“ฆ่าคนของราชวงศ์อย่างโจ่งแจ้ง ด้วยโทษฐานนี้ข้ามีสิทธิ์พอที่จะจับกุมสามคนนี้ แล้วก็เย่เฟิงคนนั้นด้วย จงส่งตัวมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!” จ้าวหยางกล่าว
“ฆ่าคนของราชวงศ์? ข้าเดาว่าน่าจะเป็ฝ่ายคนของท่านมารุกรานพวกเย่เฟิงก่อนนะ?” ฉินเจิ้นถิงกล่าวเสียงเย็น จากนั้นพูดต่อไปว่า “คนของราชวงศ์ท่านลงมือทำร้ายพวกเขาโดยไม่มีเหตุผล หรือไม่อนุญาตให้พวกเขาโต้กลับ? ในโลกนี้มีเหตุผลที่น่าขันเยี่ยงนี้ด้วยหรือ?”
“ข้าไม่อยากเถียงผู้าุโฉิน หากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนไม่ส่งตัวสี่คนนี้มา เช่นนั้นมีโทษฐานขัดขวางการจับกุม ผลลัพธ์ที่จะตามมาทางสำนักยุทธ์มิอาจรับไหวได้แน่ เพราะฉะนั้นผู้าุโฉิน โปรดไตร่ตรองให้ถี่ถ้วน” จ้าวหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความคุกคาม
“งั้นหรือ?” ฉินเจิ้นถิงหรี่ตาลงเล็กน้อย พร้อมกล่าวต่อว่า “ข้าก็อยากรู้นักว่าผลลัพธ์ที่สำนักยุทธ์เทียนเสวียนจะได้เป็อย่างไร!”
“ฮ่า ๆ ๆ ข้านับถือในความกล้าหาญของผู้าุโฉินยิ่งนัก” จ้าวหยางแค่นเสียงหัวเราะ “อาณาจักรจ้าวข้าสนับสนุนวิถีแห่งการต่อสู้มาหลายพันปี ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ถือเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าได้ยินมานานแล้วว่าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนมีรากฐานลึกซึ้ง ผู้ฝึกยุทธ์ในสำนักย่อมมีนับไม่ถ้วน ข้าจึงอยากให้คนของฝ่ายข้าแลกเปลี่ยนวิชากับคนของฝ่ายท่าน มิทราบว่าผู้าุโฉินสนใจหรือไม่?”
“แลกเปลี่ยนวิชาอย่างไร?” ผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งอึ้ง ดูเหมือนว่าองค์ชายใหญ่จะเตรียมตัวมาแล้ว จึงเอ่ยถึงการแลกเปลี่ยนวิชานี้
“แบ่งกลุ่มประลอง กลุ่มแรก ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ถึง 3 ของฝ่ายข้าปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 1 ถึง 3 ของฝ่ายสำนักยุทธ์ กลุ่มที่สอง ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ถึง 6 ของฝ่ายข้าปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ถึง 6 ของฝ่ายสำนักยุทธ์ กลุ่มที่สาม ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ถึง 9 ของฝ่ายข้าปะทะกับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ถึง 9 ของฝ่ายสำนักยุทธ์ ทุกกลุ่มจะประลองสามรอบ รวมเป็เก้ารอบ ใช้มาตรการห้าชนะสี่แพ้ หากฝ่ายข้าแพ้ก็จะถอนกำลังออกไปจากที่นี่ แต่หากฝ่ายข้าชนะ ทางสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต้องส่งตัวสี่คนนั้นมา มิทราบว่าทางสำนักยุทธ์กล้าหรือไม่?”
จ้าวหยางตาเผยประกายเฉียบคมขณะอธิบายกฎการแลกเปลี่ยนวิชา
ในความเป็จริง จ้าวหยางเตรียมตัวมาเป็อย่างดี ผู้ฝึกยุทธ์ที่พามาก็ล้วนเป็ยอดฝีมือมากพร์ หากในกรณีไม่เปิดศึกกับสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ก็ใช้วิธีนี้ในการกำราบสำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้เช่นกัน ซึ่งถือว่าเป็วิธีที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ฉินเจิ้นถิงได้ยินคำพูดของจ้าวหยางก็นิ่งเงียบไป เขาจะไม่รู้ความคิดของจ้าวหยางได้อย่างไร แต่อีกฝ่ายมาท้าทายถึงหน้าประตู หากเขาไม่ตอบตกลงก็จะถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ ดังนั้นหลังนิ่งเงียบไปชั่วครู่ ฉินเจิ้นถิงก็พูดขึ้นว่า “ในเมื่อองค์ชายใหญ่มีอารมณ์สุนทรีย์ เช่นนั้นสำนักยุทธ์เทียนเสวียนข้าจะปฏิเสธได้อย่างไร?”
เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่อยู่ด้านหลังเผยสีหน้าขุ่นเคือง แต่มีหลายคนเริ่มเตรียมตัวเพื่อรับมือกับฝ่ายตรงข้าม
“ผู้าุโฉินช่างตรงไปตรงมายิ่งนัก ข้าชอบคนประเภทนี้เสียจริง” จ้าวหยางกล่าวพลางยิ้ม แต่ในใจกลับเฉยชาและมั่นใจในผู้ฝึกยุทธ์ของฝ่ายตน
“รอบแรก เป็รอบของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ถึง 9 ผู้าุโฉินเตรียมตัวให้ดีละ!” เมื่อสิ้นเสียงจ้าวหยาง จู่ ๆ สามเงาร่างเดินมาจากทางด้านหลังเขา ซึ่งสามคนนี้เป็ชายวัยกลางคน มีลมปราณกล้าแกร่ง ตบะแบ่งเป็ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 และขั้นยุทธ์แท้สูงสุดหรือก็คือขั้นยุทธ์ที่ 9 พวกเขาไปเยือนเบื้องหน้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทางจ้าวหยางเตรียมตัวมาแล้ว ดังนั้นสามคนนี้จึงรู้หน้าที่และก้าวออกมาเอง
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ทางซ้ายมือมีรูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราและจอนผม คนผู้นี้มีนามว่าหยางจง เป็ทหารนายหนึ่งที่โชกโชนไปด้วยประสบการณ์สู้รบ พลังต่อสู้ก็ยังไร้เทียมทาน ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 ทางขวามือมีนามว่า นักดาบตาเดียว เขามีรูปร่างผอมบาง มีดวงตาข้างเดียวดุจั ทั้งยังไว้หนวดเคราแพะ ซึ่งเขาเป็ยอดฝีมือคนหนึ่ง และดาบโค้งในมือเขายังเปล่งแสงอันเย็นะเื มองปาดเดียวก็รู้แล้วว่าเป็ตัวละครที่โหดร้าย
ส่วนผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดอยู่ตรงกลาง คนผู้นี้มีหนวดเคราและผมสีขาว แฝงด้วยกลิ่นอายทรงพลัง เขามีนามว่าหลิวฉางเฟิง เป็บุคคลข้างกายของจ้าวหยางที่ค่อนข้างมีฝีมือ
“ผู้าุโฉิน เชิญ!” จ้าวหยางเผยสีหน้าได้ใจ ราวกับพอใจในกระบวนทัพของฝ่ายตัวเอง
“พวกเ้าสามคนไปประลองกับสามคนนี้” ฉินเจิ้นถิงหันไปมองผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายเขาที่อยู่ด้านหลังและเลือกสามคนนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งล้วนแต่เป็ผู้าุโของสำนักยุทธ์ทั้งสิ้น
“ขอรับ!” ทั้งสามคนพยักหน้าพร้อมกัน พร้อมแววตาลุกโชนด้วยเจตจำนงต่อสู้ จากนั้นเดินออกไปพร้อมกันเพื่อเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้าม
“เริ่มได้แล้ว!” ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกล่าวช้า ๆ เขาฝึกตนอยู่ในสำนักยุทธ์มาหลายสิบปี ทั้งยังเป็ผู้ฝึกยุทธ์เลื่องชื่อคนหนึ่ง แล้วจะกลัวความท้าทายได้อย่างไร
“ก่อนจะเริ่ม ข้าอยากบอกทุกท่านสักหน่อย ในการแลกเปลี่ยนวิชา หากผู้ใดถูกทำร้ายหรือถูกฆ่าตาย ก็คงทำได้เพียงโทษตัวเองที่ไร้ความสามารถ มิอาจแค้นเคืองอีกฝ่ายได้” จ้าวหยางกล่าว แม้ถ้อยคำของเขาจะเรียบเฉย แต่ทุกคนดูออกว่ามีความหมายนอกเหนือจากนั้นอีก เพราะถ้อยคำขององค์ชายใหญ่ได้เปลี่ยนจากการแลกเปลี่ยนวิชาธรรมดา ๆ เป็การแลกเปลี่ยนวิชาอันโหดร้าย
แม้จะถูกฆ่าตายก็มิอาจแค้นเคืองหรือเอาคืนได้ เห็นชัดว่าจ้าวหยางมั่นใจในตัวสามคนนั้นมากเพียงใด ราวกับว่าสามคนนี้จะสามารถเอาชนะสามคนจากฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนได้อย่างแน่นอน
“เริ่มเลยเถอะ!” ผู้าุโขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 จากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกล่าว โดยคิดในใจแล้วว่าจะสั่งสอนผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์อย่างไร
“ผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียน เ้าพวกไร้ค่า ต่อจากนี้ข้าจะใช้ดาบของข้าบั่นศีรษะผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนเสีย แล้วใช้เตะแทนลูกบอล!” นักดาบตาเดียวกล่าวเสียงเย็น
“พูดถูก พวกไร้ค่าเช่นนี้ วันนี้ข้าจะทำให้พวกเ้าได้เปิดหูเปิดตาสักหน่อย!” หยางจงแสยะยิ้ม
“เ้าสองคนจะโอหังเกินไปหน่อยแล้ว!” ผู้าุโขั้นยุทธ์แท้ที่ 8 จากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกล่าวเสียงเย็น
“จะโอหังหรือไม่ก็ต้องต่อสู้กันถึงจะรู้ได้!” นักดาบตาเดียวเลียริมฝีปากพร้อมเผยสีหน้ากระหายเื แม้หลิวฉางเฟิงจะไม่พูด แต่ดวงตาคู่นั้นของเขาแฝงด้วยความไม่พอใจ ราวกับไม่เห็นหัวผู้าุโสามคนจากสำนักยุทธ์เทียนเสวียนแต่แรก
“ลงมือ!” หลิวฉางเฟิงกล่าว หยางจงและนักดาบตาเดียวก็พยักหน้า จากนั้นทั้งสามคนบุกโจมตีผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนทันที
ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ 6 คนต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว ส่วนผู้คนรอบข้างต่างถอยห่าง เพื่อให้พื้นที่กับทั้งหกคน พวกเขาต่างสำแดงพลังโจมตีของตัวเองออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
จ้าวหยางดูมั่นใจั้แ่เริ่มจนถึงตอนนี้ บางครั้งก็หันไปคุยกับเซิ่งอ๋องที่อยู่ข้าง ๆ ราวกับไม่สนใจว่าจะแพ้หรือชนะ
ผู้คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนดูไม่พอใจอย่างมาก พวกเขารับรู้ได้ถึงความหยิ่งยโสของผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์ ในใจจึงรอคอยสามคนนั้นที่จะเอาชนะผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายราชวงศ์ แต่ในความเป็จริงกลับไม่เหมือนที่พวกเขาคิดไว้ สถานการณ์เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว รังสีดาบของนักดาบตาเดียวได้พาดผ่านท้องฟ้า แต่ผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียนหลบไม่ทัน รังสีดาบนั่นจึงฟันเข้าที่หน้าอก ก่อนจะถลาถอยหลังไป
“สวะ หากเ้าทำได้แค่นี้ งั้นทุกอย่างก็ควรจบได้แล้ว!” นักดาบตาเดียวแสยะยิ้มพร้อมเผยสีหน้าดูแคลน ขณะที่กล่าวเช่นนั้น เขาก็ก้าวออกมาอีกครั้ง พร้อมกวัดแกว่งดาบทันที นาทีต่อมารังสีดาบฟันเข้าที่ไหล่ของผู้าุโสำนักยุทธ์เทียนเสวียน ทำให้แขนข้างนั้นขาดทันที ก่อนเืจะพุ่งกระฉูดออกมา ราวกับน้ำพุก็ไม่ปาน
“อ่อนหัดเยี่ยงนี้ ยังกล้าขึ้นมาอีก ไสหัวไปซะ!” นักดาบตาเดียวยิ้มเย็นเยือก จากนั้นวาดฝ่ามือไปที่ร่างผู้าุโคนนั้น ก่อนร่างผู้าุโคนนั้นจะกระเด็นออกไป เมื่อกระแทกพื้นก็ต้องกระอักเืออกมาและหมดสติไปทันที
ฉากนี้ทำให้คนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนที่อยู่ในที่แห่งนั้นเผยสีหน้าดูไม่ได้
แต่ว่ามันยังไม่จบเพียงเท่านี้ ขณะนั้นมีเสียงกรีดร้องมาจากทางด้านหยางจง ผู้าุโขั้นยุทธ์แท้ที่ 7 ที่สู้กับหยางจงถูกซัดกระเด็นปลิวด้วยหมัดเดียว ทำกระดูกบริเวณหน้าอกแตกหัก จนเกือบคร่าชีวิตเขาไป จากนั้นหยางจงและนักดาบตาเดียวก็ไปร่วมศึกของผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุด ทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้สูงสุดของสำนักยุทธ์เทียนถูกล้อมกรอบ ก่อนจะถูกทำร้าย
“นี่...”
ฉากนี้ทำให้เหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนเผยหน้าเขียว สามคนของทั้งสองฝ่ายมีตบะขั้นเดียวกัน แต่ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนกลับพ่ายแพ้ราบคาบ
คนหนึ่งแขนขาด คนหนึ่งกระดูกหน้าอกแตกยับ ส่วนคนสุดท้ายก็เกือบสูญเสียชีวิตไป ผลลัพธ์เช่นนี้ทำให้ผู้คนยอมรับได้ยากยิ่ง
“นี่น่ะหรือผู้ฝึกยุทธ์ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียน อ่อนหัดชะมัด!” นักดาบตาเดียวถากถางขณะมองผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายสำนักยุทธ์เทียนเสวียนด้วยสายตาดูแคลน จากนั้นเขา หลิวฉางเฟิง และหยางจงก็เดินกลับไปรวมตัวกับทางฝั่งราชวงศ์
ผู้ฝึกยุทธ์ทุกคนของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างเผยสีหน้าเกรี้ยวกราด หากไม่ใช่ว่าตัวเองอ่อนแอ พวกเขาคงขึ้นไปควักลูกตาอีกข้างของนักดาบตาเดียวแล้ว
“สำนักยุทธ์เทียนเสวียน หนึ่งในสี่สำนักยุทธ์ศึกษาแห่งอาณาจักรจ้าว ช่างน่าขันสิ้นดี ข้าว่าควรถูกลบออกไปจากสี่สำนักยุทธ์ศึกษาได้แล้วกระมัง!” ทางฝั่งราชวงศ์ ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์แท้ที่ 6 คนหนึ่งเย้ยหยันพลางแสยะยิ้ม จากนั้นเห็นเขาและอีกสองคนเดินออกมาพร้อมกัน
สามคนนี้มีตบะขั้นยุทธ์แท้ที่ 4 ถึง 6 ดูเหมือนว่าพวกเขาก็เตรียมตัวมาอย่างดีเช่นกัน พวกหลิวฉางเฟิงเพิ่งคว้าชัยชนะ พวกเขาสามคนก็เดินออกมาทันที
