เสี่ยวไตกูรู้ว่าจะต้องเตือนไม่ให้มันพูดเื่ก่อนหน้านี้เป็แน่ แม้มันไม่รู้ว่าเื่ไหนที่ไม่ให้พูด
ทว่า นายน้อยคือนายน้อย มันคือมัน มันพูดเขาก็ฟังไม่ออก เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าตนเองพูดอะไร
ดังนั้น
“โอ้กๆ” เสี่ยวไตกูเพิ่งร้องได้สองเสียง ก็ถูกมือหิ้วสองขาหลังขึ้นมากลับหัวกลับหางโดยไม่ทันตั้งตัว
เสี่ยวไตกูอึ้งตะลึงไปแล้ว! แสงสีม่วงก็ะเิขึ้น เปล่งประกายเจิดจ้า ไม่กล้าส่งเสียงแม้สักแอะ หรือว่าบุรุษที่น่าเกรงขามผู้นี้จะฟังที่มันพูดออก?
เช่นนั้นทำอย่างไรดี? มันไม่อยากถูกตบจนกลายเป็เสี่ยวไตกูที่แบนแต๊ดแต๋
มู่จื่อหลิงมองฝ่ามือที่ว่างเปล่า แหงนศีรษะมองหลงเซี่ยวอวี่ที่แกว่งเสี่ยวไตกูไปมาเป็ชิงช้าก็ร้อนใจขึ้นมาโดยพลัน ตั้งท่าจะจับกลับมา
ใครจะรู้ว่าหลงเซี่ยวอวี่กลับหิ้วเสี่ยวไตกูให้สูงขึ้น เขย่าอย่างรุนแรง
ร่างกายของเขาเหยียดตรงราวกับเสารังวัด สูงและโปร่ง รูปร่างสง่างามดั่งเทพเซียนผู้สูงศักดิ์ ให้ความรู้สึกที่ต้องแหงนหน้ามองแก่ผู้อื่น
เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา มู่จื่อหลิงที่เอวบางร่างน้อยก็ไร้เรี่ยวแรงราวกับฝุ่นละอองเล็กจ้อยอย่างไรอย่างนั้น
ความสูงที่ต้องเงยหน้ามองประเภทนี้ มีแต่นางที่เสียเปรียบ มู่จื่อหลิงโมโหจนกระวนกระวาย ถลึงตาใส่หลงเซี่ยวอวี่อย่างขุ่นเคือง “ท่านเอาเสี่ยวไตกูของข้าไปทำไม รีบคืนมันมาให้ข้านะ”
หมอนี่จะทำอะไรอีกแล้ว?
หลงเซี่ยวอวี่แกล้งทำเป็ไม่ได้ยิน ทั้งๆ ที่นิ้วมือเรียวยาวที่หิ้วเสี่ยวไตกูไม่ได้ขยับ แต่เสี่ยวไตกูกลับยังแกว่งไปมาราวกับชิงช้าไม่หยุด
“หลงเซี่ยวอวี่ รีบคืนมาให้ข้าเร็วเข้า” มู่จื่อหลิงมองเสี่ยวไตกูที่ถูกเขย่าจนกลายเป็เงาขมุกขมัวด้วยความปวดใจเป็ที่สุด
“แย่งไปได้ก็คืนให้เ้าได้” มุมปากของหลงเซี่ยวอวี่ยกขึ้นเป็รอยยิ้มล้อเล่น ยังคงไม่สะทกสะท้าน ยืนตรงแน่ว และเมินเฉยต่อเสี่ยวไตกูที่อยู่ในมือ
เสี่ยวไตกูจะบอกเื่ที่เกิดขึ้นก่อนหน้ากับหญิงสาวผู้นี้ เขาหาได้ไม่รู้ ไหนเลยเขาจะปล่อยให้มันสมหวัง
มู่จื่อหลิงรู้สึกอัดอั้นในใจ สูงเพียงนี้จะแย่งได้อย่างไร? ทว่าไม่แย่งมาหลงเซี่ยวอวี่คงไม่หยุดมือ
สุดท้ายมู่จื่อหลิงก็อดทนให้เสี่ยวไตกูถูกทรมานเช่นนั้นไม่ได้ นางถอยไปด้านหลังระยะหนึ่ง พุ่งไปข้างหน้าและะโขึ้นไปยังมือที่ยกสูงของหลงเซี่ยวอวี่อย่างแน่วแน่
ในขณะที่นางพยายามแย่งเสี่ยวไตกูมานั้น หลงเซี่ยวอวี่ก็เอ่ยปากถามอย่างเฉยเมยว่า “เมื่อคืนนี้เกิดเื่ใดขึ้น?”
แม้ตอนนี้มู่จื่อหลิงไม่มีกะจิตกะใจมาตอบเขา แต่ก็ยังพูดอย่างคร่าวๆ โดยไม่รู้ตัว “พวกเราช่วยเด็กคนหนึ่งไว้ ผลคือตกลงไปในแผนของเธอ จากนั้นคงเป็นางที่เรียกฝูงหมาป่ามาให้ไล่ตามข้า”
“เด็ก?” ดวงตาลุ่มลึกของหลงเซี่ยวอวี่หรี่ลง ั์ตาปรากฏแววคมกริบอันโเี้
มู่จื่อหลิงคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่ไม่เชื่อ นางจึงพูดว่า “เป็เด็กหญิงอายุเจ็ดแปดขวบ ดูไร้เดียงสานัก แต่ความคิดลึกซึ้งมาก จัดการได้อย่างรอบคอบ ประกาศว่า้าเพียงชีวิตข้าคนเดียว”
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้ถามอีก ราวจมอยู่กับการใคร่ครวญ และมู่จื่อหลิงก็ยังคงไม่ยอมแพ้ที่จะเอาเสี่ยวไตกูลงมา
เป็เช่นนี้หลายๆ รอบเข้า ไม่ว่ามู่จื่อหลิงะโอย่างไร ก็ยังแตะไม่โดนแม้แต่น้อย
“ท่าน...ท่านหยุดแกว่งได้แล้ว รีบคืนให้ข้า” มู่จื่อหลิงสองมือเท้าเอว เหนื่อยจนหอบ หายใจไม่ทัน
เพราะหายใจถี่ ความอวบอิ่มอันอ่อนนุ่มของนางสะท้อนขึ้นลง บวมพอง ถึงขั้นยืนตรงก็ยังมีความน่าอิจฉาที่ไม่ธรรมดา
ในใจมู่จื่อหลิงทั้งร้อนรนและโมโห เ้าคนอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ผู้นี้ เสี่ยวไตกูไปยั่วโทสะเขาอย่างไรกัน ถึงทารุณเสี่ยวไตกูเช่นนี้ นางทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว
เสี่ยวไตกูถูกแกว่งจนมึนงงไม่รู้ทิศทาง ปากส่งเสียงครางโอ้กๆๆ อยู่ตลอด แสดงให้เห็นถึงความน่าสงสารและความทุกข์ทรมานของมัน
ในที่สุด หลงเซี่ยวอวี่ก็เอ่ยปาก
ทว่า
“เสียงดัง!” หลงเซี่ยวอวี่สะบัดมือด้วยความรังเกียจและหมดความอดทน จากนั้นเสี่ยวไตกูก็กลายเป็เส้นโค้งแล้วหายไปในชั่วพริบตา
มู่จื่อหลิงตกตะลึงไป เขากล้าโยนเสี่ยวไตกูของนาง? เสี่ยวไตกูไปยั่วโทสะเขาที่ใดเข้า?
เสี่ยวไตกูจัดการหมาป่าทั้งฝูง ช่วยชีวิตนาง และไม่แน่ว่าเื่อะไรที่เกิดขึ้นก่อนหน้ามันก็อาจจะรู้ทั้งหมด หมอนี่ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็โยนมันแล้ว
“ท่าน” มู่จื่อหลิงเจ็บหน้าอกโดยพลัน สะบัดแขนเสื้อ เตรียมไปค้นหา
ทว่านางไปได้ไม่กี่ก้าว หลงเซี่ยวอวี่ก็ยื่นมือมารั้งนางไว้
“ท่านทำอะไร ปล่อยข้า” มู่จื่อหลิงร้อนรนจนแทบกระทืบเท้า เสี่ยวไตกูโดนเขาโยนไปอย่างแรงเพียงนั้นไม่รู้ว่าจะเป็อะไรหรือไม่
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้ปล่อย ตรงกันข้ามกลับดึงนางเข้ามารัดไว้ในอ้อมแขน
มู่จื่อหลิงดิ้นรนอย่างแรง “หลงเซี่ยวอวี่ ปล่อยข้า ข้าจะไป…”
แต่นางยังพูดไม่จบ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเ็ป
“โอ้กๆๆ” แบนแล้วๆ
มู่จื่อหลิงอึ้งไป คิดว่าเป็เพียงจินตนาการ จึงเตรียมจะดิ้นใหม่ เสียงเ็ปก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง
“โอ้กๆ...”
เสียงนี้?
มู่จื่อหลิงก้มศีรษะไปตามเสียง ระหว่างในหน้าอกของหลงเซี่ยวอวี่มีช่องเล็กให้มองเข้าไปได้
“โอ้กๆๆ” เสี่ยวไตกูถูกทับจนแบนแล้ว แบนแล้วๆ
มู่จื่อหลิงใ นี่คือเสียงของเสี่ยวไตกู เสี่ยวไตกูไม่ได้ถูกโยน แต่เมื่อครู่นี้นางเห็นเ้าหมอนี่โยนชัดๆ แล้วยังกลายเป็เส้นโค้งหายไปต่อหน้านาง
เกิดอะไรขึ้น?
มู่จื่อหลิงยื่นมือเข้าไปในอ้อมอกหลงเซี่ยวอวี่เพื่อล้วงเสี่ยวไตกูออกมา ทว่ากลับถูกหลงเซี่ยวอวี่จับแขนเอาไว้ พูดด้วยน้ำเสียงเ็าทันที “ผู้ที่ช่วยชีวิตเ้าเป็ใคร?”
มู่จื่อหลิงได้ยินเสียงเสี่ยวไตกู เมื่อแน่ใจอีกครั้งว่าเสี่ยวไตกูอยู่ในหน้าอกหลงเซี่ยวอวี่ ก็ไม่ได้ดิ้นอีก
“เขาพูดว่าเขาเป็เถ้าแก่หอเยวี่ยอวี่ ชื่อเย่จื่อมู่” มู่จื่อหลิงเอ่ยเลี่ยงๆ ค่อยๆ ดึงแขนที่ถูกหลงเซี่ยวอวี่จับเอากลับมาอย่างช้าๆ
แต่ในใจนางกลับสงสัยนัก ตกลงหมอนี่เห็นเย่จื่อมู่หรือไม่ แต่ถ้าไม่เห็นจะรู้ได้อย่างไรว่ามีคนช่วยชีวิตนางไว้?
“ใช่หรือ? ดูพวกเ้าคุ้นเคยกันนัก” หลงเซี่ยวอวี่หรี่ดวงตาน้อยๆ ั์ตาเย็นเยียบปรากฏรังสีอันตราย
ราวกับว่าถ้าคำตอบของมู่จื่อหลิงไม่ทำให้เขาพึงพอใจ เช่นนั้นก็น่าสังเวชแล้ว
มู่จื่อหลิงไม่คิดว่าหลงเซี่ยวอวี่จะถามเช่นนี้ สีหน้าจึงตะลึงไปเล็กน้อย แล้วตอบโดยไม่คิดว่า “ไม่สนิท”
ั้แ่ต้นจนจบมีเพียงเย่จื่อมู่เท่านั้นที่ปฏิบัติกับนางอย่างสนิทสนม แต่นางกลับรู้เพียงว่าเขาเป็เถ้าแก่หอเยวี่ยอวี่ แม้แต่ใบหน้าที่แท้จริงก็ไม่เคยเห็น สามารถนับว่าคุ้นเคยได้หรือ?
สำหรับนาง เย่จื่อมู่คือผู้มีพระคุณช่วยชีวิต แม้จะถูกขูดรีดกำไรในวันข้างหน้าของหลิงซั่นถังไปครึ่งหนึ่ง แต่เงินทองเป็สิ่งของนอกกาย คนไม่อยู่แล้วยังจะเอาเงินไปทำอันใดอีก?
และต่อให้ยามนี้นางค่อยๆ เห็นเย่จื่อมู่เป็สหาย แต่ตอนนี้ในสถานการณ์เช่นนี้นางพูดได้หรือ? เห็นได้ชัดว่าไม่ได้
เ้าคนเอาแน่เอานอนไม่ได้ผู้นี้ คิดอะไรอยู่กันแน่?
มู่จื่อหลิงพูดเช่นนี้ หลงเซี่ยวอวี่กลับไม่เชื่อ เขาโน้มกายพ่นลมหายใจร้อนใส่ใบหูที่ไวต่อััของนางอย่างคลุมเครือ ไล่ต้อนถาม “ไม่สนิท จะรู้ว่าเ้ามาที่ป่าสายหมอก? ไม่สนิทจะเสี่ยงตายมาช่วยเ้า?”
มู่จื่อหลิงใ ก่อนจะตัวสั่นขึ้นมาเล็กน้อย คิดจะผลักเขาออกตามจิตใต้สำนึก ทว่ากลับขยับเขยื้อนไม่ได้
ลมหายใจร้อนผ่าวแผ่ซ่านไปทั่วกระดูกและแขนขาของนาง ในท้ายที่สุดความรู้สึกชาหนึบก็ราวกับแพร่เข้าสู่หัวใจ
ทันใดนั้น ดวงหน้าเล็กของนางก็แดงขึ้นมาอย่างดื้อๆ สองแก้มร้อนฉ่า ใบหูก็ยิ่งร้อนลวกไม่หยุด
นางรู้ว่าเ้าคนน่าชิงชังผู้นี้ใช้จุดไวต่อััมาบีบให้นางพูดความจริง ชั่วร้ายเหลือเกิน
แต่สิ่งที่นางพูดก็คือความจริง เขาไม่เชื่อแล้วจะมีวิธีการใดอีก?
หมอนี่รู้ได้อย่างไรว่าเย่จื่อมู่เสี่ยงอันตรายมาช่วยนาง? หรือว่าเขาจะเห็นจริงๆ?
เ้าพ่อค้าหน้าเืนั่นยังมีชีวิตอยู่อีกหรือไม่!
ในระหว่างที่มู่จื่อหลิงกำลังสับสนวุ่นวายใจ หลงเซี่ยวอวี่ก็ลากเสียงยาว พ่นไอร้อนต่อไป “หืม? ถ้ายังไม่พูดความจริงอีก...”
หลังจากที่นางเข้าจวนฉีอ๋อง เขาก็สืบข้อมูลของนางั้แ่เล็กจนโต สกุลมู่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ั้แ่สามขวบจำนวนครั้งที่นางออกจากจวนใช้สิบนิ้วก็ยังนับหมด
นอกจากสาวใช้น้อยข้างกาย ก็แทบจะไม่ได้ติดต่อกับคนอื่นๆ อีก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอกาสที่จะรู้จักคนภายนอก
แต่ทักษะการแพทย์ของสตรีผู้นี้ศึกษามาจากที่ใดก็ไร้หนทางจะสืบหา และก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยแสดงทักษะการแพทย์ต่อหน้าผู้อื่นมาก่อน ราวกับปริศนาอย่างไรอย่างนั้น
ตกลงเป็นางที่เก็บซ่อนได้ลึกจนเกินไป หรือการสืบสาวผิดพลาดกัน?
ทว่าความเป็ไปได้ของข้อหลังก็แทบจะเป็ศูนย์ ดังนั้นเขาจึงยิ่งเอียงเอนไปข้อแรก
เย่จื่อมู่ตามพัวพันข้างกายไปเสียทุกที่ ขายร้านค้าให้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ไปเยี่ยมในคุกดึกดื่น มักปรากฏตัวขึ้นข้างกายนางอย่างลึกลับ
เท่านี้ก็เพียงพอจะแสดงให้เห็นว่าเย่จื่อมู่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับสตรีผู้นี้อย่างทะลุปรุโปร่ง สิ่งนี้ทำให้เขาไม่วางใจ และไม่สบายใจเป็อย่างยิ่ง
ดังนั้นจึงทำให้เขาต้องสงสัยความสัมพันธ์ของเย่จื่อมู่และสตรีผู้นี้
ถ้าสตรีผู้นี้กล้า...เขาไม่มีทางอนุญาต
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ หลงเซี่ยวอวี่ก็ขบใบหูนางเบาๆ ยั่วเย้านางอย่างนุ่มนวล หยอกล้อนาง
“อย่า...ที่ข้าพูดก็เป็ความจริง พวกเราไม่สนิทกันจริงๆ เพียงมีวาสนาได้พบกันไม่กี่ครั้ง ข้าก็อยากรู้ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงมาช่วยชีวิตข้า” มู่จื่อหลิงใจนแทบจะร้องไห้ออกมา ในใจเรียกได้ว่าน้อยอกน้อยใจ
เหตุใดหมอนี่จึงไม่เปิดไพ่ตามปกติ ต้องทุบหม้อถามจนถึงที่สุดให้ได้ นางกับเย่จื่อมู่จะสนิทไม่สนิท เกี่ยวอะไรกับเขาแม้แต่ครึ่งเหมา [1] หรือ?
มู่จื่อหลิงลอบโอดครวญในใจ หรือว่าเป็ฉีหวางเฟยจะไม่มีแม้แต่สิทธิ์ในการคบหาสหาย?
นับครั้งไม่ถ้วนที่เย่จื่อมู่ปฏิบัติกับนางเป็พิเศษ ดีกับนาง สำหรับตัวตนของเขานางอยากรู้ยิ่งกว่าใครทั้งหมดทั้งมวล จะทำอย่างไรได้ เขาซ่อนได้ลึกจนเกินไป ทำให้คนมองเงื่อนงำใดๆ ไม่ออก
หลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้ไล่ถามต่ออีก ปล่อยนางออก โยนเสี่ยวไตกูไปที่มือของนาง ดวงตาอันตรายหรี่ลง น้ำเสียงแฝงแววอันตรายอย่างยิ่งยวด “ต่อไปอย่าได้กล้ามีเื่หลอกลวงเปิ่นหวาง ไม่อย่างนั้นจะไม่ปล่อยไปง่ายดายเช่นนี้อีก”
สิ้นเสียงพูด หลงเซี่ยวอวี่ก็หันกายเดินไปที่หมาป่าบนพื้นหญ้าสีดำ
ภายนอกมู่จื่อหลิงนั้นผงกหัวรับคำราวกับไก่จิกข้าวสาร รอจนหลงเซี่ยวอวี่หันกายไป ในใจก็ส่งค้อนปะหลับปะเหลือก แอบบ่น ‘ชิ! หลอกเ้าแล้วอย่างไร ไม่ยอมก็มากัดข้าเสียสิ!’
ไม่รอให้มู่จื่อหลิงบ่นจบ สิ่งที่คิดในใจก็เป็จริง หลงเซี่ยวอวี่หันกลับมาอีก ก้มศีรษะขบริมฝีปากอวบอิ่มที่บวมแดงของมู่จื่อหลิงอย่างแรง
......
‘ซี้ด’ มู่จื่อหลิงสูดลมหายใจเย็น มีความอยากตบอกชกหัวโดยพลัน
สมควรตาย! เ้าหมอนี่อ่านใจคนได้หรือ ยามนี้แม้แต่คิดก็คิดไม่ได้แล้ว
มู่จื่อหลิงมองเสี่ยวไตกูที่มึนงงอยู่ในมือ ปวดใจจนแทบทนไม่ไหว
เสี่ยวไตกูถูกแกว่งจนยามนี้สองตายังลายเหมือนขดยากันยุง ร่างเล็กๆ วิงเวียน ยืนก็ยังยืนไม่อยู่ ทั้งยังเกือบถูกทับจนแบน
มันคิดว่า ต่อไปยอมล่วงเกินนายน้อย แต่จะไม่ล่วงเกินชายน่ากลัวผู้นั้น
เมื่อครู่มันถูกสะบัดจนิญญาแทบหลุดจากร่าง น่ากลัวนัก!
---------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เหมา คือหน่วยเงินของจีน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้