งานเสวนาก่อนนอนในห้องดำเนินจนถึงเวลาตีหนึ่ง
ผู้ตรวจหอเคาะประตูถึงสามหนกว่าจะดับไฟกระตือรือร้นในการสนทนายามค่ำคืนของทุกคนห้อง 307 ลงได้
สิ่งที่ใช้ก็คือไม้ตาย ‘หักคะแนนความประพฤติ’ เช่นกัน
คะแนนความประพฤติจะถูกบันทึกลงในใบแสดงผลการเรียน คโดยจะเกี่ยวข้องใกล้ชิดกับการพิจารณาว่าจะได้รับทุนการศึกษาและเข้าร่วมสมาคมนักศึกษารวมถึงกลุ่มอื่นๆ ได้หรือไม่ ใบแสดงผลการเรียนจะอยู่ในระเบียนประวัตินักศึกษาเหมือนกัน นักศึกษาที่ถูกประเมินความประพฤติว่า ‘ดีเยี่ยม’ ย่อมได้รับความชื่นชมจากองค์กรทำงานมากกว่านักเรียน ‘ดี’ อย่างเห็นได้ชัด
หากคะแนนความประพฤติไม่ผ่านเกณฑ์ นั่นส่งผลกระทบมากทีเดียว
แม้อาจารย์ไต้จะไม่เน้นย้ำ ก็มีนักศึกษาใหม่น้อยคนนักที่จะขาดการเข้าร่วมพิธีเปิดเรียน และเมื่อแจ้งแล้วทุกคนย่อมให้ความสำคัญยิ่งกว่าเดิม
งานเสวนาก่อนนอนนอกจากแนะนำตนเองแบบเจาะลึกแล้ว ยังเลือก ‘หัวหน้าห้อง’ ประจำห้อง 307 อีกด้วย นักศึกษาหยางหย่งหงได้รับเลือกให้เป็หัวหน้าห้องด้วยคะแนนเสียงที่เป็เอกฉันท์ ช่วยไม่ได้ เธอไม่เพียงแต่อายุมากที่สุด แม้กระทั่งนิสัยใจคอก็เป็แบบพี่สาวคนโตที่สามารถดูแลคนอื่นได้เช่นกัน
พี่ห้าซูจิ้งและน้องเล็กลฺหวี่เยี่ยนเป็คนในพื้นที่ปักกิ่ง นอกเหนือจากนี้ล้วนมาจากต่างมณฑลเหมือนเซี่ยเสี่ยวหลาน
ในหมู่พวกเธอ พี่สามโจวลี่ิ่มาจากกว่างตง [1] หยางเฉิง ทว่าสำเนียงไม่ได้ชัดเจนมากนัก
พูดคุยกันจนกระทั่งตีหนึ่ง ประเด็นทั้งหมดเป็การแนะนำตัว และพูดถึงมุมมองของตนเองที่มีต่อการเรียนสถาปัตยกรรม มากกว่านั้นคือความคาดหวังต่อชีวิตมหาวิทยาลัย ส่วนเื่สอบเกาเข่าได้กี่คะแนนพวกนี้ ไม่มีใครเอ่ยถึงด้วยซ้ำ
เช้าวันที่สองของการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เซี่ยเสี่ยวหลานก็ได้ัักับความอุตสาหะอันมาจากสุดยอดนักเรียนเ่าั้
นาฬิกาชีวิตของเธอยังไม่ถูกปรับกลับมา โดยปกติจะตื่นนอนั้แ่ยังไม่ถึง 7 นาฬิกาด้วยซ้ำ
ทว่าเธอไม่ใช่คนที่ตื่นเช้าที่สุด หยางหย่งหงตื่นแล้ว และกำลังอ่านหนังสืออยู่ที่ระเบียง
ลฺหวี่เยี่ยนผู้อายุน้อยที่สุดก็ตื่นแล้วเช่นกัน เธอวางเครื่องอัดเสียงไว้บนโต๊ะ ศีรษะสวมหูฟัง ปากกำลังท่องคำศัพท์ภาษาอังกฤษโดยไม่ออกเสียงเพื่อไม่ให้รบกวนเพื่อนร่วมหอนอนคนอื่น
สหายทั้งหลาย พวกเธอต้องสู้ขนาดนี้เชียวหรือ?
นี่มันเพิ่งวันแรกเท่านั้นนะ!
เซี่ยเสี่ยวหลานล้างหน้าบ้วนปากเสร็จสิ้นอย่างเบามือ หยางหย่งหงวางหนังสือลงและถามเธอเสียงค่อยๆ “เธอจะไปโรงอาหารหรือเปล่า?”
เดิมทีเซี่ยเสี่ยวหลานอยากวิ่งออกกำลังกาย พอคิดอีกทีก็ช่างมันดีกว่า ไปโรงอาหารกับหยางหย่งหงแล้วกัน ถ้าจะวิ่ง พรุ่งนี้ควรตื่นเช้ากว่าปกติสักครึ่งชั่วโมง ทั้งสองยังไม่ได้ออกไป คนอื่นที่ยังอยู่บนเตียงก็ตื่นนอนแล้ว กิจกรรมสำคัญที่สุดของวันนี้คือพิธีเปิดเรียนในตอนเย็น หลายคนอยากนอนี้เีบนเตียงต่อ จึงวิงวอนหยางหย่งหงและเซี่ยเสี่ยวหลานให้ช่วยซื้ออาหารเช้ากลับมา
หยางหย่งหงด่าพวกเธอว่าเป็แมลงี้เีตัวโต แต่ยังคงถือกล่องข้าวของเซี่ยเสี่ยวหลานและคนอื่นไปด้วยอยู่ดี
ลฺหวี่เยี่ยนลืมตาขึ้น ก่อนจะปิดเครื่องอัดเสียง
“จะไปโรงอาหารหรือ? ฉันไปกับพวกเธอดีกว่า กล่องข้าวเยอะขนาดนี้จะถือกลับมาอย่างไร”
“เอาอาหารมาให้นั้นไม่มีปัญหาหรอก แต่พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารเช้ามีอะไรบ้าง ถ้ามีหมั่นโถวก็ซื้อหมั่นโถว มีบะหมี่ก็กินบะหมี่นะ ห้ามเกี่ยง!”
เซี่ยเสี่ยวหลานเคาะกล่องข้าว ซูจิ้งโผล่ศีรษะออกมาจากใต้ผ้าห่ม “ให้ฉันนอนอีกหน่อยเถอะ ต่อให้เธอซื้อหินกลับมาฉันก็กินทั้งนั้น...”
ใต้ผ้าห่มอื่นๆ ส่งเสียงสะท้อนคล้อยตามออกมา ที่แท้ก็ตื่นกันหมดแล้ว แต่อยากนอนต่อสักหน่อยนี่เอง เซี่ยเสี่ยวหลานยอมจำนนต่อคนพวกนี้จริงๆ คนที่กินแม้แต่หิน น่าจะรับมือได้ค่อนข้างง่าย
หอพักนักศึกษาหญิงไม่ได้ตั้งอยู่ข้างโรงอาหาร 9 ดังนั้นเซี่ยเสี่ยวหลานจึงไม่ต้องเจอะเจอกับภาพอันมหัศจรรย์ของอ่างอาบน้ำใส่บะหมี่ พวกเธอซื้ออาหารอย่างปกติธรรมดา โดยใช้ตั๋วอาหารที่รับมาเมื่อวาน เนื่องจากต้องช่วยเพื่อนร่วมห้องห้าคนซื้ออาหาร ลฺหวี่เยี่ยนเสนอว่าพวกเธอสามคนรับประทานเสร็จก่อนค่อยซื้อกลับไปให้
โรงอาหารมีเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้น ่เวลาคนแ่าอาจต้องออกไปนั่งยองกินข้างนอกแทน พวกเซี่ยเสี่ยวหลานทั้งสามคนมาถึงเร็ว จึงตัดสินใจรับประทานบะหมี่สามชามในโรงอาหาร
ทุกคนได้รับตั๋วอาหารมูลค่าเท่ากัน กล่องข้าวของเซี่ยเสี่ยวหลานเล็ก ดังนั้นบะหมี่ของเธอจึงน้อยที่สุด
เมื่อครู่คุณป้าโรงอาหารเหมือนจะเตือนเธอประโยคหนึ่ง ให้เธอเปลี่ยนเป็กล่องข้าวใหญ่?
เซี่ยเสี่ยวหลานงุนงงเล็กน้อย เธอรู้สึกว่าเห็นนักศึกษาชายหิ้วกระโถนบ้วนเสมหะมาซื้อบะหมี่... อีกทั้งยังมีคนถืออ่างกระเบื้องสำหรับล้างหน้ามาด้วย?
“เสี่ยวหลาน กล่องข้าวเธอเล็กไปแล้ว!”
“ใช่ ซื้อข้าวไม่คุ้มเลย รีบเปลี่ยนเป็กล่องใหญ่เถอะ”
หยางหย่งหงและลฺหวี่เยี่ยนเมิน ‘อุปกรณ์รับประทานอาหาร’ หลายหลากประเภท และร่วมกันวิจารณ์กล่องข้าวของเซี่ยเสี่ยวหลานว่าเล็กเกินไป บะหมี่หนึ่งชามโต หยางหย่งหงซดเกลี้ยงภายในไม่กี่คำ รับประทานเสร็จแล้วยังคงคิดถึงรสชาติที่ติดอยู่ในปากไม่หยุด ราวกับไม่อิ่มสักเท่าไร
ตอนอยู่บ้านเซี่ยเสี่ยวหลานอยู่ดีกินดี ทว่าบะหมี่ของหัวชิงคือบะหมี่ต้มน้ำเปล่าใส่ซีอิ๊วนั่นเอง
พอได้รับอิทธิพลจากหยางหย่งหงและลฺหวี่เยี่ยน เซี่ยเสี่ยวหลานกลับรู้สึกว่าบะหมี่ซีอิ๊วนี่หอมมากทีเดียว หรือต้องเปลี่ยนกล่องข้าวใหม่จริงๆ ?
ขณะหิ้วอาหารส่วนของคนอื่นออกจากโรงอาหารเพื่อเดินกลับหอพัก ตอนนี้ยังไม่ถึงแปดนาฬิกา
ทุกที่ทั่วหัวชิงเต็มไปด้วยเงาของนักศึกษาเสียแล้ว ไม่มีพวกตื่นสายแม้แต่คนเดียว อย่าว่าแต่ในหัวชิง ไม่ว่ามหาวิทยาลัยใดล้วนมีบรรยากาศการเรียนที่เข้มข้นมาก ปัจจุบันนี้ไม่มีโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ รวมถึงช่องทางสร้างความบันเทิงหลากรูปแบบที่ทำให้นักศึกษาวอกแวก และแน่นอนว่าทุกคนหวงแหนโอกาสในการได้ศึกษาเล่าเรียนเป็อย่างยิ่ง
เมื่อซึมซับบรรยากาศเช่นนี้เข้า เซี่ยเสี่ยวหลานก็รู้สึกว่ามีแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น เธอกระตือรือร้นอยากจะัักับความรู้เฉพาะทางของศาสตร์แห่งสถาปัตยกรรมเหลือเกิน ในหอคอยงาช้างแห่งนี้ ทั้งธุรกิจที่หยางเฉิง ทั้งการเตรียมการของ ‘อันเจียวัสดุ’ ทั้งการจำหน่ายชุดกีฬาของเฉินซีเหลียง รวมถึงยอดขายของ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ในซางตู ทุกสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนกำลังออกห่างจากเซี่ยเสี่ยวหลานภายในชั่วพริบตา
เมื่อสอบติดมหาวิทยาลัย ก็หมดห่วงเื่ปัจจัยดำรงชีวิตพื้นฐาน เซี่ยเสี่ยวหลานคิดว่าตนเองบรรลุเป้าหมายระยะสั้นแล้วหนึ่งอย่าง เงินจากธุรกิจหาได้ไม่มีวันหมด แต่ในเมื่อจะเรียนสถาปัตยกรรมเพื่อการวางแผนสำหรับอนาคต อุตส่าห์ทุ่มเทกายใจให้เกาเข่ามากขนาดนี้จนสอบเข้าหัวชิงสำเร็จ แน่นอนว่าต้องสงบจิตใจลง และเรียนรู้สิ่งที่มีประโยชน์จริงๆ
ขณะเธอกำลังครุ่นคิด กลับเห็นเงาของใครคนหนึ่งที่ดูคุ้นตายิ่งนักใต้ต้นหลิวข้างหน้า
“พี่ใหญ่ พวกเธอช่วยฉันถือกล่องข้าวกลับไปก่อนทีนะ ฉันเจอผู้ใหญ่ที่รู้จักน่ะ”
หยางหย่งหงเมียงมองสตรีที่ยืนอยู่ใต้ต้นหลิว และกลับมาเมียงมองเซี่ยเสี่ยวหลาน เป็คนประเภทเดียวกันจริงๆ ด้วย
ลฺหวี่เยี่ยนร้อง ‘ว้าว’ ในใจ เซี่ยเสี่ยวหลานหน้าตาสวย สุภาพสตรีที่มาหาเซี่ยเสี่ยวหลานผู้นี้ก็สวย คนหน้าตาดีเป็ครอบครัวเดียวกันกับคนหน้าตาดีสินะ?
หลังส่งเพื่อนร่วมห้องสองคนจากไป เซี่ยเสี่ยวหลานถึงเดินมาหากวนฮุ่ยเอ๋อทันที
“คุณน้ากวน คุณมาหาฉันใช่ไหมคะ?”
เซี่ยเสี่ยวหลานก็ไม่อยากทึกทักเอาเองนัก แต่กวนฮุ่ยเอ๋อรออยู่ด้านล่างหอพัก เห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาเพื่อพบคนอื่น
กวนฮุ่ยเอ๋อพยักหน้า “ไปเถอะ คุยเป็เพื่อนน้าสักเดี๋ยวนะ เธอพาฉันชมหัวชิงหน่อยสิ มหาวิทยาลัยดีออกอย่างนี้”
“ได้ค่ะ ตามคุณน้าสะดวกเลยค่ะ”
ทั้งสองค่อยๆ เดินไปตามทางของบริเวณมหาวิทยาลัย ท่าทีของกวนฮุ่ยเอ๋อนั้นสุภาพยิ่งนัก ถามเซี่ยเสี่ยวหลานว่าคุ้นชินกับการเข้าเรียนวันแรกหรือไม่ อีกทั้งยังให้กำลังใจเธอว่าแม้อยู่หัวชิงก็อย่าหย่อนยาน รักษาผลการเรียนอันยอดเยี่ยมตอนมัธยมปลายมาถึงมหาวิทยาลัย พูดคุยั้แ่การผูกมิตรกับเพื่อนร่วมหอนอน จนกระทั่งอาหารการกินของโรงอาหารถูกปากหรือไม่
ในฐานะมารดาของโจวเฉิง ทั้งที่พบกับเซี่ยเสี่ยวหลานเพียงหนเดียว ความห่วงใยเหล่านี้ของกวนฮุ่ยเอ๋อถือว่าละเอียดถี่ถ้วนเหลือเกินแล้ว
ทอดน่องจนมาเยือนริมสระบัว ซ้ายขวาไร้ผู้คน กวนฮุ่ยเอ๋อถึงหยุดฝีเท้าลง
“เสี่ยวหลาน น้าอยากคุยบางอย่างกับเธอ เกี่ยวกับเื่ที่เธอคบหากับโจวเฉิงน่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานเข้าใจในทันที โอ้ ในที่สุดก็จะมาแล้วรึ?
สำหรับการพบปะครั้งแรก เธอยังนึกว่าต่อให้คนตระกูลโจวไม่ชอบเธอ ก็คงไม่หนักหนาถึงขั้นเกลียดชังเสียอีก
ทว่าความโกรธที่กวนฮุ่ยเอ๋อกำลังยับยั้งในตอนนี้มันคืออะไรกันอีกเล่า
เซี่ยเสี่ยวหลานพยายามทำจิตใจให้มั่นคง เธอดูสงบนิ่งมาก “คุณน้าว่ามาเถอะค่ะ คุณน้าเป็แม่ของโจวเฉิง มีสิทธิ์พูดในเื่ที่ฉันคบหากับโจวเฉิง”
กวนฮุ่ยเอ๋อสูดลมหายใจลึก เพราะความนิ่งสงบแบบนี้ ความนิ่งสงบที่มั่นใจว่าจะชนะ รู้ว่าโจวเฉิงชอบเธอ ทำใจเลิกรากับเธอไม่ได้สินะ! กวนฮุ่ยเอ๋อโกรธเคือง ความโกรธเคืองนี้มาจากจุดยืนของความเป็ ‘แม่’
“เธอชอบโจวเฉิงจริงหรือ เธอชอบโจวเฉิงที่ตรงไหน? ถ้าฉันใช้สถานะของแม่โจวเฉิง ขอให้เธอไปจากโจวเฉิง...”
เชิงอรรถ
[1]粤省 กว่างตง คือ มณฑลกว่างตง (หรือคุ้นเคยกันในชื่อมณฑลกวางตุ้ง)