ห้องผู้อำนวยการเครือลู่ เมือง A
มุมขวาล่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์บอกเวลาห้าทุ่มเจ็ดนาทีในที่สุดงานของลู่เป๋าเหยียนในวันนี้ก็สิ้นสุดลง
ถ้าเป็เมื่อก่อนตอนที่ยังไม่ได้แต่งงานกับูเี่อันเพื่อประหยัดเวลาปกติเขาจะนอนค้างที่บริษัท ไม่ก็ไปพักที่อพาร์เมนท์ใกล้ๆ
ตอนนี้ถึงูเี่อันจะจากไปทุกสิ่งทุกอย่างกำลังกลับไปเหมือนเมื่อก่อน แต่เขาก็ยังอยากกลับไปที่บ้านอยู่ดี
เฟอร์นิเจอร์และของใช้ต่างๆที่เขาเป็คนเลือก กลิ่นอายของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่ในห้องนั้นเขารู้ว่ามันคงไม่อาจอยู่ได้ตลอดไป ก็เหมือนการจากไปของูเี่อันกลิ่นอายของเธอสักวันก็คงจางหาย
แต่ในขณะที่เขายังสามารถััได้ถึงกลิ่นอายเ่าั้เขาก็อยากกลับไปใช้เวลาให้ได้นานที่สุด
อาเฉียนขับรถอย่างเงียบเชียบมีหลายครั้งที่เขาอ้าปากอยากจะพูดอะไรออกมา แต่ก็ต้องกลืนมันกลับลงไป
ที่ลู่เป๋าเหยียนทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีต่อูเี่อันเขารู้ดีว่าต่อให้พูดอะไรออกไปก็คงไม่มีประโยชน์
ใกล้เที่ยงคืนรถยนต์สีดำก็ได้จอดลงตรงหน้าบ้าน ลู่เป๋าเหยียนเปิดประตูเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ขณะนี้เงียบกริบวังเวงถึงจะมีเฟอร์นิเจอร์และของประดับราคาแพง แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันช่างว่างเปล่า
ความอ่อนล้าเริ่มจู่โจมร่างกายของเขาอีกครั้งเขาค่อยๆ เดินขึ้นชั้นบนไปแต่ไม่ได้กลับห้องตัวเองเขาเลือกที่จะนอนลงบนเตียงของูเี่อัน
ลู่เป๋าเหยียนสูดดมกลิ่นอายของเธอที่ยังหลงเหลืออยู่ก่อนจะหลับตาลงพลางหลอกตัวเองว่าเธอยังอยู่ที่นี่ ยังอยู่ข้างกายเขา
“คุณชายครับ”ลุงสวีผลักประตูเข้ามาก่อนจะวางชุดนอนที่ข้างเตียง “ไปอาบน้ำก่อนเถอะครับอยากทานอะไรสักนิดไหมครับ”
“ไม่เป็ไร”ตอนนี้หากไม่ใช่อาหารฝีมือูเี่อัน เขากินอะไรก็ไม่รับรู้รสชาติ“เธอเป็ยังไงบ้าง”
“เมื่อครู่ผู้กำกับถังเพิ่งโทรมาครับบอกว่าคุณผู้หญิงถึงที่ซานชิงแล้ว คดียังไม่คืบหน้าแต่ก็ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วงครับ”
‘เธอไม่เป็ไรก็ดีแล้ว’
ลู่เป๋าเหยียนยกมือปิดตาตัวเอง“ออกไปก่อนเถอะ”
“รีบพักผ่อนนะครับ”ลุงสวีค่อยๆ เดินออกจากห้องก่อนจะปิดประตูอย่างแ่เบา
ผ่านไปสักพักลู่เป๋าเหยียนจึงลุกขึ้นเขาเอื้อมมือไปหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนหัวเตียง
ในกรอบรูปคือรูปภาพของูเี่อันที่ถ่ายในวันรับปริญญาหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่งผอมบางอยู่ในชุดรับปริญญาสีดำ เธอกำลังถือช่อดอกกุหลาบสีขาวสวยงามอยู่ในอ้อมแขน
สีขาวและดำที่ตัดกันอย่างลงตัวแต่ก็ไม่อาจทำให้ความงามของเธอลดลงไปได้
นิ้วเรียวยาวของลู่เป๋าเหยียนลูบไล้ไปบนรอยยิ้มของเธอหัวใจของเขาเหมือนถูกอะไรมาบีบรัดจนเ็ปไปหมด...
ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหนหัวใจของเขาไม่ได้รู้สึกเ็ปอีกต่อไปมันกลับกลายเป็ความว่างเปล่าราวกับมีหลุมดำอยู่กลางใจของเขา
มีคนเคยพูดไว้ว่าหัวใจของคนเรามักจะบรรจุโลกของคนคนนั้นเอาไว้
ตอนนีู้เี่อันจากไปแล้วหัวใจเขาจึงว่างเปล่าไร้ความหมาย
ลู่เป๋าเหยียนไม่แน่ใจว่าตนนอนหลับไปหรือเปล่าวันรุ่งขึ้นหลังแสงแดดในยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านสีเบจเข้ามาเขาจึงลืมตาขึ้นก่อนจะรู้สึกปวดกระเพาะ
ขณะกินข้าวเช้าเขาก็เริ่มเสียดท้องหนักขึ้นจนทนไม่ไหว จึงบอกให้ลุงสวีช่วยไปหยิบยามา
“คงเพราะเมื่อคืนคุณชายไม่ได้ทานอะไรแน่เลยครับ”ลุงสวียื่นยาและแก้วน้ำมาให้ “มื้อนี้ต้องกินหน่อยนะครับเยว่ชวนบอกว่า่เที่ยงคุณชายต้องไปกินเลี้ยงอีก”
ลู่เป๋าเหยียนมีนัดกินข้าววันนี้ตอนเที่ยงจริงอย่างที่ว่าแถมเขายังต้องเจอหน้ากับจิ้งจอกเฒ่าซูหงเยวี่ยนอีกด้วย
คนบนโต๊ะอาหารไม่มีใครรู้เื้ัการแต่งงานของเขากับูเี่อันจึงพากันอิจฉาซูหงเยวี่ยนที่ได้ลูกเขยดีขนาดนี้ตลอดมื้ออาหารจึงเต็มไปด้วยคำเยินยอซูหงเยวี่ยน และคำชื่นชมในตัวลู่เป๋าเหยียน
ซูหงเยวี่ยนแค่ยิ้มตอบเมื่อคนอื่นออกไปข้างนอก เขาจึงหุบยิ้มก่อนจะวางถ้วยชา
“เป๋าเหยียนได้ยินมาว่าทะเลาะกับเจี่ยนอันงั้นเหรอ? ทำไมล่ะคงไม่ใช่ว่ายังไม่ทันสองปีก็ทนไม่ไหวแล้วหรอกนะ?”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้ม“พวกเราทะเลาะกันจริงๆ เจี่ยนอันขอหย่ากับผม”
ซูหงเยวี่ยนไม่คิดเลยว่าลู่เป๋าเหยียนจะตรงไปตรงมาขนาดนี้แต่คนประสบการณ์เยอะอย่างเขารู้สึกได้ว่าการเปิดเผยของลู่เป๋าเหยียนดูจะไม่ปกติเมื่อลองมองดีๆ จึงเห็นว่ารอยยิ้มของลู่เป๋าเหยียนดูแฝงอะไรบางอย่าง
“แต่ถ้าประธานซูคิดว่าหลังผมหย่ากับเจี่ยนอันแล้วจะทำอะไรเธอได้ก็คงคิดผิดแล้ว” ลู่เป๋าเหยียนพูดเน้นทุกคำเตือน “ไม่ว่าจะตอนไหนหากคุณกล้าแตะต้องเธอแค่ปลายเล็บ รับรองว่าไม่เกินสัปดาห์เครือซูได้หายไปจากโลกนี้แน่”
เครือซูเป็กิจการของตระกูลซูซึ่งทำธุรกิจในเมือง A มานาน สมัยหนุ่มๆ ซูหงเยวี่ยนเองก็โหดไม่แพ้ใครเขาข้ามผ่านอุปสรรคนานัปการเพื่อสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับเครือซูแต่วันนี้เขาเองก็แก่ตัวลงทุกวันและต้องยอมรับว่าวินาทีนี้ไม่มีใครสามารถต่อกรกับลู่เป๋าเหยียนได้ แต่ว่า...
“ที่พูดออกมา...”ซูหงเยวี่ยนหยิบถ้วยชาขึ้นมาก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชัน“ดูจะเกินไปหน่อยหรือเปล่า?”
ลู่เป๋าเหยียนแค่ตอบไปว่า“คุณจะลองดูก็ได้”
“...”มือที่ถือถ้วยชาหยุดชะงักไปชั่วครู่ถึงแม้เขาจะซ่อนสีหน้าไว้ได้อย่างแเีก็ตาม
เขาคิดไปถึงเมื่อก่อนสมัยที่เครือลู่ยังเป็แค่บริษัทเล็กๆตอนนั้นลู่เป๋าเหยียนยังเป็แค่เด็กนักเรียนที่ตั้งบริษัทขึ้นมาตอนอยู่อเมริกาไม่มีใครสนใจบริษัทเล็กๆ แห่งนี้แม้แต่น้อย
จนกระทั่งเครือลู่ได้ประกาศจะตั้งสำนักงานใหญ่ที่เมือง A ตามมาด้วย LuTower ตั้งตระหง่านขึ้นมาใจกลางเมืองลู่เป๋าเหยียนพาทีมงานที่แข็งแกร่งของเขาก้าวเข้ามาในโลกธุรกิจของเมืองนี้พวกรุ่นพี่ในวงการจึงพากันพูดว่า ยุคใหม่ของเมือง A คงมาถึงแล้ว
แล้วก็เป็อย่างที่คาดลู่เป๋าเหยียนดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็งและเด็ดขาดด้วยสายตาที่เฉียบคมทำให้เครือลู่ขยายอิทธิพลไปได้ในวงกว้างในเวลาอันน้อยนิดเขาใช้เวลาเพียงแค่สิบปีในการสร้างบริษัทที่โดดเด่น และเป็เหมือนเส้นเืหลักของเศรษฐกิจทั่วทั้งเอเชียได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาวที่มีความสามารถและทะเยอทะยาน
ลู่เป๋าเหยียนไม่ได้มีแค่ความสามารถแต่เขายังเป็ผู้นำที่โดดเด่นบรรยากาศการทำงานของเครือลู่เหนือกว่าบริษัทอื่นในทุกๆ ด้านทำให้พนักงานต่างจงรักภักดีต่อบริษัทเป็อย่างมาก
เคยมีคนพูดไว้ว่าที่ลู่เป๋าเหยียนไม่ทำก็เพราะยังไม่คิดอยากจะทำ แต่ถ้าหากเขาคิดจะลงมือทำอะไรไม่มีเื่ไหนที่เขาทำไม่ได้
ถ้าคนอย่างเขาพูดว่าจะทำให้เครือซูหายไปในหนึ่งอาทิตย์ก็คงทำได้อย่างที่พูดแน่ๆ
ซูหงเยวี่ยนวางถ้วยชาในมือก่อนจะยิ้มออกมา
“เป๋าเหยียนผมไม่อยากเป็ศัตรูกับคุณหรอกนะ แต่ถ้าผมอยากจะทำอะไรก็ใช่ว่าจะมาห้ามผมได้”
“งั้นก็คงต้องดูกันว่าเื่ที่คุณอยากจะทำคืออะไร”ลู่เป๋าเหยียนกล่าว “แต่ถ้ามันเกี่ยวข้องกับูเี่อันล่ะก็ ผมไม่อยู่เฉยแน่”
ตอนนั้นเอง คนอื่นๆ ก็กลับเข้ามาในห้องอีกครั้งซูหงเยวี่ยนรีบแย้มยิ้มอย่างเมตตาสมกับเป็รุ่นพี่ที่ดีลู่เป๋าเหยียนเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ทำให้คนอื่นไม่เห็นความผิดปกติแม้แต่น้อย
หลังทานอาหารกันเสร็จลู่เป๋าเหยียนก็เดินขึ้นรถของเสิ่นเยว่ชวน เสิ่นเยว่ชวนยื่นยาแก้โรคกระเพาะกับน้ำเปล่ามาให้
“ถ้าไม่ไหวจริงๆนายกลับบ้านไปนอนพักสักครึ่งวันเถอะ”
กลับบ้าน?
ตอนทีู่เี่อันยังไม่ได้จากเขาไปที่นั่นอาจจะเรียกได้ว่าบ้าน แต่ถ้าเขากลับไปตอนนี้สิ่งที่จะได้ััคงมีเพียงความว่างเปล่า
“ไม่เป็ไร” หลังกินยาแล้วลู่เป๋าเหยียนจึงยกมือนวดขมับ“กลับบริษัทเถอะ”
เสิ่นเยว่ชวนถอนหายใจก่อนจะขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัทตามที่ได้รับคำสั่ง
เขาอยากจะใหู้เี่อันมาเห็นลู่เป๋าเหยียนตอนนี้จริงๆดูสิเธอจะปวดใจบ้างไหม
แต่จะว่าไปเธออยู่ที่ห่างไกลความเจริญแบบนั้นจะเป็อย่างไรบ้างนะ?
ูเี่อันงานยุ่งมากยุ่งจนหัวหมุนไปหมด
คดีฆาตกรรมสาววัยรุ่นของตำบลเล็กๆแห่งนี้ยังไม่รู้ตัวว่าฆาตกรเป็ใครเขาลงมือก่อเหตุโดยเลือกลักพาตัวเฉพาะเด็กสาววัยรุ่น ่อายุระหว่างสิบหกสิบเจ็ดปีขึ้นไปบนเขาเพื่อทำการข่มขืนและลงมือฆ่าเหยื่อในภายหลัง
ในตำบลเล็กๆ ที่แสนสงบแห่งนี้เพิ่งเคยเกิดขึ้นฆาตกรรมโเี้แบบนี้เป็ครั้งแรกทำเอาหญิงสาวที่นี่พากันอกสั่นขวัญแขวน ครอบครัวของเหยื่อเองก็ต้องทนทุกข์ทรมานและพากันมาที่โรงพักเพื่อกดดันทางตำรวจให้รีบหาตัวฆาตกรมาลงโทษ
มีครอบครัวของเหยื่อโพสต์เื่นี้ลงไปบนอินเทอร์เน็ตว่าการทำงานของตำรวจไร้น้ำยาทำให้ประชาชนนับพันนับหมื่นพากันต่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งโรงพักท้องถิ่นและที่ว่าการเมืองจึงได้รับแรงกดดันมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
สารวัตรเหยียนกับูเี่อันเองก็กดดันเครื่องไม้เครื่องมือของที่นี่ยังไม่ทันสมัย รวมถึงไม่มีข้อมูลจากกล้องวงจรปิดประชาชนท้องถิ่นเองก็กลัวว่าจะเดือดร้อนจึงไม่ให้ความร่วมมือในการสืบสวนนักพวกเขาจึงได้แต่สืบคดีแบบสมัยก่อนที่ค่อยๆ หาร่องรอยไปเรื่อยๆทำให้การทำงานเป็ไปอย่างยากลำบาก
แต่ความลำบากแบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเพราะตอนนีู้เี่อันแทบไม่มีเวลาคิดถึงลู่เป๋าเหยียนอีกแล้ว
สภาพแวดล้อมและการทำงานที่ยากลำบากแบบนี้เธอยังปรับตัวไม่ค่อยได้ หลังเลิกงานจึงอ่อนเพลียเป็อย่างมากเมื่อถึงหมอนก็หลับทันที ถึงลู่เป๋าเหยียนจะโผล่เข้ามาในฝันบ้างถึงแม้ตื่นมาในเช้าวันใหม่จิตใจของเธอจะอ้างว้างบ้างก็ตามแต่อย่างน้อยเธอก็ข่มตาหลับลง
วันนี้หลังเลิกงานเธอได้รับโทรศัพท์จากซูอี้เฉิง
ซูอี้เฉิงเหมือนจะได้ยินข่าวมาจากไหนสักแห่งจึงถามเธอว่า“เจี่ยนอัน น้องกับลู่เป๋าเหยียนเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“พี่คะ หนูขอโทษ...”ูเี่อันเอ่ยคำขอโทษกับพี่ชายเสียงแ่ “หนูขอหย่ากับลู่เป๋าเหยียนไปแล้ว...”
เื่นี้เกิดขึ้นกะทันหันเกินไปอีกอย่าง...หากไม่มีสาเหตุูเี่อันคงไม่เอ่ยปากขอหย่ากับลู่เป๋าเหยียนง่ายๆแบบนี้
“เจี่ยนอัน ตกลงเื่ราวมันเป็มายังไงน้องบอกพี่สิ” เขาเอ่ยอย่างใจเย็น
ูเี่อันหลุบตาลงเล็กน้อยหลังเงียบอยู่สักพักเธอจึงเล่าเื่ทุกอย่างให้กับพี่ชายฟัง รวมถึงเื่ที่อยู่ๆลู่เป๋าเหยียนก็เปลี่ยนไปเป็คนละคน
เื่ที่เกิดขึ้นตลอดหลายวันที่ผ่านมาทำให้เธออึดอัดไปหมดจนแทบหายใจไม่ออก
เมื่อฟังจบซูอี้เฉิงก็รู้สึกน่าขัน
“ลู่เป๋าเหยียนสงสัยน้องกับเจียงเส้าข่ายเนี่ยนะ? มีแต่คนบอกว่าเขาสายตาเฉียบแหลมพี่ว่า่นี้ลู่เป๋าเหยียนคงสายตาสั้นแล้วมั้ง น้องชอบเขามาตั้งนานใช้ชีวิตกับเขามาร่วมครึ่งปี เขาไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรือไง”
“หนูก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ”ูเี่อันหลับตาลง “พี่คะ หนูรู้ว่าเพื่อให้หนูได้แต่งงานกับลู่เป๋าเหยียนพี่ทุ่มเทอะไรไปมาก ขอโทษนะคะ หนูคงไม่สามารถทนต่อไปได้อีกแล้ว”
“งานของน้องที่นั่นเมื่อไรจะเสร็จ?” ซูอี้เฉิงถาม
“คดีนี้ยากมากค่ะพวกเรายังไม่รู้เลยว่าต้องใช้เวลาอีกนานแค่ไหน” ูเี่อันตอบ “อาจจะสักอาทิตย์หรือไม่ก็ต้องอยู่ที่นี่อีกสักครึ่งเดือน”
“น้องวางใจทำงานได้เลย”ซูอี้เฉิงปลอบใจน้องสาว “เื่ลู่เป๋าเหยียนเดี๋ยวพี่จัดการเอง”
“พี่คะ!”ูเี่อันรีบร้องห้ามพี่ชาย “พี่ห้ามบอกเขานะ มันคงไม่จำเป็แล้วล่ะวันนั้นเขาไล่หนูออกมา เขาคงไม่อยากอยู่กับหนูอีกแล้ว ช่างมันเถอะค่ะหย่ากันไปคงดีที่สุด”
“พี่รู้ดีน่า”ซูอี้เฉิงกล่าว “นี่ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้น้องยังต้องทำงานอีก รีบนอนนะ”
“ค่ะ พี่ก็ด้วยนะคะ”
ูเี่อันวางสายก่อนจะกดมือถือกลับไปที่หน้าโฮมเธอกดเข้าไปดูเบอร์ลู่เป๋าเหยียน
แต่สุดท้ายก็ไม่ได้โทรออกไป
ในเมื่อมันไม่มีความหมายก็คงไม่จำเป็ต้องติดต่อกันอีก
คนที่อยู่เมือง A อย่างซูอี้เฉิง ตอนนี้เขากำลังหมุนมือถือในมือตัวเองพลางคิดว่าจะไปหาลู่เป๋าเหยียนดีหรือไม่
ูเี่อันบอกว่าลู่เป๋าเหยียนอยู่ๆก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าเื่นี้มีเงื่อนงำลู่เป๋าเหยียนคงไม่มีทางไม่อยากอยู่กับูเี่อันแน่ๆ
่ที่ผ่านมาลู่เป๋าเหยียนปฏิบัติกับูเี่อันอย่างไรคนที่เป็พี่ชายอย่างเขารู้ดี ถ้าไม่ใช่เพราะรักจริงชอบจริงลู่เป๋าเหยียนไม่มีทางดูแลูเี่อันอย่างดีและใส่ใจขนาดนี้
หากบอกว่าทำไปเพื่อถังอวี้หลันก็คงเกินไปเพราะต่อให้เป็อย่างนั้น ตามสไตล์ของลู่เป๋าเหยียนแล้วเขาก็คงแค่ให้เงินเจี่ยนอันใช้ และบอกกับแม่ตัวเองว่าเขาดีกับเธอมากพอแล้ว
ดูท่าเื่นี้จะไม่ได้ง่ายอย่างที่เจี่ยนอันคิด
สุดท้ายซูอี้เฉิงจึงตัดสินใจเรียกใครบางคนให้ออกมาคุยกัน
