“เปรี้ยง เปรี้ยง เปรี้ยง”
อสนีบาตหลายสายฟาดลงมาที่หน้าผาหินในทันที แรงปะทะเ่าั้ทำให้เกิดหลุมไหม้หลายหลุม แต่สิ่งที่ทำให้ตกตะลึงมากที่สุดคือแรงปะทะสามารถแยกูเาให้กลายเป็พื้นราบได้
แม้แต่เจียงเทียนมิ่งที่กำลังจะแสดงพลังยุทธ์ยังใ เขายืนนิ่งและหดคอลงมาด้วยความหวาดกลัว สีหน้าปรากฏความประหลาดใจจนแทบไม่อยากจะเชื่อออกมา
“วี้”
ด้านหลังของหยวนจุนปรากฏเงาของหงส์ตัวผู้ แม้หงส์นั้นจะแปรเปลี่ยนมาจากพลังจิต แต่ก็เต็มไปด้วยความแข็งแกร่งจากพลังของหงส์ตัวผู้
เพียงไม่นาน เงาของหงส์ตัวเมียที่ส่องแสงก็ปรากฏอยู่ที่ด้านหลังของเสี่ยวเมิ่ง หงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียประสานเข้าด้วยกันก่อนจะทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอันมืดมิด เท้าเหยียบอสนีบาต สายตาเหลือบมองท้องนภา
ขณะเดียวกันหยวนจุนก็รู้สึกว่าจุดตันเถียนบนของเขามีความแข็งแกร่งมากขึ้น ส่วนพลังจิตก็เพิ่มระดับอย่างรวดเร็ว แม้พลังนั้นจะโถมเข้าใส่จิติญญาของเขาอย่างรุนแรง แต่นั่นไม่ถึงกับทำให้เขาทนไม่ได้
“ฮู่”
ขณะที่หยวนจุนกำลังกวัดแกว่งมือ พลังจิตของเขาได้แผ่ออกจากร่างกายจนทำให้พายุหมุนที่อยู่ข้างหน้าสลายไป พลังโปร่งใสโจมตีกึ่งกลางูเาจนเกิดเสียงดังสนั่น ซึ่งทำให้สันเขารอบข้างสั่นะเืไปด้วย
หยวนจุนััได้ว่าพลังจิตของเขาได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินที่จะบรรยาย เป็ระดับพลังจิตที่เขาไม่เคยเข้าถึงมาก่อน ราวกับยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองลงมา ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นภายในระยะหนึ่งร้อยลี้นั้นล้วนแต่อยู่ในสายตาของเขา
ระดับพลังจิตของเขาในตอนนี้สามารถต่อสู้กับระดับจันทราขั้นหนึ่งทั่วไปได้อย่างเท่าเทียม
“วิชาหงส์คู่องอาจนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ !” หยวนจุนยิ้มออกมาเล็กน้อย ก่อนจะรู้สึกว่าระดับพลังจิตของเขาในตอนนี้เท่ากับของเสี่ยวเมิ่งแล้ว
ทั้งสองแยกกันแสดงพลังฝ่ามือ หงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียไล่ตามกันท่ามกลางกลุ่มเมฆที่ปั่นป่วน คลื่นพลังสีทองเข้ม้ามีแสงอสนีบาตส่องประกายอย่างไม่หยุดหย่อน
อสนีบาตที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านนั้น ดิ่งลงมาด้วยพลังที่ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างแห้งแล้งและผุกร่อน ดูแล้วเหมือนกับอุกกาบาตที่ตกลงมาจากฟากฟ้า และวาดเส้นสีทองเข้มเป็ประกายทิ้งไว้ในอากาศ
“เหอะ”
เจียงเทียนมิ่งไม่รีรอที่จะลงมือ เขานำวิชาที่เคยร่ำเรียนมาทั้งชีวิตออกมาใช้ ทั้งนี้ เมื่อเทียบแสงพลังที่เกิดจากพลังยุทธ์ของเขากับแสงพลังของหงส์คู่องอาจแล้ว เช่นนี้เหมือนกับเม็ดข้าวในมหาสมุทร และเม็ดยาท่ามกลางทะเล!
“รวมพลังหงส์คู่!”
เสี่ยวเมิ่งกับหยวนจุนเรียกพลังหงส์คู่องอาจพร้อมกัน หงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียสีทองเข้มนำอสนีบาตหลายพันสายพุ่งลงมาที่ตัวของเจียงเทียนมิ่งพร้อมกับส่งเสียงออกมาทันที
“เปรี้ยง”
“เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ”
เจียงเทียนมิ่งแสดงความตื่นกลัวออกมาทันทีเมื่อร่างกายถูกหุ้มด้วยแสงอสนีบาต เขาคิดอยากจะหันหลังกลับแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ร่างกายเริ่มปรากฏรอยแตกร้าวออกมา และเมื่ออสนีบาตะเิออก เขาที่อยู่ภายในก็ะเิออกมาเช่นกัน
แรงะเิที่เกิดขึ้นทำใหู้เาสามลูกถูกทำลาย จากนั้นท้องฟ้าจึงค่อยๆ ปลอดโปร่งขึ้น เจียงเทียนมิ่งถูกพลังอสนีบาตของหงส์คู่องอาจเผาจนไหม้เกรียม ก่อนที่ทั้งร่างจะระเหยไปกลายเป็หมอกควัน
“เปรี้ยง เปรี้ยง”
แสงอสนีบาตสุดท้ายส่องวาบลงบนพื้น เหลือเพียงฉากพื้นไหม้ที่น่ากลัวไว้เท่านั้น
เงาของหงส์ตัวผู้และหงส์ตัวเมียหายไป ส่วนพลังจิตที่จุดตันเถียนบนของหยวนจุนก็ลดลงสู่ระดับเดิม ครั้นััได้ว่าพลังจิตของเสี่ยวเมิ่งมิได้ลดลงแต่แข็งแกร่งขึ้น เขาก็แอบมุ่ยปาก
ขณะที่เขาแสดงพลังนี้ร่วมกับเสี่ยวเมิ่ง ทำให้เขาได้รับความแข็งแกร่งของพลังจิตมาในระยะสั้น และกลับสู่ระดับเดิมหลังจากแสดงพลังเสร็จสิ้น ซึ่งเทียบกับเขาแล้ว เสี่ยวเมิ่งทำได้ดีกว่ามาก
หยวนจุนแผ่มือออก ทำให้แหวนมิติที่เจียงเทียนมิ่งสวมอยู่ลอยข้ามมา เมื่อได้รับแล้วเขาจึงรีบเก็บไว้ทันที ส่วนหยดิญญาจงหวยวนครึ่งขวดนั้นได้ปรากฏอยู่ท่ามกลางพวกเขาแล้ว
“เมื่อมีหยดิญญาจงหยวนครึ่งขวดนี้ก็สามารถซ่อมแซมสองรอยร้าวบนกระบี่หยวนจุนได้แล้ว รวมถึงช่วยฟื้นฟูให้เป็อาวุธระดับิญญาด้วย!”
“เช่นนี้พลังของข้าก็จะก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น เพราะสามารถแสดงวิชายุทธ์วิถีกระบี่ได้!”
ใบหน้าของหยวนจุนเต็มไปด้วยความสุข เมื่อเขาเก็บหยดิญญาจงหยวนเข้าไปในแหวนมิติแล้วจึงหันไปสบตากับเสี่ยวเมิ่ง ก่อนที่ทั้งสองจะออกเดินทางกลับเมืองเทียนอวิ่นอย่างสบายใจ ราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
ทั้งสองกลับไปยังโรงประมูล เสี่ยวเมิ่งนำอาวุธระดับิญญาขั้นสองที่กลั่นแล้วทั้งหมดสิบชิ้นให้แก่ผู้จัดการฉาง เมื่อผู้จัดการฉางเห็นอาวุธระดับิญญาที่อยู่ในแหวนมิติก็แสดงความดีใจออกมา มือของเขาสั่นขึ้นมาเล็กน้อย
พวกนี้เป็อาวุธระดับิญญาขั้นสองทั้งหมดสิบชิ้น หากนำไปประมูลจะสามารถสร้างรายได้อย่างน้อยสิบถึงยี่สิบล้าน! ซึ่งทั้งสามตระกูลใหญ่ของเมืองเทียนอวิ่นนั้น ไม่มีตระกูลใดที่มีเหรียญทองมากมายเช่นนี้!
อาวุธระดับิญญาเหล่านี้ ผู้จัดการฉางมิได้คิดจะเก็บไว้ในมือทั้งหมด แต่จะแบ่งออกไปประมูลตามเมืองต่างๆ ซึ่งมันจะต้องเป็ที่้าอย่างแน่นอน!
“ลำบากผู้าุโแล้ว หากท่าน้าสิ่งใด เพียงแค่เอ่ยปาก ทางโรงประมูลของเราจะไม่มีวันปฏิเสธอย่างแน่นอน!”
ในเมื่อผู้จัดการฉางกล่าวขึ้นมาแล้ว เสี่ยวเมิ่งจึงไม่อ้อมค้อม นางกล่าวลองเชิงออกไปว่า “ตระกูลเจียงและข้ามีเื่ขัดแย้งกันเล็กน้อย ถ้าเป็ไปได้ ข้าจะยินดีมากหากเห็นตระกูลเจียงหายไปจากเมืองเทียนอวิ่น”
กล่าวจนถึงตอนนี้ ใบหน้าที่นิ่งเฉยราวกับน้ำนิ่งของผู้จัดการฉางได้แสดงความใออกมาทันที
ตระกูลเจียงมีตาหามีแววไม่ แม้แต่นักสร้างระดับปรมาจารย์สังกัดโรงประมูลก็ยังกล้าไปมีเื่
สำหรับเื่ที่เสี่ยวเมิ่งเอ่ยปากออกมานี้ ผู้จัดการฉางมิกล้าตอบ เขาจึงกล่าวออกมาว่าจะขอหารือกับผู้าุโคนอื่นในโรงประมูลก่อน
การมีเื่ขัดแย้งกับนักสร้างระดับปรมาจารย์มิใช่ทางเลือกที่ฉลาดเลย แต่ถึงอย่างไรตระกูลเจียงก็เป็หนึ่งสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเทียนอวิ่น แค่พูดว่าทำลายก็มิได้หมายความว่าจะทำลายได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น!
“แม่นางกวนเป็นักสร้างที่ขึ้นกับโรงประมูลของเรา เื่ที่ขัดแย้งกับตระกูลเจียงมิใช่เื่ที่โรงประมูลของเราจะตัดสินใจได้ ข้าต้องไปหารือกับผู้าุโระดับสูงทั้งสามก่อนว่าจะทำอย่างไร”
ผู้จัดการฉางรีบเดินจากไป จากนั้นหยวนจุนจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “การบ่มเพาะของผู้จัดการฉางเป็แค่ระดับจันทราขั้นหนึ่งซึ่งยังไม่ถึงวงแหวนใหญ่ด้วยซ้ำ หากเขาอยู่ที่นี่เพื่อทำหน้าที่ดูแลจัดการ สถานะของเขาก็คงมิได้สูงเท่าไร”
“ผู้าุโทั้งสามที่เขาพูดถึงต้องเป็ผู้ที่สามารถตัดสินใจได้ ข้าััได้ถึงพลังปราณดาราที่อยู่ในส่วนลึกของโรงประมูลแห่งนี้ อย่างน้อยน่าจะเป็ยอดฝีมือระดับจันทราขั้นห้า!”
“หากพวกเขาตัดสินใจลงมือ ข้ามั่นใจว่าไม่มีทางพลาดอย่างแน่นอน”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ทั้งสองก็เดินกลับห้องพักที่โรงประมูลจัดเตรียมไว้
เมื่อประตูถูกปิดลงอย่างแ่าแล้ว เสี่ยวเมิ่งจึงถอดผ้าโปร่งที่คลุมหน้าออก ก่อนจะนั่งบนเก้าอี้นุ่มอย่างสง่างามแล้วกล่าวว่า “เจียงเทียนมิ่งตายแล้ว ตอนนี้เหลือแค่เจียงอิงผู้เดียวที่อยู่ระดับจันทรา”
“เพียงแค่ทำให้เขาตายได้ เป้าหมายของข้าก็จะสำเร็จ ส่วนผู้เฒ่า สตรี เด็ก และหญิงรับใช้ที่เหลืออยู่ในตระกูลเจียงจะถูกขับไล่ออกไปให้หมด ไม่ให้ผู้บริสุทธิ์ต้องรับเคราะห์อย่างเด็ดขาด”
เสี่ยวเมิ่งยิ้มเล็กน้อยแล้วกล่าวต่อ “เมื่อเจียงอิงตาย ตระกูลเจียงก็จะล่มสลายโดยที่ไม่ต้องโจมตี ซึ่งถือเป็การแก้แค้นให้ท่านปู่ได้แล้ว”
เมื่อกล่าวถึงชายชรา ทั้งสองต่างนิ่งเงียบ หากมิใช่เพราะเจียงเฮ่อใช้วิธีการโเี้ในการทำลายสองมือของชายชรา เสี่ยวเมิ่งอาจไม่รู้สึกโกรธเกลียดคนในตระกูลเจียงมากถึงเพียงนี้
แม้นาง้าให้ตระกูลเจียงหายไปจากเมืองเทียนอวิ่น แต่สิ่งที่นางเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการฆ่าคนตระกูลเจียงทั้งหมดเป็เพียงคำโกหก กล่าวตามตรงแล้วเสี่ยวเมิ่งก็ยังเป็เสี่ยวเมิ่งที่มีเมตตาคนเดิม
“จริงด้วย เ้านำกระบี่หยวนจุนกับหยดิญญาจงหยวนออกมาให้ข้าเร็ว ข้าจะซ่อมกระบี่ให้เ้า บางทีอาจทำให้มันเลื่อนขั้นเป็อาวุธระดับิญญาขั้นสองได้”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้