“พวกนางหรือ?” กู้เจิงทวนคำ
“พี่สะใภ้สี่ก็อยู่ด้วย องค์หญิงก็อยู่ และยังมีเหล่าคุณชายและคุณหนูคนอื่นๆ ด้วยเ้าค่ะ”
“งั้นพวกเราต้องรีบลงจากเขาไปเรียกคนมาช่วย” มีเพียงวิธีเดียวที่กู้เจิงคิดได้
“ไม่ได้ ไม่ได้ รอพวกเราเรียกคนมาช่วยก็สายไปแล้วเ้าค่ะ ความบริสุทธิ์ของเหยาเอ๋อร์และคนอื่นๆ ก็คง...”
เห็นท่าทางหวาดกลัวของกู้อิ๋ง กู้เจิงก็รู้ได้ทันทีว่าสำหรับสตรีในยุคนี้ความบริสุทธิ์สำคัญกว่าชีวิต “เราช่วยพวกนางไม่ได้ ถ้าเราไปก็มีแต่เอาชีวิตไปทิ้งเท่านั้น”
“งั้นเราจะไม่ช่วยหรือเ้าคะ?” กู้อิ๋งร้องถาม
“ต้องช่วยสิ แต่ต้องหาคนมาช่วย” กู้เจิงตอบ
“พี่ใหญ่ เช่นนั้นมันจะไม่ทันการณ์ ถ้าช่วยน้องสี่กับองค์หญิงไว้ไม่ได้ ข้า…” กู้อิ๋งน้ำตาไหลพราก นางพูดอย่างสิ้นหวังว่า “ข้าก็ไม่มีหน้าจะมีชีวิตอยู่บนโลกนี้เหมือนกันเ้าค่ะ”
“แต่พวกเราแค่สองคน ไปช่วยพวกนางไม่ได้จริงๆ การจะเอาชีวิตตัวเองไปแขวนไว้ตอนนี้ก็ไม่คุ้มเสียนะ” กู้เจิงจับมือกู้อิ๋งแล้วพาเดินไปในทางที่จะลงจากูเา
กู้อิ๋งที่สะบัดมือกู้เจิงออกอย่างแรง
“ข้ากับเหยาเอ๋อร์เป็พี่น้องท้องเดียวกัน ข้าจะไม่ทิ้งนางเ้าค่ะ ถ้าพี่ใหญ่จะไปก็ไปเถอะ” กู้อิ๋งมองนางอย่างเ็า
กู้เจิงกล่าวเตือนสติ “ข้าก็อยากช่วยน้องสี่เหมือนกัน แต่ปัญหาคือแค่ตัวเราเองก็ยังยากที่จะปกป้องไว้ได้ แล้วเราจะช่วยพวกเขาได้ยังไงกัน?”
กู้อิ๋งร้องไห้อย่างสิ้นหวัง
“เ้ามีความสามารถมากแค่ไหนถึงกล้าไปช่วยพวกนาง?” นางเองถ้าสามารถช่วยได้ ทำไมจะไม่ช่วยกัน “เ้าก็รู้ทั้งรู้ว่าถึงไปก็ช่วยไม่ได้ แต่ก็ยังจะเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงด้วย นั่นถือว่าโง่มาก”
“แต่พี่ใหญ่เคยคิดบ้างไหมว่า ถ้าเกิดเื่กับคนมากมายขนาดนั้น ทั้งเหยาเอ๋อร์ ทั้งองค์หญิง มีเพียงพวกเราสองคนเท่านั้นที่ยังอยู่ดี คนในวังยังจะปล่อยให้พวกเรามีชีวิตอยู่อีกหรือเ้าคะ?” กู้อิ๋งถามด้วยน้ำตานองหน้า
“ข้ารู้ว่าสิ่งที่พี่ใหญ่พูดนั้นถูกต้อง แต่หากมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกนาง พวกเราก็ไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ คนในวังไม่มีทางปล่อยเราไปแน่เ้าค่ะ” หลังจากกู้อิ๋งแต่งงานแล้ว สิ่งที่ััได้ลึกซึ้งที่สุดก็คือความคิดของคนในวัง “อย่าว่าแต่ในวัง หากเกิดอะไรขึ้นกับเหยาเอ๋อร์ ข้าก็ไม่มีหน้าจะไปพบท่านพ่อท่านแม่อีกเช่นกันเ้าค่ะ”
คำพูดของกู้อิ๋งทำให้กู้เจิงตระหนักขึ้นมาได้ ถ้าเกิดเื่กับคนมากมายขนาดนั้น และมีเพียงนางกับกู้อิ๋งที่รอดชีวิต คนในวังจะปล่อยพวกนางไปหรือ?
“ข้าก็กลัวเหมือนกัน” กู้อิ๋งย่อตัวลงกอดตัวเองไว้แน่น “ควรทำยังไงดี ควรจะทำยังไงกันดี”
ใช่ ควรจะทำอย่างไรดี? กู้เจิงเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไร
“พี่ใหญ่ ท่านกำลังจะทำอะไร?” กู้อิ๋งเห็นกู้เจิงเดินไปดึงปิ่นปักผมออกมาจากท้ายทอยของศพชายคนที่ทำร้ายนาง
กู้เจิงเดินมาปลดปิ่นบนศีรษะของกู้อิ๋งออก พร้อมส่งให้นาง “ถือเอาไว้”
“อะไรเ้าคะ?”
“อาวุธเอาไว้ป้องกันตัว พวกเรามีพละกำลังน้อย แต่สิ่งนี้สามารถใช้ฆ่าคนได้”
คำว่าฆ่าคนทำเอากู้อิ๋งหน้าซีดเผือด
“มาช่วยกันซ่อนศพของชายคนนี้ก่อน” กู้เจิงเข้าไปดึงที่เท้าของศพชายหนุ่ม นางพยายามจะลากศพเข้าไปซ่อนในพุ่มไม้ แต่ลากไปได้นิดเดียวก็เหนื่อยหอบแล้ว นางจึงเรียกกู้อิ๋งที่ยืนทื่ออย่างเหม่อลอย “มานี่สิ แม้แต่เื่แค่นี้เ้าก็ยังไม่กล้า แล้วเ้ายังคิดจะไปช่วยคนอื่นอีกหรือ?”
กู้อิ๋งรีบเดินเข้าไปหมายจะช่วย แต่นางก็กลัวอยู่มาก
ในที่สุดสองพี่น้องก็ร่วมมือกันซ่อนศพได้สำเร็จ
“ไปกัน” กู้เจิงเอ่ยชวนท
“ไปไหนเ้าคะ?”
“เหยาเอ๋อร์อยู่ในถ้ำมิใช่หรือ? ”
“พี่ใหญ่จะไปช่วยเหยาเอ๋อร์จริงๆ หรือ?”
กู้เจิงพยักหน้ารับ “เ้าพูดถูก เป็ข้าคิดไม่รอบคอบเอง หากเกิดอะไรขึ้นกับพวกนาง แล้วมีแค่พวกเราสองคนที่มีชีวิตรอด ทางวังย่อมไม่ปล่อยพวกเราไปแน่”
“เราสองคนจะช่วยคนอื่นได้ยังไงเ้าคะ?” กู้อิ๋งถามอย่างสิ้นหวัง
“ข้าเชื่อว่าคนที่จะมาช่วยพวกเรา ตอนนี้คงกำลังออกตามหาอยู่ เราก็เดินหนึ่งก้าวคิดหนึ่งก้าว* แล้วกัน” กู้เจิงตอบ
(*หมายถึง การเดินข้างหน้าพร้อมกับคิดไตร่ตรองหรือแก้ปัญหาไปด้วย)
กู้อิ๋งเหลือบมองเค้าหน้าอันงดงามของพี่ใหญ่ที่เด็ดขาดอย่างที่ไม่เคยเป็มาก่อน
“เฮ้ย เรียบร้อยไหม?” มีเสียงผู้ชายดังแว่วขึ้นมา “ข้าบอกแล้วว่าอย่าแก้มัด แค่ขึ้นไปก็พอแล้ว ดูสิ วิ่งไปแล้วกระมัง? วิ่งมาไกลขนาดนี้”
กู้เจิงกับกู้อิ๋งรีบหมอบตัวลง และรีบหลบเข้าไปในพุ่มไม้อย่างเงียบเชียบ พวกนางเห็นชายร่างกำยำคนหนึ่งเดินออกมาจากแนวป่า พร้อมมองไปรอบๆ “คนล่ะ? ไปอยู่ไหนกันหมด? ” เมื่อไม่เจอคน เขาก็จากไป
“พวกมันมีทั้งหมดหกคน” กู้อิ๋งพูดเสียงสั่น “ถูกพี่ใหญ่ฆ่าไปแล้วหนึ่งคน ยังเหลืออีกห้าคนเ้าค่ะ”
กู้เจิงตอบรับคำเสียงเบา “เราไปกันเถอะ”
กู้เจิงพากู้อิ๋งเดินมาเรื่อยๆ จนเจอถ้ำที่ว่า บริเวณปากถ้ำไม่ใหญ่นัก สามารถเข้าออกได้แค่หนึ่งหรือสองคนเท่านั้น
“องค์หญิงกับเหยาเอ๋อร์ และคุณหนูอีกหลายคนที่อยู่ในถ้ำ มีทั้งหมดสิบสองคน แต่พวกบรรดาคุณชายน่าจะถูกขังอยู่ในถ้ำอื่นเ้าค่ะ”
กู้เจิงพยักหน้ารับรู้ “พวกเหยาเอ๋อร์น่าจะไม่เป็ไร เ้าดูสิ พวกมันนั่งเฝ้าอยู่ด้านนอก พวกเราก็หลบอยู่ที่นี่รอให้คนมาช่วยแล้วกัน”
กู้อิ๋งเห็นด้วย วินาทีถัดมา นางรู้สึกคันจมูกเล็กน้อย จึงอ้าปากกำลังจะจาม กู้เจิงเห็นดังนั้นก็รีบปิดปากนางไว้อย่างใ แต่ไม่คิดว่าจะเสียหลัก ร่างกายที่ก้มหมอบอยู่จึงล้มลง
“ใคร?” กลุ่มชายที่เฝ้าอยู่หน้าถ้ำเดินเข้ามาทางพวกนาง
กู้เจิงรีบดึงกู้อิ๋งแล้ววิ่งหนีไปอย่างไม่ทันได้คิดอะไรทั้งสิ้น
“ตรงนี้ยังมีผู้หญิงอีกสองคน” ชายที่เห็นพวกนางะโบอกพรรคพวก
เพียงไม่นาน กู้เจิงกับกู้อิ๋งก็ถูกตามทัน พวกที่ไล่ตามมามีสามคน
“โอ้ เป็สาวน้อยที่งดงามเสียจริง” ชายคนหนึ่งในนั้นดวงตาเป็ประกายเมื่อได้เห็นหน้าตาของกู้เจิง แต่มันมองกู้อิ๋งอย่างสงสัย “เ้าถูกน้องรองลากไปมิใช่หรือ?” เขามีสีหน้าทะมึนในทันที “แล้วน้องรองล่ะ?”
พวกมันทั้งสามคนตื่นตัวทันที
กู้เจิงกับกู้อิ๋งหยิบปิ่นปักผมที่เตรียมไว้ออกมา
“พวกเ้าอย่าเข้ามานะ” กู้อิ๋งกรีดร้องพร้อมยกปิ่นขึ้นมาป้องกันตัว
“น้องรองข้าอยู่ที่ไหน?” พวกมันคนหนึ่งถามกู้อิ๋ง
กู้อิ๋งไม่พูดอะไรสักคำ นางทำเพียงจ้องมองคนทั้งสามอย่างเ็า
“ก็แค่ปิ่นไม้กระจอกงอกง่อย คิดว่าพวกเราจะกลัวหรือ?” พวกมันหัวเราะอย่างดูถูก
กู้อิ๋งหันหัวปลายแหลมของปิ่นมาที่ลำคอตัวเอง
ชายทั้งสามหัวเราะดังลั่น
“แค่ผู้หญิงเหม็นเน่าคนหนึ่ง อยากตายก็เอาสิ แทงเข้าไปเลย?”
“น้องสาม อย่าทำอะไรโง่ๆ นะ” กู้เจิงกลัวว่านางจะแทงตัวเองเข้าจริงๆ
“พี่ใหญ่ ถ้าถูกพวกมันจับได้ก็ขอตายดีกว่าอยู่ ข้ายอมตายเพื่อรักษาความบริสุทธิ์ดีกว่ามีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้” กู้อิ๋งพูดอย่างสิ้นหวัง
กู้เจิงกล่าวเสียงเย็น “ตายไม่ดีไม่สู้อยู่ต่อไปดีกว่า” ชั่วขณะนั้นมือของพวกนางพลันรู้สึกชา และปิ่นปักผมที่ถือไว้ก็ร่วงลงสู่พื้น
ปิ่นในมือของกู้อิ๋งก็ร่วงหล่นเช่นกัน ชายที่มีหน้าตาโเี้ได้โยนก้อนหินขว้างมือของพวกนาง
กู้เจิงกำลังจะก้มเพื่อเก็บปิ่น แต่พวกมันเอากระบี่มาจ่อเข้าที่คอของนางกับกู้อิ๋งก่อน
“บอกมา น้องรองล่ะ?” ชายที่มีหน้าตาโเี้ใช้มือหนึ่งบีบกรามของกู้อิ๋งไว้ และบังคับให้นางมองหน้าของมัน
“ขะ ข้าไม่รู้” กู้อิ๋งตอบเสียงสั่น
“ไม่รู้งั้นหรือ?” ชายคนนั้นฉีกเสื้อชุดนอกของกู้อิ๋งออก
กู้อิ๋งกรีดร้องและพูดอย่างหวาดกลัวว่า “เ้าจะทำอะไร?”
“ก็ทำสิ่งที่น้องรองยังทำไม่เสร็จไงล่ะ” ชายคนนั้นพูดพลางเตะเข้าที่ท้องของกู้อิ๋งอย่างแรงจนนางล้มลง ขณะที่เขากำลังจะโถมตัวขึ้นคร่อม ก็ได้ยินพี่น้องคนหนึ่งของตนร้องโอดครวญด้วยความเ็ป
กู้เจิงกัดข้อมือของชายอีกคนอย่างแรง จนชายคนนั้นต้องเอาอีกมือหนึ่งตีเข้าที่ศีรษะของกู้เจิง กู้เจิงรู้สึกหน้ามืดตาลาย ขณะเดียวกันนางก็รู้สึกได้ว่าชายที่ถือกระบี่กำลังเสียสมาธิ นางรีบใช้จังหวะนี้คว้ากระบี่แล้วพลิกมือแทงเข้าที่ท้องของมัน
ชายคนนั้นกรีดร้องอย่างน่าอนาถ
กู้เจิงดึงกระบี่ออกพร้อมกับพุ่งตัวไปข้างหน้า นางหันกระบี่ไปที่คนที่เหลือ และกล่าวเสียงเข้มกับชายหน้าเหี้ยม “ปล่อยน้องสาวข้า”
พวกมันอีกคนรีบเข้าไปดูน้องชายที่ถูกกู้เจิงแทง ก่อนจะเอ่ยอย่างตื่นใว่า “พี่ใหญ่ น้องสี่ขาดใจแล้ว”
บุรุษที่หน้าตาโเี้มองกู้เจิงอย่างดุร้าย
กู้เจิงมองออกว่า ในบรรดาคนเหล่านี้ มีเพียงบุรุษผู้นี้ที่มีวรยุทธในระดับดี ส่วนคนอื่นๆ มีวรยุทธในระดับธรรมดา มิเช่นนั้นทั้งสองคนคงไม่ถูกหญิงอ่อนแอคนหนึ่งอย่างนางฆ่าได้