เยนอวิ๋นเจี้ยนตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างูเาสองลูก เมืองแห่งนี้เป็เมืองโบราณที่เกิดจากสายธารแม่น้ำ ทั่วทั้งเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีแม่น้ำเป็ถนน มีลำธารเป็ทาง ทุกๆ ครัวเรือนอาศัยอยู่ใกล้แม่น้ำ ดังนั้นการเดินทางจึงจำเป็ต้องใช้เรือทั้งสิ้น เนื่องด้วยบนผิวน้ำมักจะมีเมฆควันลอยตลบอบอวล ฉะนั้นที่แห่งนี้จึงมีนามว่าเยนอวิ๋นเจี้ยน ซึ่งมีความหมายว่าซอกเขาเมฆควัน
ผู้คนที่มาเยือนเมืองเล็กๆ แห่งนี้มีไม่มากนัก ดังนั้นทั่วทั้งเมืองนี้จึงมีโรงเตี้ยมเพียงแห่งเดียวซึ่งก็คือโรงเตี้ยมหนานซาน
กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินนั่งอยู่บนเรือไม้ลำเล็กตามทางแม่น้ำสายหลักที่มุ่งหน้าตรงไปยังโรงเตี้ยมหนานซาน
คราวก่อนที่เดินทางไปยังหุบเขาเสินหนง กูเฟยเยี่ยนยังพูดคุยกับหมางจ้งและคนรับใช้คนอื่นๆได้ แต่ในคราวนี้จวินจิ่วเฉินไม่ได้พาคนรับใช้มาด้วยเลย โชคดีที่พวกเขาล้วนขี่ม้าเร่งเดินทางทั้งวันทั้งคืนเลยมีโอกาสพูดคุยกันน้อย มิฉะนั้นแล้วจากอุปนิสัยใจคอนิ่งเงียบของจวินจิ่วเฉินนั้น คาดว่ากูเฟยเยี่ยนจะอัดอั้นตันใจตาย
ทันทีที่ขึ้นมาบนเรือกูเฟยเยี่ยนที่อัดอั้นตันใจมาเกือบสิบวันก็อดไม่ได้ที่จะหาเื่พูดคุย
ซึ่งแน่นอนว่าหญิงสาวไม่กล้ารบกวนจวินจิ่วเฉินและรู้ว่าถ้ารบกวนไปก็ไร้ประโยชน์ นางจึงปล่อยให้เขาอยู่บริเวณหัวเรือ โดยที่ตนเองวิ่งไปพูดคุยกับคนขับเรือที่ด้านท้ายของเรือ
คุยไปคุยมากูเฟยเยี่ยนก็มองไปบนฝั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ และทันใดนั้นก็ได้เห็นร่างคุ้นเคยที่ค่อนข้างจะเหมือนไป๋หลี่ิชวน นางรีบร้อนหันกลับไปมองอย่างจริงจังแต่น่าเสียดายที่คนๆ นั้นได้หายไปจากหน้าต่างแล้ว
กูเฟยเยี่ยนคิดว่าเป็ไปไม่ได้เลยที่จิ้งจอกใหญ่หลายใจฟุ่มเฟือยและเอาแต่ใจตัวนั้นจะหลบมาไกลถึงเพียงนี้! นางน่าจะมองผิดไป
กูเฟยเยี่ยนไม่สนใจแล้วคุยเล่นกับคนขับเรือต่อไป โดยเื่ที่คุยนั้นเกี่ยวกับเมืองเล็กๆ แห่งนี้กับโรงเตี้ยมหนานซาน
หลังจากที่โค้งเลี้ยวแม่น้ำด้านหน้าแล้ว พวกเขาก็มาถึงโรงเตี้ยมหนานซาน
ประตูโรงเตี้ยมตั้งตระหง่านสูงสง่า ขั้นบันไดศิลาหน้าประตูทอดยาวลงไปในน้ำ กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินก้าวขึ้นไปทีละก้าว เมื่อมาถึงหน้าประตูก็พบกับเด็กในร้านที่เดินมาพร้อมรอยยิ้ม
“ดึกขนาดนี้แล้วแขกทั้งสองท่านมาเข้าพักใช่หรือไม่? ”
“ตามหาเถ้าแก่ของพวกเ้า”
เมื่อเถ้าแก่ที่อยู่ในร้านได้ยินเสียงก็รีบเดินออกมา
เถ้าแก่ผู้นี้เป็ชายวัยกลางคนที่มีใบหน้าเคร่งขรึมจริงจังและสำรวมรอยยิ้ม เขาพินิจพิเคราะห์กูเฟยเยี่ยนแวบหนึ่งก่อนจะมองไปที่จวินจิ่วเฉิน จากนั้นจึงเชิญพวกเขาเข้าไปในห้อง
ดูเหมือนเขาจะเดาออกว่ากูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินมาทำไม ทันทีที่เข้ามาในห้องก็พูดคุยอย่างตรงประเด็น “ท่านทั้งสองตั้งใจเดินทางมาหาข้าน้อยหรือ?”
กูเฟยเยี่ยนรีบร้อนยื่นจดหมายแนะนำที่หัวหน้าาุโมอบให้ หลังจากที่เถ้าแก่ตั้งใจดูแล้วก็ยังคงความเคร่งขรึมจริงจัง “คนที่หัวหน้าาุโแห่งหุบเขาเสินหนงแนะนำ? เหอะๆ นี่เป็ครั้งแรกเลยนะเนี่ย! พวกท่านทั้งสองไปพักที่้าก่อน เช้าวันพรุ่งนี้ข้าจะพาพวกท่านเข้าไปในเขา”
กูเฟยเยี่ยนรีบถาม “เข้าไปในเขาจำเป็ต้องใช้ระยะเวลากี่วัน? ”
เถ้าแก่คัดเลือกกุญแจห้องพักพลางตอบกลับไป “รีบไปก็ไร้ประโยชน์ คนที่จะเข้าไปในเขาวันพรุ่งนี้ไม่ได้มีเพียงพวกเ้า ยังมีคนอื่นอีก บางทีแพทย์กู้อาจจะไม่เลือกพวกเ้าก็ได้”
ทันทีที่เถ้าแก่เอ่ยคำพูดเหล่านี้ออกมา กูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินต่างก็ใ จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยถามออกไป “ยังมีผู้ใด? ภายในูเาแห่งนี้มีแพทย์เพียงคนเดียวหรือ? ”
เถ้าแก่อธิบาย “เมื่อหลายร้อยปีก่อนที่แห่งนี้เป็สถานที่หลบซ่อนของตระกูลกู้ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลง ปัจจุบันนี้ตระกูลกู้มีเพียงแค่แพทย์กู้ที่เป็ผู้สืบทอดเพียงคนเดียว”
จวินจิ่วเฉินจึงเอ่ยถามอีกครั้ง “วันพรุ่งนี้ยังจะมีใครเข้าไปในเขาอีก? ”
“นั่นเป็เื่ของคนอื่น พวกท่านทั้งสองไม่จำเป็ต้องกังวล”
เถ้าแก่ยื่นกุญแจสองดอกให้จวินจิ่วเฉินแล้วสั่งให้เด็กในร้านดูแลให้พวกเขารับประทานอาหารก่อน จากนั้นจึงเดินออกไป
เห็นได้ชัดว่าหากถามต่อไปเถ้าแก่ก็ไม่เปิดเผยอยู่ดี พวกเขาจำเป็ต้องขอร้องคนอื่น ดังนั้นกูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉินจึงไม่ได้ส่งเสียงอีก
กูเฟยเยี่ยนที่ทานอาหารแห้งมาตลอดทางมักจะคาดหวังว่าจะได้ทานอาหารร้อนๆ แต่ในเวลานี้กลับเต็มไปด้วยความกังวลจนไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อย ในตอนแรกคิดว่าการที่มีจดหมายแนะนำของหัวหน้าาุโจะทำให้ทุกอย่างราบรื่น แต่ใครจะไปทราบว่าบัดนี้จะเกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้น?
ถ้าหากว่าวันพรุ่งนี้แพทย์กู้ท่านนั้นถูกคนอื่นเชิญไปแล้วพวกเขาควรที่จะทำเช่นไรดี? ตอนนี้เหลือเพียงแค่สิบกว่าวันแล้ว และต่อให้หัวหน้าาุโยินยอมช่วยพวกเขาแนะนำแพทย์ซ่อนเร้นอีกท่าน พวกเขาก็อาจจะไปเชิญไม่ทัน!
กูเฟยเยี่ยนทุกข์ใจ มือข้างหนึ่งเท้าค้างส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็คีบอาหารมาทาน ในตอนนี้นางไม่ได้สังเกตเลยว่าจวินจิ่วเฉินมองนางมาโดยตลอด
ผ่านไประยะเวลาหนึ่งเมื่อเห็นว่ากูเฟยเยี่ยนไม่ได้ทานอะไรเลยสักคำ จวินจิ่วเฉินจึงคีบอาหารขึ้นมาเตรียมจะให้นาง ทว่าหลังจากที่ลังเลครู่หนึ่งก็ตัดสินใจวางลงแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงเ็าแทน “ทานอาหาร”
เสียงนี้ทำให้กูเฟยเยี่ยนได้สติ “ขอบคุณเตี้ยนเซี่ยเพคะ”
จวินจิ่วเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ ผ่านไปไม่นานเขาก็เห็นกูเฟยเยี่ยนใจลอยอีกครั้ง ั์ตาของเขาจึงทอประกายถึงความไม่พอใจออกมา แล้วผลักชามอาหารไปให้โดยไม่พูดอะไร
ทว่ากูเฟยเยี่ยนไม่รู้สึกตัว จวินจิ่วเฉินจึงไม่พอใจมากยิ่งขึ้น เขากำลังจะปริปากพูดทว่าในเวลานี้เองด้านนอกก็มีเสียงหัวเราะของชายหญิงคู่หนึ่งดังเข้ามา
กูเฟยเยี่ยนรู้สึกว่าเสียงหัวเราะของผู้ชายคนนี้มีความคุ้นเคยมาก นางหันกลับไปมองจึงเห็นว่ามีผู้คนเดินมา ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็จิ้งจอกหลายใจอย่างไป๋หลี่ิชวน!
ที่แท้เมื่อสักครู่นี้คนที่นางเห็นตอนอยู่บนเรือก็เป็เขาจริงๆ !
เขามาทำอะไร?
พักอาศัย? หรือว่า…
ไป๋หลี่ิชวนใช้มือข้างหนึ่งโอบกอดไปที่ไหล่ของหญิงสาว มืออีกข้างหนึ่งบีบปลายคางของหญิงคนนั้นด้วยความหยอกเย้า เขาจึงไม่ได้สนใจคนในห้อง
กูเฟยเยี่ยนยังไม่ได้สติกลับมาจากความใ ทว่าทางด้านของจวินจิ่วเฉินนั้นได้ชักดาบออกมาแล้ว ทันทีที่ไป๋หลี่ิชวนััได้ถึงไอสังหารก็รีบเงยหน้าขึ้นมามอง เมื่อเห็นกูเฟยเยี่ยนกับจวินจิ่วเฉิน เขาก็ตกตะลึงด้วยความประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด
สายตาของเขาตกอยู่บนใบหน้าของกูเฟยเยี่ยน ดวงตาคมเรียวคู่นั้นหรี่ลงช้าๆ แล้วแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมาทั่วทั้งร่าง
เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับหญิงสาวทุกคนยกเว้นกูเฟยเยี่ยน! สำหรับเขานั้นพิษหยินหยางในคราวที่แล้วถือเป็ความอัปยศที่ยากจะลืมเลือนไปชั่วชีวิต!
จวินจิ่วเฉินไม่พูดไม่จา ยกดาบพุ่งเข้าใส่ ไป๋หลี่ิชวนหลบไม่ทันจึงผลักหญิงสาวในอ้อมอกใส่จวินจิ่วเฉินอย่างไม่ลังเล ทันทีที่จวินจิ่วเฉินเลี่ยงออก เขาก็ฉวยจังหวะนี้พุ่งไปคว้ากูเฟยเยี่ยน
ซึ่งแน่นอนว่าจวินจิ่วเฉินมีการระวัง เขาใช้ดาบยาวฟาดผ่านเป็แนวนอนจนเกือบจะทำร้ายมือของไป๋หลี่ิชวนได้ ทว่าก็ยังทำให้ไป๋หลี่ิชวนหลบเลี่ยงออกไปได้
ไป๋หลี่ิชวนถอยห่างไปไกลแล้วพิจารณาจวินจิ่วเฉิน ซึ่งแน่นอนว่าเขาไม่ได้เป็ “มิตร” กับผู้ชายเฉกเช่นที่ทำกับผู้หญิง
แววตาของเขาสูงส่งเ็า น้ำเสียงโอหังดังขึ้นมา “จวินจิ่วเฉิน วันนี้เปิ่นหวงจื่อ้าแพทย์หญิงของเ้า! ”
จวินจิ่วเฉินไม่แม้แต่จะตอบไป๋หลี่ิชวน เขาชี้ดาบไปทางไป๋หลี่ิชวนพลางเอ่ยกับกูเฟยเยี่ยนด้วยน้ำเสียงเ็า “เ้ามานี่”
วินาทีนั้นกูเฟยเยี่ยนไม่เข้าใจว่าเขาหมายความอย่างไรจึงไม่เคลื่อนไหว
ไป๋หลี่ิชวนหัวเราะคิกคัก “เสี่ยวเยี่ยนเอ๋อร์ เ้านายของเ้าให้เ้ามาเอง!”
จวินจิ่วเฉินไม่พูดแต่ใช้มืออีกข้างหนึ่งยื่นไปหานาง ก่อนที่เขาจะจัดการไป๋หลี่ิชวน แน่นอนว่าต้องปกป้องหญิงสาวคนนี้ก่อน
ในตอนนี้เองที่กูเฟยเยี่ยนเข้าใจความหมายของเขา นางจึงรีบเดินเข้าไปโดยไม่คิดอะไรมาก นางจะดึงมือของจวินจิ่วเฉิน แต่ทันทีที่ัักันจวินจิ่วเฉินก็จับมือเล็กของนางไว้แน่น
หัวใจของกูเฟยเยี่ยนเต้นเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว ถึงแม้ว่าจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็ตาม นางพบว่ามือของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยเรียวยาวอ่อนโยน บริเวณปลายนิ้วมีความเย็นเล็กน้อย การที่ถูกจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยจูงมือนั้นให้ความรู้สึกคลับคล้ายคลับคลากับตอนที่ถูกนายก้อนน้ำแข็งเหม็นจูงมือ แต่ไม่ช้ากูเฟยเยี่ยนก็ปฏิเสธความคิดนี้ลงเพราะมือของนายก้อนน้ำแข็งเหม็นจะมาเปรียบเทียบกับมือของจิ้งหวางเตี้ยนเซี่ยได้อย่างไร? มันจะเหยียดหยามเตี้ยนเซี่ยเกินไปแล้ว!
ทันทีที่จวินจิ่วเฉินจับมือของกูเฟยเยี่ยนแน่นก็พุ่งจู่โจมไป๋หลี่ิชวนทันที นางไม่มีเวลาคิดมากนัก ในขณะที่ติดตามฝีเท้าของเขานางก็แอบจัดเตรียมยาพิษไว้ในมือพร้อมกับคิดว่าคราวที่แล้วไม่ได้วางพิษให้หมอนี่ตาย ในคราวนี้นางจะทำให้เขาได้ลิ้มรสความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น!