เสียงร้องคำรามอันโศกเศร้าของมู่เฟิงดังสะท้อนก้องไปทั่วฟ้ายามราตรี ทุกคนในตระกูลมู่ต่างก็รู้สึกเสียใจกับการสูญเสียในครั้งนี้จนไม่สามารถบรรยายออกมาเป็คำพูดได้
หัวหน้าหน่วยลับจางเตะร่างไร้ิญญาของมู่จงออกไปให้พ้นทาง เพียงเขาสะบัดฝ่ามือพลังปราณก็พลันปะทุขึ้นมาอีกครั้ง พลังปราณสีเหลืองถูกควบแน่นขึ้นเป็ฝ่ามือขนาดใหญ่ โดยพลังนั้นได้ดึงร่างของมู่เฟิงเข้ามาหาตัวเขา และบีบร่างของมู่เฟิงให้ลอยขึ้นไปกลางอากาศ
“พี่เฟิง”
“คุณชาย”
เมื่อเห็นฉากนี้ สีหน้าของมู่ขวง ไป๋จื่อเยว่และคนอื่นๆ ในตระกูลมู่ก็พลันเปลี่ยนไปในทันที เพียงแต่ในตอนนี้พวกเขาไม่กล้าผลีผลามลงมือทำสิ่งใด
หัวหน้าหน่วยลับจางบีบมู่เฟิงเอาไว้แน่น เขาจ้องมองเด็กหนุ่มก่อนจะแสยะยิ้มออกมา “เ้าหนุ่ม เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าแล้วเหตุใดเ้ายังจะดิ้นรนอีกเล่า ทำเช่นนี้คิดว่ามีประโยชน์อันใดอย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาของมู่เฟิงแดงก่ำ สายตาของเด็กหนุ่มจ้องมองไปยังหัวหน้าหน่วยลับจางอย่างไม่วางตา
ทันใดนั้น ลำแสงสีทองสายหนึ่งจากดาบโลหิตชูร่าในมือของเขาก็พุ่งเข้าสู่ร่างของมู่เฟิงอย่างรวดเร็ว จากนั้นรังสีที่แผ่ออกมาจากร่างของมู่เฟิงก็พลันเปลี่ยนไป กลายเป็ดูสูงส่งและเย็นะเืทันที
ในขณะเดียวกันนั้น แก่นโลหิตสีทองภายในดาบโลหิตชูร่าก็กลั่นตัวเองให้กลายเป็พลังงานและหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของมู่เฟิง โดยแก่นโลหิตนี้ได้ทำการผลาญตัวของมันให้กลายเป็พลังงานที่ทรงพลัง
ฉับพลันนั้นระดับวรยุทธ์ของมู่เฟิงก็เพิ่มขึ้นในทันใด
ระดับจื่อฝู่ขั้นเจ็ด ขั้นแปด ขั้นเก้า!
ระดับวรยุทธ์ของเด็กหนุ่มกำลังเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่ง เพียงไม่นานมันก็ทะลวงขึ้นสู่ระดับหนิงกัง และยังคงทะยานต่อไปอีก
ทันใดนั้นร่างกายของมู่เฟิงก็พลันปรากฏคลื่นพลังสีโลหิตโอบล้อมเอาไว้ จากนั้นเพียงเขาแผดเสียงคำรามออกมา พลังปราณสีเหลืองที่บีบร่างของเขาอยู่ก็แตกสลายในพริบตา
“นี่มันอะไรกัน!”
หัวหน้าหน่วยลับจางจ้องมองมู่เฟิงที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศโดยมีคลื่นพลังสีโลหิตโอบล้อมร่างเอาไว้อย่างไม่เชื่อสายตา
“สายเืชูร่า จงตื่นเถิด!”
มู่เฟิงขยับปาก ทว่าเสียงของเขากลับกลายเป็เสียงของสตรีที่ให้ความรู้สึกเย็นะเืจนน่าขนลุก
ภายในร่างกายของมู่เฟิงมีพลังอำนาจบางอย่างที่หลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของสายเืของเขา และในเวลานี้มันก็ถูกแก่นโลหิตหยดนั้นปลุกพลังของมันให้ตื่นขึ้นมา
“อ๊าก…!”
มู่เฟิงแผดเสียงคำรามออกมาราวกับสัตว์ร้าย เสื้อผ้าของเขาถูกคลื่นพลังฉีกกระชากจนขาดวิ่น กล้ามเนื้อส่วนสะบักหลังของเขาถูกฉีกออกจากกัน จากนั้นก็ปรากฏปีกสีแดงเืคู่หนึ่งงอกออกมาจากแผ่นหลังของเขา และในขณะเดียวกัน เขี้ยวอันแหลมคมก็งอกออกมาจากปากของเขาจำนวนสี่ซี่เช่นกัน ั์ตาของเขาพลันเปลี่ยนเป็สีเื กระทั่งเส้นผมของเขายังกลายเป็สีแดง บริเวณหว่างคิ้วของเขาพลันปรากฏอักขระสีโลหิตส่องประกายออกมา จากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยเกล็ดอีกชั้นหนึ่ง
“นี่…”
ไม่ได้มีเพียงแค่หัวหน้าหน่วยลับจางเท่านั้นที่ตกตะลึงกับภาพนี้ ทุกคนต่างก็เบิกตากว้างด้วยความใ พวกเขาล้วนจ้องมองมู่เฟิงที่กำลังสยายปีกสีแดงโลหิตและลอยอยู่กลางอากาศ
รูปลักษณ์ของมู่เฟิงในเวลานี้จะยังดูเหมือนมนุษย์ได้อย่างไร
มู่เฟิงยกมือทั้งสองข้างขึ้นทำสัญลักษณ์บางอย่าง ฉับพลันนั้นคลื่นพลังปราณสีโลหิตก็ล้อมรอบร่างของเขา
“โลหิตต้องห้าม! แผดเผา!”
ตูม…!
ภายในร่างกายของมู่เฟิง นอกจากแก่นโลหิตหยดแรกที่กลั่นพลังออกมาก่อนหน้านี้แล้ว เวลานี้แก่นโลหิตที่อยู่ในร่างของเขาอีกแปดหยดก็เริ่มกลั่นเป็พลังออกมาเช่นกัน พลังเ่าั้หลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว กระทั่งวรยุทธ์ของเขาทะลวงขึ้นสู่ระดับหยวนตานได้ในที่สุด!
“จางจวี วันนี้ข้าจะนำเืของเ้ามาชดใช้!”
มู่เฟิงกระชับดาบโลหิตชูร่าในมือ ก่อนจะกระพือปีกสีเืด้านหลัง เขาเคลื่อนไหวร่างกายได้อย่างรวดเร็วเสียจนมองเห็นเป็เพียงลำแสงสีโลหิต เด็กหนุ่มบินทะยานเข้าหาจางจวีก่อนจะเหวี่ยงดาบออกมาอย่างดุดัน
หัวหน้าหน่วยลับจางระงับความใเอาไว้ ฉับพลันนั้นไม้พลองสีเหลืองก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ไม้พลองสีเหลืองชิ้นนี้ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยพลังปราณสีเหลือง อีกทั้งมันยังเป็อาวุธปราณขั้นสูง
เมื่อลำแสงสีโลหิตกวาดเข้ามา หัวหน้าหน่วยลับจางก็ใช้ไม้พลองเล่มนี้สกัดกั้นการโจมตีของมันเอาไว้
เปรี้ยง…!
เมื่อพลังปราณอันแข็งแกร่งทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน คลื่นพลังก็สะท้อนกลับและสาดซัดออกไปทั่วบริเวณในระยะหลายร้อยเมตร ห้องใต้หลังคาที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงถึงกับเกิดการสั่นะเืก่อนจะพังถล่มลงมา
ส่วนร่างของหัวหน้าหน่วยลับจางก็ลอยกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร เขากระอักเืออกมา ก่อนจะมองไปยังมู่เฟิงด้วยความใ
“เป็ไปได้อย่างไร วรยุทธ์เพิ่มขึ้นจากระดับจื่อฝู่ะโมายังระดับหยวนตานในชั่วพริบตา แท้จริงแล้วเ้าเป็สัตว์ประหลาดอะไรกันแน่!”
หัวหน้าหน่วยลับจางคำรามเสียงดังลั่น จากนั้นเขาก็ขว้างไม้พลองสีเหลืองเล่มนั้นไปทางมู่เฟิง
ฟิ้ว ฟิ้ว…!
ปรากฏเป็เสียงทะลวงผ่านอากาศดังหวีดหวิด ไม้พลองสีเหลืองขนาดใหญ่พุ่งทะลวงเข้าหามู่เฟิงอย่างรวดเร็ว
มู่เฟิงแผดเสียงคำราม พร้อมกับง้างดาบโลหิตชูร่าไปยังไม้พลองที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา และในขณะเดียวกันนั้นเขาก็รวบรวมพลังปราณสีโลหิตมาไว้ที่มือ จากนั้นเด็กหนุ่มก็ตวัดดรรชนีนิ้วเพื่อปลดปล่อยลำแสงสีโลหิตออกมาโจมตีหัวหน้าหน่วยลับจางทันที
จางจวีรีบเคลื่อนกายหลบหลีก แต่ก็ยังสายเกินไป
ฉึก!
ลำแสงดรรชนีเจาะทะลวงที่ต้นขาของเขาอย่างรวดเร็ว
“ฝ่ามือผ่าศิลา!”
ขณะที่กำลังอดทนอดกลั้นต่อความเ็ป หัวหน้าหน่วยลับจางก็ปลดปล่อยปราณฝ่ามือสีเหลืองขนาดใหญ่ไปทางมู่เฟิงด้วย
“วิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยา!”
เมื่อมู่เฟิงใช้ทักษะวิชาหมัด พลังปราณเพลิงภายในร่างของเขาก็สาดซัดออกมาในทันที พลังปราณที่ได้รับมาจากแก่นโลหิตก่อนหน้านี้ถูกกลั่นให้กลายเป็พลังปราณเพลิง และถูกควบแน่นขึ้นเป็พลังหมัดอันแข็งแกร่ง
จากนั้นหมัดที่ลุกโชนด้วยเปลวเพลิงสีแดงเข้มก็กระแทกเข้ากับปราณฝ่ามือสีเหลืองที่พุ่งเข้ามา แต่ไม่นานปราณฝ่ามือนั้นก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้มู่เฟิงเกือบจะสามารถแสดงศักยภาพของวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยาออกมาได้อย่างเต็มที่แล้ว
เปรี้ยง...!
เสื้อคลุมของจางจวีถูกเปลวเพลิงจากวิชาะเิหมัดเก้าเพลิงสุริยาเผาทำลาย ในขณะที่ร่างของเขาก็ถูกกระแทกจนลอยกระเด็นไปไกล พร้อมกับพ่นเืออกมาคำโต ร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงห้องใต้หลังคาอย่างรุนแรง ทำให้ห้องใต้หลังคานั้นพังทลายลงมา
“เป็ไปได้อย่างไร กระทั่งใต้เท้าจางก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา!”
เหล่ามือสังหารในชุดดำที่เหลืออยู่ต่างก็แสดงท่าทีตื่นตะลึง
ดวงตาของหวงปิ่งเบิกกว้างด้วยความใ เขามองไปทางมู่เฟิงที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสยดสยอง เวลานี้บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากร่างของเด็กหนุ่มดูชั่วร้ายอย่างยิ่ง และอีกฝ่ายก็ไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์อีกต่อไป
“พี่เฟิง...”
มู่ขวงและคนอื่นๆ ต่างก็มองมู่เฟิงที่มีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปด้วยความตกตะลึง พวกเขาทั้งใและเป็กังวลอย่างยิ่ง
ร่างของมู่เฟิงลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าในยามค่ำคืน แววตาของเขาดูราวกับทรราชผู้หนึ่ง
ก่อนหน้านี้ ซีเยว่ได้เข้ายึดร่างของมู่เฟิงเอาไว้ โดยเริ่มแรกนางใช้เคล็ดวิชาลับปลุกสายเืของมู่เฟิงให้ตื่นขึ้น จากนั้นนางก็ผสานพลังบริสุทธิ์ที่กลั่นออกมาจากแก่นโลหิตเข้าไปในร่างของเขา และใช้วิชาต้องห้ามกลั่นพลังจากแก่นโลหิตในร่างของเขาออกมาในท้ายที่สุด มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้เขาสามารถะเิพลังที่น่าสะพนึงกลัวออกมาได้ชั่วคราว
แต่พลังนี้ไม่ใช่พลังที่แท้จริงของมู่เฟิงและมันยังสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายของเขาได้
พรึ่บ...!
จางจวีตะเกียกตะกายคลานออกมาจากซากปรักหักพังที่ถล่มลงมา เขาถือไม้พลองไว้ในมือ ขณะที่สายตาก็จ้องมองไปทางมู่เฟิงที่ลอยอยู่กลางอากาศด้วยความเคียดแค้น
“นี่มันเื่อะไรกันแน่!”
จางจวีะโลั่นอย่างเดือดดาล เขายกไม้พลองขึ้นมาเตรียมจะโจมตีมู่เฟิงอีกครั้ง เขาไม่เชื่อว่ามดปลวกที่มีวรยุทธ์เพียงระดับจื่อฝู่ผู้หนึ่ง จะสามารถกลายเป็ยอดฝีมือระดับหยวนตานได้ในชั่วพริบตา
“ไม้พลองทะลวงขุนเขา!”
หัวหน้าหน่วยลับจางส่งพลังปราณทั้งหมดที่เขามีไปยังไม้พลอง ฉับพลันนั้นไม้พลองก็ขยายใหญ่ขึ้น ความหนาของมันเทียบเท่ากับเอวของมนุษย์ที่โตแล้ว ส่วนความยาวของมันก็ยืดออกไปเจ็ดถึงแปดเมตร จากนั้นมันก็พุ่งทะลวงไปทางมู่เฟิงด้วยพลังอันแข็งแกร่งจนราวกับว่าจะสามารถสั่นะเืูเาได้เลยทีเดียว
“สำหรับผู้บุกรุกในวันนี้ สังหารทิ้งอย่าให้เหลือ”
ดวงตาของมู่เฟิงทอประกายเ็า พลังชูร่าในร่างหลั่งไหลเข้าสู่ดาบโลหิตชูร่าอย่างรวดเร็ว
ครืด ครืด ครืด...!
รังสีแห่งความชั่วร้ายที่เปล่งออกมาจากดาบโลหิตชูร่าทำให้ผู้คนต่างก็รู้สึกหวาดผวา เมื่อมู่เฟิงตวัดดาบ ปราณดาบสีโลหิตที่มีความยาวกว่าสิบเมตรก็พุ่งออกมาปะทะกับการโจมตีของไม้พลอง
เปรี้ยง!
เมื่อพลังทั้งสองสายพุ่งเข้าปะทะกัน ไม้พลองซึ่งเป็อาวุธปราณขั้นสูงก็ถูกปราณดาบตัดทำลายในทันที
ฉัวะ!
หลังจากนั้นปราณดาบสีโลหิตก็พุ่งกวาดผ่านไปยังร่างของจางจวีอย่างรวดเร็ว คมดาบตัดผ่าร่างของเขาจนขาดเป็สองท่อน เสียงกรีดร้องจากความเ็ปแผดออกมาดังลั่น
ร่างทั้งสองส่วนล้มลงบนพื้นในทันที เพียงแต่ร่างกายท่อนบนยังมีชีวิตอยู่ เขาใช้มือคลานไปตามพื้นขณะส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา
“ไม่ ไม่จริง ข้าจะตายไม่ได้ ช่วยด้วย ไม่มีทาง ข้าเป็ถึงผู้แข็งแกร่งระดับหยวนตานเชียวนะ”
จางจวีลากร่างกายที่เหลือเพียงครึ่งเดียวคลานไปตามพื้น ใบหน้าของเขาหวาดผวาเสียขวัญอย่างถึงที่สุด ลำไส้และอวัยวะภายในของเขาไหลทะลักออกมา เกิดเป็ภาพที่น่าสยดสยองอย่างยิ่ง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้