เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วประสานมือทั้งสองแล้วนั่งยองๆ ดูราวกับบุรุษ ร่างบดบังแสงตะวันในแววตาของเยวี่ยเจาหรานที่ล้มลงกับพื้นจนมิด ประดุจเทพแห่งความตายที่มารับดวงิญญาในคืนนองเื เยวี่ยเจาหรานไม่ทันได้จัดการความยุ่งเหยิงของตัวเอง สองมือก็ตะลีตะลานปกปิด... หน้าอกที่ตนไม่เคยมี
“ข้าขอถามหน่อยนะเ้ากามโรค จะปิดอะไรของเ้า?” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วทำปากยื่น กลอกตาใส่อย่างหงุดหงิด อย่างที่คิด เยวี่ยเจาหรานคนนี้เป็บัณฑิตอ่อนแอเข้ากระดูกดำ ไม่ได้เื่เอาเสียเลย!
เยวี่ยเจาหรานไม่ยอมแพ้ พลันยกสองมือขึ้นผลักไหล่สองข้างของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วอย่างแรง “คนหยาบช้าไร้หัวคิด รังแกกันมากเกินไปแล้ว!” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วถอยตามแรงผลักไปข้างหลังสองสามก้าว จากนั้นจึงลุกขึ้นแล้ว ชำเลืองมองลงไปยังเยวี่ยจาวหรานจากมุมบน “หากไม่ได้อยู่ที่จวนเยี่ยนของข้า ใครจะอยากยุ่งกับเ้า? ลุกขึ้นได้แล้ว!”
“อีกเดี๋ยวท่านพ่อท่านแม่จะต้องรออยู่ที่โถงบุปผาแน่ ถ้าไม่อยากโดนด่าก็รีบเดินไปกับข้า!” เมื่อเห็นท่าทางของเยวี่ยเจาหรานลุกขึ้นอย่างทุลักทุเล อีกทั้งยังปัดฝุ่นบนเสื้อผ้าอย่างระมัดระวังแบบนั้นแล้ว เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็รู้สึกรำคาญขึ้นมาจากก้นบึ้งหัวใจ! มีรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ยังจะพูดว่าเป็ผู้ชายได้อย่างไร ช่างน่ามหัศจรรย์จริงๆ
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกวาดสายตาเ็าราวกับคมมีดไปยังคนที่อยู่รอบๆ บรรดาบ่าวรับใช้ ต่างเข้าใจในความหมายของนาง นั่นก็คือเื่เมื่อครู่นี้ห้ามใครลิ้นยาวพูดออกไป ไม่เช่นนั้นจะได้เห็นดีกัน! ทุกคนล้วนเข้าใจชัดเจน ต่างพากันสงบปากสงบคำ
“มา” เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหางคิ้วชี้ขึ้นเล็กน้อย นางยื่นแขนไปยังเยวี่ยเจาหราน เพื่อส่งสัญญาณให้เขาจับแล้วเดินไป แม้ในใจเยวี่ยเจาหรานจะไม่เต็มใจ แต่ก็ยังเกี่ยวมือไว้หลวมๆ อย่างไม่สบอารมณ์นัก คิ้วเรียวดั่งใบหลิวที่ถูกตกแต่งอย่างบรรจงขมวดเป็ปม เผยความไม่เต็มใจของเขาบนใบหน้า
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วที่รู้ความคิดของเขาแจ่มแจ้ง กลับดึงมือของเยวี่ยเจาหรานมาไว้ระหว่างข้อพับของตนอย่างไม่แยแส นางยิ้มตาหยีแล้วคิดจะพาอีกฝ่ายไปยังเรือนตะวันออก ทว่าทันใดนั้นเื้ักลับมีเสียงเรียกอันคุ้นเคยที่พาให้ขวัญผวาของท่านพ่อนางดังขึ้น
“เยี่ยนอวิ๋น... เฟย!”
แม่ทัพเยี่ยนผู้เป็นักรบ การเรียกชื่อของลูกชายตนอย่างกร้าวแกร่งประหนึ่งร้องงิ้วนั้นเป็เื่ที่ทำเป็ประจำ รูม่านตาของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วขยายใหญ่อย่างไม่คาดคิด นางดึงแขนเสื้อกว้างของเยวี่ยเจาหรานแล้ววิ่งโกยแน่บ เหลือไว้เพียงเสียงที่ล่องลอยอยู่ในอากาศ “ท่านพ่อข้าผิดไปแล้ว ข้ากำลังจะกลับไปขอโทษฮูหยิน การทะเลาะระหว่างพวกเราสามีภรรยาขอไม่รบกวนท่านพ่อและท่านแม่ ข้าลาล่ะ!”
ในบริเวณนั้นเงียบสงัดไปชั่วขณะ บ่าวรับใช้ต่างก้มหน้างุด แต่แม่ทัพเยี่ยนกลับมีสีหน้างุนงง ประจวบเหมาะกับมีสายลมพัดมา ผมเผ้าอันยุ่งเหยิงของแม่ทัพเยี่ยนจึงถือกำเนิดเป็ทรงใหม่
‘อึก อึก’ ชาอู่หลงครึ่งกาไหลผ่านคอลงท้อง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกระแทกกาน้ำชากลับลงบนโต๊ะ รุนแรงราวกับคิดจะใช้กาทุบโต๊ะไม้จันทน์ให้เป็โพรง นางใช้ปลายนิ้วดึงแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดคราบน้ำที่ปากอย่างลวกๆ แล้วจึงถอนหายใจ “อันตรายๆ ถ้าถูกท่านพ่อข้าจับได้ ไม่พ้นต้องโดนด่าเปิงแน่!”
“เอาเถอะน่า พ่อเ้าคนนั้น อารมณ์รุนแรงที่สุดก็ตอนที่อาฆาตท่านพ่อข้า...” เยวี่ยเจาหรานยักไหล่แล้วจิบชาในถ้วย เมื่อเทียบกับ ‘คุณหนู’ ที่อยู่ข้างๆ คนนั้น เยวี่ยเจาหรานแม้ไม่ใช่สตรี แต่ก็สมเป็กุลสตรีมากกว่า ในจุดนี้ แม้แต่เยวี่ยเจาหรานเองก็แสดงออกว่ามั่นใจมาก
“อุปสรรคนี้นับว่าผ่านไปแล้ว เื่รำกระบี่ในวังหลวงหลังจากนี้จะทำอย่างไร?” คิ้วกระบี่ของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วยังคงขมวด หัวคิ้วชนกันไม่คลาย นางยกขาเตะม้านั่งยาวตัวเล็กข้างๆ ที่ไร้ความผิด อย่างโหดร้าย
“จะทำอย่างไร? ขุนพลอย่างเ้า แม้แต่กระบี่ก็รำไม่เป็หรือ?” เยวี่ยเจาหรานกระแอม กำลังเตรียมจะใช้ทักษะการเย้ยหยัน ยั่วยุให้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหงุดหงิดสักหน่อย แต่ปากกลับถูกยัดด้วยผลไม้แห้งที่เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วโยนใส่...
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วดึงผ้าผูกมวยผมของเขาไปด้านหลัง แล้วเอ่ยเสียงเย็น “ข้าหรือไม่เป็? กลัวแต่ว่าผู้หญิงปลอมๆ อย่างเ้าต่างหากที่จะเรียนแก่นแท้การรำกระบี่ของข้าไม่ได้!”
เยวี่ยเจาหรานมีผลไม้แห้งติดอยู่ในคอ เกือบจะหายใจไม่ออกตาย อีกด้านหนึ่งก็ถูกดูิ่ เขาจึงรีบ กรอกน้ำชาลงคอเอื๊อกๆ ไปหลายอึก ในที่สุดก็เอ่ยคำพูดนักเลงออกมาอย่างตะกุกตะกัก “แค่ก! วันพรุ่งนี้ก็เรียนเลย ข้าจะให้เ้าได้เห็นความเก่งกาจของอัจฉริยะแห่งเมืองหลวง!”
อัจฉริยะ?
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วหัวเราะร่ากับท่าทางจนตรอกเช่นนั้นของเยวี่ยเจาหราน ในหัวมีเพียงเนื้อเพลงที่เคยร้องกันตามถนนซอกซอยเมื่อนานมาแล้ว ‘ก้าวแรกของอัจฉริยะ... ไฮ่ไฮ่ ทำนองเพลงเทพกระบี่ตระกูลเยี่ยน?’
ว่าจะทำก็ทำ! ขุนพลน้อยตระกูลเยี่ยนของเราเป็คนพูดจริงทำจริง วันต่อมาฟ้าไม่ทันสว่าง ก็ดึงม่านบังตาที่เตียงของเยวี่ยเจาหรานเปิดรับความสดใสอย่างเต็มที่ ในมือยังถือ... ไม้บรรทัดสำหรับลงโทษ?
“เ้ากาม...” อาจเพราะรู้สึกได้ว่าน้ำเสียงของตนนั้นดังเกินไป เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจึงเม้มปากสกัดเสียงของตนไว้ แล้วยกมือใช้ไม้บรรทัดตีลงบนร่างของเยวี่ยเจาหราน เปลี่ยนสรรพนามเรียกอย่างไม่ถนัดปากนัก “ฮู... ฮูหยิน ตื่นได้แล้ว! ฝึกกระบี่!”
เยวี่ยเจาหรานที่ถูกทุบตีอย่างไร้ปราณีขณะหลับใหลนั้น เจ็บจนร้องอุทานออกมา เ้าตัวแทบจะกระเด้งขึ้นจากเตียง เมื่อตาสว่างขึ้นมาเล็กน้อย และมองเห็นท่าทางของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วชัดเจน เขาจึงตื่นขึ้นมาด้วยความหงุดหงิดและเอ่ยอย่างโมโห “เยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เ้าบ้าไปแล้วหรือ? เ้าฟังดูสิ แม้แต่ไก่ยังไม่ตื่นเลย!”
เมื่อเห็นว่าเ้าหมอนี่ปลุกยาก... เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเองก็คาดการณ์เอาไว้แล้ว ไม้บรรทัดในมือจึงทุบตีไปตามร่างกายของเยวี่ยเจาหรานอย่างต่อเนื่อง แม้จะกั้นด้วยผ้านวมบางหนึ่งชั้น แต่ถึงอย่างไรเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วก็ฝึกวรยุทธ์มาหลายปี กำลังมือของนางไม่อาจดูแคลน ทำให้เยวี่ยเจาหรานช้ำระบมไปไม่น้อย
แต่เห็นได้ชัดว่าเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วผู้มีความคิดเรียบง่าย ไม่รู้เลยว่าการซุกตัวในผ้าห่มสำหรับผู้ที่ี้เีตื่นนอนถึงขีดสุดนั้นมีแรงดึงดูดมากเพียงใด แม้ถูกโจมตีอย่างบ้าคลั่งจากเยี่ยนอวิ๋นหลิ่ว เยวี่ยเจาหรานไม่เพียงไม่มีความคิดอยากตื่นเท่านั้น เขายังฉวยโอกาสดึงไม้บรรทัดในมือของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจนทำให้เ้าตัวล้มลงบนเตียงด้วย
“เยวี่ยเจาหราน!”
แม้ในยามปกติเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วจะเป็คนเลิ่นเล่อไม่ระมัดระวังจนเคยชิน แต่นางกลับไม่เคยใกล้ชิดกับใครขนาดนี้มาก่อน ทำให้มึนงงไปชั่วครู่ เมื่อได้สติกลับมา ร่างกายของนางก็ถูกเยวี่ยเจาหรานที่ไม่รู้ว่าหลับหรือตื่นกดทับไปแล้วครึ่งหนึ่ง เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเบิกตากว้าง ทั่วร่างแข็งทื่อ สูญเสียการควบคุมตนเอง ราวกับได้เห็นฉากนองเืของทหารตอนที่เข้าสู่สนามรบคราแรกเมื่อครั้งยังเด็ก
แต่คิดว่านางจะยอมให้เยวี่ยเจาหรานฉวยโอกาสแตะเนื้อต้องตัวต่อไปอย่างนั้นหรือ?
ฝันไปเถอะ!
เยวี่ยเจาหรานอาจจะรู้สึกได้ว่าคนข้างกายนั้นไม่มีการเคลื่อนไหว ทั้งการหายใจก็สม่ำเสมอขึ้น แต่เขากลับไม่รู้ตัวเลยว่าขณะนี้เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วนั้นได้รวบรวมกำลังเอาไว้แปดในสิบส่วนแล้ว...
หมัดเล็กที่หนักเท่ากระสอบทรายของเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วกำลังกำแน่นอยู่แนบขา พร้อมกับเสียงกำปั้นที่ดังขึ้น ดวงตาอีกข้างที่เหลือรอดจากการต่อสู้ครั้งก่อนของเยวี่ยเจาหราน ก็ถูกย้อมเป็วงสีเขียวคล้ำดวงใหม่
ในตอนนี้ เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วและเยวี่ยเจาหรานต่างก็นั่งขัดสมาธิบนเตียง ทั้งสองหันหน้าเข้าหากัน เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วมองดูวงสีที่เพิ่มขึ้นมาใหม่นั้นของเยวี่ยเจาหราน แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ปากเอ่ยพูดกับตัวเอง “อืม สมมาตรมาก”
“ฟังข้านะ คุณหนูท่านนี้ คราวหลังถ้าข้านอนตื่นสาย ต่อให้เ้าจะสาดน้ำเย็นใส่หน้าข้า... ก็ยังดีกว่าต่อยข้าใช่หรือไม่?” เยวี่ยเจาหรานถอนหายใจเฮือกใหญ่ เอ่ยอย่างอัดอั้นตันใจ เขาที่ตื่นเต็มตาในขณะนี้ได้ลืมไปแล้วว่าตนเองที่กำลังง่วงงุนเมื่อครู่ ได้กระทำการอุกอาจต่อเยี่ยนอวิ๋นหลิ่วไปแค่ไหน ด้วยเหตุนี้เขาจึงพูดได้อย่างชัดถ้อยชัดคำ
“อืม เข้าใจแล้ว ไปฝึกกระบี่กันเถอะ”
เยี่ยนอวิ๋นหลิ่วเหลือบมองอย่างเฉยเมยแล้วลงจากเตียง ทั้งยังดึงชุดกระโปรงที่เยวี่ยเจาหรานแขวนไว้ข้างๆ มาให้อย่างใจดี ยังไม่ทันที่เยวี่ยเจาหรานจะได้ขอบคุณที่นางเกิดมีมโนธรรมขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงนางเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งคำ “รีบหน่อย!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้