ดวงตาท่านตาแดงเรื่อ ถอนหายใจพลางเอ่ย “ฉือเอ๋อร์ เ้าจากไปครั้งนี้ ใจของตารู้สึกเศร้าเหลือเกิน”
ดวงตาของหนิงมู่ฉือแดงเรื่อเช่นกัน น้ำตาแทบจะไหลออกมาอยู่รอมร่อ “ท่านตา หากยังไม่ได้แก้แค้นให้ท่านพ่อ ใจข้าไม่มีวันสงบสุข”
จ้าวซีเหอเงยหน้า พร้อมกับชูจอกสุราไปทางท่านตา จากนั้นเอ่ยอย่างเคารพนับถือ “ท่านตา ท่านวางใจเถิด ข้าจะดูแลฉือเอ๋อร์ให้ดี”
ท่านตาลูบเคราสีขาวของตัวเอง มองจ้าวซีเหออย่างเอ็นดู “เช่นนั้นข้าก็วางใจ”
“ท่านตา หลังจากทานเสร็จ พวกเราต้องออกเดินทาง มิเช่นนั้นจะไปถึงเมืองหลวงช้า” หนิงมู่ฉือเอ่ยด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย ด้วยกลัวท่านตาจะเศร้าใจ
ไม่ง่ายเลยกว่าการทานอาหารมื้อนี้จะจบลง นางกลับไปที่ห้องเพื่อเก็บเสื้อผ้า คาดไม่ถึงว่าท่านตาจะเดินตามมา ก่อนจะยื่นมือมากุมมือนางแล้วเอาถุงเงินวางไว้ที่กลางฝ่ามือ
“ท่านตา ท่านทำอะไรเ้าคะ” นางยื่นถุงเงินส่งคืน ขณะมองท่านตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
ท่านตายัดเงินใส่มือนางอีกรอบ ยิ้มพลางเอ่ยว่า “ไปข้างนอก เ้าต้องมีโอกาสได้ใช้มันแน่ นี่เป็เงินที่ตาเก็บสะสมเอาไว้ ตาให้เ้า”
“ท่านตา ข้ารับเอาไว้ไม่ได้” นางมีสีหน้าลำบากใจ ขณะที่ในใจรู้สึกซาบซึ้งยากจะบรรยาย
ท่านตาส่ายหน้า ดันถุงเงินกลับคืนจนชิดหน้าอกนางอย่างดื้อดึง ก่อนจะยกมือลูบศีรษะนางอย่างเอ็นดู “ฉือเอ๋อร์ เด็กดี เชื่อตาเถิด”
นางจึงได้แต่ต้องจำใจรับถุงเงินมา “ขอบคุณท่านตามากเ้าค่ะ”
“เ้าต้องทวงคืนความยุติธรรมให้บิดาเ้าให้ได้รู้หรือไม่ หรงเอ๋อร์ที่อยู่ปรโลกจะได้ตายตาหลับ” มือของท่านตาสั่นเทา แม้แต่เคราก็ยังสั่นเล็กน้อย
จ้าวซีเหอที่รออยู่กวักมือเรียก “ฉือเอ๋อร์ พวกเราสมควรออกเดินทางได้แล้ว”
นางพยักหน้า มองท่านตาด้วยสีหน้าเศร้าสร้อยขณะกุมมือท่านตาเอาไว้แน่น “ท่านตา ข้าต้องไปแล้วเ้าค่ะ”
ท่านตาพยักหน้าด้วยแววตาอาลัยอาวรณ์ “ฉือเอ๋อร์ ดูแลรักษาสุขภาพให้ดีนะ”
“ท่านตาท่านก็เหมือนกันนะเ้าคะ ข้าต้องไปแล้ว” นางชักมือกลับ แววตาเต็มไปด้วยความอาลัยอาวรณ์ไม่แตกต่างกัน นางหมุนตัวเดินไปหาจ้าวซีเหอ
ครั้นได้เห็นม้าตัวที่คุ้นเคย นางเอ่ยอย่างประหลาดใจออกมาว่า “นี่คือม้าตัวที่ข้านำมาจากตำหนักอ๋องนี่!”
จ้าวซีเหอพยักหน้าพร้อมกับลูบหัวม้า “นี่เป็ม้าตัวที่ข้าชอบที่สุด ไม่คิดเลยว่าเ้าจะนำมันมาด้วย”
ใบหน้าหนิงมู่ฉือซีดขาวด้วยความเศร้าใจกับการจากลาครั้งนี้ นางตบแผ่นหลังจ้าวซีเหอพร้อมกับเอ่ยว่า “ซีเหอ พวกเรารีบออกเดินทางกันเถอะ ข้างหน้าเป็ที่รกร้าง พวกเราจำเป็ต้องออกจากที่นั่นก่อนฟ้าจะมืด”
จ้าวซีเหอพยักหน้า อุ้มหนิงมู่ฉือขึ้นม้า ก่อนจะะโตามขึ้นไป แล้วควบม้าไปข้างหน้า
ม้าห้อตะบึงไปข้างหน้า เพียงสองวันทั้งสองคนก็เดินทางมาถึงหน้าประตูเมืองหลวง
หนิงมู่ฉือมองประตูที่เปิดอ้าอยู่ด้วยลางสังหรณ์แปลกๆ บอกไม่ถูก นางจับชายแขนเสื้อของจ้าวซีเหอเอาไว้แน่น ก้มหน้าอย่างไม่อยากเผชิญหน้ากับการแก้แค้นที่นางจะต้องเผชิญ
จ้าวซีเหอตบหลังหนิงมู่ฉือไม่แรงนักเป็การปลอบใจ “ฉือเอ๋อร์ ไม่ต้องกลัว ข้าจะอยู่เคียงข้างเ้าเอง”
“ซื่อจื่อ…” ทหารองครักษ์เฝ้าประตูผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้ามาหาด้วยสีหน้าใ “ข้าน้อยคาราวะซื่อจื่อขอรับ”
จ้าวซีเหอก้มมองทหารองครักษ์จากบนม้า เอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “มีเื่ใด เ้ากล้าขวางข้าไม่ให้ข้าเข้าไปในเมืองหรือ”
ทหารองครักษ์ยิ้มแหย ถูมือไปมาอย่างกระอักกระอ่วน “ข้าน้อยมิกล้า เพียงแต่แม่นางที่มากับท่านเป็บ่าวที่มีความผิดติดตัว ไม่กี่วันก่อนฝ่าาเพิ่งจะมีรับสั่งลงมาว่า บ่าวที่มีความผิดติดตัวไม่อาจเข้าไปในเมืองได้ตามใจชอบขอรับ”
จ้าวซีเหอขมวดคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เสด็จพี่หรือ เป็รับสั่งั้แ่เมื่อใด”
ทหารองครักษ์โค้งกายลง “ขอซื่อจื่ออภัยให้ข้าน้อยด้วยขอรับ”
จ้าวซีเหอลงจากม้า ผลักทหารองครักษ์ผู้นี้ออก แล้วจูงม้าเดินเข้าไปในเมือง “นางเป็สาวใช้ข้างห้องของข้า! ข้าจะดูสิว่าผู้ใดจะกล้ามาขวาง!”
ทหารองครักษ์เห็นเช่นนั้นพลันมีสีหน้าลำบากใจ หลบทางให้ไม่กล้ากล่าวคำใดอีก “ซื่อจื่อ ขอท่านไตร่ตรองให้ดีด้วยขอรับ!”
ทหารองครักษ์มีสีหน้าแตกตื่นทำอะไรไม่ถูก มองจ้าวซีเหอซึ่งมีสีหน้าไม่พอใจอย่างลำบากใจ
“อย่ามาขวางข้า! หากฝ่าามีรับสั่งจะเอาเื่ เ้าก็ทูลไปว่าข้าดื้อดึงจะพานางเข้าไปให้ได้!” จ้าวซีเหอกลับขึ้นม้าอีกครั้งด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก่อนจะขี่ม้าเข้าไปในเมืองตรงไปที่ตำหนักอ๋องเป่ยเยียน
บรรยากาศของตำหนักอ๋องในเวลานี้ไม่ได้เต็มไปด้วยความสุขเช่นสมัยก่อน เมื่อมาถึงจ้าวซีเหอรับรู้ได้ถึงบรรยากาศแปลกๆ ภายในตำหนัก เขาขมวดคิ้ว ลงจากม้าพร้อมกับอุ้มหนิงมู่ฉือลงมาด้วย แล้วจูงมือพาเดินเข้าไปในตำหนัก
ฉู่เมิ่งเอ๋อร์แต่งตัวรอต้อนรับอยู่นานแล้ว หลังจากได้ยินว่าจ้าวซีเหอมาถึงแล้ว นางพาบรรดาหญิงรับใช้เดินไปที่หน้าประตูเพื่อต้อนรับจ้าวซีเหอ
“ซื่อจื่อ!” นางร้องเรียกอย่างดีใจ ใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มขณะก้าวเดินเข้าไปหาจ้าวซีเหอ ทว่าเมื่อเห็นหนิงมู่ฉือยืนอยู่ข้างกายจ้าวซีเหอ ใบหน้าพลันแปรเปลี่ยนไปทันที “เ้ากลับมาได้อย่างไร” นางเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ
จ้าวซีเหอขมวดคิ้ว “เหตุใดเล่า ข้าพานางกลับมาไม่ได้หรืออย่างไร”
เขานึกรังเกียจใบหน้าที่ประทินโฉมหนาเตอะของฉู่เมิ่งเอ๋อร์นัก เขาได้กลิ่นแป้งและชาดฉุนกึกมาแต่ไกล “เป็ถึงอนุแห่งตำหนักอ๋อง หาใช่หญิงสาวในหอนางโลมเช่นสมัยก่อน เช่นนั้นก็ต้องรู้จักทำตามกฎระเบียบ เ้าแต่งหน้าหนาเกินไปแล้ว ไปล้างออกสักหน่อยเถิด”
ใบหน้าฉู่เมิ่งเอ๋อร์แดงก่ำด้วยความอับอาย มองจ้าวซีเหออย่างต่อว่าและไม่พอใจ “ซื่อจื่อล้อเมิ่งเอ๋อร์เล่นแล้ว ไม่กี่วันก่อนท่านยังชมเมิ่งเอ๋อร์ไม่ขาดปากอยู่เลย เหตุใดพอไปชายแดนไม่กี่วัน กลับมาถึงมีท่าทีเ็ากับเมิ่งเอ๋อร์เช่นนี้เล่าเ้าคะ”
หนิงมู่ฉือหันไปมองจ้าวซีเหอ ประโยคนี้ของฉู่เมิ่งเอ๋อร์ราวกับมีดที่แทงทะลุหัวใจนาง นางหลับตาอย่างผิดหวัง เค้นเสียงหัวเราะอย่างเ็า
สีหน้าจ้าวซีเหอเปลี่ยนไปทันที มองฉู่เมิ่งเอ๋อร์ด้วยความไม่พอใจ “ฉู่เมิ่งเอ๋อร์เ้าช่างไม่รู้สิ่งใดผิดสิ่งใดถูกนัก!”
เขาอยากจะยื่นมือไปจับมือหนิงมู่ฉือเพื่ออธิบาย ทว่านางชักมือหลบ ใบหน้าราบเรียบอย่างไม่สนใจเขา ทำให้เขาเ็ปใจยิ่ง
เขายื่นมือไปจับแขนนางจนได้ “ฉือเอ๋อร์ ฟังข้าอธิบายก่อน ข้าไม่ได้…”
หนิงมู่ฉือชักมือกลับ ยิ้มบางเบาด้วยสีหน้าไม่ใส่ใจ “ซื่อจื่อ นี่เป็เื่ส่วนตัวของท่าน ไม่ได้เกี่ยวอันใดกับข้า ข้าไปหาท่านอ๋องก่อนนะเ้าคะ”