ต้องใช้ขั้นจักรพรรดิสองคนในการสังหารคนที่ดูเหมือนมีพลังขั้นราชันคนเดียว
สิ่งนี้ไม่เคยพบเคยเห็นมาก่อนในทวีปหลิงโซ่ว
ทว่าสิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเสิ่นเสวียน
“ระวัง!”
าามารตะวันตกที่กำลังต่อสู้กับขั้นราชันสามคนรับรู้ได้ถึงสถานการณ์ของเสิ่นเสวียน จึงะโเตือนออกไปทันที
ทว่าทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
พลังของขั้นจักรพรรดิสองคนนั้นแข็งแกร่งมากขนาดไหน ระยะห่างหลายฉื่อเหมือนอยู่แค่เอื้อม พวกเขากระโจนมาถึงตรงหน้าเสิ่นเสวียนได้ในชั่วพริบตา
จากนั้นพวกเขาต่างแสดงพลังฝ่ามือออกมาพร้อมกัน โจมตีใส่หน้าอกและแผ่นหลังของเสิ่นเสวียนอย่างแม่นยำ
ตึง!!!
พลังรุนแรงกระจายออกไปทุกทิศทางโดยมีเสิ่นเสวียนเป็จุดศูนย์กลาง ทำให้ฝุ่นตลบขึ้นมาปกคลุมอาณาเขตหลายฉื่อ
าามารตะวันตกเห็นดังนั้นจึงอยากฝ่าวงล้อมออกไป แต่สุดท้ายก็โดนอีกฝ่ายรั้งไว้จนไปไหนไม่ได้เลย
โดนขั้นจักรพรรดิสองคนโจมตี แม้แต่ผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิยังยากจะรับมือไหว ยิ่งไปกว่านั้นเสิ่นเสวียนยังไม่ใช่ขั้นจักรพรรดิอีกต่างหาก
สำหรับพวกเขาแล้ว พลังยุทธ์เปรียบเสมือนทุกสิ่งทุกอย่าง อาจมีข้อยกเว้นพิเศษบางอย่างที่สามารถท้าทายข้ามระดับขั้นได้ แต่ภายใต้สถานการณ์ที่พลังยุทธ์แตกต่างกันมากเกินไป ไม่ว่าใครก็มิอาจฝ่าฝืนกฎธรรมชาติได้
“แข็งแกร่งมาก!”
คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเสิ่นเสวียนมองอย่างไม่อยากเชื่อว่าจะเป็เื่จริง พลังยุทธ์ของอีกฝ่ายอย่างมากก็แค่ขั้นราชัน ทำไมตนเองโจมตีใส่ร่างของอีกฝ่ายแล้ว ฝ่ายนั้นกลับไม่ได้รับาเ็รุนแรงเท่าไรนัก
ร่างกายของอีกฝ่ายแข็งแกร่งราวกำแพงเหล็กกล้า ตนโจมตีใส่แล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ร่างเนื้อ แต่เหมือนกับร่างไร้ิญญามากกว่า
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มีสีหน้าตื่นใเช่นเดียวกัน
ห่างออกไปบนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกมีชายชราสวมชุดสีม่วงผู้หนึ่งลอยอยู่กลางอากาศ เขานั่งลงบนบัลลังก์สีม่วง ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคางด้วยสีหน้าสงสัย
“แปลก... เขาแข็งแกร่งถึงขนาดนี้ั้แ่เมื่อไรกัน”
ชายชราชุดม่วงมองเสิ่นเสวียนที่อยู่ด้านล่างพลางกล่าวพึมพำ
“หรือจะเป็ตาแก่นั่น”
“ไม่เหมือน ตาแก่นั่นไม่กล้าออกมาหรอก”
ที่ด้านล่าง ฝ่ามือของทั้งสองคนตบลงไปบนหน้าอกและแผ่นหลังของเสิ่นเสวียน ้าส่งพลังจากฝ่ามือเข้าไปภายในร่างของเสิ่นเสวียนเพื่อทำลายชีพจรของเขาให้สิ้น แต่ไม่ว่าพวกเขาจะส่งพลังเข้าไปอย่างไร กลับรู้สึกเหมือนโยนหินลงไปในมหาสมุทร เพราะมันเลือนหายไปอย่างไร้ร่องรอย
หลังจากลองอยู่หลายครั้ง พวกเขาจึงเกิดความคิดจะล่าถอยออกไป
ร่างของอีกฝ่ายไม่เหมือนกับร่างกายมนุษย์เลย แต่เหมือนเป็ภาชนะอย่างหนึ่งมากกว่า เป็ภาชนะที่บรรจุเข้าไปเท่าไรก็ไม่เต็ม หากเป็อย่างนี้ต่อไปพลังของพวกเขาต้องหมดสิ้นลงแน่
“เป็อะไรไป ไม่กล้าแล้วหรือ”
เสิ่นเสวียนก้มมองหน้าอกของตนเอง เืไหลออกจากมุมปากของเขาเพียงเล็กน้อยเนื่องจากแรงกระแทก แต่เมื่อเทียบกับพลังโจมตีทั้งหมดแล้ว มันเป็เพียงแรงเล็กน้อยเท่านั้น
“เ้ามีบางอย่างแปลกไป”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิที่อยู่ด้านหลังกล่าวกับเสิ่นเสวียนอย่างไม่แน่ใจ
“คิดออกแล้วหรือ ตอนนี้อยากถอยออกไปก็ไม่มีโอกาสแล้ว” เสิ่นเสวียนกล่าวเตือนอีกฝ่าย
“ถอยเร็ว!”
เดิมทีเขาไม่คิดจะล่าถอยไปเร็วขนาดนี้ แต่หลังจากได้ยินคำของเสิ่นเสวียน จึงกล่าวกับคนที่อยู่ด้านหลังผู้นั้นทันที แล้วทั้งสองก็ถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าฟาด
“แค่กๆ!”
ทั้งสองคนถอยหลังไปไม่ได้ประคองพลังฝ่ามือเอาไว้ ทำให้เสิ่นเสวียนไอออกมาอย่างรุนแรงจนกระอักเืออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ และการกระอักเืครั้งนี้ แม้จะฝึกฝนไปสิบวันก็มิอาจเติมเต็มกลับมาได้
เสิ่นเสวียนสีหน้าเรียบเฉย แต่ภายในใจกลับเดือดพล่านอย่างที่สุด
โชคดีที่จิตใจของเขาเหนือกว่าอีกฝ่ายมาก จึงสามารถข่มขู่ฝ่ายนั้นได้
ขั้นจักรพรรดิสองคนและยังแสดงพลังโจมตีออกมาด้วยพลังทั้งหมด หาใช่สิ่งที่เขาจะต้านทานได้ในตอนนี้
เขาไม่ได้แสดงพลังร่างมนุษย์ร่างหยวนก่อกำเนิดรวมเป็หนึ่ง แต่แม้จะแสดงพลังออกมาแล้วก็ยังคงาเ็หนักได้อยู่ดี ส่วนาามารทิศเหนือกำลังอยู่ใน่สำคัญที่สุดของการรักษา เขายังมิอาจขยับร่างได้ ทำได้เพียงปล่อยให้เสิ่นเสวียนโดนโจมตี
สามารถต้านทานพลังโจมตีได้ แต่ผลลัพธ์คือ หุ่นเชิดอย่างเหลยต้งและเผ่าอนธการผู้นั้นกลับถูกทำลายไป
อีกฝ่ายเข้าโจมตีประชิดตัว เขาใช้การปรับเปลี่ยนตันเถียนที่เหนือกว่าคนทั่วไป ทำให้พลังโจมตีถูกส่งต่อไปยังร่างหุ่นเชิดทั้งสอง
ทำให้ดูเหมือนว่าเสิ่นเสวียนต้านทานพลังไว้ได้ แต่ความจริงแล้วร่างหุ่นเชิดสองคนนั้นต่างหากที่รับพลังนั้นไว้
ค่ายกลบนร่างของหุ่นเชิดทั้งสองถูกทำลายไปในกระบวนท่าเดียว ไม่มีโอกาสสร้างขึ้นมาใหม่อีกครั้งแล้ว
“ข้าขอเตือนเ้าสักหน่อย ไม่ว่าเ้าจะแปลกประหลาดอย่างไร วันนี้เ้ามีสองทางให้เดิน ถ้าไม่ยอมแพ้ก็ต้องตาย”
แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิมองเสิ่นเสวียน ใช้ความรู้สึกรบกวนจิตใจ ใช้เหตุผลให้เข้าใจ เสิ่นเสวียนแปลกมากจนเขามองไม่ออก และเมื่อมองไม่ออกจึงไม่กล้าโจมตีตามใจตนเอง แผนการของเขาคือโจมตีเข้าไปที่จิตใจ
“ท่านเหนือ พิษของท่านข้าช่วยขับออกให้หมดแล้ว มองดูพวกเขาสิ ศัตรูของท่านก็คือพวกเขา”
เสิ่นเสวียนไม่สนใจอีกฝ่าย ประคองาามารทิศเหนือให้ลุกขึ้นยืน
ก่อนหน้านี้เขาปกป้องาามารทิศเหนืออยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นคงมีโอกาสหลบหลีกการโจมตีได้บ้าง
ขอเพียงรักษาาามารทิศเหนือได้จึงจะสามารถแก้ไขสถานการณ์ที่เป็อยู่ตอนนี้ าามารทิศเหนือสามารถรั้งขั้นจักรพรรดิได้หนึ่งคน อีกคนหนึ่งที่เหลือก็จัดการได้ง่ายขึ้นแล้ว
“ขอบใจมากสหายเสิ่น”
าามารทิศเหนือลุกขึ้นยืนขยับแขนและขาเล็กน้อย พลังที่เหือดหายไปก่อนหน้านี้กำลังพุ่งเข้าไปรวมอยู่ภายในร่างกายไม่หยุดหย่อน
“นี่คือยาเรียกลมปราณ”
เสิ่นเสวียนเอายาเรียกลมปราณส่งให้เขาหนึ่งเม็ด าามารทิศเหนือรับแล้วกินเข้าไปทันทีโดยไม่เกรงใจ
“ข้าจัดการพวกเขาเอง สหายเสิ่นไปพักเถอะ!”
าามารทิศเหนือรับรู้ได้ว่าพลังภายในร่างกายฟื้นฟูกลับมาราวแปดส่วนแล้ว สามารถจัดการอีกฝ่ายได้
“คนข้างหลังนั่นให้ท่านจัดการเลยแล้วกัน”
เสิ่นเสวียนยิ้มน้อยๆ จากนั้นก็ก้าวเท้าเดินหน้าไปโจมตีใส่แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิที่อยู่ด้านหน้าคนนั้น
าามารทิศเหนือไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย เขาหันกลับไปด้านหลังและกระโจนเข้าสังหารแม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิคนนั้นทันที
าามารทิศเหนือได้ชื่อว่าเป็าาแห่งหุบเขาสุขาวดี แน่นอนว่าต้องมีเหตุผล เขาเป็ผู้นำของาามารที่ยิ่งใหญ่ทั้งสี่ แน่นอนว่าไม่ได้เป็แค่ชื่อ หากไม่ใช่เพราะก่อนหน้านี้ไม่ได้ใส่ใจว่าเหลยป้าเทียนจะลอบทำร้าย เขาคงไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้
ตอนนี้าาได้กลับมาแล้ว เสือได้กลับเข้าป่าลึก
พลังที่แข็งแกร่งปะทุออกมาจากกำปั้นของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ขั้นจักรพรรดิคนนั้นถอยหลังไปเรื่อยๆ มิอาจตอบโต้กลับได้เลย
เขาคือผู้แข็งแกร่งขั้นจักรพรรดิเพียงหนึ่งเดียวในหุบเขาสุขาวดี เป็บุรุษที่สามารถเอาชนะาามารยุคก่อนและทำให้อีกฝ่ายล่าถอยไปได้
เขตกู่ซวีในตอนนี้วุ่นวายไปหมดแล้ว
มีคนาเ็ล้มตายต่อเนื่องราวใบไม้ร่วง ในจำนวนนั้นมีแม่ทัพเทพตายไปแล้วสามคน คนหนึ่งโดนสี่เซี่ยงจากสำนักจตุรเทพสังหาร ส่วนอีกสองคนโดนเจ็ดศิษย์จากสำนักต่อสู้เป่ยโต้วสังหาร
อำนาจเหล่านี้ดูเหมือนไม่ค่อยแสดงตัวสักเท่าไร ทว่าเมื่อแสดงพลังออกมาแล้วกลับไม่อาจดูถูกได้เลย
ส่วนทางฝั่งสำนักนาคา แม้จะต่อสู้ได้อย่างช่ำชองกลับไม่สามารถสังหารอีกฝ่ายได้ ซึ่งไม่สอดคล้องกับพลังของสำนักนาคาเอาเสียเลย
“ข้าชื่นชมเ้ามาก แต่ข้าขอเตือนให้เ้ายอมแพ้ เ้าไม่มีทางชนะหรอก”
เมื่อเห็นเสิ่นเสวียนเดินเข้ามาหาตนเอง แม่ทัพเทพขั้นจักรพรรดิคนนั้นยังคงกล่าวกับเสิ่นเสวียนต่อไป เขารู้ว่าเสิ่นเสวียนไม่มีโอกาส และตนเองไม่อยากเสี่ยงด้วยเช่นกัน
“เ้าเชื่อมั่นในเ้านายที่อยู่เื้ัของเ้าขนาดนั้นเลยหรือ”
เสิ่นเสวียนเดินเข้าไปจนอยู่ห่างจากอีกฝ่ายราวหกจั้งแล้วหยุดเท้าลง
“พลังของนายท่านไม่ใช่สิ่งที่เ้าจะจินตนาการได้ ยอมแพ้คือโอกาสเดียวของเ้า”
ชายชราชุดม่วงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์สีม่วงบนท้องฟ้ามองเสิ่นเสวียนด้วยรอยยิ้มน้อยๆ
ด้านล่างมีผู้แข็งแกร่งมากมายขนาดนี้ แต่คนที่เข้าตาเขามีเพียงเสิ่นเสวียนคนเดียว
“เ้าเชื่อมั่นในตัวเ้านายของเ้าขนาดนี้ ถ้าเ้านายเ้าสังหารเ้าจะทำอย่างไร คนชุดดำในสุสานผู้นั้นเ้าน่าจะรู้จักใช่ไหม เมื่อเขา้าให้ตายก็ต้องตาย”
“ชีวิตของพวกข้าเป็ของนายท่าน นายท่านอยากได้เมื่อไรก็เอาไปได้เลย”
“หากเป็เช่นนี้ ถ้าข้ายอมแพ้ก็เท่ากับข้ายอมมอบตัวให้กับพวกเ้า เพื่อให้พวกเ้าสังหารข้าอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนทำท่าแบมือยักไหล่ พลางมองอีกฝ่ายราวกับเป็พวกโง่เขลา