ในขณะนั้น ยามที่สองสายตาสบกัน ทั้งคู่ต่างรู้สึกแปลบๆ ในหัวใจ ครั้นเหนียนยวี่กลับมารู้สึกตัว จึงคว้าข้อมือของฉู่ชิง และลากเขาออกมาจากห้องอย่างรวดเร็ว
ราวกับกังวลว่าฉู่ชิงจะสูดดมกลิ่นหอมของดอกเทียนเซียงมากเกินไป เหนียนยวี่เดินออกไปอย่างรีบร้อน ที่ด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากากของฉู่ชิงตกตะลึงเล็กน้อย ปล่อยให้นางดึงตัวเขาไป นี่เป็ครั้งแรกที่นางจูงมือเขาก่อน อุณหภูมิที่ส่งผ่านออกมาจากฝ่ามือละเอียดและอ่อนนุ่ม ทำให้มุมปากของฉู่ชิงยกยิ้มเสี้ยวหนึ่งอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว
จนกระทั่งเหนียนยวี่หยุดฝีเท้าลงตรงหน้าห้องอีกห้องหนึ่ง ฉู่ชิงจึงกลับมารู้สึกตัวทันใด มือเล็กๆ ที่จูงข้อมือของตัวเองไว้คลายออก ร่างอรชรเดินไปด้านหน้าหน้าต่าง ทำเหมือนเมื่อครู่นี้อีกครั้ง พ่นควันเลอะเลือนเข้าไปในห้อง
ฉู่ชิงสะบัดไล่ความรู้สึกใจหายเหมือนขาดอะไรในใจออกไป จ้องมองการกระทำของเหนียนยวี่ ยากจะปกปิดความงุนงง
คนที่อยู่ในห้องเมื่อครู่นี้คือ ฉางหงเยียน แล้วห้องนี้เล่า?
ร่างสีดำแวบเข้ามาในหัวของฉู่ชิง ทว่ามิรู้ว่าการคาดเดาในใจถูกหรือไม่
คราวนี้เหนียนยวี่ไม่ได้เข้าไปในห้องตรงๆ นางรออยู่นอกห้องสักพักแล้วจึงพังประตูเข้าไป ภายในห้องเต็มไปด้วยความเงียบสงัด ฉู่ชิงเดินนำหน้าไปถึงหน้าเตียง เห็นบุรุษที่นอนอยู่บนเตียงอย่างเลือนราง
“ท่านแม่ทัพหลวงมาด้วยกันพอดีเลย เช่นนั้นรบกวนท่านแม่ทัพหลวงพาเขาไปที่ห้องขององค์หญิงฉางหงเยียนหน่อยนะเ้าคะ” เหนียนยวี่กล่าวมอบหมายอย่างไม่เร่งรีบไม่เชื่องช้า
ฉู่ชิงขมวดคิ้ว ให้บุรุษกับสตรีอยู่ในห้องด้วยกันงั้นหรือ?
และของที่เหนียนยวี่หยดใส่ร่างกายฉางหงเยียนเมื่อครู่นี้...
ครั้นฉู่ชิงครุ่นคิดอะไรได้ จึงเข้าใจเจตนาของเหนียนยวี่ขึ้นมาเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หน้ากาก พลันแดงระเรื่อ สายตาสั่นไหว สีหน้าไม่เป็ธรรมชาติ
ดูเหมือนฉู่ชิงอยากจะซ่อนความเก้อเขิน จึงรีบเข้าไปช่วยพยุงบุรุษคนนั้นลุกจากเตียงทันที
ฉู่ชิงพยุงบุรุษผู้นั้นออกจากห้อง ทว่าเหนียนยวี่กลับเข้าไปค้นหาของบางอย่างในห้อง กล่าวกันว่า พิษกู่ชนิดนั้นใช้เืเลี้ยงดู เพื่อให้หนอนพิษกู่มีพลัง จึงจำต้องตั้งไม่ห่างเกินห้าก้าวของเ้าของ และเป็อย่างที่คิด เหนียนยวี่เจอกล่องสีแดงเข้มใต้หมอนของบุรุษผู้นั้น
เหนียนยวี่เปิดกล่องออก เห็นหนอนเลื้อยขยุกขยิกอยู่ข้างใน ั์ตาเคร่งขรึม เก็บกล่องเรียบร้อยแล้ว เหนียนยวี่จึงรีบออกจากห้องทันที
ทั้งสองเดินเลียบตามเส้นทางยามที่เดินมากลับไปยังห้องของฉางหงเยียน ครั้นเดินมาถึงหน้าประตู เหนียนยวี่กลับไม่ยอมให้ฉู่ชิงเข้าไปด้วย ยามที่รับบุรุษที่กำลังหลับใหลจากมือของฉู่ชิงมาแบกต่อ คนทั้งสองััตัวกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ในใจของฉู่ชิงพลันสั่นสะท้าน ระลอกคลื่นที่สั่นไหวเมื่อครู่นี้กระเพื่อมขึ้นมาอีกครั้ง
ฉู่ชิงยืนอยู่นอกประตู เขาหันหลังให้ประตู ดูเหมือนกำลังปกปิดอะไรบางอย่าง
ครู่ใหญ่ต่อมา รอกระทั่งเหนียนยวี่ออกมา และยืนอยู่ข้างเขา ฉู่ชิงจึงหันหลังกลับไป จ้องมองใบหน้าด้านข้างของหญิงสาวผู้งดงาม
"ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วใช่หรือไม่?" ฉู่ชิงกล่าวด้วยเสียงทุ้มลึก ท่ามกลางแสงราตรี เสียงนั้นก็ยิ่งมีมนตร์เสน่ห์น่าหลงใหล
เหนียนยวี่สบตาฉู่ชิง ดวงตาทั้งสองสว่างไสวราวกับดวงดารา เพียงกะพริบตา สีหน้าเพิ่มพูนความทะเล้น เมื่อเห็นว่าฉู่ชิงมีสีหน้าตกตะลึง
“ทำให้ท่านแม่ทัพหลวงมาลำบากกระทำเื่มีลับลมคมในกับเหนียนยวี่ในคืนนี้เสียแล้ว”
บางทีอาจเพราะกำลังครุ่นคิดถึงงิ้วที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ เหนียนยวี่จึงอารมณ์ดีเป็อย่างยิ่ง นางจึงเอ่ยล้อเล่นกับฉู่ชิงอย่างไม่หลบเลี่ยง
ฉู่ชิงตกตะลึงเล็กน้อย การกระทำลับลมคมในงั้นหรือ?
เหนียนยวี่ทำสิ่งใด นางย่อมมีหลักการของตัวเอง นางไม่มีทางทำเื่นี้โดยไม่มีเหตุผล หากคนสองคนนั้นในห้องเกี่ยวข้องกับคนที่วางยาพิษในค่ายเสินเช่อ เื่ทั้งหมดที่เหนียนยวี่ทำ เป็แค่การตอบโต้แบบหนามยอกเอาหนามบ่งก็เท่านั้น
เพียงแต่...ฉู่ชิงปรายตามองดูห้องที่ปิดสนิท ในทางกลับกันเขารู้สึกอยากรู้อย่างยิ่งว่า ในแผนการของเหนียนยวี่ งิ้วที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้จะแสดงออกมาเป็อย่างไร
มีความคาดหวังเบาบางในใจเขา ฉู่ชิงจ้องมองเหนียนยวี่ รอยยิ้มภายใต้หน้ากากบานสะพรั่ง
"เพียงแต่เหนียนยวี่ยังมีเื่อีกนิดหน่อย" เหนียนยวี่ครุ่นคิดบางสิ่ง แสงสว่างเป็ประกายในดวงตาแพรวพราวระยิบระยับ เลิกคิ้วขึ้นอย่างสดใสมีชีวิตชีวา นางหันหลังเดินจากไป
ฉู่ชิงส่ายหัวแย้มยิ้ม ความหลงใหลในสายตาคู่นั้น แม้แต่ตัวเขาเองยังมิทันสังเกต เขาก้าวเท้าไปข้างหน้า เดินตามก้าวย่างของเหนียนยวี่ ทั้งสองคนหลบหลีกทหารเฝ้ารักษาการณ์ในเขตพำนัก ตรงไปยังห้องพักของอูเสียนอ๋องเป็ที่แรก เหนียนยวี่ลงมือเหมือนเมื่อครู่นี้ ปล่อยควันเลอะเลือนเข้าไปอย่างว่องไว จากนั้นจึงออกจากลานทางใต้ ไปยังลานตะวันออกทันที
ตามถนนที่คุ้นเคย เมื่อเหนียนยวี่หาเจอเฟินโลหิตในพงหญ้าแล้ว จึงนำจดหมายที่เตรียมมาอย่างดี ซึ่งเก็บไว้ใต้อกเสื้อ สอดเข้าไปด้วยกันตรงช่องว่างของประตูห้อง
ฉู่ชิงเฝ้ามองการกระทำของนาง มิได้ถามสิ่งใดมาก เพียงรอให้แผนการทุกอย่างเสร็จสิ้น ทั้งสองจึงออกไปจากเขตพำนัก
ค่ำคืนยามต้นเดือน กลุ่มดาวปกคลุมทั่วผืนนภา ร่างสองร่างพุ่งตัดผ่านแสงสว่างยามราตรี กลับไปยังโรงเตี๊ยมที่ออกมา ทั้งคู่ต่างนอนหลับสนิท พวกเขารู้ว่า พรุ่งนี้ ไม่ว่าจะเป็งิ้วหรือา มันคงเป็เื่งดงามที่ยากจะคาดเดา!
วันที่หกเดือนแปด
สำหรับผู้คนในเมืองชุ่นเทียน วันนี้เป็เพียงวันที่ปกติธรรมดาวันหนึ่ง
ทว่าสำหรับผู้คนบางกลุ่ม วันนี้เป็วันที่มีการจัดงานเลี้ยงส่งฉางไทเฮา บรรดาคลื่นใต้น้ำที่แอบซ่อนอยู่เบื้องลึกเ่าั้ ต่างร้อนใจอยากจะะเิออกในวันนี้
ในวังหลวง ประตูวังพลุกพล่านไปด้วยผู้คนั้แ่เช้าตรู่
งานเลี้ยงส่งจัดขึ้นในยามบ่าย ณ ตำหนักชีอู๋ เข้ารุ่งอรุณฮองเฮาอวี่เหวินก็ตื่นบรรทมแล้ว ั้แ่รู้ข่าวการเสียชีวิตของจ้าวอี้ นางนอนนิ่งอยู่บนเตียงทั้งวันอย่างปวดร้าวปานจะขาดใจ ทว่าวันนี้...นางกลับต้องทำตัวให้สดชื่น
จ้องมองท่าทีน่าเกรงขามและสง่างามของตัวเองในกระจกทองเหลือง ฮองเฮาอวี่เหวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สายตาแปรเปลี่ยนเป็เฉียบคม นางเข้าใจดี ภายใต้ในสถานการณ์ในยามนี้ งานเลี้ยงส่งมิใช่เป็แค่งานเลี้ยงส่งเท่านั้น
ตำหนักฉางเล่อ
ฉางไทเฮาตื่นบรรทมตอนเช้ามาโดยตลอด ในห้องพระ เสียงเคาะไม้มู่อวี๋ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า สตรีผู้นั้นกำลังปิดตา ใบหน้าสงบนิ่ง ท่าทีเชื่องช้า ทุกสิ่งอยู่ภายใต้การควบคุม
นอกห้องพระ จ้าวเยี่ยนสวมชุดขาวงดงามเหนือมวลมนุษย์ ยืนท่ามกลางแสงเงินแสงทองยามเช้า แสงแดดอ่อนๆ กระทบใบหน้าหล่อเหลาไร้เทียบเคียง ราวกับมิใช่คนในใต้หล้าผืนนี้
ทว่าครั้นร่นระยะห่างเข้าไปใกล้ ั์ตาสีนิลไร้ประกายแก่งแย่งและปรารถนาคู่นั้น กลับทอประกายความมุ่งมั่นทะเยอทะยานอันร้อนแรง
แม่ทัพหลวง... ตำแหน่งนี้ วันนี้เขาจะต้องได้มันมา!
ณ จวนหนานกง
สาวใช้กำลังช่วยแต่งกายให้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกง นางที่แต่งกายในชุดฝ่ายใน ดูสูงส่งสง่างามและมีรัศมีไม่ธรรมดา
ด้านนอกประตู หนานกงเลี่ย หนานกงจื้อ และหนานกงฉี่ ต่างกำลังเฝ้ารอฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงออกมากันอย่างสงบเงียบ
ผ่านไปครู่ใหญ่ ในที่สุดประตูจึงเปิดออก
ผู้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเดินออกมา ทั้งสามคนโค้งคารวะนางพร้อมกัน ยามที่ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงเดินไปถึงข้างกายของหนานกงฉี่ นางชะงักฝีเท้าเล็กน้อย “ทุกอย่างราบรื่นดีหรือไม่?”
“รายงานท่านย่า เมื่อคืนนี้ได้รับพลุสัญญาณออกมาจากวังหลวงแล้ว คิดว่าจื่อหลิงลงมือเรียบร้อยแล้วขอรับ ไร้ข้อผิดพลาดอย่างแน่นอน” หนานกงฉี่ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ั์ตาเ้าเล่ห์ดั่งจิ้งจอก มีพิษดั่งงูเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ฝีมือของจื่อหลิง เขาย่อมรู้ดี แต่ก่อนไม่ว่าเื่ใด ขอเพียงแค่มอบหมายให้นางไปทำ ล้วนไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง
ครานี้เพียงแค่สังหารสตรีอ่อนแอไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะมัดไก่ สำหรับจื่อหลิงคงจะเป็เื่ง่ายดายอย่างยิ่ง
“ไร้ข้อผิดพลาด...” ผู้ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงขมวดคิ้ว ั์ตามีความเศร้าเสียใจเล็กน้อย อย่างไรเสียเหนียนอีหลานก็เป็หลานสาวที่ตนเองรักและเอ็นดู ควรต้องมาตายเช่นนี้หรือ?
อีหลานเอ๋ยอีหลาน เ้าอย่าโทษย่าเลย จะโทษก็โทษตำแหน่งแม่ทัพหลวงที่เป็ตำแหน่งสำคัญ ส่วนเ้าในยามนี้...สูญเสียชื่อเสียงด้วยน้ำมือตัวเอง มีเพียงการเสียสละของเ้าเท่านั้น จึงจะสามารถปูทางให้ตระกูลหนานกงให้ได้มาซึ่งตำแหน่งแม่ทัพหลวง
ฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ถือไม้เท้าค่อยๆ เดินออกจากจวนหนานกง ภายใต้การติดตามของบุรุษทั้งสามคน
หนานกงจื้อจ้องมองการสนทนาโต้ตอบของฮูหยินผู้เฒ่าหนานกงกับหนานกงฉี่ ในใจรู้สึกไม่สบายใจอย่างมิอาจบรรยาย
พวกเขาลอบทำอันใดกัน?