เยว่เฟิงเกอเห็นแววกรุ่นโกรธในดวงตาจินว่านหลี่ นางรู้ เมื่อครู่คงจะแหย่จินว่านหลี่จนคนโกรธเข้าให้แล้วจริงๆ จึงกล่าวขึ้นว่า “จินว่านหลี่ ั้แ่ตอนที่เ้าตกลงให้ข้าซื้อตัวหนึ่งวัน นับแต่นั้นเ้าก็ไม่มีอำนาจอะไรมากล่าวคำว่า ไม่ กับข้า”
“ตอนนี้ข้าให้เ้าทำอะไร เ้าก็ต้องทำสิ่งนั้น หากเ้ารู้สึกอึดอัดคับข้องใจนัก ก็ไสหัวไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้ได้เลย”
“แต่ข้าบอกเ้าแล้ว หากเ้าเดินออกจากที่นี่ไป ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนี้ก็อย่าได้หวังว่าจะเอาไปอีกเลย”
แน่นอนว่าจินว่านหลี่เห็นแก่ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึง จึงไม่กล้าระบายความโกรธใส่เยว่เฟิงเกอ เขาทำได้แค่วางความโกรธในใจลง และค้นหาไปทั่วห้องเก็บของจนเจอแผ่นเหล็กแผ่นหนึ่ง
แท้จริงแล้วเขาเห็นแผ่นเหล็กแผ่นนี้มาั้แ่ตอนที่ทำความสะอาดแล้ว เพียงแต่มันหนักเกินไปจึงไม่ได้นำมาใช้อุดรูหนู
ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช้มันก็คงไม่ได้แล้ว
จินว่านหลี่ยกแผ่นเหล็กแผ่นนั้นมาวางลงตรงหน้ารูหนู เพื่อปิดทางเข้าออกของรู
แผ่นเหล็กนี้มีน้ำหนักมาก แค่จะวางนอนลง ผู้ใหญ่โตเต็มวัยยังต้องใช้แรงไปไม่น้อย แล้วจะนับประสาอะไรกับหนูตัวเล็กๆ พวกมันไม่มีทางดันแผ่นเหล็กออกแล้ววิ่งออกมานอกรูได้อีกเป็แน่
ครั้งนี้เยว่เฟิงเกอถึงได้พยักหน้าพอใจ กล่าวกับจินว่านหลี่ว่า “เอาละ นับว่าสะอาดเรียบร้อยดีแล้ว เ้าไปปิดประตูเถอะ”
เมื่อจินว่านหลี่ได้ยินเยว่เฟิงเกอบอกให้ไปปิดประตู ก็ใจนหน้าซีดขาว
เขานึกว่าแค่ทำความสะอาดห้องเก็บของให้เรียบร้อยก็เสร็จสิ้นแล้ว คิดไม่ถึงอีกฝ่ายจะให้ตนปิดประตู
ยามนี้ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดแล้ว ใจของจินว่านหลี่เองก็พลอยมืดหม่นตามไปด้วย
“คุณชาย อย่าเลยดีกว่าขอรับ ท่านดูสิ ข้าอายุมากเพียงนี้แล้ว หน้าตาก็ไม่ดี ส่วนตัวท่านรูปโฉมงดงามเพียงนี้ อยากได้บุรุษเช่นไรก็ย่อมได้ เหตุใดต้องเฉพาะเจาะจงเป็ข้าด้วย” จินว่านหลี่หวาดกลัวยิ่ง เขาไม่อยากไปปิดประตูแม้แต่น้อย
ชิงจื่อที่ยืนอยู่ด้านนอกได้ยินคำของเยว่เฟิงเกอก็เบิกตาโตเช่นกัน
พระชายาของนางคิดจะทำอะไร คงไม่ใช่ว่าจะอยู่ร่วมห้องกับชายผู้นี้แล้วทำเื่อย่างว่ากันหรอกนะ
คิดถึงตรงนี้ ชิงจื่อก็หน้าแดงลามไปถึงใบหู
พระชายาของนางมีรสนิยมเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด มิหนำซ้ำที่นี่ยังเป็ห้องหับในจวนอ๋องที่ท่านอ๋องอาจโผล่มาเมื่อไรก็ได้
ด้วยเหตุนี้นางจึงรีบร้อนมายังข้างกายเยว่เฟิงเกอ กล่าวเสียงเบาว่า “พระชายา อีกเดี๋ยวท่านอ๋องอาจจะเสด็จมาที่นี่ก็ได้นะเพคะ อย่าทรงทำเื่เช่นนั้นโดยเด็ดขาดเพคะ”
เยว่เฟิงเกอขบขำกับคำพูดของชิงจื่อ นางยื่นมือไปหยิกแก้มอีกฝ่ายเบาๆ ยิ้มกล่าวว่า “วางใจเถอะ ต่อให้ท่านอ๋องมา ก็ไม่มีทางพิโรธหรอก”
ชิงจื่อไม่เข้าใจจริงๆ ว่าพระชายาจะทำสิ่งใด แต่เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ฟังคำแนะนำของนาง นางก็ทำได้แค่ปิดปากเงียบแล้วเดินออกไปจากห้องเก็บของ
และเพื่อไม่ให้ท่านอ๋องหรือคนอื่นๆ ในจวนเห็น ชิงจื่อจึงมีน้ำใจช่วยปิดประตูให้คนทั้งสองแล้วเฝ้าอยู่หน้าห้องอย่างรู้งาน
เมื่อได้ยินเสียงประตูปิดลง จินว่านหลี่ก็ใจนหัวใจเต้นระรัว
ห้องเก็บของยามนี้ตกอยู่ในความมืด และมีเพียงแสงสว่างรำไรที่ลอดมาจากทางหน้าต่าง
เยว่เฟิงเกอกระดิกนิ้วไปทางจินว่านหลี่ “มานี่”
จินว่านหลี่กลืนน้ำลาย ขาสั่นผับๆ ไม่กล้าก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียว อีกทั้งในมือเขายังถือไม้กวาดไว้ เนื่องจากยังไม่ทันได้โยนทิ้ง
เยว่เฟิงเกอเห็นว่าจินว่านหลี่ใจนขาสั่น ท่าทางเหมือนจะเดินไม่ไหวอีกต่อไป ก็แย้มยิ้มแล้วเป็ฝ่ายเดินเข้าไปหาเขา
จินว่านหลี่สีหน้าซีดขาวเมื่อเห็นเยว่เฟิงเกอเดินเข้าหา เขากลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่จนลูกกระเดือกขยับขึ้นลง และยังคงใ พูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว
เมื่อเยว่เฟิงเกอเดินไปถึงตรงหน้าจินว่านหลี่ ก็แย่งไม้กวาดมาจากเขา
ในตอนนี้เองจินว่านหลี่แหกปากลั่น ส่งเสียงร้อง “อ๊า”
เยว่เฟิงเกอมองชายที่คล้ายเป็บ้าไปแล้วด้วยสายตาเยาะหยัน “ร้องอย่างมีความสุขเช่นนั้นทำอันใด ข้ายังไม่ได้ทำอะไรเ้าเลย”
จินว่านหลี่ “...”
ใครร้องอย่างมีความสุขกัน ดวงตาข้างไหนของเ้าที่เห็นว่าข้ากำลังมีความสุข?
เยว่เฟิงเกอพิจารณาจินว่านหลี่ั้แ่ศีรษะจรดปลายเท้า สุดท้ายก็หยุดสายตาบริเวณท้องของเขา ก่อนจะใช้ไม้กวาดในมือลากไปมาสองสามที ทำเอาจินว่านหลี่ใจนทรุดตัวลงไปนั่งกับพื้น
“นายท่านไว้ชีวิตข้าเถอะ” จินว่านหลี่พูดจบก็ร้องไห้โฮออกมาทันที
เขาร้องไห้อย่างน่าอนาถราวกับบิดาแท้ๆ เพิ่งเสียอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนี้เรียกได้ว่าเขากลัวแล้วจริงๆ ไม่ว่าจะสร้างความกล้าให้ใจตัวเองมากแค่ไหน แต่เมื่อถึงยามจวนตัวที่ต้องทำอะไรจริงๆ เขากลับยังรับเื่เช่นนี้ไม่ได้ ถึงได้ร้องไห้โฮออกมา
ถึงแม้จินว่านหลี่จะเป็คนเลว นิสัยรักการพนันของเขาพาลพาให้ภรรยาผูกผมโกรธจนตาย ยิ่งกว่านั้น ตอนหลังยังขายบุตรสาวของตนให้หอชมบุปผาอีก แต่ไม่ว่าจะชั่วร้ายอย่างไร เขาก็ยังรักหน้าตาตน
หากเื่ในวันนี้ที่เขายอมขายตัวเองเพื่อเงินห้าร้อยตำลึงถูกแพร่งพรายไป เขาจะยังมีหน้าอยู่ในเมืองหลวงแห่งนี้ต่อไปได้อย่างไร
ตอนนี้เขาเสียใจภายหลังแล้ว เขาไม่ควรติดตามคุณชายท่านนี้มาเพราะเงินแค่ห้าร้อยตำลึงเลย
ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่า เหตุใดอีกฝ่ายจึงให้เขาทำความสะอาดห้องเก็บของ ที่แท้หลังทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว พวกเขาสองคนจะได้กระทำเื่เช่นนั้นได้สะดวก...
จินว่านหลี่เสียใจภายหลังเป็อย่างมาก เขาควรจะรีบไปจากที่นี่ั้แ่ตอนที่ขอโทษฉิงเอ๋อร์เสร็จ
อย่างไรเสีย เงินที่เขาติดโรงพนันไว้ก็ถือว่าเป็โมฆะแล้ว จากนี้ย่อมไปเล่นพนันที่นั่นต่อได้ในฐานะของคนที่ไม่มีหนี้สินติดตัว
ตอนนี้เป็อย่างไร เขาอยู่ยาวมาจนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมจากไป
ตอนนี้ท้องฟ้าด้านนอกมืดแล้ว ถึงเวลากลางคืนที่คุณชายคนนี้ซื้อเขาไว้แล้ว
จินว่านหลี่ยิ่งคิดยิ่งกลัวจึงร้องไห้เสียอกเสียใจยิ่งกว่าเดิม
เสียงร้องของเขาทำให้ชิงจื่อที่อยู่ด้านนอกยังอดอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้
เมื่อนึกถึงว่าพระชายาอาจเริ่มทำอะไรที่ไม่ควรกับบิดาของฉิงเอ๋อร์อยู่ด้านใน ชิงจื่อก็ยิ่งเป็กังวลแทนนายตน
เยว่เฟิงเกอมองจินว่านหลี่ร้องห่มร้องไห้ น้ำตาหยดแหมะลงมาหยดแล้วหยดเล่า นางได้แต่กลั้นหัวเราะไว้จนท้องจะเป็ตะคริวอยู่แล้ว
นางฝืนทนไม่ยิ้ม กล่าวเสียงต่ำกับจินว่านหลี่ว่า “ร้องไห้หาอะไร ชายชาตรี พบเจอเื่เล็กน้อยแค่นี้ก็ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว แล้วยังจะมีอนาคตอะไรได้อีก”
จินว่านหลี่ไม่อยากมีอนาคตอะไรนั่นแล้วจริงๆ เขาคลานไปแทบเท้าเยว่เฟิงเกอ จับชายกางเกงนางไว้
จู่ๆ เขาก็ร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกโดยไร้ซึ่งสาเหตุ “คุณชาย นายท่าน ข้าจินว่านหลี่มีชีวิตอยู่มาสี่สิบปี ไม่เคยทำเช่นนั้นกับบุรุษมาก่อน ท่านปล่อยข้าไปเถอะ ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั่น ข้าไม่อยากได้แล้ว”
ในที่สุดคนก็ยอมพูดเสียทีว่าไม่อยากได้ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั่นแล้ว
เยว่เฟิงเกอกระแอมเบาๆ “ตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงนั่น เ้าไม่อยากได้แล้วจริงๆ หรือ? ตั้งห้าร้อยตำลึงเชียวนะ วันนี้เ้าแค่ทนเจ็บสักคืน พรุ่งนี้ก็จะได้เงินห้าร้อยตำลึงไปครองแล้ว ทั้งยังจะได้เป็อิสระ ได้ใช้ชีวิตเช่นนักพนันที่เ้าใฝ่ฝันต่อไป”
ตอนนี้จินว่านหลี่ฟังอะไรก็ไม่เข้าหูแล้ว เขาคิดแต่อยากจะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่เอาแล้ว ไม่ว่าจะห้าร้อยตำลึงพันตำลึง ข้าก็ไม่เอาแล้ว ข้าแค่อยากมีชีวิตอยู่อย่างดี ข้าไม่อยากทำเื่พรรค์นั้น”
เยว่เฟิงเกอกลั้นยิ้ม แสดงสีหน้าปลงๆ นางส่ายศีรษะพลางถอนหายใจ “น่าเสียดายจริงๆ เดิมข้าเพียงอยากให้เ้าปรนนิบัติข้าสักหนึ่งคืน แล้วก็จะมอบเงินห้าร้อยตำลึงนี้ให้ ในเมื่อเ้าไม่เอาแล้ว ตัวข้านี้คงทำได้แค่เก็บไว้เอง”
เยว่เฟิงเกอพูดจบก็ยัดเงินห้าร้อยตำลึงกลับเข้าไปในอกเสื้อ จากนั้นจึงมองไปที่ไม้กวาดในมือแล้วโยนลงไปบนพื้นอย่างลวกๆ
จินว่านหลี่เห็นว่าในที่สุดไม้กวาดก็ถูกโยนทิ้งแล้ว เขารีบร้อนโขกศีรษะขอบคุณเยว่เฟิงเกอ “ขอบคุณคุณชายที่ปล่อยข้าไป”
หลังจินว่านหลี่โขกศีรษะไปสามครั้งก็ลุกขึ้นยืนใช้ชายเสื้อเช็ดน้ำมูกน้ำตา
เยว่เฟิงเกอไม่แม้แต่จะมองจินว่านหลี่อีก พ่นวาจาเ็าใส่เขา “ไสหัวไป”
จินว่านหลี่ได้ยินคำนี้ก็ราวกับได้ยินเสียงจากสรวง์ เขารีบร้อนหมุนกายวิ่งออกไปจากห้องเก็บของ
เมื่อจินว่านหลี่เปิดประตูห้องเก็บของ ก้าวขาออกไป ก็ได้ยินเสียงเยว่เฟิงเกอดังไล่หลังมา “วันหน้าอย่าได้หาเื่ให้ฉิงเอ๋อร์อีก หากข้ารู้ว่าเ้ายังมีหน้ามาขอเงินนางอีกละก็ ครานั้นข้าคงจะไม่ว่าง่ายดังเช่นวันนี้อีกแล้ว”
จินว่านหลี่รีบร้อนพยักหน้ากล่าวตอบรับแล้ววิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้