ฉันจะไม่รู้ได้หรือ?”
ความรังเกียจของผู้อำนวยการอวี๋ไม่มีปิดบังไว้อีกยามเฝ้าประตูเหล่าจ้าวก็โกรธเคืองเช่นกัน
นี่คือคนในครอบครัวหรือ? ชัดเจนว่าเป็ศัตรูต่างหาก!
วาจาของศัตรูไม่น่าเชื่อถือผู้อำนวยการอวี๋ไม่อยากเสียเวลากับคนไร้สมอง ส่งสัญญาณทางสายตาให้เหล่าจ้าวหนึ่งทีก็เดินจากไป
เหล่าจ้าวไม่ไว้หน้าเซี่ยหงเซี๋ยอีกแล้ว ขับไล่เธอไปทันทีทันใด
“เธอทำงานอยู่ที่จางจี้ด้านหน้า? ถ้ายังก่อเื่ ฉันจะไปหาเถ้าแก่ของเธอแล้วรายงานพฤติกรรม!”
เซี่ยหงเซี๋ยไม่อยากจะเชื่อ
เธอพูดประโยคไหนผิดไปหรือ? ก็เป็เื่จริงทั้งนั้น คนของเซี่ยนอีจงกลับหยาบคายต่อเธอช่างวิปริตเสียจริง ถูกเซี่ยเสี่ยวหลานป้อนยาเสน่ห์ให้แล้วสินะ!
เซี่ยหงเซี๋ยเดือดดาลเธอกระทืบเท้าด้วยแรงทั้งหมดที่มีแล้ววิ่งกลับร้านอาหารว่างจางจี้
เดิมทีเธอกราดเกรี้ยวอยากรายงานต่อจางชุ่ยหลังกลอกลูกตาสะเปะสะปะก็มีความคิดอื่นผุดออกมาไม่กล่าวถึงเื่ที่เห็นเซี่ยเสี่ยวหลานชั่วคราว
สีหน้าของจางชุ่ยก็ไม่สู้ดีนัก
เจียงเหลียนเซียงเพิ่งยุยงส่งเสริมไปได้ไม่กี่คำบอกว่าเซี่ยหงเซี๋ยนั้นไม่เอาการเอางาน แม้เมื่อสักครู่ในร้านมีลูกค้าไม่เยอะแต่เหมาะเป็เวลาที่จะให้พวกเธอรีบใช้เวลาทำความสะอาดโต๊ะกับพื้นและล้างจานเซี่ยหงเซี๋ยก็ดีเหลือเกิน ทิ้งผ้าขี้ริ้วในมือแล้ววิ่งไปหน้าประตูเซี่ยนอีจงอีกแล้ว
“ทำงานไม่คล่องแคล่ว คิดเล็กคิดน้อยทีเดียว แถมดันหัวทึบมากอารมณ์ล้วนเขียนอยู่บนหน้าชัดเจน”
หญิงสาวอยากได้คู่ครองแสนดีสักคนนั้นไม่ผิด แต่ก่อนจะกินเนื้อหงส์ก็ต้องพิจารณาตนเองว่าเป็คางคกด้วยหรือเปล่า?
เซี่ยหงเซี๋ยมีรูปลักษณ์ธรรมดาดาษดื่น ไร้ความสามารถสักแขนงมีภูมิลำเนาชนบท การศึกษาไม่สูง จะใช้อะไรไปมัดใจว่าที่นักศึกษาเ่าั้กันต่อให้หาเป้าหมายที่จะลงมือด้วยได้ย่อมต้องสืบเสาะให้ดีเสียก่อนว่าประเภทไหนคือมีความหวังสอบติดมหาวิทยาลัยจริงพอเห็นนักเรียนชายของเซี่ยนอีจงทุกคนที่มาร้านอาหารว่างก็ล้วนมีแววตาระยิบระยับ...บางคนนิสัยค่อนข้างขี้อาย แทบจะโดนเซี่ยหงเซี๋ยทำให้กลัวจนไม่กล้าเข้าร้าน
จางชุ่ยคิดเื่จะไล่เซี่ยหงเซี๋ยออกไปจริงๆ
อยู่กินเปล่าๆ ปลี้ๆ แถมยังเกะกะขวางทางหากอยู่ที่ร้านนานเข้าแล้วมีเื่เสื่อมเกียรติกับนักเรียนชายคนไหนเข้าจริงถ้าผู้ปกครองฝ่ายชายบุกมาถึงร้าน จางจี้ยังทำธุรกิจได้อยู่อีกหรือ?
“หงเซี๋ย หลานอย่าเอาแต่ไปวนเวียนอยู่หน้าประตูโรงเรียนสิหญิงสาวควรรักษาความเหมาะสมบ้าง อย่าเรียนรู้จากเสี่ยวหลาน”
จางชุ่ยพยายามอดทนอธิบายอย่างเป็จริงเป็จัง
เซี่ยหงเซี๋ยพยักหน้ารับไปส่งๆใจคิดว่าเซี่ยเสี่ยวหลานราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากชื่อเสียของตนเองเลยมิใช่ว่าแทรกซึมเข้าไปในเซี่ยนอีจงแล้วหรือ?
เซี่ยหงเซี๋ยรอแล้วรออีก เธอทำหลายสิ่งในเวลาเดียวกันโดยให้ความสนใจกับความเคลื่อนไหวที่หน้าประตูเซี่ยนอีจง
หลังผ่านไปเกือบสามชั่วโมง ถึงได้เห็นเงาของเซี่ยเสี่ยวหลาน...นักเรียนชายสูงโปร่งผิวคล้ำมาส่งเซี่ยเสี่ยวหลานถึงประตูเซี่ยเสี่ยวหลานโบกมือให้อีกฝ่าย นักเรียนชายกลับเข้าโรงเรียนไปอย่างอาลัยอาวรณ์
ไฟโทสะในใจของเซี่ยหงเซี๋ยกองนั้นยิ่งแผดเผายิ่งโหมกระหน่ำเป็อย่างที่เธอคิดไว้ไม่ผิด เซี่ยเสี่ยวหลานหาคู่หมายคนใหม่ในเซี่ยนอีจงนักเรียนชายคนนี้คือใครกัน? ที่แท้คงมีความสามารถเหลือเกิน แต่ว่าเมื่อสักครู่ทำไมทั้งผู้อำนวยการอวี๋และยามเฝ้าประตูล้วนต้องแก้ตัวแทนเซี่ยเสี่ยวหลานกัน?
เซี่ยหงเซี๋ยติดสินใจจะทำเื่นี้ให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง
ได้ เธอโยนผ้าขี้ริ้วทิ้งแล้ววิ่งออกไปสะกดรอยเซี่ยเสี่ยวหลาน
จางชุ่ยโกรธจนอึดอัดในอก เจียงเหลียนเซียงกลั้นหัวเราะเอาไว้สามีพี่สาวเซี่ยฉางเจิงตระหนี่ถี่เหนียว อยากนำคนตระกูลเซี่ยสักคนมาเป็หัวหลักหัวตอในร้านป้องกันเธอและจางหม่านฝูทุจริต แต่หลานสาวเซี่ยหงเซี๋ยคนนี้ก็ไม่ขยันขันแข็งเอาเสียเลยมักทำให้เซี่ยฉางเจิงเสียหน้าอยู่เสมอ
เซี่ยหงเซี๋ยวิ่งด้วยท่าทางเหมือนปลาหมูหายไปไม่เห็นเงาจางชุ่ยคิดเอาไว้ ไม่อาจทนได้อีกแล้ว ต้องส่งเธอกลับหมู่บ้านต้าเหอให้ได้
เซี่ยเสี่ยวหลานตั้งใจเยื้องย่างไปเรื่อยๆ
เธอชื่นชอบการใช้วิธีสานสัมพันธ์ของอนาคต มารยาทงามไร้คนถือโทษ [2] เหล่าจ้าวยามประจำประตูเซี่ยนอีจงก็เคยรับบุหรี่ของเธอ
เหล่าจ้าวเพิ่งเตือนเธอมีคนเรียกตนว่าเป็ลูกพี่ลูกน้องของเธอเอะอะอยู่หน้าประตูโรงเรียนให้เธอระวังหน่อยทั้งยังบอกว่าลูกพี่ลูกน้องผู้นี้ทำงานอยู่ที่ร้านจางจี้อาหารว่างซึ่งไม่ไกลจากประตูโรงเรียน
ร้านจางจี้อาหารว่าง?
เซี่ยเสี่ยวหลานมาเซี่ยนอีจงครั้งแรกก็เคยสังเกตแล้ว
ทำเลร้านเลือกได้ดี ธุรกิจย่อมไม่เลวเป็ธรรมดา ตอนนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานเห็นแล้วยังเสียดายเดิมเธอเคยคิดว่าจะเปิดร้านที่คล้ายกันสักร้าน ขายอาหารว่างโดยเฉพาะแล้วก็ส่งต่อให้หลิวเฟินดูแล ทำอาหารว่างนั้นเหนื่อยแน่นอนแต่ไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงใด กลับผ่อนคลายกว่าขายกากน้ำมันเก็งกำไรเสียอีกถ้าหลิวเฟินเปิดร้านอาหารว่าง เซี่ยเสี่ยวหลานก็จะวางมือจากธุรกิจขายกากน้ำมันเธอตั้งใจนำกำไรจากธุรกิจนี้มาทดแทนน้ำใจของคนตระกูลเฉิน...น่าเสียดายที่ทำเลเยี่ยมบริเวณประตูเซี่ยนอีจงมีคนแล้ว
เซี่ยเสี่ยวหลานทิ้งความคิดนี้ไปก่อนสักพัก ในเขตอันชิ่งทำไม่ได้อีกหน่อยเธอค่อยไปเปิดสักร้านให้หลิวเฟินในเมืองซางตูหรือไม่ก็เมืองเฟิ่งเสียน
ไม่จำเป็ต้องขายอาหารว่าง ทำเงินได้เท่าไรนั้นเป็เื่รองที่สำคัญคือให้หลิวเฟินได้มีสถานที่ไว้ลงแรงกายสักแห่ง
มีคนคว้าเธอไว้จากด้านหลัง
“...เซี่ยเสี่ยวหลาน ฉันจับเธอได้แล้ว!”
เชิงอรรถ
[1]哪根葱 ต้นหอมต้นไหนเป็คำที่ใช้ในการดูถูก หมายถึง ไม่ได้มีคุณค่าในสายตาขนาดนั้น เวลาใช้มักกล่าววา ‘อย่างคุณถือเป็ต้นหอมต้นไหนกัน?’
[2]礼多人不怪 มารยาทงามไร้คนถือโทษหมายถึง การมีมารยาทดีงามเป็เื่สมควร ไม่มีใครมาถือโทษ